JJNY : “ศิริกัญญา” ห่วงสภาพคล่อง│ณัฐวุฒิ โต้วิสุทธิ์│เงินเฟ้อไทย มิ.ย. 67 สูงขึ้น 0.62%│"ขยะแช่แข็ง"เกลื่อน"เอเวอเรสต์"

“ศิริกัญญา” ห่วงสภาพคล่องเดินหน้าโครงการการดิจิทัลวอลเล็ต
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_742626/
 
 
“ศิริกัญญา” เผย “ดิจิทัลวอลเล็ต” ยังไม่เข้าบอร์ด ธกส. ห่วงสภาพคล่องที่เหลือ 2-3 หมื่นล้านเดินหน้าโครงการลำบาก ชี้ เขามาทวงหนี้ รัฐบาลกลาง กมธ.งบ 68 ติดเงิน 6 แสนล้าน แต่ได้แค่ปีละ 6 หมื่นล้าน
 
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมร่าง พรบ.งบประมาณ 68 ว่า เป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นปกติที่กรรมาธิการจะมีคำถามที่เกี่ยวข้อง กับทั้งงบ 68 และการดำเนินนโยบายของรัฐบาลในส่วนของ ธกส. ก็ได้มีการพูดคุยกัน ที่จะต้องนำเงิน 170,000 กว่าล้านบาท มาใช้ในดิจิทัลวอลเล็ต
 
ทาง ธกส.ก็ยืนยันว่า ไม่ได้มีการพูดคุยของมติในบอร์ด ธกส. และยังไม่ได้มีการส่งรายละเอียดเพิ่มเติมในกระบวนการ ซึ่งแสดงว่ายังไม่ได้ส่งให้กฤษฎีกาตีความว่า ขัดต่อวัตถุประสงค์กับธกส. หรือไม่ และมีการพูดคุยถึงสภาพคล่องที่คงเหลือของ ธกส. โดย ธกส. ก็ชี้แจงว่ามีสภาพคล่องล้นเกินอยู่ที่ 2-3 หมื่นล้านบาท หากจะต้องใช้เงินส่วนนี้ ในการทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต อาจจะต้องถ่ายเทสินทรัพย์หมุนเวียนอื่นๆ
 
ซึ่งจะมีอยู่ประมาณ 2-3 แสนล้านบาท ซึ่งตนก็ได้สอบถามว่า จะกระทบกับกระดาษทุนที่จะต้องไปแย่งชิงเม็ดเงินจากผู้ที่จะต้องออกตราสารหนี้เอกชนหรือไม่ แต่ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเท่าไหร่ ตรงนี้ก็มีผู้ที่แสดงความเป็นห่วงว่า ท้ายที่สุดอาจจะต้องเพิ่มทุนให้กับ ธกส. เพื่อทำให้ อัตราการถือครองกองทุนต่างๆ ดำรงความเสี่ยงของ ธกส. ยังคงเป็นไปได้อยู่
 
รวมทั้งมีการพูดคุยถึงหนี้รัฐบาลที่ติดค้างตอนนี้ยอดอยู่ที่ประมาณเกือบ 8 แสนล้านบาทแล้ว และยังคงเป็นการผ่อนชำระไปเรื่อยๆ แบบที่ ธกส.เองก็บอกไม่ได้ว่า ปีนี้จะมีเงินต้นหรือดอกเบี้ยมาชำระเท่าไร ขึ้นอยู่กับงบประมาณแผ่นดินในแต่ละปี ท้ายที่สุดก็ไม่ได้มีความชัดเจนในแต่ละปีว่าจะมีความต้องการเงินสดจาก ธกส. เท่าไหร่ จึงเป็นปัญหากับการบริหารจัดการของ ธกส. พอสมควร
 
อย่างไรก็ตาม เราได้ทวงจริงไปหลายปีงบประมาณแล้วว่า ต้องวางแผนให้ชัดเจนว่า จะคืนปีละเท่าไหร่ เพื่อให้ ธกส. เอง สามารถบริหารจัดการได้รวมถึง การใช้งบประมาณในแต่ละปี ควรคิดตั้งแต่ต้นปีงบประมาณไม่ใช่ว่าคิดออกเมื่อไหร่ใช้เมื่อนั้น ถึงแม้จะเป็นธนาคารของรัฐ แต่เขาก็ยังจำเป็นที่จะต้องมีความมั่นคงทางการเงินระดับหนึ่ง เพื่อให้สุดท้ายไม่เป็นภาระกับประชาชนที่จะต้องเพิ่มทุนหรือจะต้องแก้ปัญหาหนี้เสียของธกส.
 
นางสาวศิริกัญญา ย้ำว่า ตัวแทนจาก ธกส. มีเอกสารชัดเจนครบถ้วน เขาเข้ามาในฐานะเจ้าหนี้ เพราะงบประมาณที่มาขอทั้งหมดเป็นหนี้ที่รัฐบาลติดค้างเขาอยู่ ตั้งแต่ปี 51 จึงขอมาทั้งหมด 600,000 กว่าล้านบาท แต่ได้ไปทั้งหมดไม่ถึง 60,000 ล้านบาท
 
ส่วนเอกสารงบกลาง ทางในโครงการดิจิตัลวอลเล็ตจะวนกลับมาประชุมอีกครั้งเมื่อไหร่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของ สำนักปลัดกระทรวงการคลัง ที่ต้องชี้แจงอีกรอบ แต่ยังไม่ได้มีการนัดหมายอีกครั้งว่า จะเข้ามาพร้อมเอกสารที่ครบถ้วนเมื่อไหร่ คงต้องให้ประธานและฝ่ายเลขาทำหนังสือนัดประชุมอีกรอบ
 
ทั้งนี้ มีความกังวลว่าจะไม่ทันหรือไม่เพราะรัฐบาลวางกรอบโครงการดิจิตอลวอลเล็ตว่า มีความชัดเจนในสิ้นปีนี้ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า จะบอกว่ารัฐบาลวางกรอบชัดเจนแต่ก็ยังไม่ชัดเจน เพราะยังไม่รู้ว่าเป็นเมื่อไหร่ของไตรมาส 4 ด้วยซ้ำ อาจจะเป็นตุลาคม พฤศจิกายน หรือธันวาคมก็อาจจะเป็นไปได้
 
เพราะฉะนั้น ก็เอาใจช่วย ลุ้นอยู่เหมือนกันว่าสามารถทำได้ทันหรือไม่ เพราะยังไม่มีความชัดเจนในหลายเรื่อง และหวังว่าน่าจะมีการแถลงข่าวอีกครั้ง เพื่อให้ประชาชนมาลงทะเบียนปลายเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งยังไม่รู้ว่าตอนแถลงจะลงทะเบียนเมื่อไหร่อยู่ดี ก็ได้แต่ลุ้นว่าจะสามารถมีงบประมาณเพียงพอและระบบต่างๆพร้อมที่จะใช้งานในกำหนดเวลาที่รัฐบาลได้บอกไว้ล่วงหน้าหรือไม่
 
นางสาวศิริกัญญา ยังกล่าวว่า ประมาณวันที่ 17-18 กรกฎาคม งบประมาณรายจ่ายประจำปีเพิ่มเติม ปี 67 หรืองบกลางปีของปี 67 ก็จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาในวาระ1 ซึ่งในส่วนนี้จะมีการกู้เงินเพิ่ม เพื่อชดเชยขาดดุล อีกประมาณ 112,000 บาท
 
และมีในส่วนของรายได้เพิ่มเติมที่รัฐบาลไปหามาได้จากการมีบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ที่ตั้งขึ้นมา เมื่อสมัยต้มยำกุ้ง เพื่อบริหารจัดการหนี้เสียของ สถาบันการเงิน แต่ปิดตัวไปได้กว่า 10 ปีแล้วแต่ยังชำระบัญชีไม่เสร็จสิ้น แต่มีเงินสดกองอยู่ ก็เลยต้องมีการปันเข้าสู่เงินคงคลัง
 
ขณะเดียวกัน หากคดีของนายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง โครงการดิจิทัลวอลเลตยังคงเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่นางสาวศิริกัญญากล่าวว่า โครงการนี้ใช้หลายภาคส่วนนอกเหนือจากนายกรัฐมนตรี ก็ยังมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังก็ยังเดินหน้าขับเคลื่อน โครงการดิจิทัลวอลเล็ตอย่างแข่งขัน
 
แม้ว่าจะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นตนก็คิดว่า มีทีมงานที่จะช่วยทำโครงการนี้ต่อ และถึงแม้ว่าคณะรัฐมนตรีจะพ้นตำแหน่งโดยปริยายหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกับนายเศรษฐา แต่ด้วยเสียงข้างมากในสภาฯก็สามารถหานายกรัฐมนตรีมาแทนได้ หากไม่ถึงขั้นข้ามพรรคการเมือง
 
“ศิริกัญญา”มอง “นโยบายหวยเกษียณ” รัฐบาลยังสื่อสารไม่มากพอ ออกนโยบาย แต่ไม่ได้ศึกษา อาจทำให้ประชาชนไม่สนใจ
 
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงผลสำรวจหวยเกษียณที่ประชาชนเมินและไม่เห็นด้วยว่า เข้าใจประชาชน ที่อาจจะได้รับรายละเอียดค่อนข้างน้อย เพราะโครงการนี้อยู่ในขั้นตอนที่ศึกษาอยู่
 
ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายออกมา แต่ไม่ได้ศึกษาอย่างครบถ้วน รอบด้าน พร้อมที่จะเปิดเผยรายละเอียดกับประชาชน ทำให้การทำแคมเปญหรือการทำความเข้าใจ PR ตัวโครงการยังน้อยไป แน่นอนว่า เมื่อพูดคำว่า “หวย” และใช้ในเวลาเกษียณ อาจเกิดการถกเถียง ในสังคมอย่างมาก
 
ดังนั้น รัฐบาล ต้องสื่อสารกับประชาชนมากกว่านี้ และส่วนหนึ่งที่ประชาชนยังไม่มีความสนใจ เพราะยอดในการใช้จ่ายได้ยังน้อยอยู่ และอาจไม่เพียงพอ ที่จะใช้ชีวิตหลังเกษียณได้จริงๆ เป็นแค่ส่วนเพิ่มสำหรับการออมเงินในรูปแบบอื่น จึงอาจทำให้ประชาชนยังไม่สนใจ รัฐบาลก็จะต้องประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากกว่านี้
 
ทั้งนี้ ประชาชนอาจจะมองว่าไม่คุ้มหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า ต้องไปดูในรายละเอียดว่า รัฐบาลจะเอาเงินในส่วนนี้ ไปลงทุนแทนเราได้ออกดอกออกผลได้มากน้อยแค่ไหน หากเริ่มเก็บตั้งแต่อายุยังน้อยก็อาจจะได้อะไรเป็นกอบเป็นกำอยู่บ้าง แต่เรื่องนี้รัฐบาลอาจจะสื่อสารน้อยไปจริงๆ



ณัฐวุฒิ โต้วิสุทธิ์ ไม่ได้ขอเพิ่มวันประชุมพร่ำเพรื่อ ลั่น ‘ก้าวไกล’ ก็ลงพื้นที่ไม่ต่างจากพรรคอื่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_4667943

‘ณัฐวุฒิ’ โต้ ‘วิสุทธิ์’ ไม่ได้ขอเพิ่มวันประชุมพร่ำเพรื่อ แค่เฉพาะที่จำเป็นอาจแค่ 2 ศุกร์ต่อเดือน บอก ‘ก้าวไกล’ ก็ลงพื้นที่ไม่ต่างจากพรรคอื่น เหน็บ หากคิดว่า ‘ฝ่ายค้าน’ ใช้เวทีสภาฯ หาเสียง ‘รัฐบาล’ ได้เวลาพูดมากกว่าก็ทำให้ปชช.เห็นเต็มที่ ไม่มีใครว่า งง สิ่งที่ ‘ปธ.วิป รบ.’ พูดมีวัตถุประสงค์อะไร
 
เมื่อวันที่ 7 กรกฎาคม นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงการเพิ่มวันประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณากฎหมายสำคัญให้มากขึ้น โดยระบุว่า สส.พรรค ก.ก. ส่วนใหญ่เป็นสส.บัญชีรายชื่อ และสส.กทม. จึงอาจไม่ต้องลงพื้นที่เหมือนกับสส.พรรคอื่น ดังนั้นอย่าคิดจะประชุมเพื่อหวังเอาคะแนนลอยๆ ว่า นายวิสุทธิ์อาจลืมข้อเท็จจริงเบื้องต้นไป จำนวน สส.เขตของพรรค ก.ก.นั้น ขณะที่ชนะการเลือกตั้งไม่ได้แตกต่างจากพรรค พท. รวมถึงสส.กทม.ที่เราได้มากกว่าพรรค พท.ก็เป็นเพราะประชาชนเลือกเรา ซึ่งสส.ของพรรค ก.ก.ก็ลงพื้นที่มากเช่นเดียวกัน
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ขณะที่สส.บัญชีรายชื่อของพรรค ก.ก. ก็มีความรับผิดชอบในแต่ละประเด็น ซึ่งก็ต้องลงพื้นที่เช่นเดียวกันและลงพื้นที่ตลอด นี่จึงอาจเป็นข้อเท็จจริงที่นายวิสุทธิ์มองคลาดเคลื่อน เช่น กรณีเกิดเพลิงไหม้ที่ย่านเยาวราชเมื่อคืนที่ผ่านมานั้น นายปารเมศ วิทยารักษ์สรรค์ สส.กทม. 
เขต 1 ก็ไปถึงพื้นที่ไม่นานนัก ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่าเราไม่ได้ลงพื้นที่น้อยกว่าพรรคการเมืองอื่นแบบที่มีการกล่าวอ้างแน่นอน ส่วนใครจะลงมากกว่าหรือไม่นั้นก็คงต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ เราไม่ได้เสนอให้มีการเพิ่มวันประชุมแบบพร่ำเพรื่อ แต่เราเสนอให้เพิ่มวันประชุมบนพื้นฐานที่ว่าขณะนี้มีกฎหมายและญัตติที่ค้างการพิจารณาอยู่เป็นจำนวนมาก และญัตติที่ค้างการพิจารณานั้นก็เป็นเรื่องที่สส.แต่ละพรรคเสนอเข้ามา ซึ่งญัตติจำนวนมากไม่ได้มาจาก ก.ก.พรรคเดียว
 
“เราจึงเสนอให้เพิ่มวันประชุมเข้ามาอย่างจำเพาะเจาะจง เช่น ใน 1 เดือนมี 4 สัปดาห์ ซึ่งสัก 2 สัปดาห์ อาจจะวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ 1 กับสัปดาห์ที่ 3 หรือวันศุกร์ในสัปดาห์ที่ 2 กับสัปดาห์ที่ 4 จะสามารถเพิ่มวันประชุมเข้ามาได้หรือไม่ แต่คุณวิสุทธิ์ก็เห็นด้วยกับเราที่บอกว่าหากมีความจำเป็นก็สามารถเพิ่มวันประชุมในวันศุกร์ได้” นายณัฐวุฒิ กล่าว
 
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนที่มองว่าพรรค ก.ก. เสนอเพิ่มวันประชุมเพื่อหวังคะแนนเลือกตั้งนั้น ตนคิดว่าการที่นำปัญหาของประชาชนไม่ว่าจะจะเป็นในรูปแบบของญัตติ กฎหมาย หรือรายงานของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ซึ่งมีทุกพรรคร่วมพิจารณาเสร็จแล้ว จะมาบอกว่าเป็นการหาเสียง ไม่ได้ เพราะทุกอย่างล้วนมาจากปัญหาของพี่น้องประชาชน หากจะอาศัยเวทีสภาทำงานเต็มที่ ทุกพรรคก็มีสิทธิ์ที่จะทำได้อย่างเท่าเทียมกัน หากเอาเข้าจริงๆ แล้วเวลาที่ได้รับการจัดสรรฝั่งของรัฐบาลมีมากกว่าฝ่ายค้านด้วยซ้ำ
 
หากคิดว่าจะใช้เวลาดังกล่าวทำให้ประชาชนเห็นว่าพวกคุณทำเพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเต็มๆ คุณก็ทำเต็มที่เลยสิ ไม่ได้มีใครว่ากล่าวอะไร แต่ปรากฏว่าในหลายครั้งที่มีประชุมก็ไม่ได้เห็นว่าจะใช้เวทีดังกล่าว อธิบายถึงที่มา หรือการแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด เช่น การพิจารณาการแก้ไขประมวลกฎหมายที่ดินของพรรคก้าวไกลในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่มีสมาชิกจากพรรครัฐบาลอภิปรายเพียงสองท่าน 
 
ปรากฏว่าเมื่อลงคะแนนรัฐบาลก็อาศัยเสียงข้างมากไม่เห็นด้วย ซึ่งผู้เสนอร่างก็ถามว่าที่ไม่เห็นด้วยเพราะอะไร แต่ก็ไม่มีสส.พรรครัฐบาลลุกขึ้นมาอธิบายเหตุผลดังกล่าวเลย ฉะนั้น อย่าเอาปัญหาของพี่น้องประชาชนมาบอกว่าพรรคไหนพูดมากแล้วจะเป็นการหาเสียง ซึ่งไม่ใช่ หากจะพูดก็ขอให้ท่านนำเสนอเหตุและผล แล้วประชาชนจะเป็นคนพิจารณาเองว่านี่คือข้อเท็จจริงหรือแค่ใช้เวทีในการหาเสียง” นายณัฐวุฒิ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่