อยากแชร์ประสบการณ์หนีออกจากบ้านในวัย 23 ปี


สวัสดีค่ะกระทู้นี้ริเริ่มมาจากการที่เราเข้าไปอยู่ในกรุ๊ป LINE กรุ๊ปหนึ่ง ที่ได้พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาชีวิตตกงานหลังเรียนจบ แล้วเราก็คิดขึ้นได้ว่าเรื่องราวของเราอาจช่วยใครหลายคนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะหมดกำลังใจ
เราอยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ตกอยู่ในสภาวะมืดมน มองไม่เห็นหนทาง ได้ก้าวเดินต่อไป
........
เราเรียนจบช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกันถึง 2 ปี
ใครที่เคยได้ยินวลี'เรียนพร้อมเพื่อนแต่จบพร้อมแพทย์' นั่นก็คือเราในตอนนั้นเลย
เรารู้ตัวตั้งแต่เรียนปีแรกว่าเราไม่เหมาะกับสาขาที่กำลังเรียนอยู่ ทั้งเรื่องการปรับตัวและเรื่องผลการเรียนไม่มีอะไรเป็นที่น่าพอใจได้เลย
แต่ในตอนนั้นครอบครัวของเราไม่ได้มีฐานะซัพพอร์ตการตัดสินใจครั้งที่ 2 ของเราได้เราจึงไม่มีโอกาสซิ่วไปเรียนในคณะที่เหมาะกับเรา
เราควรต้องเรียนจบให้เร็วที่สุดเพื่อทำงานแบ่งเบาภาระทางบ้าน ก่อนน้องอีกคนเข้าเรียนต่อ
เราพยายามเข็นตัวเองให้เกรดสูงเพียงพอที่จะจบได้ระยะเวลาจึงล่วงเลยมากว่า 6 ปี
ยิ่งเรียนนานเรายิ่งจมดิ่งกับสิ่งที่ไม่เหมาะกับเรา
เรารับปริญญาตรีในวันที่เพื่อนรุ่นเดียวกันรับปริญญาโท
มันเกิดความกดดันขึ้นหลายอย่าง
เรารู้สึกว่าพ่อแม่ก็ไม่ได้ภูมิใจในตัวเรา แม้ว่าเราจะหาเงินเองได้ตั้งแต่ยังเรียนอยู่
แต่เราก็ยังไม่ใช่ลูกที่เขาสามารถอวดกับใครได้ว่าเก่ง
.....
หลังจากเรียนจบสิ่งแรกที่เราทำคือการกลับบ้านไปดูแลคุณแม่ที่ป่วยเข้าicu
6 ปีที่เรียนอยู่เราแทบไม่เคยได้กลับบ้านเลย 
ลงเรียนเต็มทุกเทอมสลับกับทำงาน part time
คุณแม่อาการดีขึ้นมาก ไม่นานก็ออกจากโรงพยาบาลมารักษาตัวที่บ้านได้ 
2 เดือนหลังเรียนจบ ชีวิตเราเปลี่ยนไปมาก
การอยู่คนเดียวทำให้เราชินกับชีวิตที่อิสระ
แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านทุกอย่างมันเปลี่ยนไป
เราเคยมีเงินสะสมไว้พอสมควรสำหรับการเริ่มต้นชีวิตหางานใหม่ 
แต่ก็ต้องดึงมาใช้กับปัญหาเฉพาะหน้าในครอบครัวก่อนจนหมด
เมื่อไม่มีเงินความกดดันก็เพิ่มขึ้น เพื่อนในวัยเดียวกันเริ่มออกไปใช้ชีวิต ในขณะที่เรากลับถูกคุมขังไว้ในบ้าน
การซื้อขนม 5 บาท 10 บาทแล้วขอเงินแม่ในวัย 23 เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของป้าข้างบ้านและป้าร้านค้า
'โอ๊ย โตขนาดนี้แล้วแทนที่จะเลี้ยงแม่ได้ยังเกาะแม่กินอยู่อีกเหรอ?'
ของใช้ส่วนตัวบางอย่างเช่นโฟมล้างหน้าหรือโลชั่นกันแดด แม้ว่าราคาหลักสิบแต่ก็จะกลายเป็นสิ่งของฟุ่มเฟือย เพราะทุกครั้งที่ซื้อมา แม่ก็จะบ่นอยู่สามสี่วันว่ามันสิ้นเปลือง อยู่แค่ในบ้านจะซื้อใช้ทำไม หาเงินไม่ได้ก็ต้องช่วยกันประหยัด 
การนัดเจอเพื่อนที่คาเฟ่ สามารถสั่งกินได้แค่น้ำเปล่า และยิ้มเจื่อนจนกว่าวงสนทนาจะจบลง
ตั้งแต่กลับมาอยู่บ้าน เราต้องดูแลภาระงานบ้านทั้งหมด
ทำงานบ้านยังไม่เสร็จวันนั้นก็ออกไปไหนไม่ได้ และด้วยความอยู่ต่างจังหวัดทุกครั้งที่ออกต้องกลับก่อนฟ้ามืด
รวมไปถึงต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยมิดชิด
..........
ความเป็นเด็กจบใหม่ในจังหวัดที่ไม่ใช่เขตเศรษฐกิจ
การหางานยากมาก
connection สำคัญมาก หากไม่มีใครแนะนำก็แทบจะหางานไม่ได้เลย
ช่วงนั้นรัฐบาลตั้งค่าแรงป.ตรี 15,000 บาท
ตามต่างจังหวัดจึงเลี่ยงการจ้างแรงงานที่จบป.ตรีแต่ไม่มีประสบการณ์
และถึงแม้ว่าจะสมัครงานที่ต่ำกว่าวุฒิ ก็จะไม่ถูกเลือกเพราะคิดว่าเด็กป.ตรีเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไม่อดทนเหมือนปวช.ปวส.
ทางออกเดียวที่มีคืองาน part time เด็กเสิร์ฟตามร้านอาหาร พนักงานร้านกลางคืน หรือลูกจ้างรายวันที่โดนกดค่าแรงไม่ถึง 300 บาท
ถึงแม้ว่าเราจะรับได้ในข้อตกลงนี้แต่ที่บ้านก็ไม่อาจรับได้
'เรียนจบตั้งสูง จะไปทำงานแบบนี้ได้ยังไงเสียเกียรติ!'
เมื่อไม่อาจหาเงินใช้จ่ายเองได้ จึงต้องใช้ชีวิตเป็นซินเดอเรลล่า ทำงานบ้านอ่านหนังสือใช้ชีวิตในกรอบรอสอบราชการตามความคาดหวังของผู้ใหญ่ 
...........
ความกดดันเพราะความเห็นที่แตกต่างทำให้เราตัดสินใจเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
นั่งนับเศษเหรียญในกระปุกออมสินได้ 500 บาท
และสลากออมสินที่ครบวันถอนได้1500บาท
เก็บเสื้อผ้าสมัครงานและเอกสารใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่
โทรหาเพื่อนที่อยู่กรุงเทพฯ ขออาศัยในวันที่หางาน
จากนั้นก็เดินไปบขส.
นึกขำตัวเองที่หนีออกจากบ้านในวัย 23
ทั้งที่วัยนี้คนทั่วไปได้เริ่มต้นใช้ชีวิตกันไปหมดแล้ว
ไม่มีซักคำอวยพรจากใคร
'เออ คิดว่าโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งนักก็ออกไปเลย ไปให้มันรอด อย่าซมซานกลับบ้านมาแล้วกัน!'
การเป็นลูกสาวไม่ได้แปลว่าเราจะมีครอบครัวเป็นเซฟโซนที่อ่อนโยนกับเรา
ก็ถือซะว่าเป็นการอวยพรที่ดีได้ไหมนะ!?
..........
ว่ากันว่าเพื่อนคือครอบครัวที่เราเลือกเองได้
ก็ต้องขอบคุณ อย่างน้อยเราก็ยังมีเพื่อนเป็น safe zoneที่ดี
เพื่อนให้พักอยู่ด้วยฟรีแต่ช่วยค่าน้ำค่าไฟจนกว่าจะหางานตั้งตัวได้
เขียน resumeไล่สมัครงานจนคิดว่าตัวเองเป็นสแปมเมล ส่งวันละกว่าร้อยฉบับ
ถือคติว่าไม่เลือกงานไม่ยากจน
เพียงแต่ตอนนั้นก็ยังไม่มีใครเลือกเรา
ต้นทุนชีวิตติดลบขั้นสุด อาศัยอยู่ได้ด้วยงานสต๊าฟรายวัน 
ในที่สุดก็มีงานแรกเป็นของตัวเอง
..........
แม้จะยังทุลักทุเลแต่ก็มีงานแล้ว
และงานมีที่พักให้ มีข้าวให้ถ้าไม่เลือกกิน ถือเป็นข้อเสนอที่ดี
ทำธุรการบัญชีพ่วงเลขาแม้ไม่ใช่สาขาที่จบมา แต่ชีวิตก็ไม่มีโอกาสให้เลือก
อยู่กับปัญหาเฉพาะหน้าและเรียนรู้สิ่งใหม่ในทุกวัน
หลังจากทำงานได้ไม่นานมาก เกิดปัญหาsexual harassment รู้สึกได้ถึงความไม่ปลอดภัย
จึงตัดสินใจลาออกทันที
กำเงิน 12,000 บาท พเนจรหาที่พักและงานใหม่
ที่พักใหม่ราคา 3,500 บาท ค่ามัดจำอีก 6,000 บาท
เหลือเงินในกระเป๋า 2,500 บาท
ความท้าทายใหม่เริ่มขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มีต้นทุนเพิ่มขึ้น
ในระหว่างตั้งตัวจากงานแรกได้สร้างสมบัติเป็นมอเตอร์ไซค์มือสองไว้1คัน
จากนั้นก็ดำรงชีพด้วยงานรายวันอีกครั้ง ในระหว่างหางานประจำ
ล้มลุกคลุกคลานพอสมควร 
ทำทุกอย่างที่ได้เงินอย่างสุจริต
โบกธง ถือป้าย แจกใบปลิว แจกของทดลองใช้ ทำแบบสอบถาม ลูกจ้างร้านอาหาร รับจ้างรีดผ้า ส่วนใหญ่ก็งานสตาฟรายวัน 
ตกอยู่ในสภาวะหาเงินได้แต่หางานไม่ได้
ประสบการณ์ที่ได้ก็ใช้หางานประจำตรงตามสาขาไม่ได้
ดำรงชีวิตหาเช้ากินค่ำ วันไหนไม่มีงานก็ไม่มีกิน
เคยมีช่วงเงินขาดมือไม่มีจ่ายค่าห้องเพราะต้องรอรอบจ่าย45วัน 
โทรหาพ่อครั้งแรกในรอบ 2 ปี ขอยืมเงิน 2,000 บาท
่ได้รับคำตอบที่ทำให้น้ำตาร่วง แต่ก็ไม่ได้รับความช่วยเหลือใดๆ
ในช่วงเวลาที่รู้สึกมืดมนที่สุด เพื่อนก็ยังเป็นครอบครัวที่ดี
โอนให้ 5,000 บาทไม่ถามอะไรสักคำและไม่กำหนดวันคืน
ขอบคุณมิตรภาพที่ดีที่สุด ที่ทำให้ผ่านช่วงเวลาทดสอบจิตใจมาได้
เริ่มได้ยินข่าวเพื่อนหลายคนแต่งงานสร้างครอบครัว
ย้อนมองตัวเองไม่มีอะไรสักอย่างแม้กระทั่งเงินเก็บ และอาชีพที่มั่นคง
...........
ว่ากันว่าจังหวะชีวิตของคนเรามันหมุนไปไม่เท่ากัน
ก็ได้แต่คาดหวังก็สักวันจะเป็นวันของเราบ้าง
จากนั้นก็เริ่มหางานประจำได้อีกครั้ง ตรงสายตามสาขาอย่างที่ควรเป็น
เพราะความโหยหางานมากเลยทำให้ถูกเอาเปรียบหลายอย่าง
แต่ก็ได้อะไรมาหลายอย่าง เช่นประสบการณ์ที่สอนให้เราแข็งแกร่งขึ้น
เมื่อผิดหวังจากงานตรงสายที่เฝ้ารอ จึงตัดสินใจได้ว่าจะพัฒนาสกิลให้เข้ากับตลาดงาน และทำงานอะไรก็ได้ที่ได้เงิน
ได้งานใหม่เป็นรูทีนที่หยุดเสาร์อาทิตย์
ทวงคืนวันหยุดที่ไม่เคยมี
ชีวิตดีขึ้นเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ มีเวลาพักผ่อนและพัฒนาตัวเองมากขึ้น
เริ่มมีเงินเก็บ และศึกษาการออม การลงทุน
จังหวะชีวิตกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ
อยู่ดีๆพ่อแม่ก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทำลูกหาย
เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ต้องไปทำธุระแถวบ้าน
เกิดดราม่าครั้งใหญ่แต่ได้ปรับความเข้าใจกัน
เมื่อกลับมามีครอบครัวอีกครั้ง ก็ต้องช่วยแบ่งเบาภาระในครอบครัวด้วย
แบ่งไปแบ่งมาภาระหนักอึ้ง
จากไม่เคยมีหนี้สินอย่างอื่นนอกจากกยศ. ก็เริ่มต้องมีบัตรทีละใบ
จากเงินเดือนที่เคยใช้พอก็ต้องหาเพิ่มขึ้น
ทำวันหยุดหายไปกับการหาเงินอีกครั้ง
กลับมาเป็นลูกที่พ่อแม่รักและภูมิใจได้อีกครั้ง
ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมสังคมสมัยนี้ถึงตีค่าความกตัญญูเป็นจำนวนเงิน?
..........
แต่ภาระก็ผลักให้เราเติบโตไปได้ไกลขึ้น
เริ่มเปลี่ยนสายงานใหม่ใช้สกิลอัพเงิน
เพื่อใช้เงินซื้อวันหยุด
พอเริ่มมีเงินบ้าง ก็เรียนรู้ว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง
ความสุขก็ซื้อได้ถ้ามีเงินมากพอ
ใช้ชีวิตอุทิศให้กับการหาเงิน 
เรียนรู้ที่จะอยู่เพียงลำพังอย่างมีความสุข
แต่เพราะไม่ใช่คนเก่งก็เลยต้องใช้เวลาและความพยายามมากกว่าคนอื่นๆ
ใช้เวลาหลายปีจนเติบโตแบบเป็ดๆ
ด้วยความทำงานไม่ตรงสายทำได้ทุกอย่างแต่ก็ไม่เก่งสักอย่าง
เติบโตมาจนสุดกราฟของความสามารถเป็ด
............
ชีวิตลุ่มๆดอนๆ ถูกจำกัดโอกาสหลายอย่างด้วยสถานะการเงินบีบบังคับ
ใช้ชีวิตเหมือนหนูถีบจักรที่ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ
แต่ระหว่างการเดินทางก็ได้อะไรมามากมาย
เมื่อมองย้อนกลับไปก็รู้สึกว่ามาไกลมาก
ชีวิตสอนให้เราเรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่ออยู่รอด
จากวันที่กดดันจนไม่เห็นหนทางใด
นี่ก็ผ่านมา 10 ปีแล้ว
เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าชีวิตมีทางไปเสมอ ถ้าเรายังก้าวต่อ
ถึงแม้ว่าปัญหาจะยังอยู่ หรือมีปัญหาเรื่องใหม่เกิดขึ้นได้ตลอด แต่ถ้าเราหาความสุขกับสิ่งที่เรามีได้ปัญหาใดๆก็ไม่สำคัญ
............
ใครที่คิดว่าชีวิตไม่น่าจะมีพรุ่งนี้อีกแล้ว
ลองเปลี่ยนทัศนคติตัวเองใหม่นะคะ
โอกาสไม่มาหาถ้าเราไม่สร้างเอง จุดเปลี่ยนใดๆในชีวิตก็มีแค่เราที่เป็นตัวแปรสำคัญที่สุด
เวลาที่จมอยู่กับปัญหา ให้เราลองพิจารณาปัญหาเป็นข้อๆ แล้วแก้สิ่งที่แก้ง่ายที่สุดก่อน
แก้ทีละข้อปัญหาก็จะน้อยลงทีละเรื่อง
และไม่ควรให้เวลากับสิ่งที่ไม่ได้ให้ประโยชน์กับเรา
เช่นปัญหาที่เราไม่มีทางแก้ได้
เพราะปัญหาแบบนั้นไม่ว่าจะเครียดแค่ไหนพยายามเท่าไหร่เราก็ไม่มีทางแก้มันได้ อย่าใช้เวลาจมอยู่กับมันนาน
จงเรียนรู้วิธีที่จะมีความสุขกับสิ่งที่มีให้ได้
อย่างน้อยถ้ามีใครสักคนได้อ่านเรื่องราวของเราแล้วรู้สึกว่ามีแรงฮึดสู้ต่อ เราก็จะดีใจมาก
ถือว่าได้พลังบวกจากเราไปบวกกับปัญหาต่อ
แต่ถึงจะไม่ได้อะไรจากสิ่งนี้เลยเราก็ยังขอขอบคุณที่เข้ามาอ่าน


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่