บางครั้งก็อยากรู้ว่ายุคพ่อแม่เอาความกล้าระดับไหนมาซื้อบ้าน
ย้อนกลับไปในยุคพ่อแม่ของเรา การซื้อบ้านดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายที่คนวัยทำงานส่วนใหญ่ให้ความสำคัญ เป็นความฝันที่จับต้องได้ ด้วยราคาบ้านในยุคนั้นที่ยังไม่กระโดดสูงจนเกินเอื้อมเหมือนในยุคเรา แต่ถึงอย่างนั้น ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า การซื้อบ้านในอดีตยังคงต้องอาศัย “ความกล้า” และ “การตัดสินใจที่เด็ดขาด” อย่างมาก
ลองจินตนาการถึงยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีรีวิวเปรียบเทียบ 20 โครงการบนเว็บไซต์ ไม่มี AI ช่วยคำนวณดอกเบี้ย หรือแม้แต่แอพธนาคารสำหรับตรวจสอบสถานะเงินในบัญชี การตัดสินใจซื้อบ้านของคนรุ่นก่อนจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัย “ความมั่นใจในอนาคต” และ “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” ว่าจะสามารถแบกรับภาระได้ในระยะยาว
ตัดภาพมาที่ยุคเรา…
บ้านในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อได้เหมือนในอดีต ราคาบ้านพุ่งสูงจนหลายคนแทบจะมองเป็นเรื่องของคนที่มีรายได้ระดับบนเท่านั้น แถมด้วยภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้น ความมั่นคงในงานที่ดูเหมือนจะหายใจได้แค่ทีละเดือน และความสะดวกสบายของเทคโนโลยีที่ทำให้เราหลุดลอยไปกับการใช้จ่ายรายวัน
“บางครั้งเราก็แค่กดซื้อของใน Shopee โดยใช้ SPayLater ผ่อน 3 เดือน ทั้งที่มันเป็นแค่นมแพ็คนึง”
คำพูดนี้ฟังดูตลกร้าย แต่ก็สะท้อนถึงความเป็นจริงของยุคปัจจุบันได้ดี เราอยู่ในสังคมที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจ การซื้อของออนไลน์ทำให้เงินออกจากกระเป๋าง่ายเหมือนปลายนิ้วสัมผัส และคำว่า “ภาระหนี้” กลายเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันโดยไม่ทันตั้งตัว
ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นเราขาด “ความกล้า” ในการลงทุนระยะยาว แต่ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป เราอาจรู้สึกว่า “บ้าน” เป็นเป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมในยุคนี้
แล้วพ่อแม่ของเราเอาความกล้ามาจากไหน?
ทำไมพวกเขามีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของยุคสมัยนั้น หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาเติบโตมาด้วยค่านิยมที่มองว่า “บ้าน” คือสัญลักษณ์ของความมั่นคง เป็นสิ่งที่ต้องมีในชีวิต ขณะที่คนรุ่นเราเติบโตมาพร้อมกับค่านิยมที่แตกต่าง เรามองหาประสบการณ์ การเดินทาง การเสพความสุขระยะสั้น และอาจไม่ได้มอง “บ้าน” เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ท้ายที่สุด การซื้อบ้านหรือการใช้ชีวิตแบบผ่อนนมไมโล 3 เดือนก็ไม่ใช่สิ่งผิด สิ่งสำคัญอาจไม่ใช่การเอาชนะเป้าหมายของพ่อแม่เรา แต่คือการหาความหมายในเป้าหมายของตัวเราเอง และกล้าที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เราพอใจ แม้บางครั้งมันจะมาพร้อมกับรสชาติที่เจือด้วยความขมขื่นก็ตาม
เพราะบางที “ความกล้า” ของเรา อาจไม่ได้วัดด้วยบ้านหลังโต แต่คือการยืนหยัดอยู่กับความจริงในยุคของเราเอง.
ชาวเจน Z เผย บางครั้ง ! ก็อยากรู้ว่ายุคพ่อแม่เอาความกล้าระดับไหนมา 'ซื้อบ้าน'
ลองจินตนาการถึงยุคที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ไม่มีรีวิวเปรียบเทียบ 20 โครงการบนเว็บไซต์ ไม่มี AI ช่วยคำนวณดอกเบี้ย หรือแม้แต่แอพธนาคารสำหรับตรวจสอบสถานะเงินในบัญชี การตัดสินใจซื้อบ้านของคนรุ่นก่อนจึงเป็นเรื่องที่ต้องอาศัย “ความมั่นใจในอนาคต” และ “ความเชื่อมั่นในตัวเอง” ว่าจะสามารถแบกรับภาระได้ในระยะยาว
ตัดภาพมาที่ยุคเรา…
บ้านในยุคนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะซื้อได้เหมือนในอดีต ราคาบ้านพุ่งสูงจนหลายคนแทบจะมองเป็นเรื่องของคนที่มีรายได้ระดับบนเท่านั้น แถมด้วยภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่เพิ่มขึ้น ความมั่นคงในงานที่ดูเหมือนจะหายใจได้แค่ทีละเดือน และความสะดวกสบายของเทคโนโลยีที่ทำให้เราหลุดลอยไปกับการใช้จ่ายรายวัน
“บางครั้งเราก็แค่กดซื้อของใน Shopee โดยใช้ SPayLater ผ่อน 3 เดือน ทั้งที่มันเป็นแค่นมแพ็คนึง”
คำพูดนี้ฟังดูตลกร้าย แต่ก็สะท้อนถึงความเป็นจริงของยุคปัจจุบันได้ดี เราอยู่ในสังคมที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจ การซื้อของออนไลน์ทำให้เงินออกจากกระเป๋าง่ายเหมือนปลายนิ้วสัมผัส และคำว่า “ภาระหนี้” กลายเป็นสิ่งที่แทรกซึมอยู่ในชีวิตประจำวันโดยไม่ทันตั้งตัว
ที่น่าสนใจก็คือ ไม่ได้หมายความว่าคนรุ่นเราขาด “ความกล้า” ในการลงทุนระยะยาว แต่ด้วยโครงสร้างเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมที่แตกต่างออกไป เราอาจรู้สึกว่า “บ้าน” เป็นเป้าหมายที่ไกลเกินเอื้อมในยุคนี้
แล้วพ่อแม่ของเราเอาความกล้ามาจากไหน?
ทำไมพวกเขามีความเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของยุคสมัยนั้น หรืออาจเป็นเพราะพวกเขาเติบโตมาด้วยค่านิยมที่มองว่า “บ้าน” คือสัญลักษณ์ของความมั่นคง เป็นสิ่งที่ต้องมีในชีวิต ขณะที่คนรุ่นเราเติบโตมาพร้อมกับค่านิยมที่แตกต่าง เรามองหาประสบการณ์ การเดินทาง การเสพความสุขระยะสั้น และอาจไม่ได้มอง “บ้าน” เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี
ท้ายที่สุด การซื้อบ้านหรือการใช้ชีวิตแบบผ่อนนมไมโล 3 เดือนก็ไม่ใช่สิ่งผิด สิ่งสำคัญอาจไม่ใช่การเอาชนะเป้าหมายของพ่อแม่เรา แต่คือการหาความหมายในเป้าหมายของตัวเราเอง และกล้าที่จะใช้ชีวิตในแบบที่เราพอใจ แม้บางครั้งมันจะมาพร้อมกับรสชาติที่เจือด้วยความขมขื่นก็ตาม
เพราะบางที “ความกล้า” ของเรา อาจไม่ได้วัดด้วยบ้านหลังโต แต่คือการยืนหยัดอยู่กับความจริงในยุคของเราเอง.