วิเคราะห์พฤติกรรมการตัดสินใจในซีรีส์ Squid Game 2 : ตอนที่ 5 “One More Game” (ขออีกหนึ่งเกม)

วิเคราะห์พฤติกรรมการตัดสินใจในซีรีส์ Squid Game 2 : ตอนที่ 5 “One More Game” (ขออีกหนึ่งเกม)
(เนื้อหาต่อไปนี้คือ สปอยด์ในตอนที่ 5 ของ Squid Game ซีซั่น 2)



ขณะที่เกมดำเนินต่อไป สิ่งต่าง ๆ ก็เริ่มโหดมากขึ้นในตอนที่ 5 และนี่ ก็คือรีวิวของดิฉันสำหรับ Squid Game ซีซัน 2 ตอนที่ 5 โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นอะไรที่ดีกว่ามาก ถ้าหากซีรีส์นี้ได้ปล่อยทีละตอนในแบบรายสัปดาห์ เพราะช่วยให้หลายคนมีเวลาประมวลผลสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละตอน แทนที่จะดูแบบมาราธอนทีเดียว โดยไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดเลย นอกจากนี้ยังช่วยให้ซีรีส์อยู่ในกระแสสังคมได้นานขึ้นอีกด้วยค่ะ
ตอนที่แล้วจบลงด้วยการทิ้งท้ายระหว่างเกมถัดไป ที่ผู้เล่นต้องเล่นมินิเกมบนสนาม หากดูตอนที่ 4 และ 5 พร้อมกันแล้วจะลุ้นต่อเนื่องยาวๆ ซึ่งการแบ่งเกมที่สองออกเป็นสองตอนถือเป็นการเปลี่ยนจังหวะที่ดีเลย

ตอนที่ 5 ซึ่งมีชื่อว่า “One More Game” (ขออีกหนึ่งเกม) ถือเป็นตอนที่เครียดและตึงที่สุดในซีรีส์ ทีมของผู้เล่น 456 เป็นหนึ่งในสองทีมสุดท้ายที่ได้เล่น หนึ่งในมินิเกมที่พูดถึงคือ “The Spinning Top” ซึ่งผู้เล่นต้องพันเชือกรอบลูกข่างแล้วปล่อยให้หมุนบนพื้น ทีมที่มีแม่กับลูก ชามาน (แช กุกฮี), ฮยอนจู (พัค ซองฮุน) และผู้เล่นหมายเลข 095 (คิม ซีอึน) เจอความลำบากอย่างมาก และเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ จนจะครบ 5 นาที โอกาสที่ทีมจะถูกยิงก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ฮยอนจูรำคาญชามาน เพราะนางคุมสติไม่อยู่ในการเล่นเกมแพ้ จึงตบชามานจนรู้สึกตัวและตั้งสมาธิกับเกมได้

ถึงซีซันนี้ของ Squid Game ดูโหดกว่าซีซันแรก แต่ช่วงเวลาแบบนี้กลับเป็นฉากตลกให้กับตอนได้เลยค่ะ ฮยอนจู ซึ่งเป็นสาวสองที่อยากชนะเงินรางวัลเพื่อทำศัลยกรรมแปลงเพศ กลับไม่ได้รับบทโดยนักแสดงข้ามเพศจริง ๆ แต่ก็ไม่ใช่ความผิดของ Netflix นะคะ เพราะผู้สร้างซีรีส์ ฮวัง ดงฮยอก เคยบอกกับ TV Guide ว่าเขาอยากคัดเลือกนักแสดงข้ามเพศ แต่ในเกาหลีชุมชน LGBTQ+ ยังปิดกั้นและแทบไม่มีนักแสดงข้ามเพศคนไหนที่กล้าเปิดเผยตัวตนว่าเป็นสาวสองมากนัก อย่างไรก็ตาม การมีตัวละครข้ามเพศในเรื่องระดับโลกแบบนี้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีค่ะ

ในที่สุดก็มาถึงรอบของทีมกีฮุน ซึ่งเริ่มต้นด้วยความน่าสนใจ กีฮุนที่ยังไม่รู้ว่า 001 คือ Front Man ทีมพวกเขาก็ช่วยกันฝ่าฟันความท้าทายต่าง ๆ แบบผ่านฉลุยเลยค่ะ 3 คนแรก แต่พอถึงตาของ 001 ซึ่งเป็นคนที่ 4 กลับเกิดปัญหาขึ้นมา ไม่แน่ใจว่าเขาแกล้งทำพลาดเพื่อกดดันกีฮุนหรือว่าเขาเล่นอย่างจริงจังแต่ดันพลาดเอง จนเหลือแค่อีกไม่กี่วินาทีสุดท้าย เพื่อให้กีฮุนเล่นเกม จนทั้งทีมผ่านฉลุย

ตอนแบบนี้ถือเป็นตอนที่หายากใน Squid Game ที่มีเสียงหัวเราะและความสุขเมื่อผู้เล่นเริ่มเชียร์ทีมอื่น ๆ หากทีมไหนผ่านเกมไปได้ ทุกคนก็ร่วมฉลองกัน แต่บรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองมักจะถูกขัดจังหวะด้วยเสียงปืน เมื่ออีกทีมล้มเหลวและมีเลือดสาดไปทั่วสนาม

ตอนที่ 5 ถือเป็นหนึ่งในตอนที่ดี (หรืออาจดีที่สุด) ของ Squid Game 2 เพราะคนดูจะลุ้นสูงมากทั้งตอนเลย การได้เฝ้ามองผู้เล่นแต่ละคนต่อสู้ดิ้นรนกับเกมของตัวเอง มันระทึกใจจริงๆค่ะ


คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
เตรียมพร้อมสำหรับเกมม้าหมุน Mingle

หลังจากมินิ 5 เกมนี้จบลง หลายคนเริ่มเหนื่อยล้าและอยากกลับบ้าน แต่ส่วนใหญ่ยังคงเชียร์ว่า “ขออีกแค่เกมเดียว” ด้วยความที่คนส่วนใหญ่ที่เล่นเกมนี้เป็นนักพนัน ซึ่งเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเขาถึงเป็นหนี้มากมาย ยิ่งพวกเขาเห็นเงินตรงหน้าอีกด้วย

ตอนนี้ได้เล่าช่วงเวลาระหว่างกีฮุนและจุนแบ (ผู้เล่น 390) ถึงแม้จุนแบจะไม่ได้ปรากฏตัวในซีซันแรกก็ตาม แต่เราก็ได้เห็นว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน ทั้งสองเคยทำงานในโรงงานด้วยกัน และเคยร่วมกันประท้วง จนทำให้พวกเขาถูกไล่ออก ซึ่งน่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาประสบปัญหาทางการเงิน

ถึงเวลาของเกมที่สามที่ชื่อว่า Mingle ซึ่งเป็นเกมม้าหมุน กฎของเกม คือ เมื่อมีเสียงเพลงเด็กที่ร้องอย่างน่ารักขึ้น หมายความว่า ทุกคนเตรียมตัวจับทีมให้ครบตามตำนวนที่เกมบอกไว้ ไม่ว่าจะ 10 คน ไปถึง 2 คน และทั้งห้องมีเพียง 50 ห้องเท่านั้น คนที่เข้าไม่ทัน หรือในห้องไหนที่ไม่ครบคน ก็ต้องถูกยิงตาย

“มิตรภาพ” หรือ “ชีวิตของตัวเอง”

ในสนามแห่งการเอาชีวิตรอด ทุกความสัมพันธ์ที่เคยเป็นเหมือนพลังใจอันแข็งแกร่ง กลับต้องถูกทดสอบด้วยสถานการณ์ที่บีบบังคับให้เราเห็นแก่ตัว เหมือนใน Squid Game ซีซัน 2 ตอนที่ 5 ที่ทีมผู้เล่นเริ่มต้นด้วยความร่วมมือ แต่ท้ายที่สุด ความกดดันจากเกมทำให้พวกเขาต้องเลือกระหว่าง “มิตรภาพ” หรือ “ชีวิตของตัวเอง”

มิตรภาพบนเส้นด้ายของความตาย
ในช่วงแรก เราเห็นผู้เล่นหลายคนร่วมมือกันด้วยเป้าหมายเดียวกัน คือการผ่านเกมและเอาชนะด่านที่โหดร้าย แต่เมื่อการแข่งขันเริ่มคืบหน้า และชี้ว่า “การอยู่รอด” เท่านั้น ที่เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าความสัมพันธ์ ความเชื่อใจที่เคยสร้างมาเริ่มกลายเป็นภาระ เมื่อทุกคนรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วผู้ชนะมีได้เพียงคนเดียว

สิ่งที่ Squid Game ถ่ายทอดได้ชัดเจนในตอนนี้ คือความโหดร้ายของสถานการณ์ที่บีบคั้นให้คนเราเผยด้านที่ซ่อนเร้นออกมา ถึงแม้ในชีวิตจริง เราอาจไม่ได้อยู่ในสนามแข่งขันที่มีปืนจ่อหัว แต่ความกดดันจากสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองนั้น มีส่วนที่อาจทำให้เราต้องเลือก “ความสำเร็จส่วนตัว” แทนที่จะช่วยเหลือคนรอบข้าง

ชีวิตที่บีบบังคับให้เห็นแก่ตัว

บางครั้ง การเห็นแก่ตัวอาจไม่ได้เกิดจากการใจร้าย แต่มาจากความจำเป็น เช่นเดียวกับในเกมของ Squid Game เมื่อทุกวินาทีมีค่าและความล้มเหลวหมายถึงความตาย การตัดสินใจเพียงเสี้ยววินาทีอาจทำให้คนดี ๆ กลายเป็น คนเลวได้

Squid Game ตอนนี้สะท้อนให้เราเห็นถึงคำถามสำคัญในชีวิต:
“เราจะรักษาความสัมพันธ์ไว้ได้อย่างไร ถ้าหากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนต่างต้องเอาตัวรอด?”
คำตอบอาจไม่ได้ง่าย เพราะในชีวิตจริง ความสัมพันธ์และความสำเร็จมักมาพร้อมกับการเสียสละ บางครั้งคือการเสียสละตัวเองเพื่อผู้อื่น และบางครั้งคือการเสียสละผู้อื่นเพื่อตัวเอง




รีวิวตอนที่ผ่านมาค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่