JJNY : ศาลตีตกถามปม’ประชามติ’│พริษฐ์ซัดกกต.ออกระเบียบคัดเลือกส.ว.ช้า│เช้านี้ ทองร่วงแรง│เตือนปะการังทั่วโลกกำลังฟอกขาว

แก้รธน.สะดุด! หลังศาลตีตกถามปม’ประชามติ’ ส่อทำ3ครั้ง-โยนรบ.เจ้าภาพ.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4530752

 
แก้รธน.สะดุด ! หลังศาลตีตกถามปม’ประชามติ’ ส่อทำ3ครั้ง-โยนรบ.เจ้าภาพ

เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าวผลการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีประธานรัฐสภา (ผู้ร้อง) มีหนังสือขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 ดังนี้ 1.รัฐสภาจะบรรจุวาระและพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยังไม่มีผลการออกเสียงประชามติว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ 2.ในกรณีที่รัฐสภาสามารถบรรจุร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่มีบทบัญญัติให้จัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่ได้ การจัดให้ประชาชนผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญออกเสียงประชามติเสียก่อนว่าสมควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ จะต้องกระทำในขั้นตอนใด
 
ก่อนการพิจารณาเนื่องจากนายสุเมธ รอยกุลเจริญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อยู่ระหว่างรอการเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ และนายอุดม รัฐอมฤต ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญขอถอนตัวจากการพิจารณาคดีตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 37 เนื่องจากเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญของศาลรัฐธรรมนูญให้ความเห็นในคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดให้ถอนตัวจากการพิจารณาคดีได้ องค์คณะตุลาการของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้จึงประกอบด้วยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญไม่น้อยกว่า 7 คน ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 52
 
ศาลพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบแล้วเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจพิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) และ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7(2) และมาตรา 44 กรณีต้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจที่เกิดขึ้นแล้ว การบรรจุวาระการประชุมรัฐสภาเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมเป็นหน้าที่ และอำนาจของประธานรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 80 และข้อบังคับการประชุมรัฐสภา พ.ศ.2563 ข้อ 119 กรณีไม่ใช่ปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา และคำร้องมีสาระสำคัญเป็นเพียงข้อสงสัย และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญอธิบายเนื้อหาคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัย โดยละเอียดและชัดเจนแล้ว ไม่ใช่กรณีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาที่เกิดขึ้นแล้ว ไม่ต้องด้วยเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) ประกอบ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาล

รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 (2) และมาตรา 44 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 7 ต่อ 0 สั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
 
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ระบุ การที่ศาลวินิจฉัยแบบนี้ ถือเป็นการปิดประตูการแก้ไขรัฐธรรมนูญผ่านช่องทางสภาแล้ว หลังจากนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องมีมติเดินหน้าแนวทางแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการเคยเสนอ คือ ให้มีการทำประชามติ 3 ครั้ง โดยต้องทำประชามติครั้งแรก ถามความเห็นของประชาชนว่าจะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ จากนั้น ครม.อาจจะเป็นผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 อย่างไรก็ตาม หากเดินหน้าทำประชามติตอนนี้ จะมีอุปสรรคจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติ ในเรื่องเสียงข้างมากสองชั้น คือ ต้องมีผู้ออกมาใช้สิทธิ 26 ล้านเสียงจากผู้มีสิทธิทั้งหมด ต้องมีเสียงเห็นชอบให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 13.5 ล้านเสียงขึ้นไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและอาจมีกลุ่มต่อต้าน ในเรื่องการไม่แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ทำให้อาจได้เสียงไม่ถึงและเกิดปัญหา ดังนั้น มองว่าควรมีการแก้ไขกฎหมายประชามติก่อน ไม่เช่นนั้นเวลาจะทอดยาวไปอีก และเสียงบประมาณมากขึ้น
 

 
พริษฐ์ ซัด กกต. ออกระเบียบคัดเลือกส.ว.ช้า หวั่นส.ว.ชุดเดิมรักษาการยาว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4530604

พริษฐ์ ซัด กกต. ออกระเบียบคัดเลือกส.ว.ช้า หวั่นส.ว.ชุดเดิมรักษาการยาว
 
เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงการจัดเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่า อีกไม่ถึง 1 เดือน ส.ว. ชุดปัจจุบันจะหมดวาระ และจะเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก ส.ว. ชุดใหม่ อย่างเป็นทางการ แต่นับถึงวันนี้ เกณฑ์ และกติกาทั้งหมด ที่เกี่ยวกับกระบวนการดังกล่าว ยังไม่ถูกเผยแพร่ต่อสาธารณะ
 
แม้ตัวแทนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เคยชี้แจงว่าระเบียบและประกาศที่เหลืออยู่ ควรจะเสร็จสิ้น เผยแพร่ได้ก่อนสงกรานต์ ทั้งนี้ มีอยู่ 2 ฉบับ ที่สำคัญยิ่ง
 
1. ประกาศเกี่ยวกับคุณสมบัติของ 20 กลุ่มอาชีพ

2. ระเบียบเกี่ยวกับการแนะนำตัวของผู้สมัคร – เช่น ผู้สมัครแนะนำตัว รณรงค์อย่างไรได้บ้าง ผู้สมัครประกาศจุดยืนหรือแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ เช่น จุดยืนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ ประชาชนทั่วไปสามารถแนะนำตัว รณรงค์ให้ผู้สมัครที่ตนสนับสนุนอย่างไรได้บ้าง ยิ่งกติกาดังกล่าวออกมาช้า และสร้างข้อจำกัดมากเท่าไร ยิ่งมีความเสี่ยง มีปัญหาในเชิงปฏิบัติกว่าเดิม อาจกระทบต่อความเที่ยงตรง และเป็นธรรมต่อกระบวนการทั้งหมด
 
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวอีกว่า ข้อกังวล หากกระบวนการคัดเลือก ส.ว. มีปัญหา และนำไปสู่ข้อร้องเรียนจำนวนมาก จนทำให้ กกต. ไม่พร้อมจะยืนยันว่าการคัดเลือกดังกล่าวเป็นไปโดยถูกต้อง สุจริต และเที่ยงธรรม ทาง กกต. มีช่องในการที่จะยังไม่ประกาศผลการคัดเลือก ส.ว. ชุดใหม่ ตามระเบียบว่าด้วยการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ข้อ 154 ซึ่งจะทำให้ ส.ว. 250 คน ชุดปัจจุบัน รักษาการต่อไปโดยไม่มีกำหนด โดยแม้จะไม่มีอำนาจตามบทเฉพาะกาลแล้ว แต่ก็จะมีอำนาจเทียบเท่ากับ ส.ว. ชุดใหม่ ที่กำลังถูกคัดเลือก เช่น อำนาจยับยั้งการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อำนาจรับรองตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ



เช้านี้ ทองร่วงแรง 350 บาท เหลือ 41,800 บาท ตลาดกังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย
https://www.matichon.co.th/economy/news_4530901

เช้านี้ ทองลงแรง 350 บาท เหลือ41,800 บาท ตลาดกังวลเฟดชะลอลดดอกเบี้ย 
 
เมื่อวันที่ 18 เมษายน ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะการซื้อขายทองคำว่า เปิดตลาดซื้อขายเช้านี้ สมาคมค้าทอง รายงานว่า ทันทีที่เปิดตลาดซื้อขายเมื่อเวลา 09.06 น. ราคาทองปรับลดลงทันที่ 350 บาท ส่งผลให้ราคาทองคำแท่งขายออกอยู่ที่บาทละ 41,300 บาท และราคาทองรูปพรรณขายออกอยู่ที่ 41,800 บาท ลดลงจากราคาปิดวันก่อนหน้า (17เม.ย.) ที่ปิดตลาดที่ 42,150 บาท

ทั้งนี้จากวิเคราะห์ของสมาคมค้าทองนั้นระบุว่า สาเหตุที่ราคาทองปรับลดลง เนื่องจากได้รับกดดันจากความวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจชะลอเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะเดียวกันค่าเงินบาทของไทยก็อ่อนค่าลงด้วย โดยเช้านี้เงินบาทเคลื่อนไหวบริเวณแถวๆ 36.79 บาท
ราคาทองคำตลาดโลกปรับตัวลดลงเป็นวันแรกในรอบ 5 วันทำการจากความกังวลว่าเฟดจะเลื่อนเวลาในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในปีนี้ออกไปเป็นเดือนก.ย. จากเดิมที่คาดไว้ในเดือนมิ.ย. หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้ส่งสัญญาณครั้งล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมาว่า เฟดอาจจะใช้เวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้ในการเริ่มพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงกว่าการคาดการณ์
 
แต่อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์ต่างมองว่าราคาทองคำจะยังคงเคลื่อนไหวใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากสถานการณ์ตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาสตร์ยังคงเป็นปัจจัยหนุนต่อแรงซื้องทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย และคาดว่าหากสถานการณ์มีความตึงเครียดมากขึ้น ก็อาจจะทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นแตะระดับ 2,500 ดอลลาร์... อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/economy/news_4530901
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่