อิสราเอลไม่เจรจาฮามาสแล้ว ประกาศล้างบางฮามาสให้หมดไปจากโลก
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/211805
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเรียกทีมเจรจากลับ เผยการเจรจาถึงทางตัน ด้านจนท.ความมั่นคงเผย จะกำจัดฮามาสให้หมดไปจากโลก
สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มเลงร้ายลง หลังสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเรียกทีมเจรจาที่อยู่กาตาร์ให้กลับมายังอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (2 ธ.ค.) ระบุว่า “
ถึงทางตัน” ในการเจรจาแล้ว
ถ้อยแถลงระบุว่า “
องค์กรก่อการร้ายฮามาสไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการส่งผู้หญิงและเด็กทุกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันกลับคืนมา ตามรายชื่อที่ส่งไปยังกลุ่มฮามาสและได้รับอนุมัติจากพวกเขา”
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกอีกว่า ทีมเจรจาส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมอสสาด (Mossad) ของอิสราเอล โดย
เดวิด บาร์เนีย หัวหน้าหน่วยงานดังกล่าว เป็นผู้ที่ออกคำสั่งเรียกทีมเจรจาให้กลับมาจากกาตาร์
ด้าน
โรเนน บาร์ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของอิสราเอล ออกเปิดเผยเมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ว่า อิสราเอลมุ่งมั่นที่จะกำจัดกลุ่มฮามาสทั่วโลก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม
“
คณะรัฐมนตรีตั้งเป้าหมายให้กับเรา พูดภาษาชาวบ้านก็คือ การกำจัดกลุ่มฮามาส และเรามุ่งมั่นที่จะทำเช่นนั้น นี่คือ ‘ปฏิบัติการมิวนิก’ ของเรา ทุกที่ ไม่ว่าจะในฉนวนกาซา อิสราเอล เลบานอน ตุรกี กาตาร์ ทุกที่”
บาร์กล่าว
บาร์เป็นผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอลหรือที่รู้จักในชื่อชินเบต (Shin Bet) ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศของอิสราเอล ซึ่งได้รับมอบหมายให้ต่อสู้กับการก่อการร้าย
การกล่าวถึงมิวนิกของบาร์เป็นการอ้างอิงถึงปฏิบัติการลอบสังหารแบบกำหนดเป้าหมายของอิสราเอลต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและผู้จัดงาน Black September ภายหลังกลุ่มก่อการร้ายปาเลสไตน์โจมตีชาวอิสราเอลรุนแรงในโอลิมปิกปี 1972 ที่เมืองในเยอรมนี
“
อาจใช้เวลาหลายปี แต่เราจะทำให้ได้ ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยเป็นงานของเรา หน้าที่ของเราคือการให้ทั้งความปลอดภัยและความรู้สึกปลอดภัย” หัวหน้าชินเบตกล่าว
เรียบเรียงจาก
CNN
ผวาโควิดพุ่ง 4 เท่า! โคราชป่วยนอนรพ.อื้อหลังลอยกระทง เตือนสวมแมสก์
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7994345
ชาวโคราชแห่ตรวจโควิด หลังประเพณีเทศกาลวันลอยกระทง พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 เท่า นอนรพ.แล้วแตะ 40 ราย เตือนหลีกเลี่ยงร่วมกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก
วันที่ 4 ธ.ค.2566 ที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ รพ.มหาราชนครราชสีมา ประชาชนที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผู้ที่มีประวัติสัมผัส ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีหลากหลายสถานะทั้งช่วงอายุและอาชีพทยอยเดินทางมาขอรับบริการตรวจเอทีเค(ATK) กันอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองประวัติเบื้องต้นพร้อมสอบถามไทม์ไลน์ตามกระบวนการ ก่อนจะจ่ายยารักษาตามอาการ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด หากเป็นกลุ่ม 608 ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจเสียชีวิตจากภาวะโรคแทรกซ้อน ต้องตรวจการทำงานของปอดด้วย
นพ.
เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผอ.รพ.มหาราช นครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์หลังประเพณีเทศกาลวันลอยกระทง มีจำนวนผู้มาขอรับบริการตรวจเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 เท่า ส่วนใหญ่มีอาการป่วยและตรวจเอทีเคด้วยตนเอง เมื่อผลบวกก็มาตรวจซ้ำเพื่อขอใบรับรองแพทย์ไปใช้ลาป่วยหรือขอรับยาไปกิน กรณีกลุ่ม 608 ลูกหลานนำมาโดยแพทย์ได้ประเมินอาการ หากเสี่ยงสูงจะให้นอนพักรักษา เพื่อสังเกตอาการ
“
ล่าสุดมีผู้ป่วยประมาณ 40 ราย ต้องนอนรักษาที่รพ. ฝากเตือนให้สวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือบ่อยๆรวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก”
ส่วนที่โรงเรียนปัญญานุกูลนครราชสีมา สถานศึกษาเปิดสอนนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและทางการได้ยิน ตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยม มีจำนวนนักเรียนกว่า 400 คน ได้ประกาศหยุดเรียนกรณีพิเศษ เมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
เนื่องจากพบนักเรียนและบุคลากรติดเชื้อโควิด หลังครบกำหนดเปิดเรียนตามปกติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา บรรยากาศช่วงสายที่ผ่านมา มีนักเรียนมาเรียนประมาณ 50 คน โดยผู้ปกครองยังเป็นห่วงบุตรหลาน กลุ่มที่อยู่โรงเรียนประจำก็รับกลับบ้านไปเกือบทุกคน
‘พริษฐ์’ เสนอ 3 โมเดล ส.ส.ร.จากเลือกตั้งทั้งหมด ชี้ ชอบธรรม แก้ข้อห่วงใย ไม่หลากหลาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4315201
‘พริษฐ์’ ชี้ หาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จะเกิดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เผย ที่ประชุมแนะจัดระบบการเลือกเป็น 3 กลุ่ม เลือกตั้งโดยตรง-ผู้เชี่ยวชาญ-กลุ่มความหลากหลาย มั่นใจแก้ปัญหาได้ เตรียมสรุปรายงานส่งสภา-รัฐบาล เชื่อหากรณรงค์ดี ประชาชนไม่สับสน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุม ในวาระการเชิญตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาให้ความเห็นถึงความสำคัญที่ ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้ง
โดยนาย
พริษฐ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการจัดทำข้อเสนอเรื่องระบบ ส.ส.ร.ภายใต้คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำงานมาประมาณ 1 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดทำข้อเสนอ ว่าหาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราสามารถมีระบบเลือกตั้งแบบไหนได้บ้าง
โดยจากการทำงานพบว่า กลุ่มคนเห็นต่างที่ไม่อยากให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง มีข้อกังวล 2 ส่วน คือหากเลือกตั้งทั้งหมดจะมีพื้นที่ให้นักวิชาการ นักรัฐศาสตร์เข้ามาได้อย่างไร และจะมีหลักประกันความหลากหลายของกลุ่มคนในสังคมได้อย่างไร ซึ่งอนุกรรมาธิการพยายามคลาย 2 ข้อกังวลนี้ เพราะเรามีความเชื่อว่าหาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราจะมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย วันนี้เป็นโอกาสที่เรานำข้อเสนอเบื้องต้น หรือรายงานเบื้องต้นจากหลายภาคส่วน คนที่มาให้ความเห็นในวันนี้มีตั้งแต่นักวิชาการ คนที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2539-2540 รวมถึงคณะกรรมการศึกษาจากรัฐบาล ซึ่งทำให้อนุกรรมาธิการมีความเห็นครบถ้วนและรอบด้านมากขึ้น
ซึ่งเราอาจจะจินตนาการได้ว่า ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะมี 3 ประเภท ตนเรียกว่า X Y และ Z โดย X เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนพื้นที่ / Y เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นสัดส่วนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจจะมาจากเลือกตั้งโดยตรง หรือให้ ส.ส.ร.ที่ถูกเลือกมา คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญอีกรอบ / และ Z เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางสังคม
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมความเห็นและการประเมินข้อดีข้อเสีย บนเงื่อนไขว่าทุกประเภทที่กล่าวมาได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งหากครบถ้วนแล้วจะนำไปเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและยื่นให้คณะกรรมการศึกษาของรัฐบาลพิจารณาต่อ โดยอยู่บนพื้นฐานความหวังว่าทุกคนจะคลายข้อกังวล และเห็นตรงกันได้ว่า ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
เมื่อถามว่าประเมินว่าฝั่งรัฐบาลจะเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน นายพริษฐ์กล่าวว่า ก็คงต้องรอดูว่าหลังจากที่เรายื่นไปแล้วมีท่าทีอย่างไร สิ่งที่เราทำคือเพื่อคลายข้อกังวล
“
หากผมถอดหมวกประธานคณะกรรมาธิการการเมืองฯ ออก แล้วเป็น ส.ส.ก้าวไกล ผมอยากให้เสนอคำถามการจัดทำประชามติให้เป็น 1 คำถามหลัก 2 คำถามพ่วง ที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน 1 คำถามหลัก เป็นคำถามที่เปิดกว้างที่สุด เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าควรจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันว่า ส.ส.ร.มีอำนาจและที่มาอย่างไร สามารถเห็นตรงกันได้ในคำถามหลัก เราจึงเสนอคำถามหลักเป็นคำถามที่กว้างว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” นาย
พริษฐ์กล่าว
นาย
พริษฐ์กล่าวต่อว่า ใน 2 คำถามพ่วง เป็นคำถามที่เราแก้ไขปัญหาความเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่ในรายละเอียด ได้แก่ ส.ส.ร.ควรมาจากการแต่งตั้งทั้งหมดหรือไม่ และเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องการล็อกหมวด 1-2 ไว้
เมื่อถามว่าคำถามพ่วงจะไม่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ก็เป็นข้อกังวลที่เรายังศึกษาอยู่ แต่ตนคิดว่าหากเป็น 1 คำถามหลัก 2 คำถามพ่วง แล้วเราสร้างบรรยากาศในการรณรงค์ในช่วงประชามติที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวางที่สุด จะสามารถทำให้ประชาชนมีข้อมูลครบถ้วน
'พริษฐ์' ไม่ขัด 'เพื่อไทย' ชงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกบ
https://voicetv.co.th/read/WHHnHw4Ca
'พริษฐ์' มองเป็นเรื่องดีหาก 'เพื่อไทย-พรรคร่วม' เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกบ ย้ำ 'ก้าวไกล' เปิดกว้าง เดินสายรับฟังทุกฝ่าย
วันที่ 4 ธ.ค. ที่อาคารรัฐสภา
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเดินสายพบปะหน่วยงานความมั่นคงแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ
ชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า ยังไม่มีข้อมูล ว่าได้ไปคุยกับใครหรือหน่วยงานใดบ้าง เพราะไม่ได้อยู่ในคณะพูดคุยด้วย
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าหลักการพรรคก้าวไกลต้องการพูดคุยกับคนให้กว้างขวางที่สุด ทั้งคนที่เห็นด้วย และเห็นต่างกับร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอ และอยากให้ร่างกฎหมายนี้ประสบความสำเร็จผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จึงรับฟังอย่างกว้างขวางที่สุด ใครเห็นต่างก็จะหาเหตุและผลไปอธิบายเพื่อคลายความกังวล และเพิ่มโอกาสให้ร่างกฎหมายผ่านไปให้ได้
พริษฐ์ ยังเชิญชวนประชาชนให้ติดตามการประชุมหลังเปิดสมัยประชุมสภา เพราะช่วงสมัยประชุมสภาที่แล้ว สภาไม่มีโอกาสพิจารณาร่างกฎหมายเลย เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็น แต่ขณะนี้ผ่านกระบวนการรับฟังไปแล้วจึงเชื่อว่าจะมีกฎหมายหลายฉบับเข้าคิวพิจารณา ซึ่งพรรคก้าวไกล ยื่นเสนอร่างกฎหมาย ไป 30 กว่าร่าง มี 10 กว่าฉบับเป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการเงินที่ต้องรอนายกรัฐมนตรีรับรองก่อนเสนอเข้าสภาฯ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบด้วยนั้น
พริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี หากพรรคการเมืองเห็นตรงกับทิศทาง แต่ยังเห็นต่างในรายละเอียด ทางออกที่ดีตามกลไกรัฐสภา คือให้พรรคเหล่านั้นยื่นร่างกฎหมายมาประกบ จะทำให้ทุกร่างถูกพิจารณาในคราวเดียวกัน อภิปราย พิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อสรุปที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้
พริษฐ์ ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลตั้งใจพูดคุยกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะหากยึดตามคณิตศาสตร์ทางการเมืองในฐานะฝ่ายค้านถ้าเสนอกฎหมายไปถ้าไม่มี สส.ฝั่งรัฐบาลเห็นชอบก็ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบได้ ก้าวไกลจึงต้องการคุยทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุดในรายละเอียดเนื้อหา โดยเฉพาะฝั่งรัฐบาล
JJNY : 5in1 ประกาศล้างบางฮามาส│ผวาโควิดพุ่ง│‘พริษฐ์’เสนอ 3 โมเดล ส.ส.ร.│'พริษฐ์'ไม่ขัด'เพื่อไทย' │เอกชนค้านขึ้นค่าไฟ
https://www.pptvhd36.com/news/ต่างประเทศ/211805
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเรียกทีมเจรจากลับ เผยการเจรจาถึงทางตัน ด้านจนท.ความมั่นคงเผย จะกำจัดฮามาสให้หมดไปจากโลก
สถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มเลงร้ายลง หลังสำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเรียกทีมเจรจาที่อยู่กาตาร์ให้กลับมายังอิสราเอลเมื่อวันเสาร์ (2 ธ.ค.) ระบุว่า “ถึงทางตัน” ในการเจรจาแล้ว
ถ้อยแถลงระบุว่า “องค์กรก่อการร้ายฮามาสไม่ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการส่งผู้หญิงและเด็กทุกคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันกลับคืนมา ตามรายชื่อที่ส่งไปยังกลุ่มฮามาสและได้รับอนุมัติจากพวกเขา”
สำนักนายกรัฐมนตรีอิสราเอลบอกอีกว่า ทีมเจรจาส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองมอสสาด (Mossad) ของอิสราเอล โดย เดวิด บาร์เนีย หัวหน้าหน่วยงานดังกล่าว เป็นผู้ที่ออกคำสั่งเรียกทีมเจรจาให้กลับมาจากกาตาร์
ด้าน โรเนน บาร์ เจ้าหน้าที่ความมั่นคงระดับสูงของอิสราเอล ออกเปิดเผยเมื่อวานนี้ (3 ธ.ค.) ว่า อิสราเอลมุ่งมั่นที่จะกำจัดกลุ่มฮามาสทั่วโลก แม้ว่าจะต้องใช้เวลาหลายปีก็ตาม
“คณะรัฐมนตรีตั้งเป้าหมายให้กับเรา พูดภาษาชาวบ้านก็คือ การกำจัดกลุ่มฮามาส และเรามุ่งมั่นที่จะทำเช่นนั้น นี่คือ ‘ปฏิบัติการมิวนิก’ ของเรา ทุกที่ ไม่ว่าจะในฉนวนกาซา อิสราเอล เลบานอน ตุรกี กาตาร์ ทุกที่” บาร์กล่าว
บาร์เป็นผู้อำนวยการหน่วยงานความมั่นคงของอิสราเอลหรือที่รู้จักในชื่อชินเบต (Shin Bet) ซึ่งเป็นหน่วยงานความมั่นคงภายในประเทศของอิสราเอล ซึ่งได้รับมอบหมายให้ต่อสู้กับการก่อการร้าย
การกล่าวถึงมิวนิกของบาร์เป็นการอ้างอิงถึงปฏิบัติการลอบสังหารแบบกำหนดเป้าหมายของอิสราเอลต่อเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการและผู้จัดงาน Black September ภายหลังกลุ่มก่อการร้ายปาเลสไตน์โจมตีชาวอิสราเอลรุนแรงในโอลิมปิกปี 1972 ที่เมืองในเยอรมนี
“อาจใช้เวลาหลายปี แต่เราจะทำให้ได้ ความรับผิดชอบด้านความปลอดภัยเป็นงานของเรา หน้าที่ของเราคือการให้ทั้งความปลอดภัยและความรู้สึกปลอดภัย” หัวหน้าชินเบตกล่าว
เรียบเรียงจาก CNN
ผวาโควิดพุ่ง 4 เท่า! โคราชป่วยนอนรพ.อื้อหลังลอยกระทง เตือนสวมแมสก์
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7994345
ชาวโคราชแห่ตรวจโควิด หลังประเพณีเทศกาลวันลอยกระทง พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 เท่า นอนรพ.แล้วแตะ 40 ราย เตือนหลีกเลี่ยงร่วมกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก
วันที่ 4 ธ.ค.2566 ที่คลินิกโรคระบบทางเดินหายใจ รพ.มหาราชนครราชสีมา ประชาชนที่มีอาการป่วยเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจและผู้ที่มีประวัติสัมผัส ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีหลากหลายสถานะทั้งช่วงอายุและอาชีพทยอยเดินทางมาขอรับบริการตรวจเอทีเค(ATK) กันอย่างต่อเนื่อง
เจ้าหน้าที่ต้องคัดกรองประวัติเบื้องต้นพร้อมสอบถามไทม์ไลน์ตามกระบวนการ ก่อนจะจ่ายยารักษาตามอาการ เพื่อตัดวงจรการแพร่ระบาด หากเป็นกลุ่ม 608 ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงที่อาจเสียชีวิตจากภาวะโรคแทรกซ้อน ต้องตรวจการทำงานของปอดด้วย
นพ.เจษฎ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ รองผอ.รพ.มหาราช นครราชสีมา เปิดเผยว่า สถานการณ์หลังประเพณีเทศกาลวันลอยกระทง มีจำนวนผู้มาขอรับบริการตรวจเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 เท่า ส่วนใหญ่มีอาการป่วยและตรวจเอทีเคด้วยตนเอง เมื่อผลบวกก็มาตรวจซ้ำเพื่อขอใบรับรองแพทย์ไปใช้ลาป่วยหรือขอรับยาไปกิน กรณีกลุ่ม 608 ลูกหลานนำมาโดยแพทย์ได้ประเมินอาการ หากเสี่ยงสูงจะให้นอนพักรักษา เพื่อสังเกตอาการ
“ล่าสุดมีผู้ป่วยประมาณ 40 ราย ต้องนอนรักษาที่รพ. ฝากเตือนให้สวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือบ่อยๆรวมทั้งหลีกเลี่ยงการเดินทางไปร่วมกิจกรรมที่มีประชาชนจำนวนมาก”
ส่วนที่โรงเรียนปัญญานุกูลนครราชสีมา สถานศึกษาเปิดสอนนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสติปัญญาและทางการได้ยิน ตั้งแต่อนุบาลถึงมัธยม มีจำนวนนักเรียนกว่า 400 คน ได้ประกาศหยุดเรียนกรณีพิเศษ เมื่อปลายเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา
เนื่องจากพบนักเรียนและบุคลากรติดเชื้อโควิด หลังครบกำหนดเปิดเรียนตามปกติเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา บรรยากาศช่วงสายที่ผ่านมา มีนักเรียนมาเรียนประมาณ 50 คน โดยผู้ปกครองยังเป็นห่วงบุตรหลาน กลุ่มที่อยู่โรงเรียนประจำก็รับกลับบ้านไปเกือบทุกคน
‘พริษฐ์’ เสนอ 3 โมเดล ส.ส.ร.จากเลือกตั้งทั้งหมด ชี้ ชอบธรรม แก้ข้อห่วงใย ไม่หลากหลาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4315201
‘พริษฐ์’ ชี้ หาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด จะเกิดความชอบธรรมทางประชาธิปไตย เผย ที่ประชุมแนะจัดระบบการเลือกเป็น 3 กลุ่ม เลือกตั้งโดยตรง-ผู้เชี่ยวชาญ-กลุ่มความหลากหลาย มั่นใจแก้ปัญหาได้ เตรียมสรุปรายงานส่งสภา-รัฐบาล เชื่อหากรณรงค์ดี ประชาชนไม่สับสน
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการพิจารณา ศึกษาการจัดทำข้อเสนอระบบเลือกตั้งและแนวทางการทำงานของสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้ง กล่าวภายหลังการประชุม ในวาระการเชิญตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้ามาให้ความเห็นถึงความสำคัญที่ ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้ง
โดยนายพริษฐ์กล่าวว่า วันนี้เป็นการประชุมของคณะอนุกรรมาธิการจัดทำข้อเสนอเรื่องระบบ ส.ส.ร.ภายใต้คณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง สื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำงานมาประมาณ 1 เดือน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อจัดทำข้อเสนอ ว่าหาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราสามารถมีระบบเลือกตั้งแบบไหนได้บ้าง
โดยจากการทำงานพบว่า กลุ่มคนเห็นต่างที่ไม่อยากให้ ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้ง มีข้อกังวล 2 ส่วน คือหากเลือกตั้งทั้งหมดจะมีพื้นที่ให้นักวิชาการ นักรัฐศาสตร์เข้ามาได้อย่างไร และจะมีหลักประกันความหลากหลายของกลุ่มคนในสังคมได้อย่างไร ซึ่งอนุกรรมาธิการพยายามคลาย 2 ข้อกังวลนี้ เพราะเรามีความเชื่อว่าหาก ส.ส.ร.มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เราจะมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย วันนี้เป็นโอกาสที่เรานำข้อเสนอเบื้องต้น หรือรายงานเบื้องต้นจากหลายภาคส่วน คนที่มาให้ความเห็นในวันนี้มีตั้งแต่นักวิชาการ คนที่เคยยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2539-2540 รวมถึงคณะกรรมการศึกษาจากรัฐบาล ซึ่งทำให้อนุกรรมาธิการมีความเห็นครบถ้วนและรอบด้านมากขึ้น
ซึ่งเราอาจจะจินตนาการได้ว่า ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งอาจจะมี 3 ประเภท ตนเรียกว่า X Y และ Z โดย X เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนพื้นที่ / Y เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นสัดส่วนนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งอาจจะมาจากเลือกตั้งโดยตรง หรือให้ ส.ส.ร.ที่ถูกเลือกมา คัดเลือกผู้เชี่ยวชาญอีกรอบ / และ Z เป็น ส.ส.ร.ที่เป็นตัวแทนกลุ่มความหลากหลายทางสังคม
นายพริษฐ์กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมความเห็นและการประเมินข้อดีข้อเสีย บนเงื่อนไขว่าทุกประเภทที่กล่าวมาได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ซึ่งหากครบถ้วนแล้วจะนำไปเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรและยื่นให้คณะกรรมการศึกษาของรัฐบาลพิจารณาต่อ โดยอยู่บนพื้นฐานความหวังว่าทุกคนจะคลายข้อกังวล และเห็นตรงกันได้ว่า ส.ส.ร.ควรมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
เมื่อถามว่าประเมินว่าฝั่งรัฐบาลจะเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน นายพริษฐ์กล่าวว่า ก็คงต้องรอดูว่าหลังจากที่เรายื่นไปแล้วมีท่าทีอย่างไร สิ่งที่เราทำคือเพื่อคลายข้อกังวล
“หากผมถอดหมวกประธานคณะกรรมาธิการการเมืองฯ ออก แล้วเป็น ส.ส.ก้าวไกล ผมอยากให้เสนอคำถามการจัดทำประชามติให้เป็น 1 คำถามหลัก 2 คำถามพ่วง ที่ทำหน้าที่แตกต่างกัน 1 คำถามหลัก เป็นคำถามที่เปิดกว้างที่สุด เพื่อให้ประชาชนเห็นว่าควรจะมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้จะมีความเห็นที่แตกต่างกันว่า ส.ส.ร.มีอำนาจและที่มาอย่างไร สามารถเห็นตรงกันได้ในคำถามหลัก เราจึงเสนอคำถามหลักเป็นคำถามที่กว้างว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” นายพริษฐ์กล่าว
นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ใน 2 คำถามพ่วง เป็นคำถามที่เราแก้ไขปัญหาความเห็นที่ยังแตกต่างกันอยู่ในรายละเอียด ได้แก่ ส.ส.ร.ควรมาจากการแต่งตั้งทั้งหมดหรือไม่ และเรื่องที่ 2 เป็นเรื่องการล็อกหมวด 1-2 ไว้
เมื่อถามว่าคำถามพ่วงจะไม่ทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ก็เป็นข้อกังวลที่เรายังศึกษาอยู่ แต่ตนคิดว่าหากเป็น 1 คำถามหลัก 2 คำถามพ่วง แล้วเราสร้างบรรยากาศในการรณรงค์ในช่วงประชามติที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงข้อมูลได้อย่างกว้างขวางที่สุด จะสามารถทำให้ประชาชนมีข้อมูลครบถ้วน
'พริษฐ์' ไม่ขัด 'เพื่อไทย' ชงร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกบ
https://voicetv.co.th/read/WHHnHw4Ca
'พริษฐ์' มองเป็นเรื่องดีหาก 'เพื่อไทย-พรรคร่วม' เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ประกบ ย้ำ 'ก้าวไกล' เปิดกว้าง เดินสายรับฟังทุกฝ่าย
วันที่ 4 ธ.ค. ที่อาคารรัฐสภา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการเดินสายพบปะหน่วยงานความมั่นคงแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของ ชัยธวัช ตุลาธน สส.แบบบัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกลว่า ยังไม่มีข้อมูล ว่าได้ไปคุยกับใครหรือหน่วยงานใดบ้าง เพราะไม่ได้อยู่ในคณะพูดคุยด้วย
อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าหลักการพรรคก้าวไกลต้องการพูดคุยกับคนให้กว้างขวางที่สุด ทั้งคนที่เห็นด้วย และเห็นต่างกับร่างกฎหมายที่พรรคก้าวไกลเสนอ และอยากให้ร่างกฎหมายนี้ประสบความสำเร็จผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร จึงรับฟังอย่างกว้างขวางที่สุด ใครเห็นต่างก็จะหาเหตุและผลไปอธิบายเพื่อคลายความกังวล และเพิ่มโอกาสให้ร่างกฎหมายผ่านไปให้ได้
พริษฐ์ ยังเชิญชวนประชาชนให้ติดตามการประชุมหลังเปิดสมัยประชุมสภา เพราะช่วงสมัยประชุมสภาที่แล้ว สภาไม่มีโอกาสพิจารณาร่างกฎหมายเลย เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการรับฟังความคิดเห็น แต่ขณะนี้ผ่านกระบวนการรับฟังไปแล้วจึงเชื่อว่าจะมีกฎหมายหลายฉบับเข้าคิวพิจารณา ซึ่งพรรคก้าวไกล ยื่นเสนอร่างกฎหมาย ไป 30 กว่าร่าง มี 10 กว่าฉบับเป็นร่างกฎหมายว่าด้วยการเงินที่ต้องรอนายกรัฐมนตรีรับรองก่อนเสนอเข้าสภาฯ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคอื่นๆจะเสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประกบด้วยนั้น พริษฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดี หากพรรคการเมืองเห็นตรงกับทิศทาง แต่ยังเห็นต่างในรายละเอียด ทางออกที่ดีตามกลไกรัฐสภา คือให้พรรคเหล่านั้นยื่นร่างกฎหมายมาประกบ จะทำให้ทุกร่างถูกพิจารณาในคราวเดียวกัน อภิปราย พิจารณาร่วมกันให้ได้ข้อสรุปที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายได้
พริษฐ์ ยืนยันว่าพรรคก้าวไกลตั้งใจพูดคุยกับทุกฝ่ายอยู่แล้ว เพราะหากยึดตามคณิตศาสตร์ทางการเมืองในฐานะฝ่ายค้านถ้าเสนอกฎหมายไปถ้าไม่มี สส.ฝั่งรัฐบาลเห็นชอบก็ไม่สามารถผ่านความเห็นชอบได้ ก้าวไกลจึงต้องการคุยทุกฝ่ายให้ได้มากที่สุดในรายละเอียดเนื้อหา โดยเฉพาะฝั่งรัฐบาล