พริษฐ์ แนะ รบ. ยื่นประกบฝ่ายค้าน ร่างแก้รธน.ตั้งสสร. เชื่อผนึกแน่นโอกาสสำเร็จมีมาก.
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959482
พริษฐ์ แนะ รบ. ยื่นประกบฝ่ายค้าน ร่างแก้รธน.ตั้งสสร. เชื่อผนึกแน่นโอกาสสำเร็จมีมาก
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ของคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่า สิ่งที่จะต้องพิจารณากันในวันนี้คือการเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ของกรรมาธิการร่วมซึ่งเป็นร่างเดียวกันที่ถูกแก้ไขโดยวุฒิสภา ที่เสนอเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น
หรือ ปฏิเสธร่างดังกล่าวเพื่อรอเวลอีก 180 วัน และยืนตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอให้ใช้เสียงข้างมาก 1ชั้น ตนเข้าใจว่าเสียงของสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่น่าจะเห็นชอบกับทางเลือกที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาต่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โจทย์ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้กรอบเวลาไม่กระทบต่อความเป็นไปได้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทางรัฐบาลได้สัญญาไว้ต่อประชาชน ทางออกที่ตนเสนอคือการลดจำนวนครั้งในการทำประชาชมติจาก 3 เหลือ 2 ครั้งเพื่อให้กรอบเวลาลดลง ในช่วงเวลา180 วัน ที่รอร่างพ.ร.บ.ประชามติกลับมาพิจารณาอีกครั้ง สามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาคู่ขนานกัน
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า การผลักดันให้สำเร็จต้องผ่าน 2 ด่านคือ ทำอย่างไรให้ประธานสภาฯบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสสร. ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเคยยื่นไปตั้งแต่ต้นปีและประธานสภาฯไม่บรรจุ ครั้งนี้ทางพรรคประชาชนได้ยื่นร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาฯในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา หากทางคณะกรรมการได้เห็นถึงคำวินิจฉัยรายบุคคล หวังว่าการวินิจฉัยจะออกไปในทิศทางที่มองว่าการทำประชาชมติ 2 ครั้งเพียงพอ ซึ่งทางประธานสภาฯได้นัดหารือในเรื่องดังกล่าววันที่ 23 ธ.ค เวลา 10.00 น.
ดานที่ 2 ถึงแม้ประธานสภาฯจะบรรจุแล้วสามารถเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาโจทย์ต่อไปคือจะต้องทำอย่างไรให้รัฐสภาเห็นชอบด้วย จึงต้องไปดูรอยร้าวของทั้ง 2 รัฐสภาว่าเป็นรอยเดียวกันกับรอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ บุคคลที่จะยุติรอยร้าวคือนายกฯ เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้นายกฯแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะสำเร็จผ่าน 2 ด่านนี้ แต่ตนเชื่อว่ายิ่งคณะรัฐมนตรีให้ความร่วมมือในการพยายามฝ่าฟันเท่าไหร่โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีควรเสนอร่างในลักษณะเดียวกันเข้ามาประกบกับร่างของพรรคประชาชน
นาย
พริษฐ์กล่าวว่า ส่วนที่ทางรัฐบาลระบุว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่จะตั้งสสร.ให้ได้ นายพริษฐ์ระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยอมแพ้และปรับลดเป้าหมายเร็วเกินไป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสสร.จะเสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากสามารถลดจำนวนการทำประชามติสำเร็จ ยิ่งรัฐบาลร่วมมือกับเราเท่าไหร่ โอกาสที่จะสำเร็จจะมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเร่งปรับลดเป้าหมาย เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลสัญญาอะไรไว้ต่อประชาชน หากไม่สามารถรักษาได้ท้ายที่สุดประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ปชน. ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้สภาฯ 3 ฉบับ หวังปกป้องสิทธิ-ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ตามเงินเฟ้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959423
ปชน. ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้สภาฯ 3 ฉบับ หวังปกป้องสิทธิ-ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ตามเงินเฟ้อ
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
เซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานจำนวน 3 ฉบับ ต่อ เลขาธิการสภา โดยระบุว่า ในฐานะผู้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้ใช้แรงงานและความสำคัญของการสร้างสังคมที่เป็นธรรม อีกทั้งในฐานะตัวแทนจากกลุ่มสหภาพแรงงานและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อคนทำงาน เราขอประกาศจุดยืนอย่างหนักแน่น ในการสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน ตามที่พรรคประชาชนได้ยื่นแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้แรงงานทั้งประเทศ
นาย
เซียกล่าวว่า คนทำงาน หรือ ผู้ใช้แรงงาน คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นกำลังหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศให้เติบโต แต่คนทำงานจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังคงต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรม การเอารัดเอาเปรียบ และขาดการคุ้มครองที่เหมาะสมเป็นธรรม ฉะนั้นการมีกฎหมายที่ชัดเจนและเข้มแข็งครอบคลุมจะช่วย ปกป้องสิทธิแรงงาน สร้างหลักประกันในการทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้
โดยจุดสำคัญที่ทำให้สนับสนุน ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานของพรรคประชาชน ทั้ง 3 ฉบับ นี้ คือ หลักการกำหนดมาตรฐานการจ้างที่เป็นธรรมและการสนับสนุนสวัสดิการคุ้มครองคนทำงาน ที่ครอบคลุมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ได้แก่
1. การเพิ่มคำนิยาม “นายจ้างและลูกจ้าง” ให้ร่วมถึงนายจ้าง ลูกจ้าง ตามสัญญาจ้างทำของหรือ สัญญาอื่นๆซึ่งทำงานเพื่อรับค่าจ้างด้วย2. เปลี่ยนลูกจ้างรายวัน ให้เป็นรายเดือนทั้งหมด
3. เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ เงินเฟ้อ
4. ลูกจ้างต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน (ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง)
5. ลูกจ้างต้องมีวันหยุดประจำสัปดาห์ละ 2 วัน (ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน)
6. เพิ่มวันหยุดพักผ่อนประจำปี เป็น 10 วันต่อปี
7. นายจ้างห้ามเลือกปฏิบัติเพราะความแตกต่างใดๆของลูกจ้าง ตั้งแต่ตอนสมัครงาน
8. ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลคนสำคัญในครอบครัว ปีละไม่เกิน 15 วันทำงาน
9. ต้องมีห้องสำหรับลูกจ้างให้นมบุตร หรือ เก็บนม ในสถานที่ทำงานและลูกจ้างมีสิทธิดังกล่าว วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีในเวลาทำงาน
10. ลูกจ้างมีสิทธิลาเนื่องจากมีประจำเดือนได้ 3 วัน ต่อ 1 เดือน โดยวันลาเนื่องจากมีประจำเดือน ไม่นับวันลาป่วย
การผ่านร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ใช่เพียงการสร้างความเป็นธรรมในที่ทำงาน แต่ยังเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืนเราเครือข่ายสนับสนุนกฎหมายคุ้มครองคนทำงาน เชื่อมั่นว่า การปกป้องและส่งเสริมสิทธิแรงงาน คือ ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียม จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองทุกพรรคร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองผู้ใช้แรงงานทั้ง 3 ฉบับนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
ปชน. เรียกร้อง รบ.เร่งออกกฎกระทรวง แก้ปัญหาโรงหนังขนาดเล็ก ลั่น หยุดดองร่างกฎหมาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959618
‘อภิสิทธิ์’ เรียกร้อง ‘รัฐบาล’ สั่ง ‘รมว.มหาดไทย-วัฒนธรรม’ เร่งออกกฎกระทรวง แก้ปัญหาโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ลั่น หาก ‘นายกฯ’ จริงจังจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ต้องหยุดดองร่าง กม. ‘ปชน.’
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นาย
อภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีผู้ประกอบการ Doc Club & Pub ประกาศหยุดให้บริการ ว่า ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเร่งรัดและแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน ว่า 1.แก้ไข ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522, กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และนิยามความหมายของคำว่าโรงมหรสพ รวมถึงคำอื่นๆ ตลอดจนกฎหมายที่ล้าหลังไม่ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อก่อให้เกิดการเติบโตของโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กในประเทศไทย
นาย
อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า 2.เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการระทรวงวัฒนธรรม ออกคำสั่งหรือกฎกระทรวง เพื่อให้โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ยังคงดำเนินการได้ในช่วงสุญญากาศ
“
หากรัฐบาลจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองประกาศมาตลอดว่า จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ และหากนายกรัฐมนตรีจริงใจกับคำกล่าวของตัวเอง ที่จะทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตตัวเอง ดังนั้น กฎหมายเหล้านี้ คือสิ่งที่กำลังเป็นอุปสรรคในการฉุดครั้งความเติบโตของซอฟต์พาวเวอร์ และความสร้างสรรค์ในวงการภาพยนตร์ของเรา” นาย
อภิสิทธิ์ กล่าว
นาย
อภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และให้กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงมหาดไทย แก้กฎกระทรวงที่เป็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องอาศัยอำนาจสภาแต่อย่างใด และเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาว การดำเนินการที่ถูกต้อง คือการออกกฎหมายที่เหมาะสมกับสภาพอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
“
ท่านสามารถทำได้ด้วยการหยุดดองร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์ของพรรคประชาชน และเอาร่าง พ.ร.บ.อื่นๆ ที่เป็นแนวทางเดียวกันขึ้นมาพิจารณาผ่านสภา เพื่อร่วมกันพิจารณาศึกษาในชั้นของคณะกรรมาธิการวิสามัญต่อไป” นาย
อภิสิทธิ์ กล่าว
JJNY : พริษฐ์แนะยื่นประกบฝ่ายค้าน│ปชน.ยื่นร่างพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน│ปชน.ร้องแก้ปัญหาโรงหนัง│รัสเซียลั่นแก้แค้นให้นายพล
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959482
พริษฐ์ แนะ รบ. ยื่นประกบฝ่ายค้าน ร่างแก้รธน.ตั้งสสร. เชื่อผนึกแน่นโอกาสสำเร็จมีมาก
เมื่อเวลา 09.45 น. วันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ ของคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่า สิ่งที่จะต้องพิจารณากันในวันนี้คือการเห็นด้วยกับร่างพ.ร.บ.ของกรรมาธิการร่วมซึ่งเป็นร่างเดียวกันที่ถูกแก้ไขโดยวุฒิสภา ที่เสนอเกณฑ์เสียงข้างมาก 2 ชั้น
หรือ ปฏิเสธร่างดังกล่าวเพื่อรอเวลอีก 180 วัน และยืนตามร่างเดิมของสภาผู้แทนราษฎรที่เสนอให้ใช้เสียงข้างมาก 1ชั้น ตนเข้าใจว่าเสียงของสภาผู้แทนราษฎรส่วนใหญ่น่าจะเห็นชอบกับทางเลือกที่ 2 ซึ่งส่งผลกระทบต่อกรอบเวลาต่อการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โจทย์ที่สำคัญคือทำอย่างไรให้กรอบเวลาไม่กระทบต่อความเป็นไปได้ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทันต่อการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทางรัฐบาลได้สัญญาไว้ต่อประชาชน ทางออกที่ตนเสนอคือการลดจำนวนครั้งในการทำประชาชมติจาก 3 เหลือ 2 ครั้งเพื่อให้กรอบเวลาลดลง ในช่วงเวลา180 วัน ที่รอร่างพ.ร.บ.ประชามติกลับมาพิจารณาอีกครั้ง สามารถพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ผ่าน 3 วาระของรัฐสภาคู่ขนานกัน
นายพริษฐ์ กล่าวว่า การผลักดันให้สำเร็จต้องผ่าน 2 ด่านคือ ทำอย่างไรให้ประธานสภาฯบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับสสร. ที่ทางพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยเคยยื่นไปตั้งแต่ต้นปีและประธานสภาฯไม่บรรจุ ครั้งนี้ทางพรรคประชาชนได้ยื่นร่างดังกล่าวเข้าสู่สภาฯในวันที่ 12 ธ.ค. ที่ผ่านมา หากทางคณะกรรมการได้เห็นถึงคำวินิจฉัยรายบุคคล หวังว่าการวินิจฉัยจะออกไปในทิศทางที่มองว่าการทำประชาชมติ 2 ครั้งเพียงพอ ซึ่งทางประธานสภาฯได้นัดหารือในเรื่องดังกล่าววันที่ 23 ธ.ค เวลา 10.00 น.
ดานที่ 2 ถึงแม้ประธานสภาฯจะบรรจุแล้วสามารถเปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาโจทย์ต่อไปคือจะต้องทำอย่างไรให้รัฐสภาเห็นชอบด้วย จึงต้องไปดูรอยร้าวของทั้ง 2 รัฐสภาว่าเป็นรอยเดียวกันกับรอยร้าวของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ บุคคลที่จะยุติรอยร้าวคือนายกฯ เป็นสิ่งที่เราคาดหวังให้นายกฯแสดงบทบาทความเป็นผู้นำ รวมทั้งแสดงความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่มีอะไรรับประกันว่าเราจะสำเร็จผ่าน 2 ด่านนี้ แต่ตนเชื่อว่ายิ่งคณะรัฐมนตรีให้ความร่วมมือในการพยายามฝ่าฟันเท่าไหร่โอกาสสำเร็จก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น ทางที่ดีควรเสนอร่างในลักษณะเดียวกันเข้ามาประกบกับร่างของพรรคประชาชน
นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนที่ทางรัฐบาลระบุว่าการทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่ทันในรัฐบาลสมัยนี้ แต่จะตั้งสสร.ให้ได้ นายพริษฐ์ระบุว่า ไม่อยากให้รัฐบาลยอมแพ้และปรับลดเป้าหมายเร็วเกินไป ยังมีความเป็นไปได้ที่จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสสร.จะเสร็จทันการเลือกตั้งครั้งต่อไป หากสามารถลดจำนวนการทำประชามติสำเร็จ ยิ่งรัฐบาลร่วมมือกับเราเท่าไหร่ โอกาสที่จะสำเร็จจะมากขึ้นเท่านั้น ไม่อยากให้รัฐบาลเร่งปรับลดเป้าหมาย เพราะทุกครั้งที่รัฐบาลสัญญาอะไรไว้ต่อประชาชน หากไม่สามารถรักษาได้ท้ายที่สุดประชาชนจะแสดงออกผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
ปชน. ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้สภาฯ 3 ฉบับ หวังปกป้องสิทธิ-ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ตามเงินเฟ้อ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959423
ปชน. ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ให้สภาฯ 3 ฉบับ หวังปกป้องสิทธิ-ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ตามเงินเฟ้อ
เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายเซีย จำปาทอง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน(ปชน.) ยื่นร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานจำนวน 3 ฉบับ ต่อ เลขาธิการสภา โดยระบุว่า ในฐานะผู้ตระหนักถึงคุณค่าของผู้ใช้แรงงานและความสำคัญของการสร้างสังคมที่เป็นธรรม อีกทั้งในฐานะตัวแทนจากกลุ่มสหภาพแรงงานและกลุ่มเคลื่อนไหวเพื่อคนทำงาน เราขอประกาศจุดยืนอย่างหนักแน่น ในการสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานทั้ง 3 ฉบับ ของพรรคประชาชน ตามที่พรรคประชาชนได้ยื่นแก้ไขกฎหมายคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตและสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ใช้แรงงานทั้งประเทศ
นายเซียกล่าวว่า คนทำงาน หรือ ผู้ใช้แรงงาน คือหัวใจของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เป็นกำลังหลักที่ผลักดันเศรษฐกิจ และพัฒนาประเทศให้เติบโต แต่คนทำงานจำนวนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังคงต้องเผชิญกับความไม่เป็นธรรม การเอารัดเอาเปรียบ และขาดการคุ้มครองที่เหมาะสมเป็นธรรม ฉะนั้นการมีกฎหมายที่ชัดเจนและเข้มแข็งครอบคลุมจะช่วย ปกป้องสิทธิแรงงาน สร้างหลักประกันในการทำงานอย่างมีศักดิ์ศรี และลดความเหลื่อมล้ำในสังคมได้
โดยจุดสำคัญที่ทำให้สนับสนุน ร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานของพรรคประชาชน ทั้ง 3 ฉบับ นี้ คือ หลักการกำหนดมาตรฐานการจ้างที่เป็นธรรมและการสนับสนุนสวัสดิการคุ้มครองคนทำงาน ที่ครอบคลุมไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ได้แก่
1. การเพิ่มคำนิยาม “นายจ้างและลูกจ้าง” ให้ร่วมถึงนายจ้าง ลูกจ้าง ตามสัญญาจ้างทำของหรือ สัญญาอื่นๆซึ่งทำงานเพื่อรับค่าจ้างด้วย2. เปลี่ยนลูกจ้างรายวัน ให้เป็นรายเดือนทั้งหมด
3. เพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำตามการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ เงินเฟ้อ
4. ลูกจ้างต้องทำงานไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน (ทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง)
5. ลูกจ้างต้องมีวันหยุดประจำสัปดาห์ละ 2 วัน (ทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน)
6. เพิ่มวันหยุดพักผ่อนประจำปี เป็น 10 วันต่อปี
7. นายจ้างห้ามเลือกปฏิบัติเพราะความแตกต่างใดๆของลูกจ้าง ตั้งแต่ตอนสมัครงาน
8. ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลคนสำคัญในครอบครัว ปีละไม่เกิน 15 วันทำงาน
9. ต้องมีห้องสำหรับลูกจ้างให้นมบุตร หรือ เก็บนม ในสถานที่ทำงานและลูกจ้างมีสิทธิดังกล่าว วันละ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 นาทีในเวลาทำงาน
10. ลูกจ้างมีสิทธิลาเนื่องจากมีประจำเดือนได้ 3 วัน ต่อ 1 เดือน โดยวันลาเนื่องจากมีประจำเดือน ไม่นับวันลาป่วย
การผ่านร่างกฎหมายทั้ง 3 ฉบับนี้ ไม่ใช่เพียงการสร้างความเป็นธรรมในที่ทำงาน แต่ยังเป็นการสร้าง ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสังคม อย่างยั่งยืนเราเครือข่ายสนับสนุนกฎหมายคุ้มครองคนทำงาน เชื่อมั่นว่า การปกป้องและส่งเสริมสิทธิแรงงาน คือ ปกป้องศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจะเป็นก้าวสำคัญในการสร้างสังคมที่มีความเสมอภาคและเท่าเทียม จึงขอเรียกร้องให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและพรรคการเมืองทุกพรรคร่วมสนับสนุนร่างกฎหมายคุ้มครองผู้ใช้แรงงานทั้ง 3 ฉบับนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
ปชน. เรียกร้อง รบ.เร่งออกกฎกระทรวง แก้ปัญหาโรงหนังขนาดเล็ก ลั่น หยุดดองร่างกฎหมาย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4959618
‘อภิสิทธิ์’ เรียกร้อง ‘รัฐบาล’ สั่ง ‘รมว.มหาดไทย-วัฒนธรรม’ เร่งออกกฎกระทรวง แก้ปัญหาโรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ลั่น หาก ‘นายกฯ’ จริงจังจะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ต้องหยุดดองร่าง กม. ‘ปชน.’
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 18 ธันวาคม ที่รัฐสภา นายอภิสิทธิ์ ไล่สัตรูไกล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) แถลงกรณีผู้ประกอบการ Doc Club & Pub ประกาศหยุดให้บริการ ว่า ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลและหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงวัฒนธรรม เพื่อเร่งรัดและแก้ไขปัญหานี้อย่างยั่งยืน ว่า 1.แก้ไข ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551, พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522, กฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง และนิยามความหมายของคำว่าโรงมหรสพ รวมถึงคำอื่นๆ ตลอดจนกฎหมายที่ล้าหลังไม่ทันต่อสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อก่อให้เกิดการเติบโตของโรงภาพยนตร์ขนาดเล็กในประเทศไทย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า 2.เรียกร้องให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรัฐมนตรีว่าการระทรวงวัฒนธรรม ออกคำสั่งหรือกฎกระทรวง เพื่อให้โรงภาพยนตร์ขนาดเล็ก ยังคงดำเนินการได้ในช่วงสุญญากาศ
“หากรัฐบาลจริงจังกับสิ่งที่ตัวเองประกาศมาตลอดว่า จะส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ และหากนายกรัฐมนตรีจริงใจกับคำกล่าวของตัวเอง ที่จะทำให้ทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินไทย เป็นพื้นที่ให้คนไทยได้กล้าฝัน กล้าสร้างสรรค์ และกล้ากำหนดอนาคตตัวเอง ดังนั้น กฎหมายเหล้านี้ คือสิ่งที่กำลังเป็นอุปสรรคในการฉุดครั้งความเติบโตของซอฟต์พาวเวอร์ และความสร้างสรรค์ในวงการภาพยนตร์ของเรา” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้น จึงหวังว่ารัฐบาลจะดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น และให้กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงมหาดไทย แก้กฎกระทรวงที่เป็นปัญหาดังกล่าว ซึ่งไม่ต้องอาศัยอำนาจสภาแต่อย่างใด และเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาว การดำเนินการที่ถูกต้อง คือการออกกฎหมายที่เหมาะสมกับสภาพอุตสาหกรรมในปัจจุบัน
“ท่านสามารถทำได้ด้วยการหยุดดองร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาพยนตร์ของพรรคประชาชน และเอาร่าง พ.ร.บ.อื่นๆ ที่เป็นแนวทางเดียวกันขึ้นมาพิจารณาผ่านสภา เพื่อร่วมกันพิจารณาศึกษาในชั้นของคณะกรรมาธิการวิสามัญต่อไป” นายอภิสิทธิ์ กล่าว