Coda Bangkok ร้าน Fine dining อาหารไทยประยุกต์ที่เลื่องลือไม่เฉพาะแค่การนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ แต่รวมถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ มีความเข้มข้น จัดจ้านและกลมกล่อมถูกปากคนไทย แถมการันตีความอร่อยโดย เชฟแท็ป ศุภสิทธิ์ แห่งเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย
ก่อนเริ่มคอร์สทางร้านจะมีขนมปังคานาเล่กรอบนอกนุ่มใน เสริ์ฟมาทานคู่กับเนยที่ผสมพวกกระเทียมสับ พริกไทยป่น รากผักชีตำ
Snack
- Cuttle Fish ( Salted egg | Daikon | Leek): ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ได้กลิ่นไข่เค็มไชยาชัด รสชาติมีความนัวและมัน
- Mackerel (Beetroot | Lemongrass | Ginger): ได้รสชาติวัตถุดิบชัดเจน
- Blue Crab (Black garlic | Grranny Smith | Keluga hybrid cavier): รสชาติประมาณปูผัดพริกไทยดำ ที่ Topping ด้วยไข่ปลาคาเวียร์
Appetizer
- Iberico Pork Jaws (Coconut shoot | Herbs | Ume plum) น้ำซุปเกี๊ยมบ๊วยที่มีรสชาติเค็มตัดเปรี้ยว กินแล้วสดชื่นมากๆ ส่วนตัวช่อม่วงแป้งด้านนอกมีความนุ่มเด้ง ไส้ด้านในก็ปรุงมาได้อร่อยลงตัวมาก
- Tiger Prawn (Parmesan | Sourdough | Prawn Emulsion): กุ้งลายเสือราดด้วยซอสมันกุ้งที่รสชาติคล้ายๆมาม่ารสต้มยำกุ้ง แต่ความอร่อยเอาไป 10 คะแนนเต็ม เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากญี่ปุ่น เลย present เมนูนี้ออกมาในรูปแบบของ omakase
Blue Belly (Tomato | Papaya | Carrot): ส้มตำหน้าตาแปลกใหม่ที่เอาน้ำยำมาทำเป็น sorbet เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวไก่ย่างสไตล์ omakase แบบพอดีคำ
Main
- Amadai (Celeriac | Rice noddles | Fish terrine ginger): ปลาอามะไดหนังกรอบๆ ที่เสริ์ฟมาพร้อมกับตัวเกี๊ยว โดยเมนูนี้ ตัวเชฟมีแรงบันดาลใจมาจากก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา
- Duck (Red curry | Grilled pineapple | Duck leg): แกงเผ็ดเป็ดย่างที่ตัวเป็ดผ่านการ Dried-Aged ตัวเนื้อสุกกำลังดี กัดไปดึ๋งๆในปาก หนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมแป้งโรตีที่เชฟชอบกินสมัยเรียนอยู่มัธยม
Desserts
- Fruits (Guava | Coconut | Pineapple | Olive oil): Sorbet ฝรั่งจิ้มบ๊วย เป็นเหมือนเมนูปรับรสชาติเพื่อนำไปสู่เมนูต่อไป
- Banana (Coconut milk | Sesame | Sricky rice): เมนูสารพัดกล้วย มีทั้งกล้วยแขกที่เอามาโรยเป็นท็อปปิ้ง ทานคู่กับ sorbet กล้วยและพุดดิ้งกะทิ รสชาติรวมๆมีความคล้ายกล้วยปวดชี
After Course
- Khao Tom Ped: Chef Tap's style boiled rice ข้าวต้มเป็ดที่ใช้เนื้อวัตถุดิบเดียวกับ main course นำมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ พร้อมด้วยน้ำซุปที่หวานกลมกล่อม โดยที่มาของเมนูนี้ ก็มาจากการที่เชฟและภรรยารู้สึกว่าเวลาไปทาน fine dining แล้วรู้สึกไม่ค่อยอิ่ม เลยต้องแวะทานข้าวต้มข้างทางก่อนกลับบ้านตลอด เลยทำให้เกิดเป็นเมนูนี้ขึ้นมา ซึ่งมีจุดขายสำคัญคือ เติมได้ไม่อั้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย
- Chef Tap's favourite (Baitoey bits): ลอดช่องน้ำกะทิ และทองม้วนไส้มูสใบเตย
สรุป: เราชอบร้านนี้มากๆ ถึงราคาจะเอาเรื่อง แต่อาหารคืออร่อยทุกเมนู การแนะนำอาหารมี gimmick การเล่าเรื่องความเป็นมาของเมนูและวัตถุดิบได้น่าสนใจ พนักงานดูแลดี ตอนเราไปเป็นวันเกิดด้วย ทางร้านก็จัดเค้กมาให้เป็น complimentary แถมมาเล่นกีตาร์ร้องเพลงร่วมอวยพรให้ด้วยอีกต่างหาก ประทับใจมากๆ ซึ่งเขาจะมีการเปลี่ยนเมนูประมาณไตรมาสละครั้ง ถ้ามีการเปลี่ยนอีกเมื่อไหร่ season หน้าจะไปลองอีกแน่นอน
- ถ้าจอง 2 ท่าน ราคารวมทุกอย่างประมาณตกประมาณคนละ 4,000
- รอบจอง (ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร Dinner 18.00 และ 19.30 / เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ Lunch 12.00)
- จอดรถอาคารสินธร แสตมป์บัตรได้
- 130, 132 ถ. วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
- จองโต๊ะ Line: @codabangkok (มี @ ด้วย) / Tel: 083-959-6296
- ร้านมี 2 ชั้น แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่า ชั้น 1 จะดูโล่งและสว่างกว่า ส่วนชั้น 2 จะมืดๆหน่อย แต่ก็ดูมีความ private ขึ้นมานิดหนึ่ง
ก็จบไปแล้วกับการรีวิว
"Coda Bangkok | ร้าน Fine dining อาหารไทยประยุกต์" ครั้งหน้าเราจะพาทุกคนไปเที่ยวไปกินที่ไหนกันอีก ก็ฝากติดตามด้วยนะ
ภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)
ติดตามทริปอื่นๆของพวกเราได้ที่:
https://opl.to/bymyside
[CR] Coda Bangkok | ร้าน Fine dining อาหารไทยประยุกต์
Coda Bangkok ร้าน Fine dining อาหารไทยประยุกต์ที่เลื่องลือไม่เฉพาะแค่การนำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจ แต่รวมถึงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ มีความเข้มข้น จัดจ้านและกลมกล่อมถูกปากคนไทย แถมการันตีความอร่อยโดย เชฟแท็ป ศุภสิทธิ์ แห่งเชฟกระทะเหล็กประเทศไทย
ก่อนเริ่มคอร์สทางร้านจะมีขนมปังคานาเล่กรอบนอกนุ่มใน เสริ์ฟมาทานคู่กับเนยที่ผสมพวกกระเทียมสับ พริกไทยป่น รากผักชีตำ
Snack
- Cuttle Fish ( Salted egg | Daikon | Leek): ปลาหมึกผัดไข่เค็ม ได้กลิ่นไข่เค็มไชยาชัด รสชาติมีความนัวและมัน
- Mackerel (Beetroot | Lemongrass | Ginger): ได้รสชาติวัตถุดิบชัดเจน
- Blue Crab (Black garlic | Grranny Smith | Keluga hybrid cavier): รสชาติประมาณปูผัดพริกไทยดำ ที่ Topping ด้วยไข่ปลาคาเวียร์
Appetizer
- Iberico Pork Jaws (Coconut shoot | Herbs | Ume plum) น้ำซุปเกี๊ยมบ๊วยที่มีรสชาติเค็มตัดเปรี้ยว กินแล้วสดชื่นมากๆ ส่วนตัวช่อม่วงแป้งด้านนอกมีความนุ่มเด้ง ไส้ด้านในก็ปรุงมาได้อร่อยลงตัวมาก
- Tiger Prawn (Parmesan | Sourdough | Prawn Emulsion): กุ้งลายเสือราดด้วยซอสมันกุ้งที่รสชาติคล้ายๆมาม่ารสต้มยำกุ้ง แต่ความอร่อยเอาไป 10 คะแนนเต็ม เชฟได้แรงบันดาลใจมาจากญี่ปุ่น เลย present เมนูนี้ออกมาในรูปแบบของ omakase
Blue Belly (Tomato | Papaya | Carrot): ส้มตำหน้าตาแปลกใหม่ที่เอาน้ำยำมาทำเป็น sorbet เสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียวไก่ย่างสไตล์ omakase แบบพอดีคำ
Main
- Amadai (Celeriac | Rice noddles | Fish terrine ginger): ปลาอามะไดหนังกรอบๆ ที่เสริ์ฟมาพร้อมกับตัวเกี๊ยว โดยเมนูนี้ ตัวเชฟมีแรงบันดาลใจมาจากก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลา
- Duck (Red curry | Grilled pineapple | Duck leg): แกงเผ็ดเป็ดย่างที่ตัวเป็ดผ่านการ Dried-Aged ตัวเนื้อสุกกำลังดี กัดไปดึ๋งๆในปาก หนังกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมแป้งโรตีที่เชฟชอบกินสมัยเรียนอยู่มัธยม
Desserts
- Fruits (Guava | Coconut | Pineapple | Olive oil): Sorbet ฝรั่งจิ้มบ๊วย เป็นเหมือนเมนูปรับรสชาติเพื่อนำไปสู่เมนูต่อไป
- Banana (Coconut milk | Sesame | Sricky rice): เมนูสารพัดกล้วย มีทั้งกล้วยแขกที่เอามาโรยเป็นท็อปปิ้ง ทานคู่กับ sorbet กล้วยและพุดดิ้งกะทิ รสชาติรวมๆมีความคล้ายกล้วยปวดชี
After Course
- Khao Tom Ped: Chef Tap's style boiled rice ข้าวต้มเป็ดที่ใช้เนื้อวัตถุดิบเดียวกับ main course นำมาหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ พร้อมด้วยน้ำซุปที่หวานกลมกล่อม โดยที่มาของเมนูนี้ ก็มาจากการที่เชฟและภรรยารู้สึกว่าเวลาไปทาน fine dining แล้วรู้สึกไม่ค่อยอิ่ม เลยต้องแวะทานข้าวต้มข้างทางก่อนกลับบ้านตลอด เลยทำให้เกิดเป็นเมนูนี้ขึ้นมา ซึ่งมีจุดขายสำคัญคือ เติมได้ไม่อั้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆเลย
- Chef Tap's favourite (Baitoey bits): ลอดช่องน้ำกะทิ และทองม้วนไส้มูสใบเตย
สรุป: เราชอบร้านนี้มากๆ ถึงราคาจะเอาเรื่อง แต่อาหารคืออร่อยทุกเมนู การแนะนำอาหารมี gimmick การเล่าเรื่องความเป็นมาของเมนูและวัตถุดิบได้น่าสนใจ พนักงานดูแลดี ตอนเราไปเป็นวันเกิดด้วย ทางร้านก็จัดเค้กมาให้เป็น complimentary แถมมาเล่นกีตาร์ร้องเพลงร่วมอวยพรให้ด้วยอีกต่างหาก ประทับใจมากๆ ซึ่งเขาจะมีการเปลี่ยนเมนูประมาณไตรมาสละครั้ง ถ้ามีการเปลี่ยนอีกเมื่อไหร่ season หน้าจะไปลองอีกแน่นอน
- ถ้าจอง 2 ท่าน ราคารวมทุกอย่างประมาณตกประมาณคนละ 4,000
- รอบจอง (ทุกวัน ยกเว้นวันอังคาร Dinner 18.00 และ 19.30 / เฉพาะเสาร์-อาทิตย์ Lunch 12.00)
- จอดรถอาคารสินธร แสตมป์บัตรได้
- 130, 132 ถ. วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330
- จองโต๊ะ Line: @codabangkok (มี @ ด้วย) / Tel: 083-959-6296
- ร้านมี 2 ชั้น แต่ส่วนตัวเรารู้สึกว่า ชั้น 1 จะดูโล่งและสว่างกว่า ส่วนชั้น 2 จะมืดๆหน่อย แต่ก็ดูมีความ private ขึ้นมานิดหนึ่ง
ก็จบไปแล้วกับการรีวิว "Coda Bangkok | ร้าน Fine dining อาหารไทยประยุกต์" ครั้งหน้าเราจะพาทุกคนไปเที่ยวไปกินที่ไหนกันอีก ก็ฝากติดตามด้วยนะ
ภาพถ่ายทั้งหมดโดย (By My Side: ผลัดกันถ่าย)
ติดตามทริปอื่นๆของพวกเราได้ที่:
https://opl.to/bymyside
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้