BIOTHAI ชวนดูการควบรวมกิจการในต่างประเทศ หลังศาลปกครองยกฟ้องปมควบรวม 'ซีพี-เทสโก้
https://prachatai.com/journal/2023/09/105837
BIOTHAI ชวนดูการควบรวมกิจการในต่างประเทศ หลัง ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินให้การควบรวมกิจการ ระหว่าง ซีพีกับเทสโก้ เป็นไปโดยชอบ โดยอ้างเหตุว่า ศาลไม่อาจตรวจสอบอำนาจการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครองได้
9 ก.ย.2566 สื่อหลายสำนัก เช่น
มติชนออนไลน์ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ และ
PPTV รายงานตรงกันว่า วานนี้ (8 ก.ย.) ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้องคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรณีมีคำวินิจฉัยอนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่าง “
ซีพี” และ “
โลตัส” เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าชอบด้วยกฎหมายแล้ว
โดยศาลให้เหตุผลว่า เมื่อพิจารณาภายใต้ข้อเท็จจริง เหตุผล หลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อกฎหมายดังกล่าวแล้ว เห็นว่า การพิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจเป็นการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยผู้ที่มีผลงาน หรือเคยปฏิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของฝ่ายปกครอง ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ศาลจึงไม่อาจตรวจสอบอำนาจการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครองได้ และเมื่อไม่ปรากฏเหตุอื่นใดอันทำให้คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ที่ 93/3563 เรื่อง ผลการพิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 6 พ.ย.2563 จึงชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
ด้าน
BIOTHAI หรือ มูลนิธิชีววิถี โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวโดย ชวนไปดูกรณีการควบรวมกิจการในต่างประเทศ ในกรณีค้าปลีกว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ในประเทศนั้นๆ มีแนวปฏิบัติอย่างไร โดยแสดงให้เห็นตามภาพ
https://www.facebook.com/biothai.net/posts/696406435866106
พิธา เสียดายไม่ได้อภิปราย นโยบายรัฐบาลเศรษฐา เผย 30 ขุนพล ก้าวไกล เตรียมการแล้ว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7858241
“พิธา” เสียดายไม่ได้อภิปรายนโยบายรัฐบาล เผย 30 ขุนพล ก้าวไกล รัฐบาลการแล้ว สั่งขุดนโยบายเก่า ยิ่งลักษณ์-ประยุทธ์ เปรียบเทียบ “รบ.เศรษฐา” ย้ำหากนโยบาย ไม่พอ-ไม่จริง-ไม่ถึง ต้องลุกถาม
9 ก.ย. 66 – นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ประเด็นเกี่ยวกับการเมือง ระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร สส. เลือกตั้งซ่อมระยอง เขต 3 ถึงกรณีการเตรียมตัวของ 30 ขุนพลพรรคก้าวไกลในการอภิปราการแถลงนโยบายรัฐบาลของนาย
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า
ขอให้รัฐบาลเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ตนคิดว่ามีความสร้างสรรค์ ส่วนตัวแล้ว ได้ให้คนพิมพ์นโยบายสมัยรัฐบาลนางสาว
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , รัฐบาลพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลชุดนี้ เพื่อมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งก็มีเป้าหมายระดับหนึ่ง โดยมองว่ารัฐบาลคงไม่ต้องกังวล หากทำได้ตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น หรือตรงกับที่ตัวเองได้หาเสียงไว้
“
ผมคิดว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ ฝ่ายค้านคืออดีตของเขา” นาย
พิธา กล่าว
เมื่อถามว่า มีนโยบายอะไรที่ต้องถามเป็นพิเศษในที่ประชุมวันจันทร์นี้บ้าง นาย
พิธา กล่าวว่า นโยบายที่สนใจ ในกระแสสื่อก็คงทราบกันอยู่ ในขณะเดียวกัน 30 ขุนพลก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาติพันธุ์ ที่ดิน
“เสียดายที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปอภิปรายเอง เพราะว่ากระดุม 5 เม็ด ผ่านมา 4 ปี ก็เป็นช่วงที่เกี่ยวกับนโยบายว่าตอนนั้นดูนโยบายข้อนี้กับข้อนี้รวมกัน ก็ยังไม่ตอบโจทย์
นาย
พิธา ให้ข้อสังเกตไว้ว่า การทำงานจะต้องมีกรอบในการอภิปราย น่าจะมี 3 ไม่ อันที่หนึ่งเลยคือ “
ไม่มี” คือท้าทายประชาชน แต่ไม่มีในนโยบาย ก็ต้องท้วงติง
อันที่สองคือ “
ไม่จริง” ก็คือสัญญาไว้แต่ไม่ทำ และอันที่สามคือ “
ไม่พอ” ก็คือสัญญาไว้แต่เขียนไม่ชัดเจนพอ ไม่มีเป้าหมาย เขียนลอยๆ รวมถึงกรอบระยะเวลาในการทำนโยบายไม่ตรงกับที่สัญญาไว้กับประชาชน
เมื่อถามว่า 14 ชั่วโมงของฝ่ายค้านได้มีการจัดสรรปันส่วนกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นหรือไม่ นาย
พิธา กล่าวว่า คงเป็นหน้าที่ของ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิป สส. พรรคก้าวไกล
โรม ลั่น มาตรฐานต่ำกว่า รบ.บิ๊กตู่ ผิดหวัง ‘คำแถลงนโยบาย’ หวังวันนอร์คุมสภาได้-ก.ก.รออภิปรายเข้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4172151
‘โรม’ ลั่น น่าผิดหวัง ‘คำแถลงนโยบาย’ มาตรฐานต่ำกว่า รบ.บิ๊กตู่ คาดหวังวันนอร์คุมสภาได้-ก.ก.รออภิปรายเข้มข้น
เมื่อวันที่ 9 กันยายน นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ ส.ส.พรรค ก.ก. ก่อนวันประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ว่าหลักก็คงจะมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านเศรษฐกิจ และการเมือง เป็น 2 กลุ่มหลักที่มุ่งเน้น มีผู้อภิปรายโดยรวมประมาณ 30 คน ที่จะทำหน้าที่ในการอภิปราย ยังไม่อยากเปิดเผยการบ้าน แต่คงจะครอบคลุมทุกมิติของทุกประเด็น
เมื่อถามว่าจากที่ได้ดูคำแถลงนโยบายที่รัฐบาลส่งมาให้ทางรัฐสภา พรรค ก.ก.เห็นข้อบกพร่อง หรืออยากเสนอแนะในนโยบายด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่?
นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆ คงจะเสนอแนะในวันอภิปราย แต่ถ้าจะพูดคร่าวๆ ก่อนต้องเรียนตามตรงว่า การแถลงนโยบายที่ได้รับมาไม่ได้สะท้อนถึงความพร้อมของรัฐบาลเลย รัฐบาลไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความชัดเจน และที่สำคัญถ้าเปรียบเทียบกับการทำแถลงนโยบายก่อนๆ แม้กระทั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) เอง ก็ต้องยอมรับว่าอันนี้มีคุณภาพที่ต่ำกว่า เพราะว่ามีลักษณะที่ค่อนข้างเลื่อนลอย ไม่ชัดเจนค่อนข้างสูง และหลายนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ก็ไม่ได้อยู่ในนั้น
“
ดังนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานค่อนข้างต่ำกว่า แม้จะเปรียบเทียบกับรัฐบาลเพื่อไทยก่อนหน้านี้อย่างในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย แม้กระทั่งเปรียบเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เผลอๆ ยังแย่กว่าด้วยซ้ำในส่วนของคำแถลงนโยบาย” นาย
รังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าในส่วนที่ก้าวไกลได้มี ส.ส.ลงชื่อร่วมอภิปรายไว้แล้วประมาณ 30 คน จะมีการเพิ่มจำนวนผู้อภิปรายหรือไม่?
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆ มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 60 คน แต่ด้วยข้อจำกัดเวลา 10 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องขอร้องว่าบางท่านอาจจะไม่ได้อภิปราย และทางพรรคมีกระบวนการในการให้แต่ละท่านที่ยื่นความจำนงมา
“พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนสอบคัดเลือกเลย ดังนั้น เนื้อหาสาระที่จะถูกนำไปอภิปรายจะต้องเข้มข้นอย่างแน่นอน เชื่อว่าถ้ารัฐบาลนำไปปรับใช้จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก
“ต้องเรียนตามตรงว่า เรามีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้มานาน เพราะว่าตอนแรกเราเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะโดนหักหลัง ดังนั้น เราก็มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายต่างๆ เพื่อว่าเราจำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด แต่ผมเข้าใจว่าตรงกันข้ามกับรัฐบาลอย่างเพื่อไทยที่อาจจะไม่ได้เตรียมความพร้อมนี้มาตั้งแต่ต้น เลยอาจจะทำให้สุดท้ายไม่ได้ให้ความสำคัญของการเอานโยบายมาปรับใช้เพื่อให้เกิดผลต่อประชาชน แต่เราก็พร้อมให้โอกาส เราพร้อมให้โอกาสรัฐบาลได้ลองทำงาน แต่พอดูจากเนื้อหาการแถลงนโยบายแล้วต้องยอมรับว่า ค่อนข้างน่าผิดหวัง” นาย
รังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นที่ นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา อยากให้การอภิปรายเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่เป็นการอภิปรายในเชิงไม่ไว้วางใจ เพราะกังวลว่าจะทำให้เกิดการประท้วง ทำให้การประชุมไม่ราบรื่น?
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า ประการแรก คงไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนี้ก็คงจะทำความเข้าใจตรงกัน ส่วนเนื้อหาสาระจะเข้มข้นไปบ้าง คิดว่ามันก็คงต้องไปดูตามระเบียบต่างๆ ว่าถูกต้อง ไม่ถูกต้องอย่างไร ส่วนว่าจะมีการนำไปสู่การประท้วงอะไรต่างๆ วุ่นวาย ต้องเรียนตามตรงว่า 4 ปีที่แล้ว ผู้ที่ลุกขึ้นประท้วงจำนวนมาก ลุกขึ้นประท้วงอย่างไร้สาระก็เยอะ เวลาบอกว่าอยากให้การทำงานของสภาราบรื่น เป็นไปอย่างถูกต้อง คิดว่าก็ต้องพิจารณาจาก 2 ทางคือ ผู้อภิปรายและผู้ประท้วง
“
เราคงไม่สามารถที่จะมาจำกัดบทบาทของผู้อภิปรายอย่างเดียวได้ แม้ผู้อภิปรายจะอภิปรายถูกต้อง แต่คนประท้วงมันก็จะประท้วง ดังนั้น ก็ค่อนข้างคาดหวังว่านายวันมูหะมัดนอร์จะควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงการมีคำวินิจฉัยที่เด็ดขาด ให้ผู้ประท้วงไม่ประท้วงอย่างไม่เป็นสาระ อันนี้ก็คงเป็นสิ่งที่คงต้องอาจจะฝากไปถึงนายวันมูหะมัดนอร์ แต่นายวันมูหะมัดนอร์เคยมีประสบการณ์เป็นประธานสภามาแล้ว ผมคิดว่าน่าจะทราบแล้วก็เข้าใจอยู่แล้วว่าเทคนิคในการประท้วงเพื่อทำลายจังหวะของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าหากฝั่งรัฐบาลจะมี ส.ส. หรือองครักษ์ ลุกขึ้นมาประท้วงไม่ให้มีการอภิปรายนายกฯมากเกินไป ทางพรรค ก.ก.ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?
นาย
รังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เชื่อว่าถ้าฝ่ายรัฐบาลพยายามปิดปาก มันก็จะเป็นผลเสียต่อฝ่ายรัฐบาลเอง
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะให้โอกาสรัฐบาลทำงานไปกี่เดือน จึงจะเริ่มทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น?
นาย
รังสิมันต์เผยว่า จริงๆ คงไม่ใช่บอกว่าจะไม่ตรวจสอบเลย ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะตอนนี้ต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่แล้ว ทันทีที่เงินเดือนจากภาษีประชาชนเข้าบัญชี ก็ควรจะตระหนักได้ว่า การทำหน้าที่ของพวกเราต้องเต็มที่เพื่อให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนทุกบาท ทุกสตางค์ เพียงแต่ว่าในเรื่องของการทำหน้าที่ของรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปตามวาระตามโอกาส แต่เมื่อมีข้อผิดพลาดมีข้อท้วงติง คิดว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไข
“
อย่าไปคิดว่าฝ่ายค้านพูดอะไรไปคุณต้องไม่ปฏิบัติตาม เดี๋ยวทำไปแล้วฝ่ายค้านได้หน้า ถ้าคิดกันแบบนี้ผมอยากฝากอย่างนี้เลยว่า การเมืองและนักการเมืองจำนวนมากชอบคิดแบบนี้ว่า เดี๋ยวถ้าเกิดฝ่ายนู้นเสนอ แล้วทำไปทำตามเดี๋ยวเข้าทางเขา ดังนั้น ไม่ทำ จนสุดท้ายมันกลายเป็นอีโก้ ซึ่งอีโก้เหล่านี้ไม่ช่วยอะไรเลย ทำร้ายทั้งรัฐบาล ทำร้ายประชาชน และผมเชื่อว่ารัฐบาลแบบนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแน่นอน” นาย
รังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าในการอภิปรายวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ส่วนตัวจะอภิปรายในประเด็นใดบ้าง?
นาย
รังสิมันต์หัวเราะเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “
ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าผมจะอภิปราย ให้รอดูดีกว่าครับ”
วิกฤตราคาข้าวพุ่งกระฉูดในฟิลิปปินส์ ส่งสัญญาณเตือนเงินเฟ้อทั่วโลก
https://www.infoquest.co.th/2023/333342
ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นในฟิลิปปินส์อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อื่น ๆ เนื่องจากผลกระทบจากการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียยังคงส่งผลกระทบไปทั่วเอเชียและแอฟริกาตะวันตก
เงินเฟ้อจากราคาข้าวในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งย้ำเตือนถึงภาวะวิกฤตข้าวในปี 2561 ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าที่ดำเนินมานานถึง 20 ปี ขณะที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เตือนในสัปดาห์นี้ว่า ธนาคารพร้อมที่จะกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินอีกครั้ง หากจำเป็น
JJNY : 5in1 ชวนดูการควบรวม│พิธาเสียดาย│โรมผิดหวัง‘คำแถลงนโยบาย’│วิกฤตราคาข้าวพุ่งกระฉูดในฟิลิปปินส์│โมร็อกโกสังเวยพุ่ง
https://prachatai.com/journal/2023/09/105837
BIOTHAI ชวนดูการควบรวมกิจการในต่างประเทศ หลัง ศาลปกครองกลางมีคำตัดสินให้การควบรวมกิจการ ระหว่าง ซีพีกับเทสโก้ เป็นไปโดยชอบ โดยอ้างเหตุว่า ศาลไม่อาจตรวจสอบอำนาจการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครองได้
9 ก.ย.2566 สื่อหลายสำนัก เช่น มติชนออนไลน์ ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ และ PPTV รายงานตรงกันว่า วานนี้ (8 ก.ย.) ศาลปกครองกลางพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคยื่นฟ้องคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า กรณีมีคำวินิจฉัยอนุญาตให้รวมธุรกิจระหว่าง “ซีพี” และ “โลตัส” เนื่องจากศาลเห็นว่าเป็นคำวินิจฉัยของคณะกรรมการแข่งขันทางการค้าชอบด้วยกฎหมายแล้ว
โดยศาลให้เหตุผลว่า เมื่อพิจารณาภายใต้ข้อเท็จจริง เหตุผล หลักเกณฑ์ วิธีการ และข้อกฎหมายดังกล่าวแล้ว เห็นว่า การพิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจเป็นการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นคณะกรรมการที่ประกอบไปด้วยผู้ที่มีผลงาน หรือเคยปฏิบัติงานที่แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้มีความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านของฝ่ายปกครอง ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมาย ศาลจึงไม่อาจตรวจสอบอำนาจการใช้ดุลพินิจโดยแท้ของฝ่ายปกครองได้ และเมื่อไม่ปรากฏเหตุอื่นใดอันทำให้คำสั่งพิพาทไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำสั่งคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า ที่ 93/3563 เรื่อง ผลการพิจารณาคำขออนุญาตรวมธุรกิจระหว่าง บริษัท ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด และ บริษัท เทสโก้ สโตร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ลงวันที่ 6 พ.ย.2563 จึงชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
ด้าน BIOTHAI หรือ มูลนิธิชีววิถี โพสต์ถึงกรณีดังกล่าวโดย ชวนไปดูกรณีการควบรวมกิจการในต่างประเทศ ในกรณีค้าปลีกว่า คณะกรรมการแข่งขันทางการค้า ในประเทศนั้นๆ มีแนวปฏิบัติอย่างไร โดยแสดงให้เห็นตามภาพ
https://www.facebook.com/biothai.net/posts/696406435866106
พิธา เสียดายไม่ได้อภิปราย นโยบายรัฐบาลเศรษฐา เผย 30 ขุนพล ก้าวไกล เตรียมการแล้ว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7858241
“พิธา” เสียดายไม่ได้อภิปรายนโยบายรัฐบาล เผย 30 ขุนพล ก้าวไกล รัฐบาลการแล้ว สั่งขุดนโยบายเก่า ยิ่งลักษณ์-ประยุทธ์ เปรียบเทียบ “รบ.เศรษฐา” ย้ำหากนโยบาย ไม่พอ-ไม่จริง-ไม่ถึง ต้องลุกถาม
9 ก.ย. 66 – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ประเด็นเกี่ยวกับการเมือง ระหว่างลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร สส. เลือกตั้งซ่อมระยอง เขต 3 ถึงกรณีการเตรียมตัวของ 30 ขุนพลพรรคก้าวไกลในการอภิปราการแถลงนโยบายรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่า
ขอให้รัฐบาลเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง ตนคิดว่ามีความสร้างสรรค์ ส่วนตัวแล้ว ได้ให้คนพิมพ์นโยบายสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร , รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และรัฐบาลชุดนี้ เพื่อมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งก็มีเป้าหมายระดับหนึ่ง โดยมองว่ารัฐบาลคงไม่ต้องกังวล หากทำได้ตรงตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น หรือตรงกับที่ตัวเองได้หาเสียงไว้
“ผมคิดว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ ฝ่ายค้านคืออดีตของเขา” นายพิธา กล่าว
เมื่อถามว่า มีนโยบายอะไรที่ต้องถามเป็นพิเศษในที่ประชุมวันจันทร์นี้บ้าง นายพิธา กล่าวว่า นโยบายที่สนใจ ในกระแสสื่อก็คงทราบกันอยู่ ในขณะเดียวกัน 30 ขุนพลก็จะเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ชาติพันธุ์ ที่ดิน
“เสียดายที่ตัวเองไม่ได้เข้าไปอภิปรายเอง เพราะว่ากระดุม 5 เม็ด ผ่านมา 4 ปี ก็เป็นช่วงที่เกี่ยวกับนโยบายว่าตอนนั้นดูนโยบายข้อนี้กับข้อนี้รวมกัน ก็ยังไม่ตอบโจทย์
นายพิธา ให้ข้อสังเกตไว้ว่า การทำงานจะต้องมีกรอบในการอภิปราย น่าจะมี 3 ไม่ อันที่หนึ่งเลยคือ “ไม่มี” คือท้าทายประชาชน แต่ไม่มีในนโยบาย ก็ต้องท้วงติง
อันที่สองคือ “ไม่จริง” ก็คือสัญญาไว้แต่ไม่ทำ และอันที่สามคือ “ไม่พอ” ก็คือสัญญาไว้แต่เขียนไม่ชัดเจนพอ ไม่มีเป้าหมาย เขียนลอยๆ รวมถึงกรอบระยะเวลาในการทำนโยบายไม่ตรงกับที่สัญญาไว้กับประชาชน
เมื่อถามว่า 14 ชั่วโมงของฝ่ายค้านได้มีการจัดสรรปันส่วนกับพรรคร่วมฝ่ายค้านอื่นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า คงเป็นหน้าที่ของ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ประธานวิป สส. พรรคก้าวไกล
โรม ลั่น มาตรฐานต่ำกว่า รบ.บิ๊กตู่ ผิดหวัง ‘คำแถลงนโยบาย’ หวังวันนอร์คุมสภาได้-ก.ก.รออภิปรายเข้ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4172151
‘โรม’ ลั่น น่าผิดหวัง ‘คำแถลงนโยบาย’ มาตรฐานต่ำกว่า รบ.บิ๊กตู่ คาดหวังวันนอร์คุมสภาได้-ก.ก.รออภิปรายเข้มข้น
เมื่อวันที่ 9 กันยายน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของ ส.ส.พรรค ก.ก. ก่อนวันประชุมรัฐสภาเพื่อแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 11-12 กันยายนนี้ ว่าหลักก็คงจะมีการแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านเศรษฐกิจ และการเมือง เป็น 2 กลุ่มหลักที่มุ่งเน้น มีผู้อภิปรายโดยรวมประมาณ 30 คน ที่จะทำหน้าที่ในการอภิปราย ยังไม่อยากเปิดเผยการบ้าน แต่คงจะครอบคลุมทุกมิติของทุกประเด็น
เมื่อถามว่าจากที่ได้ดูคำแถลงนโยบายที่รัฐบาลส่งมาให้ทางรัฐสภา พรรค ก.ก.เห็นข้อบกพร่อง หรืออยากเสนอแนะในนโยบายด้านใดเป็นพิเศษหรือไม่?
นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆ คงจะเสนอแนะในวันอภิปราย แต่ถ้าจะพูดคร่าวๆ ก่อนต้องเรียนตามตรงว่า การแถลงนโยบายที่ได้รับมาไม่ได้สะท้อนถึงความพร้อมของรัฐบาลเลย รัฐบาลไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความชัดเจน และที่สำคัญถ้าเปรียบเทียบกับการทำแถลงนโยบายก่อนๆ แม้กระทั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย (พท.) เอง ก็ต้องยอมรับว่าอันนี้มีคุณภาพที่ต่ำกว่า เพราะว่ามีลักษณะที่ค่อนข้างเลื่อนลอย ไม่ชัดเจนค่อนข้างสูง และหลายนโยบายที่เคยหาเสียงไว้ก็ไม่ได้อยู่ในนั้น
“ดังนั้น ก็ต้องยอมรับว่ามาตรฐานค่อนข้างต่ำกว่า แม้จะเปรียบเทียบกับรัฐบาลเพื่อไทยก่อนหน้านี้อย่างในยุคของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างงี้เลย แม้กระทั่งเปรียบเทียบกับรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เผลอๆ ยังแย่กว่าด้วยซ้ำในส่วนของคำแถลงนโยบาย” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าในส่วนที่ก้าวไกลได้มี ส.ส.ลงชื่อร่วมอภิปรายไว้แล้วประมาณ 30 คน จะมีการเพิ่มจำนวนผู้อภิปรายหรือไม่?
นายรังสิมันต์กล่าวว่า จริงๆ มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 60 คน แต่ด้วยข้อจำกัดเวลา 10 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องขอร้องว่าบางท่านอาจจะไม่ได้อภิปราย และทางพรรคมีกระบวนการในการให้แต่ละท่านที่ยื่นความจำนงมา
“พูดง่ายๆ ก็คือเหมือนสอบคัดเลือกเลย ดังนั้น เนื้อหาสาระที่จะถูกนำไปอภิปรายจะต้องเข้มข้นอย่างแน่นอน เชื่อว่าถ้ารัฐบาลนำไปปรับใช้จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลและประชาชนอย่างมาก
“ต้องเรียนตามตรงว่า เรามีการเตรียมความพร้อมเรื่องนี้มานาน เพราะว่าตอนแรกเราเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ก่อนที่จะโดนหักหลัง ดังนั้น เราก็มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนโยบายต่างๆ เพื่อว่าเราจำหน้าที่อย่างเต็มที่ที่สุด แต่ผมเข้าใจว่าตรงกันข้ามกับรัฐบาลอย่างเพื่อไทยที่อาจจะไม่ได้เตรียมความพร้อมนี้มาตั้งแต่ต้น เลยอาจจะทำให้สุดท้ายไม่ได้ให้ความสำคัญของการเอานโยบายมาปรับใช้เพื่อให้เกิดผลต่อประชาชน แต่เราก็พร้อมให้โอกาส เราพร้อมให้โอกาสรัฐบาลได้ลองทำงาน แต่พอดูจากเนื้อหาการแถลงนโยบายแล้วต้องยอมรับว่า ค่อนข้างน่าผิดหวัง” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นที่ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา อยากให้การอภิปรายเป็นไปในเชิงสร้างสรรค์ ไม่ใช่เป็นการอภิปรายในเชิงไม่ไว้วางใจ เพราะกังวลว่าจะทำให้เกิดการประท้วง ทำให้การประชุมไม่ราบรื่น?
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ประการแรก คงไม่ใช่อภิปรายไม่ไว้วางใจ อันนี้ก็คงจะทำความเข้าใจตรงกัน ส่วนเนื้อหาสาระจะเข้มข้นไปบ้าง คิดว่ามันก็คงต้องไปดูตามระเบียบต่างๆ ว่าถูกต้อง ไม่ถูกต้องอย่างไร ส่วนว่าจะมีการนำไปสู่การประท้วงอะไรต่างๆ วุ่นวาย ต้องเรียนตามตรงว่า 4 ปีที่แล้ว ผู้ที่ลุกขึ้นประท้วงจำนวนมาก ลุกขึ้นประท้วงอย่างไร้สาระก็เยอะ เวลาบอกว่าอยากให้การทำงานของสภาราบรื่น เป็นไปอย่างถูกต้อง คิดว่าก็ต้องพิจารณาจาก 2 ทางคือ ผู้อภิปรายและผู้ประท้วง
“เราคงไม่สามารถที่จะมาจำกัดบทบาทของผู้อภิปรายอย่างเดียวได้ แม้ผู้อภิปรายจะอภิปรายถูกต้อง แต่คนประท้วงมันก็จะประท้วง ดังนั้น ก็ค่อนข้างคาดหวังว่านายวันมูหะมัดนอร์จะควบคุมการประชุมให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย รวมถึงการมีคำวินิจฉัยที่เด็ดขาด ให้ผู้ประท้วงไม่ประท้วงอย่างไม่เป็นสาระ อันนี้ก็คงเป็นสิ่งที่คงต้องอาจจะฝากไปถึงนายวันมูหะมัดนอร์ แต่นายวันมูหะมัดนอร์เคยมีประสบการณ์เป็นประธานสภามาแล้ว ผมคิดว่าน่าจะทราบแล้วก็เข้าใจอยู่แล้วว่าเทคนิคในการประท้วงเพื่อทำลายจังหวะของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าหากฝั่งรัฐบาลจะมี ส.ส. หรือองครักษ์ ลุกขึ้นมาประท้วงไม่ให้มีการอภิปรายนายกฯมากเกินไป ทางพรรค ก.ก.ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ใช่หรือไม่?
นายรังสิมันต์กล่าวว่า คงต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เชื่อว่าถ้าฝ่ายรัฐบาลพยายามปิดปาก มันก็จะเป็นผลเสียต่อฝ่ายรัฐบาลเอง
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านจะให้โอกาสรัฐบาลทำงานไปกี่เดือน จึงจะเริ่มทำการตรวจสอบอย่างเข้มข้น?
นายรังสิมันต์เผยว่า จริงๆ คงไม่ใช่บอกว่าจะไม่ตรวจสอบเลย ต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ เพราะตอนนี้ต้องทำหน้าที่ในสภาอย่างเต็มที่แล้ว ทันทีที่เงินเดือนจากภาษีประชาชนเข้าบัญชี ก็ควรจะตระหนักได้ว่า การทำหน้าที่ของพวกเราต้องเต็มที่เพื่อให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนทุกบาท ทุกสตางค์ เพียงแต่ว่าในเรื่องของการทำหน้าที่ของรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปตามวาระตามโอกาส แต่เมื่อมีข้อผิดพลาดมีข้อท้วงติง คิดว่าเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะต้องไปปรับปรุงแก้ไข
“อย่าไปคิดว่าฝ่ายค้านพูดอะไรไปคุณต้องไม่ปฏิบัติตาม เดี๋ยวทำไปแล้วฝ่ายค้านได้หน้า ถ้าคิดกันแบบนี้ผมอยากฝากอย่างนี้เลยว่า การเมืองและนักการเมืองจำนวนมากชอบคิดแบบนี้ว่า เดี๋ยวถ้าเกิดฝ่ายนู้นเสนอ แล้วทำไปทำตามเดี๋ยวเข้าทางเขา ดังนั้น ไม่ทำ จนสุดท้ายมันกลายเป็นอีโก้ ซึ่งอีโก้เหล่านี้ไม่ช่วยอะไรเลย ทำร้ายทั้งรัฐบาล ทำร้ายประชาชน และผมเชื่อว่ารัฐบาลแบบนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแน่นอน” นายรังสิมันต์กล่าว
เมื่อถามว่าในการอภิปรายวันแถลงนโยบายของรัฐบาล ส่วนตัวจะอภิปรายในประเด็นใดบ้าง?
นายรังสิมันต์หัวเราะเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าผมจะอภิปราย ให้รอดูดีกว่าครับ”
วิกฤตราคาข้าวพุ่งกระฉูดในฟิลิปปินส์ ส่งสัญญาณเตือนเงินเฟ้อทั่วโลก
https://www.infoquest.co.th/2023/333342
ราคาข้าวที่พุ่งขึ้นในฟิลิปปินส์อาจเป็นสัญญาณเตือนสำหรับผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่อื่น ๆ เนื่องจากผลกระทบจากการจำกัดการส่งออกข้าวของอินเดียยังคงส่งผลกระทบไปทั่วเอเชียและแอฟริกาตะวันตก
เงินเฟ้อจากราคาข้าวในฟิลิปปินส์เพิ่มขึ้นในอัตราสูงที่สุดในรอบเกือบ 5 ปีในเดือนส.ค. ซึ่งย้ำเตือนถึงภาวะวิกฤตข้าวในปี 2561 ซึ่งนำไปสู่การยกเลิกข้อจำกัดในการนำเข้าที่ดำเนินมานานถึง 20 ปี ขณะที่ธนาคารกลางฟิลิปปินส์เตือนในสัปดาห์นี้ว่า ธนาคารพร้อมที่จะกลับมาใช้มาตรการคุมเข้มทางการเงินอีกครั้ง หากจำเป็น