สื่อนอกตีข่าว ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯไทย ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4158940
สื่อนอกตีข่าว ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯไทย ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ภายหลังจากที่ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ
ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ด้วยเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษาขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
สำนักข่าวต่างประเทศ ต่างรายงานข่าวกรณีพระราชทานอภัยลดโทษจำนวนมาก โดยรอยเตอร์ รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ จากจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี โดยได้ประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษา โดยในเอกสารได้ระบุว่า
ทักษิณ ได้ยอมรับในการกระทำ และมีความสำนึกผิด รวมทั้งมีการบันทึกว่า อดีตนายกฯ ไทยนั้นมีอาการป่วย
ขณะที่
แชนแนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า
ทักษิณ ได้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วๆ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากว่า 15 ปี และถูกนำตัวเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษ 8 ปี ซึ่งในคืนแรก ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูง รวมทั้งได้ระบุถึงเนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาเช่นกัน
เช่นเดียวกับ
ซีเอ็นเอ็น ที่รายงานข่าวพระราชทานอภัยลดโทษ
ทักษิณ ชินวัตร เช่นกัน โดยได้รายงานเพิ่มเติมว่าอย่างไรก็ตามไม่เป็นที่แน่ชัดว่าได้ยื่นขอเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการรับสนองพระบรมราชโองการโดย พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งนายกฯ อดีตผบ.ทบ.ที่โค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ของน้องสาวนาย
ทักษิณ ชินวัตร
ด้านเอพี รายงานข่าวดังกล่าว พร้อมย้อนประวัติว่า
ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 และถูกกล่าวหาว่าทุจริต ใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยออกจากประเทศไทยไปเมื่อ 2551 และต้องเผชิญกับคำกล่าวหาว่าเขาครอบงำทางการเมือง
นอกจากนี้ ยังมี
บีบีซี และ
อัลจาซีร่า ที่ได้รายงานข่าวเช่นเดียวกัน
โรม ซัด‘อดิศร’ ให้ข้อมูลเท็จ ปมสภาล่ม ถ้าไม่จงใจโกหก ก็ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7845224
โรม ซัด ‘อดิศร’ ให้ข้อมูลเท็จปมสภาล่ม อ้างวอล์กเอาต์ ทั้งที่อยู่แสดงตน ชี้ถ้าไม่เรียกว่าจงใจโกหก ก็ต้องเรียกว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
วันที่ 1 ก.ย.2566 นาย
รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงนาย
อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อ้างสส.พรรคเพื่อไทยและตนเองวอล์กเอาต์ จนทำให้สภาล่ม เพราะไม่เห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลเสนอนับองค์ประชุมว่า
“ผมตกใจที่เห็น อดิศร เพียงเกษ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่าตนและส.ส.จากพรรคเพื่อไทยเดินออกจากที่ประชุมก่อนมีการลงมติ ทั้งๆที่มีการแสดงตนจากเพื่อไทยอยู่ 50 เสียงและหนึ่งในนั้น ก็คือตัวคุณอดิศรเอง”
นาย
รังสิมันต์ ระบุด้วยว่า ในยุคปัจจุบัน การให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากผู้แทนราษฎรของเราอย่างเด็ดขาด และในฐานะ ว่าที่วิปฝ่ายรัฐบาล นาย
อดิศร ควรจะรู้จำนวนเสียงในการโหวตของพรรคฝั่งตนเองดีที่สุด การมาให้ข้อมูลผิดๆ ต่อสังคมแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่าจงใจโกหก ก็ต้องเรียกว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02xFev9cgPRaZDTcQcB834oMf1kN2U79kfmepxZYiDXMP5WXn5GPxnvB59P9Khjq88l
โพลหาดใหญ่ ชี้ ดัชนีความเชื่อมั่น ‘คนใต้’ ลดลง เหตุไม่มั่นใจรบ.ผสมข้ามขั้ว นโยบายไม่แน่นอน
https://www.matichon.co.th/region/news_4158081
หาดใหญ่โพล ความเชื่อมั่นประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ต่อรัฐบาลใหม่ “ปรับตัวลดลง” หนี้สินครัวเรือน “พุ่ง” กำลังซื้อหด นโยบายไม่แน่นอน จากการผสมข้ามขั้ว “เผย” ทำงานรูปแบบเก่า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคนละทาง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น “วอน” เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ผศ.ดร.
วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม 420 ตัวอย่าง พบว่าโดยรวมปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“
ปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความชัดเจนของนโยบายในการดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ ที่ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจาก เป็นรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว ที่ยังคงมีรูปแบบในการทำงานแบบเก่า เมื่อได้จัดสรรโควต้ารัฐมนตรีให้แต่ละพรรคแล้ว ต่างคนก็ต่างทำงาน ตามนโยบายและแนวทางพรรคตนเอง โดยไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มีการบูรณาการ ในการทำงานร่วมกัน ซึ่งอาจทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาล ว่าจะทำได้ตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่” ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าว
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า จากการสำรวจ พบว่า แนวโน้มหนี้ครัวเรือนสะสมสูงเกิน 80% ของ GDP ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างชัดเจน ประชาชนจำนวนมากที่เป็นหนี้ และยังต้องการกู้เงินเพิ่ม เพื่อนำเงินไปชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของหนี้เดิม โดยพฤติกรรมมีความแตกต่างจากในอดีตที่ประชาชนส่วนใหญ่กู้เงินเพื่อนำมาชำระค่าอาหารและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจากพฤติกรรมของลูกหนี้ที่เปลี่ยนไป สะท้อนถึงปัญหาของหนี้ครัวเรือนที่รุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ย่อมส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า ประชาชนภาคใต้ต้องการให้รัฐบาลใหม่รีบเข้ามาแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการปรับลดค่าไฟฟ้า และค่าพลังงานแบบทันทีที่เข้ามาบริหารประเทศ ครัวเรือนจำนวนมากมีหนี้สิน ซึ่งเกิดในช่วงโควิด-19 ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายแล้ว แต่หนี้ครัวเรือนยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากแหล่งเงินกู้ในระบบและนอกระบบ คาดหวังให้รัฐบาลใหม่กำหนดนโยบายช่วยเหลือหนี้ครัวเรือนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือน เม.ย.66 ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ด้วย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และมีความกังวลต่อการทำงานร่วมกันของรัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีนโยบายแตกต่างกัน โดยประชาชนต้องการให้รัฐบาลจัดทำ MOU ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
ผศ.ดร.
วิวัฒน์กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการช่วยลดค่าไฟฟ้าและพลังงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ การช่วยเหลือราคาพืชผลทางการเกษตร การเพิ่มบำนาญผู้สูงอายุ และการเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน
ประท้วงกลางสายฝน ชาวสวนมังคุดเมืองคอนสุดจะทนถูกทุบราคา ขนนับพันกิโล เททิ้งหน้าอำเภอ
https://siamrath.co.th/n/474262
ชาวสวนมังคุดคุณภาพดีที่สุดของภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช สุดทนถูกทุบราคาผลผลิตซ้ำซากดิ่งต่ำ 5 บาท ผู้ส่งออกโกยกำไรนับสิบเท่าตัว ประท้วงเทมังคุดนับพันกิโลกรัมหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี นครศรีธรรมราช ไร้เงาเจ้าหน้าที่เข้าดูแลเจรจา
เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 1 กันยายน 2566 บริเวณหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-นบพิตำ เกษตรกรชาวสวนมังคุดหลายรายได้บรรทุกมังคุดจำนวนมากทะยอยมาเททิ้งบริเวณริมถนนหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอ นอกจากนั้นยังมีการถือป้ายประท้วงรวมทั้งบอกกล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนมังคุดที่ถูกทุบราคาอย่างหนักจากกิโลกรัมละ 70-80 บาท วันนี้ร่วงต่ำสุดที่ 80 บาท หรือบางจุดรับซื้อแค่ 5 บาทเท่านั้น
ชาวสวนมังคุดที่ทราบข่าวการรวมตัวของเกษตรกรนำผลผลิตมาเทกองหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอ ได้ช่วยกันขนมังคุดของตัวเองทยอยมาร่วมกิจกรรมเททิ้งจนปริมาณมังคุดเต็มผิวการจราจร 1 ช่องทาง ผู้ที่ร่วมกิจกรรมพยายามไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้สัญจร ปริมาณที่ถูกเททิ้งไว้มากกว่า 2 ตันและยังมีการขนมาร่วมกิจกรรมเรื่อยๆแม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
นาย
เจตน์ สายบัว ชาวสวนมังคุดหมู่ 7 ตำบลบ้านเกาะ ระบุว่าหลังจากเก็บเกี่ยววันนี้พบราคาเหลือแค่ 8 บาท แต่ราคาแรงงานเก็บที่ 10 บาท ถามว่าเกษตรกรมีรายได้อะไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเกิดจากล้งร่วมกับทุบราคา กดราคาเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง รถคอนเทนเนอร์ส่งออกไปแทบไม่ขาดสายแต่ราคาดิ่งเหว
“นอกจากนั้นยังมีมังคุดจานอกพื้นที่เข้ามาทำลายมังคุดในพื้นที่อีก บางล้งนำเข้ามาสวมเป็นมังคุดพรหมคีรี แต่คุณภาพไม่เหมือนกันทำให้มังคุดพรหมคีรีถูกทุบราคาไปด้วย พาณิชย์จังหวัดเจ้าหน้าที่ไม่เห็นหน้าไม่รู้จะทำยังไง รัฐบาลไม่มีแนวทางจะทำอะไรกับความเดือดร้อน มัวแต่วุ่นอยู่กับแบ่งตำแหน่ง”
จนถึงเวลา 16.30 น.มีรายงานว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยกับเกษตรกร มีเพียงตำรวจสายตรวจที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรเพียง 1 นาย ส่วนเกษตรกรยืนยันว่าการนำมังคุดสิ่งที่เป็นสิ่งมีค่าของเกษตรกรมาเททิ้งประจานหน้าป้ายเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มีค่าของเกษตรกรไม่ได้มีค่ากับภาคราชการที่มีหน้าที่ต้องดูแล
JJNY : 5in1 สื่อนอกตีข่าว│โรมซัด‘อดิศร’ให้ข้อมูลเท็จ│เชื่อมั่น‘คนใต้’ลดลง│ชาวสวนมังคุดเมืองคอนสุดจะทน│โดรนยูเครนโจมตี
https://www.matichon.co.th/foreign/news_4158940
สื่อนอกตีข่าว ‘ทักษิณ ชินวัตร’ อดีตนายกฯไทย ได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ภายหลังจากที่ ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ พระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษ ทักษิณ ชินวัตร เหลือโทษจำคุกต่อไปอีก 1 ปี ด้วยเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน ทำคุณประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน มีความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เมื่อถูกดำเนินคดีและศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุกดังกล่าวด้วยความเคารพในกระบวนการยุติธรรม ยอมรับผิดในการกระทำ มีความสำนึกในความผิด จึงขอรับโทษตามคำพิพากษาขณะนี้อายุมาก มีปัญหาสุขภาพเจ็บป่วยต้องเข้ารักษาพยาบาลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญนั้น
สำนักข่าวต่างประเทศ ต่างรายงานข่าวกรณีพระราชทานอภัยลดโทษจำนวนมาก โดยรอยเตอร์ รายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชหัตถเลขาพระราชทานอภัยลดโทษนายทักษิณ จากจำคุก 8 ปี เหลือ 1 ปี โดยได้ประกาศผ่านราชกิจจานุเบกษา โดยในเอกสารได้ระบุว่า ทักษิณ ได้ยอมรับในการกระทำ และมีความสำนึกผิด รวมทั้งมีการบันทึกว่า อดีตนายกฯ ไทยนั้นมีอาการป่วย
ขณะที่ แชนแนล นิวส์ เอเชีย รายงานว่า ทักษิณ ได้เดินทางกลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว เมื่อสัปดาห์ที่แล้วๆ หลังจากใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศมากว่า 15 ปี และถูกนำตัวเข้าเรือนจำเพื่อรับโทษ 8 ปี ซึ่งในคืนแรก ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากการเจ็บหน้าอกและความดันโลหิตสูง รวมทั้งได้ระบุถึงเนื้อหาในราชกิจจานุเบกษาเช่นกัน
เช่นเดียวกับ ซีเอ็นเอ็น ที่รายงานข่าวพระราชทานอภัยลดโทษทักษิณ ชินวัตร เช่นกัน โดยได้รายงานเพิ่มเติมว่าอย่างไรก็ตามไม่เป็นที่แน่ชัดว่าได้ยื่นขอเมื่อใด แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการรับสนองพระบรมราชโองการโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เพิ่งพ้นจากตำแหน่งนายกฯ อดีตผบ.ทบ.ที่โค่นล้มรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ของน้องสาวนายทักษิณ ชินวัตร
ด้านเอพี รายงานข่าวดังกล่าว พร้อมย้อนประวัติว่า ทักษิณ ชินวัตร ถูกรัฐประหารเมื่อปี 2549 และถูกกล่าวหาว่าทุจริต ใช้อำนาจโดยมิชอบ โดยออกจากประเทศไทยไปเมื่อ 2551 และต้องเผชิญกับคำกล่าวหาว่าเขาครอบงำทางการเมือง
นอกจากนี้ ยังมี บีบีซี และ อัลจาซีร่า ที่ได้รายงานข่าวเช่นเดียวกัน
โรม ซัด‘อดิศร’ ให้ข้อมูลเท็จ ปมสภาล่ม ถ้าไม่จงใจโกหก ก็ทำงานไม่มีประสิทธิภาพ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7845224
โรม ซัด ‘อดิศร’ ให้ข้อมูลเท็จปมสภาล่ม อ้างวอล์กเอาต์ ทั้งที่อยู่แสดงตน ชี้ถ้าไม่เรียกว่าจงใจโกหก ก็ต้องเรียกว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
วันที่ 1 ก.ย.2566 นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กระบุถึงนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย อ้างสส.พรรคเพื่อไทยและตนเองวอล์กเอาต์ จนทำให้สภาล่ม เพราะไม่เห็นด้วยที่พรรคก้าวไกลเสนอนับองค์ประชุมว่า
“ผมตกใจที่เห็น อดิศร เพียงเกษ ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อว่าตนและส.ส.จากพรรคเพื่อไทยเดินออกจากที่ประชุมก่อนมีการลงมติ ทั้งๆที่มีการแสดงตนจากเพื่อไทยอยู่ 50 เสียงและหนึ่งในนั้น ก็คือตัวคุณอดิศรเอง”
นายรังสิมันต์ ระบุด้วยว่า ในยุคปัจจุบัน การให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเท็จแบบนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นจากผู้แทนราษฎรของเราอย่างเด็ดขาด และในฐานะ ว่าที่วิปฝ่ายรัฐบาล นายอดิศร ควรจะรู้จำนวนเสียงในการโหวตของพรรคฝั่งตนเองดีที่สุด การมาให้ข้อมูลผิดๆ ต่อสังคมแบบนี้ ถ้าไม่เรียกว่าจงใจโกหก ก็ต้องเรียกว่าไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
https://www.facebook.com/rangsimanrome/posts/pfbid02xFev9cgPRaZDTcQcB834oMf1kN2U79kfmepxZYiDXMP5WXn5GPxnvB59P9Khjq88l
โพลหาดใหญ่ ชี้ ดัชนีความเชื่อมั่น ‘คนใต้’ ลดลง เหตุไม่มั่นใจรบ.ผสมข้ามขั้ว นโยบายไม่แน่นอน
https://www.matichon.co.th/region/news_4158081
หาดใหญ่โพล ความเชื่อมั่นประชาชน 14 จังหวัดภาคใต้ต่อรัฐบาลใหม่ “ปรับตัวลดลง” หนี้สินครัวเรือน “พุ่ง” กำลังซื้อหด นโยบายไม่แน่นอน จากการผสมข้ามขั้ว “เผย” ทำงานรูปแบบเก่า ขับเคลื่อนเศรษฐกิจคนละทาง นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น “วอน” เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ
เมื่อวันที่ 1 กันยายน ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนใน 14 จังหวัดภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม 420 ตัวอย่าง พบว่าโดยรวมปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเดือนกรกฎาคม
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ที่มีการปรับตัวลดลง ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การรักษามาตรฐานค่าครองชีพ การลดลงของหนี้สิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน การแก้ปัญหายาเสพติด การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
“ปัจจัยลบที่สำคัญ ได้แก่ ความชัดเจนของนโยบายในการดำเนินงานของรัฐบาลใหม่ ที่ยังไม่มีความแน่นอน เนื่องจาก เป็นรัฐบาลผสมแบบข้ามขั้ว ที่ยังคงมีรูปแบบในการทำงานแบบเก่า เมื่อได้จัดสรรโควต้ารัฐมนตรีให้แต่ละพรรคแล้ว ต่างคนก็ต่างทำงาน ตามนโยบายและแนวทางพรรคตนเอง โดยไม่ได้เป็นรัฐบาลที่มีการบูรณาการ ในการทำงานร่วมกัน ซึ่งอาจทำให้การขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน และยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนของภาคธุรกิจ และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อนโยบายรัฐบาล ว่าจะทำได้ตามที่ได้หาเสียงไว้หรือไม่” ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าว
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า จากการสำรวจ พบว่า แนวโน้มหนี้ครัวเรือนสะสมสูงเกิน 80% ของ GDP ซึ่งส่งผลต่อกำลังซื้อที่ลดลงของประชาชนอย่างชัดเจน ประชาชนจำนวนมากที่เป็นหนี้ และยังต้องการกู้เงินเพิ่ม เพื่อนำเงินไปชำระดอกเบี้ยและเงินต้นของหนี้เดิม โดยพฤติกรรมมีความแตกต่างจากในอดีตที่ประชาชนส่วนใหญ่กู้เงินเพื่อนำมาชำระค่าอาหารและสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวัน ซึ่งจากพฤติกรรมของลูกหนี้ที่เปลี่ยนไป สะท้อนถึงปัญหาของหนี้ครัวเรือนที่รุนแรงมากขึ้น หากไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน ย่อมส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า ประชาชนภาคใต้ต้องการให้รัฐบาลใหม่รีบเข้ามาแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากการปรับลดค่าไฟฟ้า และค่าพลังงานแบบทันทีที่เข้ามาบริหารประเทศ ครัวเรือนจำนวนมากมีหนี้สิน ซึ่งเกิดในช่วงโควิด-19 ถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิด-19 ได้คลี่คลายแล้ว แต่หนี้ครัวเรือนยังมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น ทั้งจากแหล่งเงินกู้ในระบบและนอกระบบ คาดหวังให้รัฐบาลใหม่กำหนดนโยบายช่วยเหลือหนี้ครัวเรือนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบที่ดอกเบี้ยสูงเกินกว่ากฎหมายกำหนด
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท ซึ่งคาดว่าจะเริ่มใช้ได้ในช่วงเดือน เม.ย.66 ประชาชนต้องการให้รัฐบาลใหม่ออกนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ด้วย เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนและพลิกฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ และมีความกังวลต่อการทำงานร่วมกันของรัฐบาลผสมข้ามขั้วที่มีนโยบายแตกต่างกัน โดยประชาชนต้องการให้รัฐบาลจัดทำ MOU ร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ โดยมุ่งเน้นประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
ผศ.ดร.วิวัฒน์กล่าวว่า สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือการช่วยลดค่าไฟฟ้าและพลังงาน การกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบ การช่วยเหลือราคาพืชผลทางการเกษตร การเพิ่มบำนาญผู้สูงอายุ และการเพิ่มสวัสดิการให้กับประชาชน
ประท้วงกลางสายฝน ชาวสวนมังคุดเมืองคอนสุดจะทนถูกทุบราคา ขนนับพันกิโล เททิ้งหน้าอำเภอ
https://siamrath.co.th/n/474262
ชาวสวนมังคุดคุณภาพดีที่สุดของภาคใต้ที่นครศรีธรรมราช สุดทนถูกทุบราคาผลผลิตซ้ำซากดิ่งต่ำ 5 บาท ผู้ส่งออกโกยกำไรนับสิบเท่าตัว ประท้วงเทมังคุดนับพันกิโลกรัมหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี นครศรีธรรมราช ไร้เงาเจ้าหน้าที่เข้าดูแลเจรจา
เมื่อเวลา 15.45 น.วันที่ 1 กันยายน 2566 บริเวณหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช ริมถนนสายนครศรีธรรมราช-นบพิตำ เกษตรกรชาวสวนมังคุดหลายรายได้บรรทุกมังคุดจำนวนมากทะยอยมาเททิ้งบริเวณริมถนนหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอ นอกจากนั้นยังมีการถือป้ายประท้วงรวมทั้งบอกกล่าวถึงความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวสวนมังคุดที่ถูกทุบราคาอย่างหนักจากกิโลกรัมละ 70-80 บาท วันนี้ร่วงต่ำสุดที่ 80 บาท หรือบางจุดรับซื้อแค่ 5 บาทเท่านั้น
ชาวสวนมังคุดที่ทราบข่าวการรวมตัวของเกษตรกรนำผลผลิตมาเทกองหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอ ได้ช่วยกันขนมังคุดของตัวเองทยอยมาร่วมกิจกรรมเททิ้งจนปริมาณมังคุดเต็มผิวการจราจร 1 ช่องทาง ผู้ที่ร่วมกิจกรรมพยายามไม่ให้เกิดความเดือดร้อนกับผู้สัญจร ปริมาณที่ถูกเททิ้งไว้มากกว่า 2 ตันและยังมีการขนมาร่วมกิจกรรมเรื่อยๆแม้ว่าฝนจะตกลงมาอย่างต่อเนื่อง
นายเจตน์ สายบัว ชาวสวนมังคุดหมู่ 7 ตำบลบ้านเกาะ ระบุว่าหลังจากเก็บเกี่ยววันนี้พบราคาเหลือแค่ 8 บาท แต่ราคาแรงงานเก็บที่ 10 บาท ถามว่าเกษตรกรมีรายได้อะไร ปัญหาที่เกิดขึ้นเชื่อว่าเกิดจากล้งร่วมกับทุบราคา กดราคาเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง รถคอนเทนเนอร์ส่งออกไปแทบไม่ขาดสายแต่ราคาดิ่งเหว
“นอกจากนั้นยังมีมังคุดจานอกพื้นที่เข้ามาทำลายมังคุดในพื้นที่อีก บางล้งนำเข้ามาสวมเป็นมังคุดพรหมคีรี แต่คุณภาพไม่เหมือนกันทำให้มังคุดพรหมคีรีถูกทุบราคาไปด้วย พาณิชย์จังหวัดเจ้าหน้าที่ไม่เห็นหน้าไม่รู้จะทำยังไง รัฐบาลไม่มีแนวทางจะทำอะไรกับความเดือดร้อน มัวแต่วุ่นอยู่กับแบ่งตำแหน่ง”
จนถึงเวลา 16.30 น.มีรายงานว่ายังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาคุยกับเกษตรกร มีเพียงตำรวจสายตรวจที่เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกการจราจรเพียง 1 นาย ส่วนเกษตรกรยืนยันว่าการนำมังคุดสิ่งที่เป็นสิ่งมีค่าของเกษตรกรมาเททิ้งประจานหน้าป้ายเพื่อแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่มีค่าของเกษตรกรไม่ได้มีค่ากับภาคราชการที่มีหน้าที่ต้องดูแล