JJNY : ร้านทองแห่ปิดกิจการ│ใบตองแห้ง ชี้ พท. ทักษิณ เศรษฐา ‘เสียหายไปด้วยกัน’│‘ธเนศวร์’แนะเศรษฐา│เอเวอร์แกรนด์ขาดทุนหนัก

ร้านทองแห่ปิดกิจการ ยอดขายวูบหนัก เหตุทองแพงขึ้น-เศรษฐกิจฟื้นช้า
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/204260

ร้านทองหลายแห่งอาจเสี่ยงต้องปิดกิจการ เพราะตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาการซื้อขายทองซบเซาลง จนทำให้ยอดขายของร้านทองปรับลดลง ซึ่งสวนทางกับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น ขณะที่บางร้านเป็นธุรกิจครอบครัวไม่มีคนสานต่อ สุดท้ายต้องเลิกกิจการ ทั้งนี้พบว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีร้านทองปิดกิจการไปกว่า 4,000 ร้าน

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ร้านขายทองใน จ.อุดรธานี บรรยากาศการส่วนใหญ่เงียบเหงาไม่คึกคัก ร้านทองรายใหญ่ก็ลดสาขา ส่วนร้านเล็กก็ปิดตัวลง ปรับเป็นให้เช่าสถานที่หรือเปลี่ยนไปประกอบธุรกิจประเภทอื่นแทน
 
นายธีระ ตั้งหลักมั่นคง ประธานชมรมร้านทองจังหวัดอุดรธานี และ เจ้าของร้านทองกวง เชียง ล้ง จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไม่ค่อยดี ธุรกิจค้าทองเงียบเหงามาต่อเนื่อง เพราะราคาทองแพงขึ้น อยู่ที่ราคาบาทละ 30,000 บาท คนไม่มีเงินซื้อ บรรยากาศโดยรวมเงียบเหงามาก
 
แม้ว่าราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะข้าว จะสูงสุดในรอบ 10 ปี แต่เกษตรกรก็ต้องใช้หนี้ ค่าปุ๋ย และใช้จ่ายในสิ่งที่จำเป็น ไม่มีเงินมาซื้อทอง ทำให้ร้านทองทยอยปิดตัวลง
 
โดยสอดคล้องกับความเห็นของ นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจร้านทองตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน มียอดขายลดลงกว่า 30% เป็นผลจากราคาทองคำแพงขึ้นทะลุ 30,000 บาท บวกกับเศรษฐกิจในประเทศยังไม่ฟื้นตัวตั้งแต่โควิด-19 ระบาด  คนมีกำลังซื้อน้อยลงทำให้ขายทองได้น้อยลง  ต่างจากตอนที่ทองราคาลง มีคนแห่มาต่อแถวซื้อจำนวนมาก พอทองราคาขึ้นก็แห่มาขาย เอาทองออกมาขายจนหมด
 
ทั้งนี้ แม้ร้านทองจะยังมีกำไรจากการขายทอง แต่เมื่อเทียบกับยอดขายที่ลดลง ทำให้มีรายได้ไม่มากเหมือนเมื่อก่อน  ซึ่งสวนทางกับต้นทุนด้านอื่นที่ต้องแบกรับ เช่น ค่าจ้างพนักงาน ค่าบริหารจัดการร้าน เมื่อคำนวณแล้ว ก็อาจไม่คุ้มทุน จนต้องเลิกกิจการ ขณะที่บางราย เป็นธุรกิจในครอบครัว ไม่มีทายาทสนใจสานต่อ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจเลิกกิจการ
 
นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวต่อว่า ร้านทองที่ตัดสินใจเลิกกิจการ ส่วนใหญ่เป็นร้านทองขนาดเล็ก จากข้อมูลของสมาคม พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีร้านทองปิดตัวลง 4,000 ร้าน จากร้านทองทั่วประเทศกว่า 10,000 ร้าน ปัจจุบันเหลืออยู่  6,000 ร้าน 
 
อย่างไรก็ตามยังมองว่า ธุรกิจร้านทอง ยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว แม้จะมีปัจจัยลบที่ทำให้ต้องเลิกกิจการไป เพราะทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคง  เป็นตัวบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ  ซึ่งคนในระดับรายได้ปานกลางถึงรายได้น้อย  ยังมีความนิยมในการเก็บออมในรูปแบบของทองคำ เชื่อว่าถ้าเศรษฐกิจดีขึ้นเมื่อไหร่ คนมีเงินมากขึ้น ร้านทองก็ยังอยู่ได้   



ใบตองแห้ง ชี้ พท. ทักษิณ เศรษฐา ‘เสียหายไปด้วยกัน’ หลังฝ่ายอำนาจใช้เกมโดดเดี่ยวก.ก.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4150089

ใบตองแห้ง ชี้ พท.-ทักษิณ-เศรษฐา ‘เสียหายไปด้วยกัน’ หลังฝ่ายอำนาจใช้เกมโดดเดี่ยว ก.ก.
 
เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอธึกกิต แสวงสุข หรือ ใบตองแห้ง คอลัมนิสต์ชื่อดัง ให้สัมภาษณ์ ‘มติชนทีวี’ ในงาน ‘รัฐ ลวง ลึก’ เมื่อ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา
 
ในตอนหนึ่ง นายอธึกกิตกล่าวว่า ฝ่ายที่มีอำนาจใช้พรรคเพื่อไทยในการโดดเดี่ยวพรรคก้าวไกล โดยผู้ที่เก็งว่าพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ จะได้เป็นนายกฯ จึงเก็งผิด อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ ผู้ที่ได้รับความเสียหายคือ พรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน รวมถึง นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งต่างเสียหายไปด้วยกัน
 
การที่พรรคเพื่อไทยโดนประณามว่าตระบัดสัตย์ เป็นปัญหาว่า คุณเศรษฐา ทวีสิน ตอนแรกก็มีความสง่างามที่จะเดินเข้ามาสู่การเมือง แม้แต่ตอนที่แพ้พรรคก้าวไกล คุณเศรษฐาก็เป็นคนที่พูดได้ดีที่สุด แต่มาถึงตอนที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ต้องกลับคำทั้งหมด ซึ่งเสียหายกับคุณเศรษฐาเอง” นายอธึกกิตกล่าว
 
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองการกลับประเทศไทยของนายทักษิณอย่างไร
 
นายอธึกกิตกล่าวว่า นายทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้ที่มีความผูกพันต่อคนที่สู้ด้วยกันมา ทั้งคนเสื้อแดง คนที่สู้ในประวัติศาสตร์มา 17 ปี อย่างน้อยก็เข้าใจนายทักษิณ แต่คนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทัน อาจรู้สึกว่าคนแก่คนหนึ่งอยากกลับบ้านมาทำลายความหวังของพวกเขา
 
เราจะเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ พอเห็นปฏิกิริยาแปลกๆ ต่างๆ คนรุ่นใหม่ก็จะต้องตั้งข้อสังเกต ก็วิพากษ์วิจารณ์เพียบ หากเป็นผู้ที่อยู่ร่วมกันทำงานกันมา 17 ปี ถึงแม้จะไม่ได้บอกว่าชื่นชอบ แต่ก็สู้กันมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 ก็จะมีการเห็นใจอยู่ระดับหนี่ง มีความตระหนักเรื่องในสิ่งที่คุณทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรม เราก็ยังเห็นอยู่ซึ่งในตรงนี้ไม่มีในคนรุ่นใหม่ มันไม่มีในคนที่กลับใจมาจากพันธมิตร ซึ่งเดิมก็เกลียดคุณทักษิณอยู่แล้ว” นายอธึกกิตกล่าว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

 
‘ธเนศวร์’ แนะเศรษฐา ร่ายสุนทรพจน์เบื้องหน้าประชาชน เสียดาย ท่องเที่ยวเจริญ การเมืองล้าหลัง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4149821

‘ธเนศวร์’ แนะเศรษฐา ร่ายสุนทรพจน์เบื้องหน้าประชาชน เสียดาย ท่องเที่ยวเจริญ การเมืองล้าหลัง
 
เมื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์ เจริญเมือง คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ ‘มติชนทีวี’ ในตอนหนึ่ง ในฐานะคนเลือกเพื่อไทย ตั้งแต่สมัยไทยรักไทย
 
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์กล่าวว่า ในการตัดสินเลือกเพื่อไทยในแต่ละครั้ง ท่ามกลางพี่น้องที่ตนรักได้จากไปทีละคน สองคน ตนคิดว่าในการลงคะแนนก็เป็นอย่างหนึ่ง ในความคิดก็เป็นอีกอย่างหนึ่ง ประเด็นอยู่ที่ว่าเมื่อการเลือกตั้งมันเป็นแบบนี้ รัฐธรรมนูญมันเป็นแบบนี้ ปัญหาจะแก้อย่างไร คนที่ได้ที่หนึ่งก็ไม่ได้เป็น จะจัดการอย่างไรกับเรื่องแบบนี้ คนที่ใครคิดว่าจะไม่ได้กลับมาก็ได้กลับมาก็มายืนอยู่ในประเทศไทยแล้วตอนนี้ เราก็ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 แล้ว จะทำอย่างไร
 
อยากเห็นนายกฯ คนใหม่ สรุปประเด็นปัญหาดูทำสุนทรพจน์ออกมาแถลงคุยกับพี่น้องประชาชนดู บอกเล่ามาว่ามีปัญหาอะไรในใจและอยากเห็นอะไร หากอยากให้ประเทศไปให้ไกลกว่านี้ก็เชิญผู้คนมาระดมสมองจัดเวทีนั่งชิมกาแฟเชิญชวนคนมาพูดคุยหลากหลาย หากว่ากลัวการทะเลาะก็คุยกันเป็นวงๆ ก็ได้ จะผู้นำท้องถิ่นส่วนหนึ่ง จะผู้นำพรรคส่วนเก่าๆ หรืออาจจะพูดคุยกับคนทางพรรคก้าวไกล นายกรัฐมนตรีสามารถทำได้หมดเลย สามารถรักษาบาดแผลที่มีอยู่ในสังคมได้หมดเลย ทางนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ต้องยอมรับว่า คนที่เป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ชื่อนายทักษิณ ชินวัตร เขาคือ นายเศรษฐา ทวีสิน เขาสามารถเดินไปพบ หรือ นัดมาคุย เขาจะรักษาประเทศที่มีแต่ใครๆ ก็รัก ใครๆ ก็อยากมาเที่ยว อาหารก็อร่อย ที่ท่องเที่ยวก็ดีมาก แต่ทำไมถึงล้าหลังทางการเมืองแบบนี้ ประสบปัญหาที่น่าสงสารแบบนี้ ก็มาแก้แบบนี้ ความงดงามของสังคมไทยนั้นดีขึ้นเยอะเลยแต่ระบบการปกครองแบบท้องถิ่นของเรา ระบบการเมืองของเรา กลับล้าหลัง
 
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์กล่าวว่า คนไทยที่ไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่น-เกาหลีตกตะลึงในท้องถิ่นทุกจุดที่งดงาม รถไฟเข้าถึงหมด กลับมามองที่ประเทศไทยเรา ในต่างจังหวัด กลับไม่มีรถไฟที่คับคั่งอย่างในกรุงเทพมหานคร ถึงจะมีก็คงมีแต่หัวเมือง เช่น เชียงใหม่ แต่ก็หยุดแค่ในเมืองไม่ได้ไปตามอำเภอต่างๆ หยุดแค่ในเมืองเชียงใหม่กว่า 102 ปีเต็ม หากขยันทำปีละ 5-10 กิโลเมตร ตอนนี้คงไปได้ไกลแล้ว
 
ทั้งหมดนี้เป็นความล้าหลังทางการเมืองทั้งหมดเลย ถ้านายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ได้ยินเสนอได้เลย เรามาจับมือกันทางการเมืองเราจะพัฒนาระบบเราให้ดีขั้นได้อย่างไร รัฐธรรมนูญจะไปได้อีกกี่ข้อ ดูจากสภาวะทางการเมืองตอนนี้ไม่มีอะไรเสร็จได้ภายในวันเดียว ต้องค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปหมดเลย แต่อย่างน้อยก็ต้องขอให้มันก้าว แค่เริ่มต้นบอกว่าสลายขั้ว ในบางขั้วถูกทำลายมันก็ไม่ใช่แล้ว มันผิดแบบนี้จึงเป็นปัญหา” ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์กล่าว

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์กล่าวด้วยว่า นายเศรษฐา ควรที่จะทำอะไรมากกว่านี้ อย่างเช่นที่กล่าวมาข้างต้น การจับผู้คนมานั่งพูดคุยกันระดมสมอง และมีคณะที่ปรึกษา 3-4 ชุด ทั้งชุดศิลปวัฒนธรรมสังคม ชุดเศรษฐกิจ ชุดการเมือง หรือชุดการสลายขั้ว ทำอย่างไรที่เราจะจัดการเรื่องพวกนี้ให้ดีๆ แน่นอน พรรคเพื่อไทยคนนามสกุลชุดหนึ่งแข็งแกร่งแสดงฝีมือมาอยู่แล้ว
 
คุณเศรษฐา ทวีสิน นั้นโดดเด่นด้านเศรษฐกิจมาก แต่การเมืองไม่ได้มีแค่เรื่องของการเมือง มันเป็นทุกเรื่องของสังคมที่จะต้องดูแลหมด นายกรัฐมนตรีก็ต้องลงมาดู ศึกษากับคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ได้ว่าเรียนอะไรมา ใครถามอะไรก็พูดได้หมดเลย แต่จริงๆ คนเก่งๆ แบบนี้ก็มีเยอะแยะในสังคมไทย ถ้าสามารถทำได้ และต้องมีคณะที่ปรึกษามาคุย อย่างน้อย มีวาระอยู่กับเราถึง 4 ปี” ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.ธเนศวร์กล่าว

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่