JJNY : 5in1 ข้าวสารราคาพุ่ง│ยกภาษิตเตือนรบ.ใหม่│แนะโชว์วิสัยทัศน์│“ศิธา”ลั่นไม่ปลื้ม“เพื่อไทย”│รัสเซียยิงถล่มกลางเมือง

ข้าวสารราคาพุ่ง 6 วัน ขึ้นไปถังละ 35 บาท กระทบต่อประชาชนเป็นวงกว้าง
https://ch3plus.com/news/economy/morning/362609
 
 
ที่จังหวัดอุทัยธานี หลังจากมีการปรับราคาข้าวสารทุกชนิดขึ้นอีกทั่วประเทศ ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจราคาขายข้าวสาร ยังหน้าร้านขายข้าวสารร้านใหญ่ ในเขตเทศบาลหนองฉาง อำเภอหนองฉาง จังหวัดอุทัยธานี ภายหลังจากที่ช่วงนี้ บางพื้นที่ข้าวสารนั้นมีการปรับขึ้นราคา โดยเฉพาะข้าวสารขนาดถุง 5 กิโลกรัม ที่เริ่มทยอยปรับขึ้นราคากิโลกรัมละ 2-3 บาท หรือถุงละ 5-10 บาท หลังการสำรวจในครั้งนี้ พบว่าขณะนี้ราคาข้าวสารที่หน้าร้านขายข้าวสารดังกล่าวมีการปรับราคาขึ้นจริง ในระยะเวลาเพียง 6 วัน ราคาข้าวสารถูกปรับขึ้นไปสูงสุดถึง 35 บาทต่อถัง

จากการสอบถาม นางสาวอภิชญา อายุ 44 ปี เจ้าของร้านขายข้าวสาร ป.1 ค้าข้าว ในตลาดสดเอกชนในเขตเทศบาลหนองฉาง เปิดเผยว่า ช่วงนี้ราคาข้าวสารได้ปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เทียบกับราคาล่าสุดเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา อย่าง ข้าวสารเสาไห้คัดพิเศษ กระสอบละ 1 ถัง หรือ 15 กิโลกรัม ขายที่ราคา 335 บาท ตอนนี้ปรับขึ้นราคามาเป็น 370 บาท ซึ่งเท่ากับปรับขึ้นมาถังละ 35 บาท ส่วนข้าวสารยกกระสอบใหญ่ 3 ถัง หรือ 45 กิโลกรัม จากเดิมราคา 990 บาท ตอนนี้ปรังขึ้นมาเป็นกระสอบละ 1,130 บาท ด้วยเช่นเดียวกัน

โดยข้าวสารที่ปรับขึ้นราคามากที่สุดจะเป็นกลุ่มข้าวแข็ง ส่วนข้าวหอมมะลินั้นยังปรับขึ้นมาไม่มาก ทำให้ช่วงนี้ลูกค้าที่มาซื้อข้าวสารที่ร้านก็มีบางรายที่เข้าใจถึงกลไกลตลาดที่มีความจำเป็นที่ต้องปรับราคาขึ้น แต่ส่วนใหญ่จะบ่นกันมากกว่าถึงผลกระทบที่แต่ละครอบครัวต้องมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มจากเดิมปกติราคาข้าสารถือว่าสูงอยู่แล้ว และมีการปรับขึ้นอีก และไม่รู้ว่าจะปรับขึ้นราคาอีกเท่าไรเพราะมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับราคาขึ้นอีกอย่างแน่นอน นอกจากนี้ร้านอาหารต่างๆโยเฉพาะร้านอาหารตามสั่ง

อาหารจานเดียวก็ต้องแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้นที่มาซ้ำเติมกับราคาวัตถุดิบ และเครื่องปรุงต่างๆที่ปรับราคาสูงขึ้นมาก่อนหน้านี้ แต่ยังไม่สามารถปรับราคาอาหารต่างๆเพิ่มขึ้นได แต่ทั้งนี้ถ้าข้าวสารมีการปรับราคาสูงขึ้นไปกว่านี้คงต้องปรับราคาอาหารขึ้นตาม จึงอยากให้มีรัฐบาลที่กำลังที่จัดตั้งรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ โยฌพาะปัญหาเศรษฐกิจ และปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชนเป็นอันแรก



อดีตเลขาสมช. ยกภาษิตเตือนรบ.ใหม่ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ขอคิดใหม่ อย่าสวนทางคำสัญญา
https://www.matichon.co.th/politics/news_4136367

อดีตเลขาสมช. ยกภาษิตเตือนรบ.ใหม่ ช้าๆได้พร้าเล่มงาม ขอคิดใหม่ อย่าสวนทางคำสัญญา    
 
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวว่า วาทะ ”ทหารแก่ไม่เคยตาย” มาจากการที่ชายใดเมื่อเป็นทหาร ครั้นพ้นจากราชการแล้วก็ยังคงเป็นทหารกองหนุนต่อตลอดไป เกียรติยศชายชาติทหารที่ยังคงอยู่ในใจสังคมเสมอมาดั่งวาทะ ”ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน” มันเป็นผลสืบเนื่องมาจากระบบเกียรติศักดิ์ที่ได้รวมถึงการตระหนักว่า ”เสียชีพอย่าเสียสัตย์” ได้สร้างเสริมติดตัวคนคนนั้นมาตั้งแต่ครั้งที่อยู่ในราชการทหารนั่นเอง แต่ยามที่เขามีพฤติกรรมตระบัดสัตย์เกิดขึ้นเกียรติยศที่สั่งสมมานั้นมันก็สูญสิ้นไปในบัดดล คงเฉกเช่นที่ได้เกิดขึ้นกับกลุ่ม 3 ป.มาแล้ว คำพระได้พร่ำสอนให้เราตระหนักเสมอว่า ”คนโกหกไม่ทำชั่วเป็นไม่มี” เพราะการโกหกก็คือการทำชั่วผิดศีลไปแล้ว คนโกหกจึงพร้อมจะทำสิ่งที่หลอกลวงทรยศหักหลังได้เสมอ

หากคนประเภทนี้หลุดรอดเข้ามาบริหารประเทศจึงไม่มีเครดิตในสายตาของประชาชน แต่ที่เลวร้ายหนักก็คือไม่มีเครดิตกับผู้นำของต่างประเทศที่เขามีอารยะกันอีกด้วย ไม่มีใครเขาอยากคบค้าสมาคมด้วย เมื่อจะมานำพาประเทศจึงมีแต่จะพาประเทศจมดิ่งลง สถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลขณะนี้มาถึงจุดที่ประชาชนไม่ไว้วางใจตัวผู้แทนของเขา เพราะเห็นพฤติกรรมว่าจะทำสวนทางกับเจตจำนงสัญญาประชาคมที่ให้ไว้กับพวกตน เมื่อภาพรัฐบาลใหม่ฉายการทรยศประชาชนครบสมบูรณ์แบบเมื่อใด เมื่อนั้นอิทธิฤทธิ์ประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยตัวจริงจะลุกฮือแผลงฤทธิ์ทันที จนรัฐบาลจะล้มคว่ำลงในระยะเวลาอันสั้น จงคิดใหม่ มาทำตามเจตจำนงประชาชนเสียเถิด ดั่งภาษิต ”ช้าๆ ได้พร้าเล่มงาม” พล.ท.ภราดรระบุ 



สมาคมทนายความ แนะ ‘แคนดิเดตนายกฯ’ ต้องโชว์วิสัยทัศน์-ตอบซักถามสมาชิกรัฐสภา22ส.ค.
https://www.dailynews.co.th/news/2638900/
 
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ชี้ข้อกฎหมาย บทบาท-หน้าที่ สว. วันโหวตโหวตนายกฯ 22 ส.ค. 66 แนะ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ควรเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ และตอบข้อซักถามสมาชิกรัฐสภา

วันที่ 19 ส.ค. นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ได้โพสต์ให้ความรู้เกี่ยวกับ บทบาทและหน้าที่ ของสมาชิกวุฒิสภา วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 ส.ค. 66

โดยระบุข้อความว่า 
 
“บันทึกจากนายกสมาคมทนายความฯ รัฐธรรมนูญมาตรา 272 ประกอบมาตรา 159 บัญญัติให้สมาชิกรัฐสภาพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีจากบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 160 ซึ่งคุณสมบัติสำคัญปรากฏตามมาตรา 160 (4) คือมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์และมาตรา 160 (5) คือไม่มีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ดังนั้น การที่สมาชิกรัฐสภาบางท่านแสดงความคิดเห็นว่า ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยจะพิจารณาประเด็นนโยบายเกี่ยวกับเงินดิจิทัลหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยนั้น เห็นว่าเป็นการใช้อำนาจที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เนื่องจากรัฐธรรมนูญให้อำนาจพิจารณาเพียงคุณสมบัติของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อเท่านั้น รัฐธรรมนูญมิได้ให้อำนาจสมาชิกรัฐสภาพิจารณาหรือตรวจสอบนโยบายของพรรคการเมือง

สำหรับมาตรฐานทางจริยธรรมที่ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ปรากฏอยู่ในหมวด 1 ของมาตรฐานทางจริยธรรมฯ พ.ศ. 2561 ข้อ 5-ข้อ 10 ซึ่งมีสาระสำคัญคือการยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันหลักของชาติ ยึดถือประโยชน์ของประเทศชาติและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต อันเป็นการควบคุมการปฏิบัติหน้าที่เมื่อได้รับเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว

ส่วนประเด็นสุดท้าย คือ การมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์นั้น แม้รัฐธรรมนูญจะใช้คำว่า เป็นที่ประจักษ์อันมีความหมายว่า หากมีการกล่าวหาว่า ผู้ได้รับการเสนอชื่อไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตจะต้องมีพยานหลักฐานพิสูจน์ มิใช่เพียงการกล่าวหาลอยๆ แต่เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมกำลังวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย จึงเห็นว่า ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อดังกล่าว ควรเข้ามาแสดงวิสัยทัศน์ในรัฐสภา เพื่อขจัดความสงสัยของสังคมและเป็นโอกาสที่จะได้ชี้แจงตอบข้อซักถามด้วยตนเอง เพื่อลบล้างข้อครหาต่างๆ ให้สมาชิกรัฐสภา โดยเฉพาะกลุ่ม สว. ที่ตั้งข้อสังเกตในเรื่องดังกล่าว ได้เข้าใจโดยสิ้นสงสัย ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์แล้ว ยังเป็นการให้ความสำคัญกับการตรวจสอบด้วย

ขอบคุณข้อมูลและภาพ สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย

https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid0A5NyKcatFGnhukuXhSvjYCK6PxhMwvGzugUVniy4WZTJEZC2WcZbREv7v16gncxXl



“ศิธา”ลั่นไม่ปลื้ม “เพื่อไทย” ไม่เห็นหัวปชช.จัดตั้งรบ. พร้อมยินดี “ทักษิณ” กลับไทย
https://siamrath.co.th/n/471028

เมื่อวันที่ 19 ส.ค.66  น.ต.ศิธา ทิวารี หรือ ผู้พันปุ่น แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า
 
“ขอแสดงความยินดีกับครั้งแรก ในรอบ 16ปี
ที่อดีตนายกทักษิณ จะได้กลับเมืองไทย

      “Clear to Land Runway 21L ครับ”
ถึงแม้สภาพอากาศข้างหน้าจะขมุกขมัว
แต่เมื่อบินมาถึง #PointOfNoReturn
นักบินย่อมไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องรักษา
เส้นทางบิน และตารางเวลาที่กำหนดไว้
เส้นทางการเมือง และนิสัยส่วนตัว ทำให้ผมต้องแยกแยะ #จุดยืนทางการเมือง 
กับการให้ความเป็นธรรมกับอดีตนายกทักษิณ ออกจากกันโดยสิ้นเชิง
 
ผมไม่เห็นด้วย 100% และคัดค้านตลอดเวลา
กับแนวทางการเมือง #จัดตั้งรัฐบาล2566
แบบ #ไม่เห็นหัวประชาชน ซึ่งผู้บริหาร
พรรค #เพื่อไทย กำลังทำอยู่ ณ ขณะนี้
แต่เรื่อง #ทักษิณกลับบ้าน และการให้ความเป็นธรรมกับอดีตนายกฯ ที่เคยทำคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง 
เป็นเรื่องที่ผมสนับสนุน และแสดงจุดยืนอย่างชัดเจนมาโดยตลอด
 
โพสต์นี้ว่ากันในเรื่อง การแสดงความยินดี
กับอดีตผู้บังคับบัญชา ด้วยความจริงใจ
เรื่องอื่นค่อยว่ากันในโพสต์หน้าครับ”

https://www.facebook.com/Sitadivari/posts/pfbid02nwiHAdPvHwCHzmrcy7mfnFtwovputFxqRyapcfCVxf2pJA6cpspb6cdconCiJoLpl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่