ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญ จี้ 5ข้อรัฐสภา โหวตผ่านวาระสาม อย่ายื้อเวลา ด้วยการอ้างคำวินิจฉัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_2623792
 
 
เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย อันประกอบด้วยนักการเมืองทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน นักวิชาการและภาคประชาสังคม ออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมฯ ในวาระที่สาม เพื่อให้ประชาชนได้ใช้อำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการลงประชามติต่อไป โดยมีเนื้อหาดังนี้
 
สืบเนื่องจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2564 ว่า รัฐสภามีหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง นั้น
 
ภาคีเพื่อรัฐธรรมนูญประชาธิปไตย มีข้อเรียกร้องดังนี้
 
1) ในการประชุมรัฐสภาวันที่ 17-18 มีนาคม เพื่อพิจารณาญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 “การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่” ในวาระที่สาม ภาคีฯ ขอให้สมาชิกรัฐสภาโดยเฉพาะสมาชิกวุฒิสภาให้ความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยแก้ไขเพิ่มเติมฯ ตามหน้าที่และอำนาจ เพื่อให้ประชาชนได้ร่วมลงประชามติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ผ่านวาระที่สามแล้วต่อไป
 
2) การให้ความเห็นชอบในวาระที่สามต้องมีคะแนนเสียงเห็นชอบด้วยมากกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดของรัฐสภา(ประมาณ 369 เสียง) และมีสมาชิกวุฒิสภาเห็นชอบด้วยไม่น้อยกว่า 84 เสียง ภาคีฯ ขอให้สมาชิกรัฐสภาเข้าร่วมประชุมและร่วมออกเสียงโดยพร้อมเพรียง การงดออกเสียงอาจมีผลทำให้คะแนนเสียงเห็นชอบมีไม่ถึงกึ่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเหมือนความพยายามที่จะคว่ำร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่รัฐสภาได้ให้ความเห็นชอบในวาระที่สอง และเป็นการปฏิเสธโอกาสการตัดสินใจโดยตรงของประชาชน
 
3) การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หมายถึงการจัดทำโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ มิใช่การแก้ไขรายมาตราซึ่งรัฐสภาย่อมทำได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ ตามประเพณีการปกครองของไทย และของนานาประเทศ มีบางคนตีความคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะต้องทำประชามติสามครั้ง ครั้งที่หนึ่งขอความเห็นชอบลอย ๆ ว่าประสงค์ให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ ครั้งที่สองขอความเห็นชอบอย่างเจาะจงเมื่อได้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ครั้งที่สามขอความเห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ การตีความเช่นนี้ย่อมหมายถึงการประวิงเวลานั่นเอง
 
4) อันที่จริง ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้วินิจฉัยว่าต้องขอความเห็นชอบในครั้งที่หนึ่งดังกล่าว เพียงแต่วินิจฉัยว่า เมื่อรัฐสภาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฯ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญแล้ว จะดำเนินการเพื่อมีผลบังคับเป็นกฎหมายเหมือนการแก้ไขรายมาตราในทันทีไม่ได้ ต้องขอความเห็นชอบจากประชาชนก่อน แล้วจึงดำเนินการเพื่อให้ร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมีผลบังคับต่อไป
 
5) การนำร่างรัฐธรรมนูญฯ ที่ผ่านวาระที่สามไปลงประชามติเป็นความจำเป็นที่จะต้องทำตามมาตรา 256 ที่มีผลบังคับในปัจจุบัน สอดคล้องกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ให้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์หรือไม่ที่จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
   

---

 
‘มาริสา’ นายกสมาคมโรงแรมไทย วอนท่องเที่ยวด่านหน้าได้ฉีดวัคซีนก่อน 
https://www.matichon.co.th/economy/news_2623355
 
‘มาริสา’ นายกสมาคมโรงแรมไทยวอนแซนด์บ็อกซ์ชัดรัฐลุย ขอท่องเที่ยวด่านหน้าฉีดวัคซีนก่อน 
 
นางมาริสา สุโกศล หนุนภักดี นายกสมาคมโรงแรมไทย กล่าวถึง โมเดล แซนด์บ็อกซ์ ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ทำการจับคู่ประเทศท่องเที่ยวระหว่างกัน หรือแทรเวลบับเบิล โดยไม่ต้องกักตัว ว่า เป็นการเตรียมความพร้อมและร่วมมือกันของหลายหน่วยงาน ทั้งรัฐบาลและเอกชน ซึ่งสิ่งที่เป็นประเด็น คือ การเร่งประกาศ ขอความชัดเจนของแผนและเวลาจะดำเนินการเมื่อไร เพราะเวลาทำการตลาดจะต้องมีการเตรียมตัวล่วงหน้า และต้องประสานงานหลายหน่วยงาน ตั้งแต่สายการบินที่ต้องเตรียมเที่ยวบิน โรงแรมก็เตรียมแพคเก็จที่พัก ซึ่งหลังจากที่เปิดใช้แซนด์บ็อกซ์ ไม่ใช่เปิดปุ๊ปและติดปั๊บในทันที ดังนั้นต้องมีการวางแผน
  
“ในส่วนที่จะจัดทำ แซนด์บ็อกซ์ นำร่องที่ จังหวัด ภูเก็ต ในเดือนกรกฎาคมนี้ ถือว่าดี ยิ่งทำได้เร็วก็ยิ่งดี เพราะการนำร่อง เป็นการทดสอบหลายๆอย่าง และถ้ายิ่งนำร่องเร็ว และประสบความสำเร็จ พื้นที่อื่นๆก็จะมีโอกาสเปิดรับนักท่องเที่ยวตามได้เร็วด้วย” นางมาริสากล่าว
 
อีกประเด็นคือ วัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ยังไม่ได้ฉีดอย่างแพร่หลาย จึงอยากให้รัฐบาลเร่งรัดในส่วนนี้ และขยายการรับรองไปยังวัคซีนยี่ห้ออื่นๆด้วย ที่ไทยอาจจะไม่ได้นำเข้า แต่ชาวต่างชาติอาจจะฉีด รวมทั้งการเปิดโอกาศให้ภาคเอกชนได้นำเข้าและฉีดวัคซีนเองได้ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ และเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ส่งผลให้รับนักท่องเที่ยวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ อยากในทุกภาคส่วนเข้าใจ และเห็นความสำคัญของการให้ผู้ประกอบการและแรงงานได้รับก็ฉีควัคซีนก่อน เพราะว่าเป็นด่านหน้าที่รับนักท่องเที่ยวจากต่างชาติ ถ้าเปิดรับนักท่องเที่ยวได้เร็ว จะส่งผลให้ฟื้นฟูเศรษฐกิจได้ดี ถ้าจะนำร่องเปิด แซนด์บ็อกซ์ ที่จังหวัดภูเก็ตก็ต้องฉีดให้เขาก่อน
 
“ส่วนที่ชะงักฉีดวัคซีนในขณะนี้ น่าจะมีการหารือกันอีกครั้งในเดือนเมษายน และเริ่มฉีดหลังจากนั้น จึงมีเวลา 2 เดือน คิดว่าน่าจะจำหน่ายวัคซีนได้ทันก่อนการเปิด แซนด์บ็อกซ์ รวมทั้งได้ยินว่า จะนำร่องทั้งที่ จ.ภูเก็ตและเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งต้องขอให้ภาคธุรกิจส่วนอื่นๆเห็นใจว่า ภาคธุรกิจโรงแรมนั้นไม่ได้รับนักท่องเที่ยวมาปีๆ ไม่มีผลกำไร แถมขาดทุน เพราะฉะนั้น จะต้องหาวิธีให้นักท่องเที่ยวเข้ามาไทยให้ได้ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และให้เข้ามาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นประเทศอื่นๆจะแย่งนักท่องเที่ยวไปก่อน อาทิ ในช่วงเดือนกรกฎาคมเป็นต้นไป ในพื้นที่เมดิเตอร์เรเนียนก็จะเปิดรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัวแล้ว”นางมาริสากล่าว