พีมูฟ เล่า ‘วราวุธ’ โทรขอโทษ ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ชี้ชาวบางกลอยยังถูกขู่ ยันไม่กลับจนกว่าบรรลุข้อเรียกร้อง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2620850
‘พีมูฟ’ เล่า ‘วราวุธ’ โทรขอโทษ รับ ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง เผยชาวบางกลอยยังถูกข่มขู่ ยันไม่กลับจนกว่าบรรลุข้อเรียกร้อง
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และภาคีเซฟบางกลอย จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ กิจกรรม ‘
อยากกลับบ้านไหม…คนบางกลอยไม่มีบ้านให้กลับ’
โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. ก่อนเริ่มกิจกรรมดังกล่าว มีการรวมตัวพูดคุยในความคืบหน้าต่างๆ โดย นาย
ประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษากลุ่มพีมูฟ กล่าวต่อชาวบ้านในตอนหนึ่งว่า ในขณะนี้ข้อเสนอข้อเดียวที่สำเร็จแล้วคือการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อย่างไรก็ตามในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับรองยังข่มขู่คุกคามและท้าทายชาวบ้าน ซึ่งตนจะรายงานให้นาย
จตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป และขอยืนยันว่า นาย
วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโทรมาขออภัยด้วยตนเอง โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
“
ผมยืนยันว่าวันที่เจรจา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโทรมาขออภัยด้วยตนเอง บอกว่าที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ต่อไปนี้จะปรับใหม่ แต่พอกระทรวงทรัพย์ฯ ปรับ สำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ปรับ ไปเอาข้อมูลเก่าของกระทรวงทรัพย์ฯ มาพูดอีก แล้วพูดในนามนายกฯ ด้วย
สิ่งที่เรารออยู่คือความชัดเจนว่า ผู้ถูกดำเนินคดี 30 คนจะมีแนวทางอย่างไรให้ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเราเสนอให้มีคณะกรรมการกลาง ให้นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ให้มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับกรณีบางกลอยตั้งแต่ต้นจนกระทั่งวันนี้ ว่ามีการดำเนินการใดๆไปบ้าง และทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร
นอกจากนี้ยังให้มีหน้าที่เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาซึ่งต้องครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม คือ คนที่มีที่ดิน คนต้องการที่ดิน และคนที่ต้องการกลับไปบางกลอย ใจแผ่นดิน” นาย
ประยงค์กล่าว โดยในช่วงท้ายระบุด้วยว่า จะอยู่ต่อจนกว่าได้ทุกอย่างตามที่เสนอไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้งกว่าสิบนายประจำการบริเวณจุดจัดกิจกรรม
‘เศรษฐา’ หวังเสียงส.ว. เปิดทางแก้รธน. เดินหน้าปท. ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2620162
“เศรษฐา” หวังเสียงส.ว. เปิดทางแก้รธน. เดินหน้าปท. ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า รัฐสภาหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ฝ่ายต่างๆ ตีความตามคำวินิจฉัยแตกต่างกัน ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขอยึดรัฐธรรมนูญ เดินหน้าโหวตวาระสาม ในวันที่ 17 มีนาคมนี้
วันนี้ (12 มี.ค.) นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ทวีตข้อความแสดงความเห็น โดยระบุว่า
“
พรรคหลักของรัฐบาลคือพลังประชารัฐ และสมาชิกวุฒิสภาจะเป็นตัวชี้ขาดในการที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ตัวเองเสียประโยชน์โดยเฉพาะ ส.ว. ขอให้ท่านทำสิ่งที่สมควรทําคือให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประเทศของเราจะได้เดินหน้าไปได้ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดครับ”
https://twitter.com/Thavisin/status/1369895931957501953
"ชวน" ชี้ อย่ากังวล 17-18 มี.ค.โหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ยังเหมือนเดิม
https://www.thairath.co.th/news/politic/2049031
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ชี้ อย่ากังวล โหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 วันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะบรรจุระเบียบวาระแล้ว ชี้ จะโหวตวาระ 3 เห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบก็ได้
วันที่ 12 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นาย
ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การโหวตวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 17-18 มี.ค. ขณะนี้ยังดำเนินการต่อไปตามระเบียบวาระ ส่วนที่มีความเห็นให้โหวตคว่ำวาระ 3 นั้น ตนเห็นว่า การโหวตวาระ 3 สามารถเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบได้ ถ้าไม่เห็นชอบ ร่างดังกล่าวก็ตกไป ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายทั่วไป เพียงแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ต้องทิ้งระยะเวลาจากวาระ 2 ไป 15 วัน แล้วถึงจะโหวตวาระ 3 ได้
เมื่อถามว่า มีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า จะต้องทำประชามติก่อนที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนนี้สภาฯจะดำเนินการอย่างไร นายชวน กล่าวว่า คณะทำงานด้านกฎหมายของสภาฯให้ความเห็นมาแล้วว่า โดยปฏิบัติต้องยึดรัฐธรรมนูญเดิม และต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องอยู่ภายในกรอบนี้
เมื่อถามย้ำว่า หากยึดสองกรอบนี้แล้วจะเดินอย่างไร นายชวน กล่าวว่า ก็เดินได้ สามารถโหวตวาระ 3 ได้ ซึ่งไม่ต้องกังวล เมื่อถามอีกว่า มีสมาชิกรัฐสภายังกัวลอยู่ และอาจไม่ร่วมโหวตวาระ 3 ด้วย นาย
ชวน กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเราได้บรรจุระเบียบวาระแล้ว และการประชุมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง.
ไทยชาติแรกเอเชีย เบรกฉีด 'วัคซีนแอสตรา' สวนทางหลายประเทศเดินหน้าใช้ต่อ
https://voicetv.co.th/read/E-aA5Dxuy
ยุโรปฉีดวัคซีนแอสตรา แล้ว 5 ล้านคน พบ 'เลือดแข็งตัว' 30 ราย - ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ เดินหน้าฉีดต่อ ตรงข้ามชาติยุโรปชะลอใช้
ประเทศไทยชะลอการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซเนกา ซึ่งเดิมมีกำหนดที่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะเข้ารับการฉีดวัดซีนป้องกันโควิดของแอสตรา ในเข็มแรก แต่กำหนดการดังกล่าวต้องระงับไปกระทันหัน หลังจากที่มีรายงานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเดนมาร์ก พบกรณีผู้ได้รับวัคซีนเกิดอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ และลิ่มเลือดอุดตัน ส่งผลให้บางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปด้วยกัน อาทิ ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ รวมถึงเดนมาร์กต้องระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวไปก่อน
แม้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency - EMA) จะไม่ได้มีประกาศห้ามใช้วัคซีนดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่าจะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
ในยุโรป มีประชาชนรับวัคซีนแอสตราเซเนกาไปแล้วราว 5 ล้านราย จำนวนนี้พบกรณีลิ่มเลือดอุดตันและอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ 30 ราย
พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะแพทย์ลงความเห็นให้เลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา ออกไปก่อนนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้กลัวการฉีดวัคซีน เพียงแค่ต้องฟังคำแนะนำจากหมอ ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด วอนหยุดประเด็นดราม่าในเรื่องดังกล่าว
การระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซเนกาของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชีย และเป็นประเทศแรกนอกยุโรปที่ระงับใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา สวนทางหลายประเทศนอกยุโรป ที่ยังคงเดินหน้าใช้วัคซีนดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้
ที่
แคนาดา หน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุในคำแถลงภายหลังชาติยุโรประงับใช้ว่า "สาธารณสุขแคนาดาทราบเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในยุโรปแล้ว เราอยากรับประกันกับชาวแคนาดาทุกคนว่าประโยชน์ของวัคซีนนั้นยังคงมีน้ำหนักเหนือกว่าความเสี่ยงทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากตัววัคซีน ในเวลานี้ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจน ว่าวัคซีนเป็นต้นเหตุของอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ทั้งหน่วยงานสาธารณสุขแคนาดายังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแอสตร้าฯ ในแคนาดาเลย"
แคนาดาได้รับวัคซีนป้องกันโควิดของแอสตร้าที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียจำนวน 500,000 โดส ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะได้รับเพิ่มจากอินเดียอีก 1.5 ล้านโดสช่วงเดือน พ.ค.
ส่วน
ออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรี
สก็อตต์ มอร์ริสัน ยืนยันจัดการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตราในประเทศตามกำหนดเดิม เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าวัคซีนดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันเช่นที่พบในยุโรป
ออสเตรเลียสั่งจองวัคซีนแอสตร้าเซเนกาจำนวน 54 ล้านโดส ทยอยได้รับแล้ว 300,000 โดส ตั้งเป้าเริ่มแจกจ่ายเข็มแรกให้ประชาชนทุกคนในประเทศภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ โดยขณะนี้ออสเตรเลีย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วราว 150,000 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันล้วนได้รับวัคซีนชนิดนีแล้วเมื่อ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้ ซึ่งแจกจ่ายวัคซีนแอสตราแก่ประชาชนแล้วราว 296,000 คน แม้พบจะกรณีผู้เสียชีวิตภายหลังการรับวัคซีนแล้ว 7 รายก็ตาม แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ได้ขยายการฉีดวัคซีน ของบริษัทแอสตราเซนเนกา ให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หลังมีข้อมูลจากเรียล เวิลด์ ดาต้า (Real World Data) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งชี้ว่า วัคซีนจากแอสตราเซนเนกา และไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อมากกว่าร้อยละ 80 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 โดส
แม้สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ ยืนยันไม่พบหลักฐานว่าการเสียชีวิตเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนป้องกันโควิด เรื่องดังกล่าวกลับส่งผลให้ชาวเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับการหวาดกลัววัคซีน ซึ่งเกาหลีใต้ระบุว่า คนที่เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนโควิดนั้น เกี่ยวข้องกับคนชรา หรือบุคคลที่มีโรคประจำตัว หรือไม่ก็ทั้งมีประวัติทั้งสอง
JJNY : 5in1 พีมูฟเล่าวราวุธขอโทษ│เศรษฐาหวังเสียงส.ว.│ชวนชี้ยังเหมือนเดิม│ชาติแรกเอเชียเบรกฉีดแอสตรา│เทพไทจ่อร้องยุบพปชร.
https://www.matichon.co.th/politics/news_2620850
‘พีมูฟ’ เล่า ‘วราวุธ’ โทรขอโทษ รับ ได้ข้อมูลไม่ถูกต้อง เผยชาวบางกลอยยังถูกข่มขู่ ยันไม่กลับจนกว่าบรรลุข้อเรียกร้อง
เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มพีมูฟ หรือ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรม และภาคีเซฟบางกลอย จัดกิจกรรมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ กิจกรรม ‘อยากกลับบ้านไหม…คนบางกลอยไม่มีบ้านให้กลับ’
โดยเมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. ก่อนเริ่มกิจกรรมดังกล่าว มีการรวมตัวพูดคุยในความคืบหน้าต่างๆ โดย นายประยงค์ ดอกลำไย ที่ปรึกษากลุ่มพีมูฟ กล่าวต่อชาวบ้านในตอนหนึ่งว่า ในขณะนี้ข้อเสนอข้อเดียวที่สำเร็จแล้วคือการเรียกร้องให้เปลี่ยนตัวหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อย่างไรก็ตามในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดับรองยังข่มขู่คุกคามและท้าทายชาวบ้าน ซึ่งตนจะรายงานให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมทราบต่อไป และขอยืนยันว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโทรมาขออภัยด้วยตนเอง โดยยอมรับว่าที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
“ผมยืนยันว่าวันที่เจรจา นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโทรมาขออภัยด้วยตนเอง บอกว่าที่ผ่านมาได้รับข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ต่อไปนี้จะปรับใหม่ แต่พอกระทรวงทรัพย์ฯ ปรับ สำนักนายกรัฐมนตรียังไม่ปรับ ไปเอาข้อมูลเก่าของกระทรวงทรัพย์ฯ มาพูดอีก แล้วพูดในนามนายกฯ ด้วย
สิ่งที่เรารออยู่คือความชัดเจนว่า ผู้ถูกดำเนินคดี 30 คนจะมีแนวทางอย่างไรให้ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเราเสนอให้มีคณะกรรมการกลาง ให้นายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งแต่งตั้ง ให้มีหน้าที่ในการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ เกี่ยวกับกรณีบางกลอยตั้งแต่ต้นจนกระทั่งวันนี้ ว่ามีการดำเนินการใดๆไปบ้าง และทำให้ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร
นอกจากนี้ยังให้มีหน้าที่เสนอแนวทางในการแก้ไขปัญหาซึ่งต้องครอบคลุมทั้ง 3 กลุ่ม คือ คนที่มีที่ดิน คนต้องการที่ดิน และคนที่ต้องการกลับไปบางกลอย ใจแผ่นดิน” นายประยงค์กล่าว โดยในช่วงท้ายระบุด้วยว่า จะอยู่ต่อจนกว่าได้ทุกอย่างตามที่เสนอไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้งกว่าสิบนายประจำการบริเวณจุดจัดกิจกรรม
‘เศรษฐา’ หวังเสียงส.ว. เปิดทางแก้รธน. เดินหน้าปท. ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
https://www.matichon.co.th/politics/news_2620162
“เศรษฐา” หวังเสียงส.ว. เปิดทางแก้รธน. เดินหน้าปท. ฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 8 ต่อ 1 วินิจฉัยว่า รัฐสภาหน้าที่และอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ได้ โดยต้องให้ประชาชนผู้มีอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญได้ลงประชามติเสียก่อนว่าประชาชนประสงค์จะให้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และเมื่อจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จแล้ว ต้องให้ประชาชนลงประชามติเห็นชอบหรือไม่ กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้งหนึ่ง ทำให้ฝ่ายต่างๆ ตีความตามคำวินิจฉัยแตกต่างกัน ด้าน นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขอยึดรัฐธรรมนูญ เดินหน้าโหวตวาระสาม ในวันที่ 17 มีนาคมนี้
วันนี้ (12 มี.ค.) นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานอำนวยการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ได้ทวีตข้อความแสดงความเห็น โดยระบุว่า
“พรรคหลักของรัฐบาลคือพลังประชารัฐ และสมาชิกวุฒิสภาจะเป็นตัวชี้ขาดในการที่จะให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นซึ่งอาจทำให้ตัวเองเสียประโยชน์โดยเฉพาะ ส.ว. ขอให้ท่านทำสิ่งที่สมควรทําคือให้เกิดการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อประเทศของเราจะได้เดินหน้าไปได้ควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังโควิดครับ”
https://twitter.com/Thavisin/status/1369895931957501953
"ชวน" ชี้ อย่ากังวล 17-18 มี.ค.โหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 ยังเหมือนเดิม
https://www.thairath.co.th/news/politic/2049031
นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ชี้ อย่ากังวล โหวตร่างแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 วันที่ 17-18 มี.ค.นี้ ยังเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะบรรจุระเบียบวาระแล้ว ชี้ จะโหวตวาระ 3 เห็นชอบ หรือไม่เห็นชอบก็ได้
วันที่ 12 มี.ค. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า การโหวตวาระ 3 ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวันที่ 17-18 มี.ค. ขณะนี้ยังดำเนินการต่อไปตามระเบียบวาระ ส่วนที่มีความเห็นให้โหวตคว่ำวาระ 3 นั้น ตนเห็นว่า การโหวตวาระ 3 สามารถเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบได้ ถ้าไม่เห็นชอบ ร่างดังกล่าวก็ตกไป ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายทั่วไป เพียงแต่กฎหมายรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ว่า ต้องทิ้งระยะเวลาจากวาระ 2 ไป 15 วัน แล้วถึงจะโหวตวาระ 3 ได้
เมื่อถามว่า มีกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า จะต้องทำประชามติก่อนที่จะมีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ส่วนนี้สภาฯจะดำเนินการอย่างไร นายชวน กล่าวว่า คณะทำงานด้านกฎหมายของสภาฯให้ความเห็นมาแล้วว่า โดยปฏิบัติต้องยึดรัฐธรรมนูญเดิม และต้องยึดตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งต้องอยู่ภายในกรอบนี้
เมื่อถามย้ำว่า หากยึดสองกรอบนี้แล้วจะเดินอย่างไร นายชวน กล่าวว่า ก็เดินได้ สามารถโหวตวาระ 3 ได้ ซึ่งไม่ต้องกังวล เมื่อถามอีกว่า มีสมาชิกรัฐสภายังกัวลอยู่ และอาจไม่ร่วมโหวตวาระ 3 ด้วย นายชวน กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเราได้บรรจุระเบียบวาระแล้ว และการประชุมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง.
ไทยชาติแรกเอเชีย เบรกฉีด 'วัคซีนแอสตรา' สวนทางหลายประเทศเดินหน้าใช้ต่อ
https://voicetv.co.th/read/E-aA5Dxuy
ยุโรปฉีดวัคซีนแอสตรา แล้ว 5 ล้านคน พบ 'เลือดแข็งตัว' 30 ราย - ออสเตรเลีย แคนาดา เกาหลีใต้ เดินหน้าฉีดต่อ ตรงข้ามชาติยุโรปชะลอใช้
ประเทศไทยชะลอการใช้วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซเนกา ซึ่งเดิมมีกำหนดที่วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีจะเข้ารับการฉีดวัดซีนป้องกันโควิดของแอสตรา ในเข็มแรก แต่กำหนดการดังกล่าวต้องระงับไปกระทันหัน หลังจากที่มีรายงานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขของเดนมาร์ก พบกรณีผู้ได้รับวัคซีนเกิดอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ และลิ่มเลือดอุดตัน ส่งผลให้บางประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปด้วยกัน อาทิ ออสเตรีย นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ รวมถึงเดนมาร์กต้องระงับการใช้วัคซีนดังกล่าวไปก่อน แม้องค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (European Medicines Agency - EMA) จะไม่ได้มีประกาศห้ามใช้วัคซีนดังกล่าว เพียงแต่ระบุว่าจะดำเนินการสอบสวนเกี่ยวกับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น
ในยุโรป มีประชาชนรับวัคซีนแอสตราเซเนกาไปแล้วราว 5 ล้านราย จำนวนนี้พบกรณีลิ่มเลือดอุดตันและอาการเลือดแข็งตัวในเส้นเลือดดำ 30 ราย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะแพทย์ลงความเห็นให้เลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา ออกไปก่อนนั้น นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้กลัวการฉีดวัคซีน เพียงแค่ต้องฟังคำแนะนำจากหมอ ขอเวลาตรวจสอบข้อมูล เพื่อความปลอดภัยสูงสุด วอนหยุดประเด็นดราม่าในเรื่องดังกล่าว
การระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซเนกาของกระทรวงสาธารณสุข ส่งผลให้ไทยกลายเป็นชาติแรกในเอเชีย และเป็นประเทศแรกนอกยุโรปที่ระงับใช้วัคซีนแอสตราเซเนกา สวนทางหลายประเทศนอกยุโรป ที่ยังคงเดินหน้าใช้วัคซีนดังกล่าวไม่ว่าจะเป็น ออสเตรเลีย แคนาดา ฟิลิปปินส์ และเกาหลีใต้
ที่แคนาดา หน่วยงานด้านสาธารณสุขระบุในคำแถลงภายหลังชาติยุโรประงับใช้ว่า "สาธารณสุขแคนาดาทราบเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนกาในยุโรปแล้ว เราอยากรับประกันกับชาวแคนาดาทุกคนว่าประโยชน์ของวัคซีนนั้นยังคงมีน้ำหนักเหนือกว่าความเสี่ยงทั้งหลายที่เกิดขึ้นจากตัววัคซีน ในเวลานี้ยังไม่พบสิ่งบ่งชี้อย่างชัดเจน ว่าวัคซีนเป็นต้นเหตุของอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าว ทั้งหน่วยงานสาธารณสุขแคนาดายังไม่ได้รับรายงานเกี่ยวกับอาการไม่พึงประสงค์ใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนแอสตร้าฯ ในแคนาดาเลย"
แคนาดาได้รับวัคซีนป้องกันโควิดของแอสตร้าที่ผลิตโดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียจำนวน 500,000 โดส ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว และคาดว่าจะได้รับเพิ่มจากอินเดียอีก 1.5 ล้านโดสช่วงเดือน พ.ค.
ส่วนออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ยืนยันจัดการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของแอสตราในประเทศตามกำหนดเดิม เนื่องจากยังไม่พบหลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่าวัคซีนดังกล่าวเชื่อมโยงกับการเกิดอาการลิ่มเลือดอุดตันเช่นที่พบในยุโรป
ออสเตรเลียสั่งจองวัคซีนแอสตร้าเซเนกาจำนวน 54 ล้านโดส ทยอยได้รับแล้ว 300,000 โดส ตั้งเป้าเริ่มแจกจ่ายเข็มแรกให้ประชาชนทุกคนในประเทศภายในสิ้นเดือนต.ค.นี้ โดยขณะนี้ออสเตรเลีย ฉีดวัคซีนให้ประชาชนไปแล้วราว 150,000 คน รวมถึงนายกรัฐมนตรีมอร์ริสันล้วนได้รับวัคซีนชนิดนีแล้วเมื่อ 21 ก.พ. ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้ ซึ่งแจกจ่ายวัคซีนแอสตราแก่ประชาชนแล้วราว 296,000 คน แม้พบจะกรณีผู้เสียชีวิตภายหลังการรับวัคซีนแล้ว 7 รายก็ตาม แต่หน่วยงานด้านสาธารณสุขของประเทศ ได้ขยายการฉีดวัคซีน ของบริษัทแอสตราเซนเนกา ให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป หลังมีข้อมูลจากเรียล เวิลด์ ดาต้า (Real World Data) ในสหราชอาณาจักร ซึ่งชี้ว่า วัคซีนจากแอสตราเซนเนกา และไฟเซอร์ มีประสิทธิภาพป้องกันเชื้อมากกว่าร้อยละ 80 ในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปีขึ้นไป หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนไปแล้ว 1 โดส
แม้สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ ยืนยันไม่พบหลักฐานว่าการเสียชีวิตเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนป้องกันโควิด เรื่องดังกล่าวกลับส่งผลให้ชาวเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับการหวาดกลัววัคซีน ซึ่งเกาหลีใต้ระบุว่า คนที่เสียชีวิตหลังการฉีดวัคซีนโควิดนั้น เกี่ยวข้องกับคนชรา หรือบุคคลที่มีโรคประจำตัว หรือไม่ก็ทั้งมีประวัติทั้งสอง