'บิ๊กตู่'ฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนกาแล้ว 'หมอ ยง'ลงเข็มให้รัฐมนตรีอายุเกิน60ปี
16 มี.ค.64- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ฉีดวัคซีนโควิด ของแอสตราเซนเนกา หลังจากเลื่อนการฉีดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบผลข้างเคียงลิ่มเลือดแข็งตัว
การฉีดวัคซีนครั้งนี้นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ที่ลงเข็มฉีดวัคซีนให้แก่พล.อ.ประยุทธ์
การฉีดวัคซีนให้กับ คณะรัฐมนตรีที่อายุเกิน 60 ปีจะเป็นไปโดยความสมัครใจ และความพร้อมในการฉีด ประกอบด้วย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุ 60 ปี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง อายุ 64 ปี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อายุ 65 ปี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อายุ 65 ปี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อายุ 71 ปี เป็นต้น ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไม่ร่วมฉีดในครั้งนี้
https://www.thaipost.net/main/detail/96195
แพทย์อาวุโส "หมอปิยะสกล -หมอสมศรี"แท็กทีมร่วมกับนายกฯ ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า สร้างความเชื่อมั่น
15 มี.ค.64 - นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมควบคุมโรค ได้รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดจากต่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ซึ่งยืนยันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่เกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ สามารถฉีดได้ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนไทย และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าสามารถเดินหน้าฉีดต่อไปได้ โดยบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อมูลขัดแย้งเพิ่มเติม พรุ่งนี้เริ่มทำการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไปในจังหวัดเป้าหมายตามแผน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตจำนงว่ามีความพร้อมในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยการฉีดวัคซีนให้กับผู้นำประเทศต้องได้รับคำยินยอมจากคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ได้เตรียมวัคซีนทั้งจากแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค เพื่อฉีดให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่สมัครใจ ตาม 8 ขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีการจัดห้องสังเกตอาการ และกรมการแพทย์ได้จัดรถพยาบาลพร้อมส่งต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยอาจารย์ยง ภู่วรวรรณ จะเป็นผู้ฉีดให้กับนายกรัฐมนตรี และจะรับการฉีดพร้อมกับอาจารย์แพทย์อาวุโส เช่น ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ จะร่วมกันฉีดครั้งนี้ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ส่วนสถานบริการอื่นๆ จะเริ่มฉีดวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้าที่ได้รับการกระจายไปพร้อมกัน ขอให้มั่นใจว่าวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีความปลอดภัย และกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบดูแลภายหลังการฉีดวัคซีนไว้พร้อมแล้ว
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จากแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 117,300 โดส ซึ่งจะเน้นฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายที่อายุเกิน 60 ปี และจะได้รับจำนวนมากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ขอยืนยันว่า วัคซีนโควิด 19 มีเพียงพอ ซึ่งวันที่ 20 มีนาคมนี้จะได้รับวัคซีนจากซิโนแวคอีก 800,000โดส รวมทั้งได้เจรจาจัดหาวัคซีนจากชิโนแวคเพิ่มอีกจำนวน 5 ล้านโดส และได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ ที่สามารถนำส่งวัคซีนมายังประเทศไทยก่อนที่วัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะผลิตออกมา เป็นการเสริมความเข้มแข็งของระบบการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งต้องรอบคอบและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน
สำหรับภาคเอกชนคาดว่าอีกไม่กี่เดือน จะสามารถติดต่อเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนที่ได้รับการผ่อนคลายจากสถานการณ์ฉุกเฉินมากขึ้นและใช้ในสถานการณ์ปกติได้ ซึ่งทางอย. พร้อมให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกในการนำเข้า รวมถึงกรมควบคุมโรคและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะสนับสนุนเรื่องการอบรมและขึ้นทะเบียนโรงพยาบาลเอกชนที่มีความประสงค์ที่จะให้บริการประชาชน
https://www.thaipost.net/main/detail/96137
ภาพชุด'บิ๊กตู่-คณะรมต.' พร้อมใจถลกแขนเสื้อฉีดวัคซีน
ประมวลภาพบรรยากาศที่ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
อ่านต่อที่ :
https://www.dailynews.co.th/politics/831277
เอาไงดี! 3 ชาติยักษ์ใหญ่ยุโรประงับฉีดวัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” กังวลด้านความปลอดภัย
เยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิตาลี ในวันจันทร์ (15 มี.ค.) เผยจะระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีหลายประเทศรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงรุนแรง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) เน้นย้ำว่าไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามันมีความเชื่อมโยงกัน และผู้คนไม่ควรตื่นตระหนก
กระนั้นก็ตาม การตัดสินใจของ 3 ชาติยักษ์ใหญ่สุดของสหภาพยุโรป ที่ระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ได้ฉุดให้โครงการฉีดวัคซีนที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้วของอียู ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 27 ชาติ เข้าสู่ความอลหม่านยิ่งขึ้นไปอีก
นอกเหนือจาก เยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิตาลี แล้ว ในวันเดียวกัน โปรตุเกส ไซปรัส และ สโลเวเนีย ก็ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ เดนมาร์ก และ นอร์เวย์ ได้หยุดวัคซีนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานเดียวกับเคสเลือดออกในสมอง ลิ่มเลือดอุดตัน และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ จากนั้นตามด้วย ไอซ์แลนด์ และ บัลแกเรีย ก่อนที่ ไอร์แลนด์ กับ เนเธอร์แลนด์ จะประกาศระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.)
สถานีวิทยุคาเดนา เซอร์ อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า สเปนก็จะหยุดใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเวลาอย่างน้อยๆ 15 วัน
ความเคลื่อนไหวของบรรดาชาติในยุโรป มีขึ้นแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ระดับอาวุโสขององค์การอนามัยโลกออกมาเน้นย้ำอีกครั้งในวันจันทร์ (15 มี.ค.) ไม่มีหลักฐานความเชื่อมโยงเหตุเสียชีวิตกับวัคซีนโควิด-19
โสมญา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ระบุระหว่างแถลงข่าวทางไกลว่า “เราไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก” พร้อมบอกว่า จนถึงตอนนี้ ไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างเคสภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ได้รับรายงานในบางประเทศ กับวัคซีนโควิด-19
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า คณะที่ปรึกษาชุดหนึ่งด้านวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะประชุมกันในวันอังคาร (16 มี.ค.) ส่วนสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) จะประชุมกันในสัปดาห์นี้เช่นเดียวกัน เพื่อประเมินข้อมูลที่รวบรวมมาได้ ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในบรรดาผู้ได้รับวัคซีนหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของเหล่าประเทศใหญ่ที่สุดของยุโรปบางชาติและบรรดาประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป จะก่อความกังวลยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีนในภูมิภาค ซึ่งก่อนหน้านี้ ประสบปัญหากับภาวะอุปทานขาดแคลนอยู่ก่อนแล้ว สืบเนื่องจากปัญหาด้านการผลิตวัคซีน ในนั้นรวมถึงวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าด้วย
เยอรมนีเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า พวกเขากำลังเผชิญระลอกที่ 3 ของการแพร่ระบาด อิตาลียกระดับล็อกดาวน์เข้มข้นขึ้น และโรงพยาบาลต่างๆ ในภูมิภาคปารีสของฝรั่งเศส ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี บอกว่า แม้ความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “มันเป็นการตัดสินใจโดยมืออาชีพ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจทางการเมือง” เขากล่าว พร้อมระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามคำแนะนำของสถาบันพอล เอห์ลิก (Paul Ehrlich Institute--PEI) ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านวัคซีนของเยอรมนี
ฝรั่งเศสบอกว่าจะระงับใช้วัคซีนระหว่างรอผลการประเมินของสำนักงานยาแห่งยุโรป “เราตัดสินใจระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน หวังว่า เราจะสามารถกลับมาฉีดวัคซีนโดยเร็ว หากได้รับอนุญาตตามคำแนะนำของสำนักงานยาแห่งยุโรป
อิตาลีบอกว่าพวกเขาระงับฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ในมาตรการป้องกันไว้ก่อนและเป็นมาตรการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของทางสำนักงานยาแห่งยุโรป “EMA จะประชุมกันเร็วๆ นี้ เพื่อคลี่คลายความสงสัยใดๆ เพื่อที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะสามารถกลับมาพร้อมกับความปลอดภัยในโครงการฉีดวัคซีน เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” จิอันนี เรซซา ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์ป้องกันโรคแห่งกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ระบุ
ออสเตรียและสเปน หยุดใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าบางล็อต ส่วนคณะอัยการในแคว้นปีเยมอนเต ทางเหนือของอิตาลี ก่อนหน้านี้สั่งอายัดวัคซีน 393,600 โดส หลังมีชายคนหนึ่งเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงหลังฉัดวัคซีน โดยแคว้นแห่งนี้ถือเป็นแคว้นที่ 2 ที่อายัดวัคซีน ต่อจากแคว้นซิซิลี ดินแดนที่พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ไม่นานหลังจากเข้ารับวัคซีน
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง สหราชอาณาจักรบอกว่า ไม่มีความกังวล ส่วนโปแลนด์ ระบุพวกเขาเชื่อว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงทั้งหลาย
สำนักงานยาแห่งยุโรป ระบุว่า จนถึงวันที่ 10 มีนาคม ได้รับรายงานเคสลิ่มเลือดอุดตันทั้งหมด 30 เคส จากบรรดาประชาชนเกือบ 5 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งมีสมาชิก 30 ชาติ
(ที่มา: รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000025092
กรี๊ดด !! ท่านนายกฯฉีดวัคซีนAZ แล้ว ท่ามกลางข่าวประเทศทางยุโรปงดฉีด
สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยทุกๆคนค่ะ....
🎀มาลาริน/ใจสู้!ภาวะผู้นำของนายกลุงตู่...ฉีดวัคซีนAZแล้วโดยนพ. ยง ลงเข็มแรก ส่วน ประเทศทางยุโรปถอยกรูดดดด ระงับการฉีดAZ
16 มี.ค.64- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน ฉีดวัคซีนโควิด ของแอสตราเซนเนกา หลังจากเลื่อนการฉีดเมื่อวันที่ 12 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องรอผลการตรวจสอบผลข้างเคียงลิ่มเลือดแข็งตัว
การฉีดวัคซีนครั้งนี้นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ที่ลงเข็มฉีดวัคซีนให้แก่พล.อ.ประยุทธ์
การฉีดวัคซีนให้กับ คณะรัฐมนตรีที่อายุเกิน 60 ปีจะเป็นไปโดยความสมัครใจ และความพร้อมในการฉีด ประกอบด้วย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อายุ 60 ปี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ คลัง อายุ 64 ปี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ อายุ 65 ปี นายพิพัฒน์ รัชกิจประการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา อายุ 65 ปี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อายุ 71 ปี เป็นต้น ส่วนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯไม่ร่วมฉีดในครั้งนี้
https://www.thaipost.net/main/detail/96195
แพทย์อาวุโส "หมอปิยะสกล -หมอสมศรี"แท็กทีมร่วมกับนายกฯ ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซเนก้า สร้างความเชื่อมั่น
15 มี.ค.64 - นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กรมควบคุมโรค ได้รวบรวมข้อมูลให้ได้มากที่สุดจากต่างประเทศ และองค์การอนามัยโลก ซึ่งยืนยันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไม่เกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ สามารถฉีดได้ เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนไทย และคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญได้ให้ความเห็นว่าสามารถเดินหน้าฉีดต่อไปได้ โดยบ่ายวันนี้จะมีการประชุมคณะกรรมการวิชาการ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากยิ่งขึ้น หากไม่มีข้อมูลขัดแย้งเพิ่มเติม พรุ่งนี้เริ่มทำการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงอายุ 60 ปีขึ้นไปในจังหวัดเป้าหมายตามแผน
นายอนุทินกล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรี ได้แสดงเจตจำนงว่ามีความพร้อมในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 ตลอดเวลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน โดยการฉีดวัคซีนให้กับผู้นำประเทศต้องได้รับคำยินยอมจากคณะกรรมการวิชาการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ ได้เตรียมวัคซีนทั้งจากแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค เพื่อฉีดให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีที่สมัครใจ ตาม 8 ขั้นตอนของกระทรวงสาธารณสุข ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล มีการจัดห้องสังเกตอาการ และกรมการแพทย์ได้จัดรถพยาบาลพร้อมส่งต่อไปยังโรงพยาบาลราชวิถีกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน โดยอาจารย์ยง ภู่วรวรรณ จะเป็นผู้ฉีดให้กับนายกรัฐมนตรี และจะรับการฉีดพร้อมกับอาจารย์แพทย์อาวุโส เช่น ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล สกลสัตยาทร ศาสตราจารย์เกียรติคุณแพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์ จะร่วมกันฉีดครั้งนี้ด้วย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ส่วนสถานบริการอื่นๆ จะเริ่มฉีดวัคซีนจาก แอสตร้าเซนเนก้าที่ได้รับการกระจายไปพร้อมกัน ขอให้มั่นใจว่าวัคซีนที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก อย. มีความปลอดภัย และกระทรวงสาธารณสุขได้จัดระบบดูแลภายหลังการฉีดวัคซีนไว้พร้อมแล้ว
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะนี้มีวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 จากแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 117,300 โดส ซึ่งจะเน้นฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยงเป้าหมายที่อายุเกิน 60 ปี และจะได้รับจำนวนมากในเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ขอยืนยันว่า วัคซีนโควิด 19 มีเพียงพอ ซึ่งวันที่ 20 มีนาคมนี้จะได้รับวัคซีนจากซิโนแวคอีก 800,000โดส รวมทั้งได้เจรจาจัดหาวัคซีนจากชิโนแวคเพิ่มอีกจำนวน 5 ล้านโดส และได้มีการเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ ที่สามารถนำส่งวัคซีนมายังประเทศไทยก่อนที่วัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในประเทศไทยจะผลิตออกมา เป็นการเสริมความเข้มแข็งของระบบการฉีดวัคซีนของประเทศ ซึ่งต้องรอบคอบและคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน
สำหรับภาคเอกชนคาดว่าอีกไม่กี่เดือน จะสามารถติดต่อเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนที่ได้รับการผ่อนคลายจากสถานการณ์ฉุกเฉินมากขึ้นและใช้ในสถานการณ์ปกติได้ ซึ่งทางอย. พร้อมให้ความร่วมมือ อำนวยความสะดวกในการนำเข้า รวมถึงกรมควบคุมโรคและกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ จะสนับสนุนเรื่องการอบรมและขึ้นทะเบียนโรงพยาบาลเอกชนที่มีความประสงค์ที่จะให้บริการประชาชน
https://www.thaipost.net/main/detail/96137
ภาพชุด'บิ๊กตู่-คณะรมต.' พร้อมใจถลกแขนเสื้อฉีดวัคซีน
ประมวลภาพบรรยากาศที่ นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด – 19 ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/politics/831277
เอาไงดี! 3 ชาติยักษ์ใหญ่ยุโรประงับฉีดวัคซีนโควิด “แอสตร้าเซนเนก้า” กังวลด้านความปลอดภัย
เยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิตาลี ในวันจันทร์ (15 มี.ค.) เผยจะระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า หลังมีหลายประเทศรายงานเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของผลข้างเคียงรุนแรง แต่องค์การอนามัยโลก (WHO) เน้นย้ำว่าไม่มีข้อพิสูจน์ว่ามันมีความเชื่อมโยงกัน และผู้คนไม่ควรตื่นตระหนก
กระนั้นก็ตาม การตัดสินใจของ 3 ชาติยักษ์ใหญ่สุดของสหภาพยุโรป ที่ระงับการฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ได้ฉุดให้โครงการฉีดวัคซีนที่มีปัญหาอยู่ก่อนแล้วของอียู ซึ่งมีสมาชิกทั้งหมด 27 ชาติ เข้าสู่ความอลหม่านยิ่งขึ้นไปอีก
นอกเหนือจาก เยอรมนี ฝรั่งเศส และ อิตาลี แล้ว ในวันเดียวกัน โปรตุเกส ไซปรัส และ สโลเวเนีย ก็ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเช่นกัน ท่ามกลางความกังวลด้านความปลอดภัย
ก่อนหน้านี้ เดนมาร์ก และ นอร์เวย์ ได้หยุดวัคซีนไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังมีรายงานเดียวกับเคสเลือดออกในสมอง ลิ่มเลือดอุดตัน และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ จากนั้นตามด้วย ไอซ์แลนด์ และ บัลแกเรีย ก่อนที่ ไอร์แลนด์ กับ เนเธอร์แลนด์ จะประกาศระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.)
สถานีวิทยุคาเดนา เซอร์ อ้างแหล่งข่าวไม่เปิดเผยชื่อ ระบุว่า สเปนก็จะหยุดใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าเป็นเวลาอย่างน้อยๆ 15 วัน
ความเคลื่อนไหวของบรรดาชาติในยุโรป มีขึ้นแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ระดับอาวุโสขององค์การอนามัยโลกออกมาเน้นย้ำอีกครั้งในวันจันทร์ (15 มี.ค.) ไม่มีหลักฐานความเชื่อมโยงเหตุเสียชีวิตกับวัคซีนโควิด-19
โสมญา สวามินาธาน (Soumya Swaminathan) รองผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก ระบุระหว่างแถลงข่าวทางไกลว่า “เราไม่อยากให้ประชาชนตื่นตระหนก” พร้อมบอกว่า จนถึงตอนนี้ ไม่พบความเชื่อมโยงที่ชัดเจนระหว่างเคสภาวะลิ่มเลือดอุดตันที่ได้รับรายงานในบางประเทศ กับวัคซีนโควิด-19
เทดรอส แอดฮานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก ระบุว่า คณะที่ปรึกษาชุดหนึ่งด้านวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะประชุมกันในวันอังคาร (16 มี.ค.) ส่วนสำนักงานยาแห่งยุโรป (EMA) จะประชุมกันในสัปดาห์นี้เช่นเดียวกัน เพื่อประเมินข้อมูลที่รวบรวมมาได้ ว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในบรรดาผู้ได้รับวัคซีนหรือไม่
ความเคลื่อนไหวของเหล่าประเทศใหญ่ที่สุดของยุโรปบางชาติและบรรดาประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในยุโรป จะก่อความกังวลยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความล่าช้าของโครงการฉีดวัคซีนในภูมิภาค ซึ่งก่อนหน้านี้ ประสบปัญหากับภาวะอุปทานขาดแคลนอยู่ก่อนแล้ว สืบเนื่องจากปัญหาด้านการผลิตวัคซีน ในนั้นรวมถึงวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าด้วย
เยอรมนีเตือนเมื่อสัปดาห์ก่อน ว่า พวกเขากำลังเผชิญระลอกที่ 3 ของการแพร่ระบาด อิตาลียกระดับล็อกดาวน์เข้มข้นขึ้น และโรงพยาบาลต่างๆ ในภูมิภาคปารีสของฝรั่งเศส ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว
เยนส์ สปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี บอกว่า แม้ความเสี่ยงลิ่มเลือดอุดตันจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ “มันเป็นการตัดสินใจโดยมืออาชีพ ไม่ได้เป็นการตัดสินใจทางการเมือง” เขากล่าว พร้อมระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามคำแนะนำของสถาบันพอล เอห์ลิก (Paul Ehrlich Institute--PEI) ผู้ควบคุมกฎระเบียบด้านวัคซีนของเยอรมนี
ฝรั่งเศสบอกว่าจะระงับใช้วัคซีนระหว่างรอผลการประเมินของสำนักงานยาแห่งยุโรป “เราตัดสินใจระงับใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนหนึ่งในมาตรการป้องกันไว้ก่อน หวังว่า เราจะสามารถกลับมาฉีดวัคซีนโดยเร็ว หากได้รับอนุญาตตามคำแนะนำของสำนักงานยาแห่งยุโรป
อิตาลีบอกว่าพวกเขาระงับฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ในมาตรการป้องกันไว้ก่อนและเป็นมาตรการชั่วคราว จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยของทางสำนักงานยาแห่งยุโรป “EMA จะประชุมกันเร็วๆ นี้ เพื่อคลี่คลายความสงสัยใดๆ เพื่อที่วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจะสามารถกลับมาพร้อมกับความปลอดภัยในโครงการฉีดวัคซีน เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” จิอันนี เรซซา ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์ป้องกันโรคแห่งกระทรวงสาธารณสุขอิตาลี ระบุ
ออสเตรียและสเปน หยุดใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าบางล็อต ส่วนคณะอัยการในแคว้นปีเยมอนเต ทางเหนือของอิตาลี ก่อนหน้านี้สั่งอายัดวัคซีน 393,600 โดส หลังมีชายคนหนึ่งเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมงหลังฉัดวัคซีน โดยแคว้นแห่งนี้ถือเป็นแคว้นที่ 2 ที่อายัดวัคซีน ต่อจากแคว้นซิซิลี ดินแดนที่พบผู้เสียชีวิต 2 ราย ไม่นานหลังจากเข้ารับวัคซีน
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง สหราชอาณาจักรบอกว่า ไม่มีความกังวล ส่วนโปแลนด์ ระบุพวกเขาเชื่อว่าประโยชน์ที่ได้รับจากการฉีดวัคซีนมีมากกว่าความเสี่ยงทั้งหลาย
สำนักงานยาแห่งยุโรป ระบุว่า จนถึงวันที่ 10 มีนาคม ได้รับรายงานเคสลิ่มเลือดอุดตันทั้งหมด 30 เคส จากบรรดาประชาชนเกือบ 5 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในเขตเศรษฐกิจยุโรป ซึ่งมีสมาชิก 30 ชาติ
(ที่มา: รอยเตอร์)
https://mgronline.com/around/detail/9640000025092
กรี๊ดด !! ท่านนายกฯฉีดวัคซีนAZ แล้ว ท่ามกลางข่าวประเทศทางยุโรปงดฉีด
สร้างความเชื่อมั่นให้คนไทยทุกๆคนค่ะ....