JJNY : ประชาชนคือผู้จ่าย│‘ปลอดประสพ’โพสต์การเมืองแบบครกๆสากๆ│ผู้เลี้ยงสุกรใต้หารือปธ.เกษตร"พท."│จำคุกเพิ่ม แกนนำรัสเซีย

ประชาชนคือผู้จ่าย ทนายแจม ก้าวไกล เปิดค่าเสียหาย สภาล่มแต่ละครั้ง เป็นเงินเท่าใด 
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7800005

ประชาชนคือผู้จ่าย ทนายแจม ก้าวไกล เปิดค่าเสียหาย สภาล่มแต่ละครั้ง คิดเป็นเงินเท่าใด หลังเหตุการณ์ ประธานสั่งปิดประชุม หลังสส.-สว.เถียงวุ่น ญัตติเสนอชื่อซ้ำ

กรณี นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) เสนอญัตติด่วนให้ทบทวนมติรัฐสภากรณีเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯคนที่ 30 ซ้ำได้หรือไม่ โดยที่ประชุมได้อภิปรายอย่างกว้างขวาง ทว่าไม่สามารถหาข้อตกลงได้ ทำให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ใช้อำนาจตามข้อบังคับที่ 22 สั่งเลื่อนการประชุมวันนี้ (4 สิงหาคม) ออกไปก่อนในเวลาประมาณ 11.27 น. พร้อมปิดการประชุมทันทีนั้น
 
ต่อเรื่องดังกล่าว ‘ทนายแจม’ ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความถึงต้นทุนที่ต้องเสียไปจากการเลื่อนประชุมดังกล่าว ผ่านทาง เฟซบุ๊ก ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ – ทนายแจม – Sasinan Thamnithinan ความว่า 
 
“สภาล่มแต่ละครั้ง เรามีต้นทุนอะไรบ้าง” เป็นคำถามที่หลายๆคนคงสงสัย เหตุการณ์ประชุมสภาในวันนี้ ทีมงานแจมได้ทำข้อมูลสรุปคร่าวๆมาให้ค่ะ
 
โดย ทนายแจม ได้ทำภาพอธิบาย ระบุว่า “มูลค่าความเสียหายต่อภาษีประชาชน” ดังนี้
 
– เงินเดือนประธานสภา รองประธานสภา หารจากเงินเดือน/31 วัน เฉลี่ยตกวันละ 10,968 บาทต่อวัน
– เงินเดือน ส.ส. ส.ว. และทีมงาน หารจากเงินเดือน/31วัน เฉลี่ยตกวันละ 5,921,129 บาทต่อวัน
– ค่าเดินทาง (เบิกค่าเดินทางได้ตามจริง)
– ค่าน้ำ-ค่าไฟ เฉลี่ยตกวันละ 1,609,848 บาท
– ค่าอาหาร วันละ 800 บาท บวกค่าอาหารว่าง 200 บาท
– ค่าสถานที่,จิปาถะอื่นๆ
รวมสภาล่ม 1 ครั้ง มีมูลค่า 8,291,945 บาท
 
พร้อมระบุลงชื่อผู้จ่าย คือ ประชาชน
 
https://www.facebook.com/sasinanjam/posts/253040607525521
 


‘ปลอดประสพ’ โพสต์ การเมืองแบบครกๆสากๆ ต้องเอาให้ละเอียดไปเสียข้างหนึ่งถึงจะพอใจ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4114436

‘ปลอดประสพ’ โพสต์ การเมืองแบบครกๆสากๆ ต้องเอาให้ละเอียดไปเสียข้างหนึ่งถึงจะพอใจ

วันที่ 5 สิงหาคม นายปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊ก การเมืองไทยแบบครกๆสากๆ มีเนื้อหา ดังต่อไปนี้

การเมืองแบบครกๆสากๆคือ ต้องเอาให้ละเอียดไปเสียข้างหนึ่งถึงจะพอใจ
 
ท่านนายกทักษิณเป็นนายกฯ 2สมัย ทำจนประเทศไทยเป็นเสือตัวที่ 2ของASEAN แถมใช้หนี้ IMF หมดก่อนเวลา ในทางการเมืองก็ได้ตั้งพรรคไทยรักไทย เลือกตั้งชนะ 2 ครั้ง ครั้งหลังได้ชัยชนะอย่างท่วมท้นเป็นประวัติศาสตร์ 377 เสียง

แต่ก็ถูกสากตำจนละเอียดมาจนทุกวันนี้ (ยุคนั้นผมเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี)
 
ท่านนายกสมัคร ผู้ได้คะแนนเลือกตั้งสูงสุดจากการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ไปสาธิตการทำอาหารทางTV (ไม่ได้ใช้ครกแท้ๆ) ก็ยังโดนสากตำจนหลุดตำแหน่ง (ยุคนั้นผมเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง)

ท่านนายกสมชายเป็นต่อจากท่านนายกสมัคร เข้าทำเนียบรัฐบาลไม่ได้เพราะโรคเสื้อเหลืองระบาดหนัก แถมโดนสากตำจนต้องพ้นตำแหน่งและพรรคพลังประชาชนก็ถูกยุบ(ยุคนี้ผมเป็นรองเลขานายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง)
 
ท่านนายกยิ่งลักษณ์มาพร้อมพรรคเพื่อไทยและชนะการเลือกตั้ง 265 เสียง เริ่มทำงานพร้อมน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 100ปี พอจะทำรถไฟความเร็วสูงก็มีคนไม่ยอม บอกให้ไปลาดยางถนนลูกรังเสียให้หมดก่อน ครั้นมาทำโครงการน้ำก็โดยรุมสกรัมฟ้องร้อง ใช้เวลาปีหนึ่งเต็มๆแก้คดี
 
ครั้นพอจะลงนามก็โดนสากของลูกน้องชื่อตุ๊ดตู่ปฏิวัติ แถมโดนตำซ้ำให้ออกจากตำแหน่ง(ทั้งๆที่ยุบสภาไปแล้ว) เพราะไปย้ายข้าราชการคนเดียวที่ไม่เคยมีความเห็นอะไรตรงกับนายกฯเลย(ยุคนี้ผมเป็นรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรี)
 
เวลาผ่านไปรวดเร็ว 9ปี(เหมือนฝันร้าย)พร้อมการจากไปของยุคตุ๊ดตู่ ก้าวไกลผสมเพื่อไทย 312 เสียง คุณพิธาแคนดิเดตนายกฯก็ถูกสากทุบจนต้องลงจากเวที
 
มาตอนนี้เพื่อไทยเป็นหัวเรือ เรือก็ดูจะโคลงไปเคลงมา แถมต้องล่องเรือหนีหินโสโครกที่ถูกแต่งตั้งเข้ามา เที่ยวนี้
 
ขอให้โชคดีนะแต่ก็ต้องระวังสากให้มาก เพราะโดนโขลกทุบจนละเอียดไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
มีผู้ใหญ่(อายุเกือบร้อย) บอกผมว่า วัฒนธรรมการเมืองไทยก็เป็นอย่างนี้แหละ
 
ในเมื่อชอบกินน้ำพริกก็ต้องถูกตำให้ละเอียด ถ้าอยากรอดก็ต้องทำตัวกะจิ๊ดเป็นมดเท่านั้น
 
มิน่าโบราณเขาจึงมีคำพังเพยว่า “ไอ้สากกระเบือ”

https://www.facebook.com/dr.plodprasop/posts/pfbid0vbkhHfXuMyU46pRRnEdjF4SqkjsKSxt7R4khm1CpbLoXuGovP5GBhNRnzFFdMyvJl
 


กลุ่มผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยภาคใต้หารือ ปธ.เกษตร "เพื่อไทย" หาทางแก้ราคาหมูตกต่ำ
https://www.thairath.co.th/news/local/south/2714863

กลุ่มพันธมิตรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยแห่งชาติ เข้าพบประธานเกษตรพรรคเพื่อไทย ปรึกษาหารือถึงแนวทางแก้ปัญหา สุกรราคาตกต่ำ คาดเกษตรกรรายย่อยจะไม่มีการฟื้นตัว และคงหยุดเลี้ยงไปในที่สุด ส่วนราคาสุกรหน้าฟาร์มอยู่ กก. ละ 66 บาท ทั้งที่ต้นทุนสูงถึง กก. ละ 90 บาท
 
นายปรีชา กิจถาวร นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงสุกรภาคใต้ เปิดเผยว่า กลุ่มพันธมิตรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยแห่งชาติ ภายใต้การนำของ น.สพ.วิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย และคณะ ได้เดินทางเข้าพบนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ประธานนโยบายเกษตรพรรคเพื่อไทย เพื่อร่วมกันปรึกษาหารือถึงแนวทางในการสร้างอาชีพเลี้ยงสุกรสู่ความยั่งยืน พร้อมนำเสนอว่าในขณะผู้เลี้ยงสุกรกำลังประสบปัญหาทางด้านการค้า การตลาด ต้นทุนการผลิต และเนื้อสุกรเถื่อน ฯลฯ  พร้อมทั้งการปรึกษาหารือในการจัดระเบียบการเลี้ยงสุกร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนในการเลี้ยงสุกรทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก และรายย่อย โดยให้มีปริมาณการผลิตที่พอเพียงต่อการบริโภคภายในประเทศและกับการส่งออก
 
ทั้งนี้ ให้มีการขึ้นทะเบียนผู้เลี้ยง พร้อมกับนโยบายปราบปรามป้องกันเนื้อสุกรเถื่อนปัจจุบันนี้ และอนาคต ซึ่งจะต้องสร้างความสมดุลให้กับเกษตรกร ทั้งพืชไร่ ผู้เลี้ยงปศุสัตว์ ทั้งการนำเข้าและการส่งออกพืชอาหารสัตว์ สุกรมีชีวิตและเนื้อสุกร การส่งเสริมให้เกษตรรายย่อยที่ครบวงจรด้วยทั้งด้านการผลิต การตลาด ฯลฯ และประการที่สำคัญคือจะต้องส่งเสริมให้มีวัคซีนในการป้องกันโรคอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างเสถียรภาพราคาต่อผู้เลี้ยงและผู้บริโภค
 
ในส่วนของสถานการณ์สุกรภาคใต้ในปี 2566 นี้ เกษตรกรรายย่อยมีแนวโน้มจะไม่มีการฟื้นตัวและคงหยุดเลี้ยงไปในที่สุด สำหรับการซื้อขายสุกรนั้นขณะนี้ราคาประกาศของสมาคมการค้าและเลี้ยงสุกรภาคใต้อยู่ที่ 66 บาท / กก. แต่ขายจริงหน้าฟาร์มคงไม่ถึง ในขณะที่ต้นทุนการผลิตยังสูงถึงอยู่ที่ 90 บาท / กก.
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่