6 เดือนแรกปี 2566 ต่างชาติหอบเม็ดเงินลงทุน EEC หมื่นล้าน สะท้อนไทยยังเนื้อหอม และผลสำเร็จของนโยบายรัฐบาล ปฏิรูปเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ทุกมิติ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือ EEC พอใจผลสำเร็จและความก้าวหน้าของโครงการ ที่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยมีสามารถดึงดูดการค้า การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและประโยชน์อื่น ให้กับในพื้นที่และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
ล่าสุดรายงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 61 ราย คิดเป็นร้อยละ 19 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 10,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 26 ราย ลงทุน 4,344 ล้านบาท จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 286 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 21 ราย ลงทุน 5,388 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจที่ลงทุน เช่น 1.บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ 2.บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ 3.บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม 4.บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ และ 5.การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
สะท้อนว่าพื้นที่ EEC เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนว่ามีศักยภาพและตอบสนองต่อตลาด ซึ่งเป็นผลสำเร็จของนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งปฏิรูปประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในทุกมิติ โดยโครงการ EEC ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่เร่งขับเคลื่อน เพิ่มการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ GDP และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในวันนี้และรองรับโลกยุคใหม่
#สร้างไทยไปด้วยกัน
#ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
#PMOC
#ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี
@@@@ ความคืบหน้า EEC ครึ่งปี 2566 @@@@
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) หรือ EEC พอใจผลสำเร็จและความก้าวหน้าของโครงการ ที่เป็นไปตามเป้าหมายของรัฐบาล โดยมีสามารถดึงดูดการค้า การลงทุน การถ่ายทอดเทคโนโลยีและประโยชน์อื่น ให้กับในพื้นที่และเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ
ล่าสุดรายงานกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า ช่วงเดือนมกราคม - มิถุนายน 2566 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจลงทุนในพื้นที่ EEC จำนวน 61 ราย คิดเป็นร้อยละ 19 ของจำนวนนักลงทุนทั้งหมด มีมูลค่าการลงทุนในพื้นที่ EEC 10,771 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 22 ของเงินลงทุนทั้งหมด เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น 26 ราย ลงทุน 4,344 ล้านบาท จีน 9 ราย ลงทุน 752 ล้านบาท เกาหลีใต้ 5 ราย ลงทุน 286 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ อีก 21 ราย ลงทุน 5,388 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจที่ลงทุน เช่น 1.บริการให้คำปรึกษาแนะนำด้านการบริหารจัดการกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมต่าง ๆ 2.บริการทางวิศวกรรมและเทคนิค เช่น การออกแบบเครื่องจักร เครื่องกล เครื่องมือ และอุปกรณ์ 3.บริการรับจ้างผลิตเครื่องจักร และชิ้นส่วนของเครื่องจักรสำหรับอุตสาหกรรม 4.บริการรับจ้างผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะ และ 5.การค้าระหว่างประเทศ โดยเป็นการจัดซื้อสินค้า วัตถุดิบ และชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ เป็นต้น เพื่อค้าส่งในประเทศ
สะท้อนว่าพื้นที่ EEC เป็นที่ยอมรับของนักลงทุนว่ามีศักยภาพและตอบสนองต่อตลาด ซึ่งเป็นผลสำเร็จของนโยบายรัฐบาล ที่มุ่งปฏิรูปประเทศทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุนในทุกมิติ โดยโครงการ EEC ถือเป็นหนึ่งในโครงการสำคัญที่เร่งขับเคลื่อน เพิ่มการจ้างงาน ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น เพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างประเทศไทยกับต่างประเทศรวมทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ที่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ GDP และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในวันนี้และรองรับโลกยุคใหม่
#สร้างไทยไปด้วยกัน
#ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
#PMOC
#ศูนย์ปฏิบัติการนายกรัฐมนตรี