ศาลเริ่มไต่สวนการตาย 'บุ้ง ทะลุวัง' พยานไม่มา-ทนายขอตรวจหลักฐาน ศาลให้เลื่อนไป 3 มีนา
https://prachatai.com/journal/2025/01/111952
ศาลเริ่มไต่สวนการตาย "เนติพร" หรือ "บุ้ง" แต่ต้องเลื่อนเหตุพยานแพทย์ไม่มา 2 คน – ทนายครอบครัวขอตรวจหลักฐานฝั่งอัยการที่เพิ่งส่งศาลวันนี้ก่อนสืบ พร้อมขอให้ศาลเรียกภาพกล้องวงจรปิดขณะกู้ชีพมาประกอบเพิ่ม ส่วนเพื่อนๆ ร่วมจัดขบวน ‘Caravan เพื่อนบุ้ง มุ่งสู่บัลลังก์ศาล’ ชวนนายกฯ แพทยสภา รมต.ยุติธรรม ร่วมฟังไต่สวน
13 ม.ค.2568 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี มีนัดไต่สวนการตายของ
เนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมกลุ่ม “ทะลุวัง” ที่เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังในโรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 ระหว่างการควบคุมของกรมราชทัณฑ์จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งจำคุก 1 เดือนในคดีละเมิดอำนาจศาล และต่อเนื่องมาถึงศาลสั่งถอนประกันในคดีมาตรา 112 ทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ หลังจากการอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ยุติการคุมขังนักโทษคดีการเมืองและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาของศาลวันนี้ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากทางอัยการเจ้าของสำนวนได้นำเอกสารหลักฐานมายื่นต่อศาลในวันนี้เป็นครั้งแรกพร้อมนำตัวพยานบุคคลเข้ามาเตรียมเบิกความ แต่มีพยาน 2 คนที่ติดภารกิจไม่สามารถมาเบิกความได้ในวันนี้ คนแรกเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ทำการรักษาขณะกู้ชีพเนติพร และแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ทางทนายความได้แจ้งความประสงค์ที่จะขอตรวจเอกสารหลักฐานที่ทางอัยการเพิ่งยื่นเข้ามาในวันนี้ก่อนและด้วยเอกสารที่มีเป็นจำนวนมากทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทันในวันนี้
นอกจากนั้น ทนายความยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลเรียกหลักฐานใน 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในช่วงขณะเกิดเหตุคือตั้งแต่ประมาณเวลา 3.00 – 9.30 น. ของวันที่ 14 พ.ค.2567 และภาพจากกล้องของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติช่วงเวลาที่รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาถึง ส่วนที่สองคือผลการตรวจCT Scan สมองและปอดหลังการเสียชีวิตด้วย
หลังการแถลงของทั้งอัยการและทนายความของครอบครัวเนติพร ศาลอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน โดยศาลนัดพิจารณาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 3 มี.ค.2568 หลังจากทางทนายความได้ตรวจสอบหลักฐานของอัยการและที่แถลงขอศาลไว้จะเป็นกระบวนการนัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดไต่สวนพยานในคดีต่อไป
สำหรับการพิจารณาคดีวันนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาเป็นจำนวนมากทางศาลได้จัดห้องสำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เพิ่ม
อีกทั้งก่อนถึงเวลานัดของศาล กลุ่มเพื่อนของเนติพรยังจัดกิจกรรม ‘
Caravan เพื่อนบุ้ง มุ่งสู่บัลลังก์ศาล’ ไปที่พรรคเพื่อไทย แพทยสภา และกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอให้แพทองธาร ชินวัตรในฐานะนายกรัฐรัฐมนตรี ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และตัวแทนจากแพทยสภาเข้าร่วมติดตามการไต่สวนการตาย โดยหวังว่าจะช่วยกันแสวงหาความจริงและความยุติธรรมในการเสียชีวิตของเนติพรและเพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมรวมถึงยกระดับมาตรการรักษาทางการแพทย์ของผู้ต้องขังในเรือนจำต่อไป
นักวิชาการ ชี้ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_827853/
นักวิชาการ ชี้ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
เพื่อความรอบคอบ นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า กรณีที่ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ตนมองว่าด้วยความรอบคอบและพูดถึงกระบวนการโปร่งใส เรื่องนี้สําคัญมากเพราะว่าการรับฟังความคิดเห็นจากกระทรวงการคลังรอบแรก
ไม่มีข้อโต้แย้งใดเป็นพิเศษหรือมีนัยยะสําคัญจน ทําให้ทางกระทรวงการคลังกลับไปทบทวนเพื่อเสนอครม.ใหม่ ไม่ได้มีมูลแต่ในรอบกฤษฎีกา อาจจะอยากให้มีการศึกษากฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ และอยากให้ศึกษารายละเอียด เปิดรับฟังความเห็นแก่ประชาชนให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อความรอบคอบ เพราะว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นวัตถุประสงค์หลัก ทั้งนี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีบางประเทศมีรายได้กว่าหนึ่งล้านล้านบาท อีกทั้ง ประเทศในอาเซียนทั้งหมด
สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมารายได้อย่างน้อย 5,000 ล้านบาทไปจนถึงแสนกว่าล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียเงินตราไป ขณะเดียวกัน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้หมายถึงการพนันอย่างเดียว แต่ต้องมีการจัดการอย่างดี อย่างไรก็ตาม มันเป็นการจัดการพนันนอกระบบ แล้วก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนําการข้อมูลต่าง ๆ มาดูแลเหมือนมาดูแลและรณรงค์ให้เด็กๆ และเยาวชนอย่าเข้ามาในการพนัน
“
ตนคิดว่ามันเป็นแนวนโยบายที่มีบวกและลบ เพียงแค่สังคมยังต้องการการถกเถียงและต้องการความรู้มากกว่านี้ ตลอดจนแนวทางการป้องกันของรัฐเพื่อไม่ให้มีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะว่าในผลการศึกษาของภาครัฐบอกว่าประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัดส่วนคนในชาตินั้นเข้าไปเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สูงมาก ทําให้เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นคนที่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้อมีสัดส่วนชาวต่างชาติสูงกว่า”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ที่มีการศึกษาอย่างรอบคอบมาแล้วและเป็นประโยชน์ต่อสังคมควรจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของการเสวนาในรูปแบบและรูปแบบอื่นๆ
โคราชผวา! PM2.5 พุ่ง พบลอบเผาในที่โล่ง วันเดียว 30 จุด
https://www.matichon.co.th/region/news_4997908
โคราชผวา! PM2.5 พุ่ง พบลอบเผาในที่โล่ง วันเดียว 30 จุด
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา น.ส.
กุลชา ธนะขว้าง ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11
นครราชสีมา (ผอ.สคพ.11 นม.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้กลับมาเกินค่ามาตรฐานอีกครั้ง
ล่าสุดวัดค่าฝุ่นละอองในรอบ 24 ชั่วโมง ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 41.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สาเหตุหลักจากการเผาในที่โล่ง รวมทั้งปัจจัยทางสภาพอุตุนิยมวิทยา จากการติดตามจุดความร้อนของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTD พบจุดความร้อนจำนวน 30 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมและ ส.ป.ก.รวม 25 จุด รองลงมาได้แก่ พื้นที่ป่าสงวน ริมทางหลวงและอื่นๆ 5 จุด ซึ่งจุดความร้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
น.ส
.กุลชากล่าวว่า รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง โดยมุ่งเน้นให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหา การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ทุกภาคส่วนได้จัดกิจกรรม Kick off บูรณาการ “รัฐเข้ม ตรวจจับ ปรับจริง-ห้ามใช้รถยนต์ควันดำ” ลดฝุ่น PM2.5 ณ จุดตรวจริมทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ บริเวณหน้าศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราชพร้อมดำเนินมาตรการเอาจริงเอาจังกับผู้ก่อมลพิษจากการเผาในที่โล่งรวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมเหตุเพลิงไหม้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงนี้อีกด้วย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กผ่านแอพพลิเคชั่น Air4thai ดูแลสุขภาพตัวเอง โดยลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งและสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 ตลอดเวลาที่อยู่ภายนอกอาคาร
หอการค้าไทย ห่วงศก.ครึ่งหลัง’68 แผ่วหนัก จี้ฟื้นความเชื่อมั่นจีน ปม ซิงซิง ทำภาคท่องเที่ยวสะดุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4998100
หอค้าไทย ร้อนใจ ศก.ครึ่งหลัง 2568 แผ่วหนัก เร่งรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น ฟื้นวิกฤตความเชื่อมั่นคนจีนคงเที่ยวไทย คาดจีดีพีทั้งปีสูงสุด 2.9%
เมื่อวันที่ 13 มกราคม นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าขยายตัวช่วง 2.4-2.9% การส่งออกขยายตัว 1.5-2.5% อัตราเงินเฟ้อ 0.8-1.2% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรก 2568 อาจยังมีโมเมนตัมโตต่อเนื่องจากปลายปี 2567 เพราะหลายประเทศเร่งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศก่อนถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษี ทำให้ส่งออกช่วงครึ่งปีแรกยังโตดี แต่เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยังน่าเป็นห่วงมาก หลังจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐเริ่มส่งผล ขณะที่กระสุนกระตุ้นของรัฐบาลถูกมองว่าหมดลงแล้ว ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหารายได้เพิ่มเพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ
“
คงต้องตามดูว่ารัฐบาลจะหารายได้เพิ่มวิธีไหน หน่วยงานที่ดูแลนโยบายด้านการเงินและด้านการคลังควรประสานการทำงานร่วมกันในการหาเม็ดเงินเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทางออกด้วยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากจำเป็นควรปรับขึ้น ควรค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ไม่เห็นด้วย หากจะปรับขึ้นแวตในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรง เพราะจะส่งผลกระทบต่อรายได้ประชาชน และอาจทำให้เศรษฐกิจภาพรวมชะลอตัวได้” นายสนั่นกล่าว
นาย
สนั่นกล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ภาคเอกชนยังมีความกังวลใน 2 ประเด็น คือ เม็ดเงินที่รัฐบาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีไม่มากนัก และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น ต้องเร่งหารายได้เพิ่ม รวมทั้งในส่วนของมาตรการในประเทศจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคูณสอง หรือ คนละครึ่ง กลับมาใช้ เพื่อดึงเงินจากกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อให้ออกมาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้
นาย
สนั่นกล่าวด้วยว่า อีกประเด็นที่ต้องดูแลและเร่งส่งเสริมคือ ภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะ เร่งแก้ไขปัญหาความไม่เชื่อมั่นในตลาดจีนที่เกิดขึ้นจากปัญหา “
ซิงซิง” ดาราที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย เนื่องจากจีนเป็นตลาดหลักของไทย รวมทั้งเร่งหามาตรการดึงดูดให้คนอินเดียเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่ม ด้านการส่งออกจะต้องมีการผลักดันการส่งออกสินค้าตัวใหม่ๆ ที่ผลิตภายในอีอีซีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก
นาย
สนั่นกล่าวถึงเสถียรภาพทางการเมือง หลังมีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ในเดือนเมษายนนี้ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องปกติของรัฐบาล โดยมองว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศต่อได้ และเป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“
การปรับโดยยังมีคณะรัฐมนตรีทำงานต่อเนื่องก็จะไม่มีผลกระทบมากเท่า หากคณะรัฐมนตรีทำงานไม่ได้อย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ประเทศไทยที่ผ่านมา แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่นโยบายยังคงเส้นคงวา ต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่น ขณะที่ไทยเองยังมีมาตรการต้อนรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ” นาย
สนั่น กล่าว
นาน
สนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนความกังวลเรื่องทุนต่างชาติและสินค้าด้อยคุณภาพและราคาต่ำทะลักเข้าไทย โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีนนั้น หอการค้าไทยอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางที่เป็นมาตรการทางการค้าของประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อเตรียมเสนอให้กับรัฐบาลใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับการดูแลและปกป้องการค้าระหว่างประเทศของไทย คาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาทิ ศึกษากรณีเดียวกันในอินโดนีเซีย รวมถึงสถานการณ์ในจีนด้ว
JJNY : 5in1 ไต่สวนการตาย 'บุ้ง'│ชี้กฤษฎีกาค้านดันร่างกม.│โคราชผวา! PM2.5 พุ่ง│ห่วงศก.ครึ่งหลัง’68│Hydroclimate Whiplash
https://prachatai.com/journal/2025/01/111952
ศาลเริ่มไต่สวนการตาย "เนติพร" หรือ "บุ้ง" แต่ต้องเลื่อนเหตุพยานแพทย์ไม่มา 2 คน – ทนายครอบครัวขอตรวจหลักฐานฝั่งอัยการที่เพิ่งส่งศาลวันนี้ก่อนสืบ พร้อมขอให้ศาลเรียกภาพกล้องวงจรปิดขณะกู้ชีพมาประกอบเพิ่ม ส่วนเพื่อนๆ ร่วมจัดขบวน ‘Caravan เพื่อนบุ้ง มุ่งสู่บัลลังก์ศาล’ ชวนนายกฯ แพทยสภา รมต.ยุติธรรม ร่วมฟังไต่สวน
13 ม.ค.2568 ที่ศาลจังหวัดธัญบุรี มีนัดไต่สวนการตายของเนติพร เสน่ห์สังคม นักกิจกรรมกลุ่ม “ทะลุวัง” ที่เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังในโรงพยาบาลราชทัณฑ์เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2567 ระหว่างการควบคุมของกรมราชทัณฑ์จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งจำคุก 1 เดือนในคดีละเมิดอำนาจศาล และต่อเนื่องมาถึงศาลสั่งถอนประกันในคดีมาตรา 112 ทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ หลังจากการอดอาหารเพื่อเรียกร้องให้ยุติการคุมขังนักโทษคดีการเมืองและปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การพิจารณาของศาลวันนี้ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากทางอัยการเจ้าของสำนวนได้นำเอกสารหลักฐานมายื่นต่อศาลในวันนี้เป็นครั้งแรกพร้อมนำตัวพยานบุคคลเข้ามาเตรียมเบิกความ แต่มีพยาน 2 คนที่ติดภารกิจไม่สามารถมาเบิกความได้ในวันนี้ คนแรกเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ที่ทำการรักษาขณะกู้ชีพเนติพร และแพทย์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ
ทั้งนี้ทางทนายความได้แจ้งความประสงค์ที่จะขอตรวจเอกสารหลักฐานที่ทางอัยการเพิ่งยื่นเข้ามาในวันนี้ก่อนและด้วยเอกสารที่มีเป็นจำนวนมากทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ทันในวันนี้
นอกจากนั้น ทนายความยังได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอให้ศาลเรียกหลักฐานใน 2 ส่วนคือ ส่วนแรกเป็นวิดีโอจากกล้องวงจรปิดของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในช่วงขณะเกิดเหตุคือตั้งแต่ประมาณเวลา 3.00 – 9.30 น. ของวันที่ 14 พ.ค.2567 และภาพจากกล้องของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติช่วงเวลาที่รถฉุกเฉินจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์มาถึง ส่วนที่สองคือผลการตรวจCT Scan สมองและปอดหลังการเสียชีวิตด้วย
หลังการแถลงของทั้งอัยการและทนายความของครอบครัวเนติพร ศาลอนุญาตให้เลื่อนการไต่สวนออกไปก่อน โดยศาลนัดพิจารณาคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 3 มี.ค.2568 หลังจากทางทนายความได้ตรวจสอบหลักฐานของอัยการและที่แถลงขอศาลไว้จะเป็นกระบวนการนัดพร้อมเพื่อกำหนดวันนัดไต่สวนพยานในคดีต่อไป
สำหรับการพิจารณาคดีวันนี้มีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาเป็นจำนวนมากทางศาลได้จัดห้องสำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมฟังการพิจารณาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เพิ่ม
อีกทั้งก่อนถึงเวลานัดของศาล กลุ่มเพื่อนของเนติพรยังจัดกิจกรรม ‘Caravan เพื่อนบุ้ง มุ่งสู่บัลลังก์ศาล’ ไปที่พรรคเพื่อไทย แพทยสภา และกระทรวงยุติธรรม เพื่อยื่นหนังสือขอให้แพทองธาร ชินวัตรในฐานะนายกรัฐรัฐมนตรี ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม และตัวแทนจากแพทยสภาเข้าร่วมติดตามการไต่สวนการตาย โดยหวังว่าจะช่วยกันแสวงหาความจริงและความยุติธรรมในการเสียชีวิตของเนติพรและเพื่อนำข้อมูลไปปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมรวมถึงยกระดับมาตรการรักษาทางการแพทย์ของผู้ต้องขังในเรือนจำต่อไป
นักวิชาการ ชี้ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_827853/
นักวิชาการ ชี้ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่างกม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์
เพื่อความรอบคอบ นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า กรณีที่ กฤษฎีกา ค้านรัฐบาลดันร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร ตนมองว่าด้วยความรอบคอบและพูดถึงกระบวนการโปร่งใส เรื่องนี้สําคัญมากเพราะว่าการรับฟังความคิดเห็นจากกระทรวงการคลังรอบแรก
ไม่มีข้อโต้แย้งใดเป็นพิเศษหรือมีนัยยะสําคัญจน ทําให้ทางกระทรวงการคลังกลับไปทบทวนเพื่อเสนอครม.ใหม่ ไม่ได้มีมูลแต่ในรอบกฤษฎีกา อาจจะอยากให้มีการศึกษากฎหมายเก่า และกฎหมายใหม่ และอยากให้ศึกษารายละเอียด เปิดรับฟังความเห็นแก่ประชาชนให้กว้างขวางมากขึ้น เพื่อความรอบคอบ เพราะว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์เป็นเรื่องของการส่งเสริมการท่องเที่ยวเป็นวัตถุประสงค์หลัก ทั้งนี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีบางประเทศมีรายได้กว่าหนึ่งล้านล้านบาท อีกทั้ง ประเทศในอาเซียนทั้งหมด
สิงคโปร์ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมารายได้อย่างน้อย 5,000 ล้านบาทไปจนถึงแสนกว่าล้านบาท ซึ่งทำให้ประเทศไทยสูญเสียเงินตราไป ขณะเดียวกัน เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ไม่ได้หมายถึงการพนันอย่างเดียว แต่ต้องมีการจัดการอย่างดี อย่างไรก็ตาม มันเป็นการจัดการพนันนอกระบบ แล้วก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับการนําการข้อมูลต่าง ๆ มาดูแลเหมือนมาดูแลและรณรงค์ให้เด็กๆ และเยาวชนอย่าเข้ามาในการพนัน
“ตนคิดว่ามันเป็นแนวนโยบายที่มีบวกและลบ เพียงแค่สังคมยังต้องการการถกเถียงและต้องการความรู้มากกว่านี้ ตลอดจนแนวทางการป้องกันของรัฐเพื่อไม่ให้มีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะว่าในผลการศึกษาของภาครัฐบอกว่าประเทศแอฟริกาใต้เมื่อสัดส่วนคนในชาตินั้นเข้าไปเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สูงมาก ทําให้เกิดปัญหา เพราะฉะนั้นคนที่เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้อมีสัดส่วนชาวต่างชาติสูงกว่า”
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเหล่านี้ที่มีการศึกษาอย่างรอบคอบมาแล้วและเป็นประโยชน์ต่อสังคมควรจะเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในรูปแบบของการเสวนาในรูปแบบและรูปแบบอื่นๆ
โคราชผวา! PM2.5 พุ่ง พบลอบเผาในที่โล่ง วันเดียว 30 จุด
https://www.matichon.co.th/region/news_4997908
โคราชผวา! PM2.5 พุ่ง พบลอบเผาในที่โล่ง วันเดียว 30 จุด
เมื่อวันที่ 13 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.นครราชสีมา น.ส.กุลชา ธนะขว้าง ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 11
นครราชสีมา (ผอ.สคพ.11 นม.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ได้กลับมาเกินค่ามาตรฐานอีกครั้ง
ล่าสุดวัดค่าฝุ่นละอองในรอบ 24 ชั่วโมง ค่าเฉลี่ยเท่ากับ 41.6 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเกินกว่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ไม่เกิน 37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร สาเหตุหลักจากการเผาในที่โล่ง รวมทั้งปัจจัยทางสภาพอุตุนิยมวิทยา จากการติดตามจุดความร้อนของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTD พบจุดความร้อนจำนวน 30 จุด ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่เกษตรกรรมและ ส.ป.ก.รวม 25 จุด รองลงมาได้แก่ พื้นที่ป่าสงวน ริมทางหลวงและอื่นๆ 5 จุด ซึ่งจุดความร้อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
น.ส.กุลชากล่าวว่า รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละออง โดยมุ่งเน้นให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมป้องกันและแก้ไขปัญหา การสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน ทุกภาคส่วนได้จัดกิจกรรม Kick off บูรณาการ “รัฐเข้ม ตรวจจับ ปรับจริง-ห้ามใช้รถยนต์ควันดำ” ลดฝุ่น PM2.5 ณ จุดตรวจริมทางหลวงหมายเลข 2 ถนนมิตรภาพ บริเวณหน้าศูนย์การค้าเดอะมอลล์โคราชพร้อมดำเนินมาตรการเอาจริงเอาจังกับผู้ก่อมลพิษจากการเผาในที่โล่งรวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เฝ้าระวังและเตรียมความพร้อมเหตุเพลิงไหม้สถานที่กำจัดขยะมูลฝอย ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงนี้อีกด้วย ทั้งนี้ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กผ่านแอพพลิเคชั่น Air4thai ดูแลสุขภาพตัวเอง โดยลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้งและสวมหน้ากากอนามัยชนิด N95 ตลอดเวลาที่อยู่ภายนอกอาคาร
หอการค้าไทย ห่วงศก.ครึ่งหลัง’68 แผ่วหนัก จี้ฟื้นความเชื่อมั่นจีน ปม ซิงซิง ทำภาคท่องเที่ยวสะดุด
https://www.matichon.co.th/economy/news_4998100
หอค้าไทย ร้อนใจ ศก.ครึ่งหลัง 2568 แผ่วหนัก เร่งรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้น ฟื้นวิกฤตความเชื่อมั่นคนจีนคงเที่ยวไทย คาดจีดีพีทั้งปีสูงสุด 2.9%
เมื่อวันที่ 13 มกราคม นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปี 2568 คาดว่าขยายตัวช่วง 2.4-2.9% การส่งออกขยายตัว 1.5-2.5% อัตราเงินเฟ้อ 0.8-1.2% ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเศรษฐกิจไทยช่วงครึ่งปีแรก 2568 อาจยังมีโมเมนตัมโตต่อเนื่องจากปลายปี 2567 เพราะหลายประเทศเร่งนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศก่อนถูกสหรัฐปรับขึ้นภาษี ทำให้ส่งออกช่วงครึ่งปีแรกยังโตดี แต่เศรษฐกิจช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ยังน่าเป็นห่วงมาก หลังจากมาตรการขึ้นภาษีของสหรัฐเริ่มส่งผล ขณะที่กระสุนกระตุ้นของรัฐบาลถูกมองว่าหมดลงแล้ว ดังนั้น รัฐบาลต้องเร่งหารายได้เพิ่มเพื่อนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจ
“คงต้องตามดูว่ารัฐบาลจะหารายได้เพิ่มวิธีไหน หน่วยงานที่ดูแลนโยบายด้านการเงินและด้านการคลังควรประสานการทำงานร่วมกันในการหาเม็ดเงินเพื่อมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งทางออกด้วยการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) หากจำเป็นควรปรับขึ้น ควรค่อยเป็นค่อยไป แต่ก็ไม่เห็นด้วย หากจะปรับขึ้นแวตในช่วงที่เศรษฐกิจไทยยังไม่แข็งแรง เพราะจะส่งผลกระทบต่อรายได้ประชาชน และอาจทำให้เศรษฐกิจภาพรวมชะลอตัวได้” นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลัง 2568 ภาคเอกชนยังมีความกังวลใน 2 ประเด็น คือ เม็ดเงินที่รัฐบาลจะใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจมีไม่มากนัก และภาวะเศรษฐกิจโลก ที่จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว และการส่งออกของไทยให้ชะลอตัวลงได้ ดังนั้น ต้องเร่งหารายได้เพิ่ม รวมทั้งในส่วนของมาตรการในประเทศจะต้องเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการคูณสอง หรือ คนละครึ่ง กลับมาใช้ เพื่อดึงเงินจากกระเป๋าของผู้ที่มีกำลังซื้อให้ออกมาช่วยในการกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศได้
นายสนั่นกล่าวด้วยว่า อีกประเด็นที่ต้องดูแลและเร่งส่งเสริมคือ ภาคท่องเที่ยว โดยเฉพาะ เร่งแก้ไขปัญหาความไม่เชื่อมั่นในตลาดจีนที่เกิดขึ้นจากปัญหา “ซิงซิง” ดาราที่หายตัวไปบริเวณชายแดนไทย เนื่องจากจีนเป็นตลาดหลักของไทย รวมทั้งเร่งหามาตรการดึงดูดให้คนอินเดียเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่ม ด้านการส่งออกจะต้องมีการผลักดันการส่งออกสินค้าตัวใหม่ๆ ที่ผลิตภายในอีอีซีให้มากขึ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออก
นายสนั่นกล่าวถึงเสถียรภาพทางการเมือง หลังมีกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรีครั้งใหญ่ในเดือนเมษายนนี้ว่า การปรับคณะรัฐมนตรีถือเป็นเรื่องปกติของรัฐบาล โดยมองว่ารัฐบาลยังมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศต่อได้ และเป็นสิ่งจำเป็นมากที่จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับทั้งในประเทศและต่างประเทศ
“การปรับโดยยังมีคณะรัฐมนตรีทำงานต่อเนื่องก็จะไม่มีผลกระทบมากเท่า หากคณะรัฐมนตรีทำงานไม่ได้อย่างต่อเนื่อง โชคดีที่ประเทศไทยที่ผ่านมา แม้จะมีการเปลี่ยนรัฐบาล แต่นโยบายยังคงเส้นคงวา ต่างประเทศยังมีความเชื่อมั่น ขณะที่ไทยเองยังมีมาตรการต้อนรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ” นายสนั่น กล่าว
นานสนั่นกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนความกังวลเรื่องทุนต่างชาติและสินค้าด้อยคุณภาพและราคาต่ำทะลักเข้าไทย โดยเฉพาะสินค้านำเข้าจากจีนนั้น หอการค้าไทยอยู่ระหว่างศึกษาแนวทางที่เป็นมาตรการทางการค้าของประเทศต่างๆ ในอาเซียน เพื่อเตรียมเสนอให้กับรัฐบาลใช้เป็นแนวทางในการรับมือกับการดูแลและปกป้องการค้าระหว่างประเทศของไทย คาดว่าการศึกษาจะแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์นี้ อาทิ ศึกษากรณีเดียวกันในอินโดนีเซีย รวมถึงสถานการณ์ในจีนด้ว