แห่ยินดี ‘พวงทอง’ คว้ารางวัลวิจัยดีเด่นจากผลงาน ‘การแทรกซึมสังคม : กิจการความมั่นคงภายในของทหารไทย’
https://www.matichon.co.th/education/news_4001175
 
 
แห่ยินดี ‘รศ.ดร.พวงทอง’ งานวิจัย ‘การแทรกซึมสังคม : กิจการความมั่นคงภายในของทหารไทย’ คว้างานวิจัยดีเด่น โซเชียลชื่นชมจุฬาฯ ใจกว้าง
 
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์แสดงความยินดีกับรศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น โดยมีรายละเอียด ดังนี้

คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขอแสดงความยินดีกับ รองศาสตราจารย์ ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์ภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ในโอกาสที่ได้รับรางวัลผลงานวิจัยดีเด่น สาขาสังคมศาสตร์ งานวิจัย เรื่อง การแทรกซึมสังคม : กิจการความมั่นคงภายในของทหารไทย จาก กองทุนรัชดาภิเษกสมโภช ประจำปีงบประมาณ 2566
 
ทั้งนี้ที่ผ่านมารศ.ดร.พวงทอง ร่วมกิจกรรมกับเยาวชนในการเรียกร้องประชาธิปไตย ต่อต้านรัฐประหาร งานนี้เลยมีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์แสดงความยินดี อยากอ่านรายละเอียดงานวิจัย รวมถึงชื่นชมจุฬาฯ ที่ใจกว้าง ซึ่งรศ.ดร.พวงทอง ก็เข้ามากดหัวใจให้ด้วย
 
https://www.facebook.com/polscichulaofficial/posts/3573133526263330
 

---

รัฐ คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พท. ลุยแก้ กม.-ปากท้องประชาชน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4000841

คว้าชัยชนะเลือกตั้ง เตรียมเป็น ส.ส.มหาสารคาม เขต 6 พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้วยคะแนน 46,765 คะแนน รอเพียงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ ดูจากนามสกุล ถือเป็น ว่าที่ ส.ส.ที่ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น เพราะลูกชายของ สุทิน คลังแสง ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. และอดีตประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)
 
สำหรับ รัฐ คลังแสง หรือ “โก้” ว่าที่ ส.ส.มหาสารคาม เขต 6 ในวัย 40 ปี เผยว่า หลังจากจบการศึกษาปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทวิศวกรรมศาสตร์ สาขาเครื่องกล, California State University (Fullerton) ได้เริ่มต้นทำงานเป็นวิศวกร บริษัท แอ็ดวานซ์ เอ็นพาวเวอร์ ก่อนจะมาเป็นอาจารย์ และผู้จัดการวิทยาลัยเทคโนโลยีเอเชียแปซิฟิก

สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจลงสู่สนามเลือกตั้ง “รัฐ” กล่าวว่า อยากมีบทบาทและส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงประเทศ เห็นความไม่เป็นธรรมความบิดเบี้ยวของกฎหมาย กติกาการเลือกตั้ง รวมทั้งรัฐธรรมนูญ รวมทั้งการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง ปัญหาความเหลื่อมล้ำให้กับประชาชน และการเป็นปากเป็นเสียงให้กับพี่น้องประชาชน
 
นอกจากนี้มีความตั้งใจที่จะเข้าไปแก้ปัญหาความไม่เป็นธรรมของอำนาจนอกระบบ ที่พยายามเข้ามาแทรกแซงการเมืองในระบอบอำนาจประชาธิปไตย นั่นก็คือ อำนาจเผด็จการ ที่แฝงรากลึกเข้ามาผ่านการปฏิวัติรัฐประหาร จึงอยากเข้าไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎร ไปขับเคลื่อนในงานด้านนิติบัญญัติแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
 
ซึ่งการทำงานการเมืองมีคุณพ่อเป็นแบบอย่างตั้งแต่คุณพ่อเป็น ส.ส.สมัยแรกในปี 2544 ทั้งการลงพื้นที่ช่วยหาเสียง ช่วยการทำงานในคณะกรรมาธิการต่างๆ ในสภา

---

ส.อ.ท.ไม่กังวัลปมแย่งเก้าอี้ปธ.สภา เทียบทำธุรกิจต้องต่อรอง เชื่อตกลงกันได้
https://www.matichon.co.th/economy/news_4001280

ส.อ.ท.ไม่กังวัลปมแย่งเก้าอี้ปธ.สภา เทียบทำธุรกิจต้องต่อรอง เชื่อตกลงกันได้
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับมติชนถึงกรณีพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลคือพรรคก้าวไกลกับพรรคเพื่อไทยมีกระแสข่าวตกลงเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ ว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวล เนื่องจากเป็นระบอบของการพรรคการเมืองในการร่วมรัฐบาลต้องมีการเจรจาต่อรองกัน เหมือนกับการทำธุรกิจ ผู้บริหารจะต้องมีการต่อรองกัน และเมื่อมีพรรคร่วมรัฐบาลก็เสมือนเป็นหุ้นส่วนกัน

กรณีนี้คนที่อยากจะนั่งในตำแหน่งที่ถนัดหรือคิดว่าเหมาะสมบังเอิญทั้งสองพรรคใจตรงกัน ดังนั้นเป็นเรื่องที่หุ้นส่วนต้องตกลงกัน การเจรจามีหลากทางเลือก คิดว่าคงไม่ถึงขั้นทำให้ทั้งสองพรรคแตกหักกัน เนื่องจากถ้าแตกกัน ประชาชนคงผิดหวัง เพราะประชาชนส่วนใหญ่ลงคะแนนเสียงให้ทั้งสองพรรค รวมกัน 25-24 ล้านเสียง เป็นการมอบความไว้วางใจเป็นรัฐบาล เป็นผู้บริหารบ้านเมือง ดังนั้นเรื่องแค่นี้คงจะตกลงกันได้ในท้ายที่สุด
 
“อาจต้องเจราจา ยื่นข้อเสนอกันว่าพรรคก้าวไกลได้บริหารส่วนนี้ พรรคเพื่อไทยดูส่วนนั้น เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน เพียงแต่ว่าขณะนี้ กองเชียร์ของแต่ละฝ่ายออกมาพูดถึงว่าใครเหมาะสมกว่า คู่ชกชิงตำแหน่งประธานสภาไม่ได้ออกมาพูดเอง แต่เป็นกองเชียร์พูดถึงแทน อาจล้ำเส้น ใช้คำที่ดูมีประเด็น หรือมีอารมณ์สูงไปบ้าง เป็นสีสันของการเมือง” นายเกรียงไกร กล่าว
  
นายเกรียงไกร กล่าวต่อว่า ส.อ.ท. ไม่กังวล เพราะตอนนี้ได้มองข้ามไปแล้วว่าถึงเวลาที่ทุกฝ่ายจะต้องมาร่วมกันในการฟื้นฟู สร้างประเทศชาติ สร้างความรักและความสามัคคี ที่สำคัญปัญหาต่างๆจากภายนอกมีอีกมากมาย ที่พร้อมจะถาโถมมา จึงควรต้องเตรียมความพร้อม ถ้าเกิดยังไม่ปรองดอง ไม่รักกัน และสู้กันเอง ประเทศไทยก็จะอ่อนแอ และสู้ข้างนอกไม่ได้

เวลานี้ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายรู้หน้าที่ของตนเอง ต้องทำตามหน้าที่ต่อไป ในส่วนของ ส.อ.ท.เอง จะทำหน้าที่ของภาคอุตสาหกรรมให้ดีที่สุด พยายามทำให้ทุกคนเข้มแข็ง และสู้กับประเทศอื่นได้ ดังนั้น ส.อ.ท.จึงรอรัฐบาลที่พร้อมจากพรรคไหนก็ได้ ส.อ.ท.สามารถเข้าได้กับทุกรัฐบาล เพื่อเป็นกำลังร่วมกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป
 
“ถ้าได้รัฐบาลอย่างแน่นอน เป็นไปตามเวลาที่กำหนด ไม่มีอะไรที่ผิดพลาดไปจากกำหนดการไทม์ไลน์ ผมคิดว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศที่กำลังเฝ้ารออยู่ว่าเมื่อไหร่รัฐบาลและประเทศไทยจะพร้อม ถึงตอนนั้นนักลงทุนก็พร้อมที่จะใส่เม็ดเงินเข้ามาในประเทศ” นายเกรียงไกรทิ้งท้าย