ช่วงนี้จะเป็นหน้าฤดูผลไม้ของทางภาคตะวันออก หนึ่งในนั้นที่จะเห็นวางขายตามร้านแผงผัก ก็คือ... ระกำ

ระกำ เขาจะมีรสชาติเปรี้ยว จนถึงเปรี้ยวมาก
รวมถึงเมล็ดจะใหญ่กว่าสละมาก เนื้อของเขาจึงน้อยตามไปด้วย และด้วยที่รสชาติเปรี้ยวมากบวกกับเนื้อน้อย จึงไม่นิยมนำมากินเป็นผลไม้ธรรมดาๆเหมือนสละได้  บางต้นเปรี้ยวลิ้นแตกกันเลยนะคะ  ระกำสมชื่อที่คนเขาตั้งให้เลยจริงๆ 

คนทางภาคตะวันออก เลยนำระกำมาทำอาหารกันเป็นส่วนใหญ่ในเมนูที่มีรสชาติเปรี้ยวเป็นส่วนประกอบ  อย่างเช่น... ตำน้ำพริก  ต้มส้ม  ต้มยำประมาณนี้  
วันนี้เราเลยทำเมนูซี่โครงหมูต้มระกำค่ะ 

คือต้มยำชนิดหนึ่ง ที่เราจะไม่ได้ใช้มะขามเปียกและมะนาวแบบปกติ แต่เราจะใช้รสชาติเปรี้ยวจากระกำอย่างเดียวค่ะ ต้มยำชนิดนี้เลยมีความเปรี้ยวที่กลมกล่อม หอมมีเอกลักษณ์

และจริงๆถ้ามาทางโซนภาคตะวันออก เราจะเจอเมนูพื้นบ้านอย่างไก่บ้านต้มระกำ(ใส่หน่อกระวาน) แต่วันนี้เราเลือกใช้เป็นซี่โครงหมูแทนค่ะ เพราะชอบส่วนตัว 😊

ระกำ... เมล็ดด้านในจะใหญ่กว่าสละ  จึงทำให้ลักษณะผลด้านนอกของเขาจะค่อนข้างอ้วนอวบกลมและจะป้อมกว่า แต่เนื้อน้อยค่ะ  และตัวหนามจะสั้น แต่ขอบอกว่าแข็งและทิ่มมือง่ายกว่าสละมากๆ  เปลือกจะมีสีแดงอมส้มสว่าง

สละ... เมล็ดด้านในจะเล็กเลยทำให้มีเนื้อเยอะ ผลจะมีรูปทรงรีเรียวแหลม ตัวหนามยาวก็จริง แต่นิ่มไม่แข็งเท่าระกำ สีเปลือกจะเป็นแดงอมน้ำตาลค่ะ เลยทำให้สีเข้มคล้ำกว่าระกำ  และแกะง่าย เปลือกร่อนกว่า

สำหรับรสชาติ ก็อย่างที่บอกค่ะ ถ้าเทียบกัน ระกำเปรี้ยวกว่าสละมาก ในส่วนของเนื้อด้านใน ระกำส่วนมากจะมี 2-3เมล็ดในผลเดียว แต่สละจะมีเพียง 1-2เมล็ดเท่านั้นใน 1ผล แต่ก็มีบ้างคะที่จะมี3 แต่ก็น้อย

⭐ สำหรับพริกที่ให้ความเผ็ด เมนูนี้จะใช้เป็นพริกขี้หนูสวนแบบปกติก็ได้ค่ะ พอดีเราพริกขี้หนูสวนของเราหมด เลยใช้เป็นพริกแห้งแทน

สำหรับเนื้อสัตว์ สามารถเปลี่ยนเป็นปลาทะเล ไก่บ้าน ซี่โครงอ่อน แล้วแต่เราชอบได้เลยค่ะ 

หลังจากใส่ซี่โครงหมูลงไปแล้ว อย่าเพิ่งคนนะคะ รอให้เขาเดือดและสุกเองก่อน ระหว่างนี้ก็ทำการช้อนฟองที่ลอย ตักออกมาทิ้งค่ะ 

เมื่อช้อนฟองเสร็จเรียบร้อย และซี่โครงหมูสุกแล้วก็ทำการใส่เนื้อระกำลงไปได้เลยค่ะ 

จากนั้นก็เบาไฟลงมา เพื่อทำการต้มเคี่ยวให้เนื้อซี่โครงของเราเปื่อยนิ่มค่ะ

เมื่อเคี่ยวจนซี่โครงหมูเริ่มเปื่อย และน้ำก็เริ่มงวดลดลงจากตอนแรก เราก็ช้อนตะไคร้ออกมาทิ้งได้เลยค่ะ 

ทำการปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา 
ควรใส่ตอนน้ำเดือดนะคะ ต้มของเราจะได้มีกลิ่นหอม มากกว่ากลิ่นคาวน้ำปลา  

จากนั้นบุบพริกแห้งคั่วลงไปพร้อมใบมะกรูดส่วนหนึ่งที่เราแอบขยักเอาไว้ลงไป  แล้วต้มต่ออีกสักนิดนึง เพื่อให้ความเผ็ดออกมา และสีของน้ำต้มจะได้เข้มขึ้นและมีสีสันน่ากินด้วยค่ะ

มีเมนูต้มหนึ่งอย่างแล้ว เมนูแห้งๆอีกหนึ่งอย่างที่ทำมากินคู่กันในวันนี้ของเราคือ... ปลาหัวยุ่งทอด ค่ะ 

เราหอบหิ้วกลับมาจากบ้านด้วยเมื่อสิ้นเดือนที่แล้วที่ผ่านมา 

ปลาหัวยุ่งจะมีขายเยอะมากที่อำเภอแม่สอด จะเป็นปลาของทางฝั่งเมียนมาร์ค่ะ เคยถามคนขายที่เป็นชาวเมียนมาร์แต่พูดไทยได้ เขาบอกว่าเป็นปลาทะเลชนิดหนึ่ง ที่บ้านของเขามีเยอะมาก

และพอมาเป็นปลาแห้งแบบนี้ ก็มีหลายไซส์ 
ถ้าตัวเล็กหน่อย ก็เอามาทอด หรือปิ้งไฟอ่อนๆกินกับข้าวเหนียวอร่อยค่ะ 

หากตัวใหญ่ เราเห็นคนงานชาวเมียนมาร์ของแม่เรา เขาจะเอามาหมกขี้เถ้า แล้วพอสุกก็เอามาทุบๆ แล้วก็กินเป็นกับข้าวปกติค่ะ 

ด้วยความที่ชื่อว่าปลาหัวยุ่ง ตอนเด็กๆยังเคยโดนพ่อของเราอำว่า... ที่มันโดนคนจับมาได้นั้น ก็เพราะหัวมันพันกันยุ่งจนหนีไปไหนไม่ได้ค่ะ  นึกไปก็ขำ ที่ตอนนั้นเชื่อแบบจริงจังด้วยนะ 😅

อ้อ... ตัวเล็กจะค่อนข้างไหม้ขมง่าย ทริคที่เขาสอนกันมา ก็คือเอามาแช่ล้างน้ำก่อนแล้วค่อยนำไปทอดค่ะ จะไหม้ยากและไม่ขมค่ะ