สนามข่าว 7 สี - เช้า ๆ แบบนี้ ใครที่ยังไม่กินอาหารเช้า ไม่รู้จะกินอะไรดี วันนี้เรามีเมนูแนะนำ กับเมนูที่ต้องบอกเลยว่าโดนชาวเน็ตจวกยับของจริง กับเมนูข้าวไข่ต้มครึ่งซีก ที่ปรากฏอยู่ในเนื้อหาหนังสือเรียน ภาษาพาที ชั้น ป.5 ที่หลายฝ่ายออกมาติงว่า หนังสือควรจะปรับปรุงเนื้อหาให้สอดคล้องกับพื้นฐานชีวิตจริงมากกว่านี้ โดยเฉพาะเรื่องโภชนาการ
ย้อนที่มาของดรามา เรื่องของเรื่องก็คือว่า คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเป็นห่วงหลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนชั้น ป.5 ภาษาพาที ว่า "เราควรปล่อยให้เด็กไทยยอมรับสภาพ การกินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาบี้ไข่จริง ๆ หรือ?"
เพราะเนื้อหาในหนังสือ หน้า 142 เล่าถึงเรื่องราวประมาณว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ เด็กหญิงใยบัว ที่บ้านมีฐานะร่ำรวย แต่รู้สึกน้อยอกน้อยใจแม่ไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่ ก็เลยมาบ่นกับเพื่อนชื่อว่า เด็กหญิงข้าวปุ้น ข้าวปุ้นได้ฟังเรื่องของใยบัวแล้วก็ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไง ก็เลยตัดสินใจพาไปที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านเด็กกำพร้า และมีการกินข้าวร่วมกันกับคนอื่น ๆ ในบ้านเด็กกำพร้า
ข้าวปุ้น บอกกับใยบัวว่า "ทำอย่างนี้สิใยบัว ข้าวกับไข่จะพอดีกัน" ข้าวปุ้นใช้ช้อนบี้ไข่คลุกข้าวเหยาะน้ำปลาให้ดูเป็นตัวอย่าง ข้าวเป็นสีเหลืองสวยน่ากิน ใยบัวทำตาม คนอื่น ๆ ก็ทำแบบนี้ เพียงคำแรกใยบัวก็รู้สึกอร่อย เสียงคุยเสียงหัวเราะ จนข้าวหมดไม่รู้ตัว ใยบัวรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาคลอ รู้แล้วว่าความสุขของชีวิตอยู่ที่ใจ และความพอเพียงไม่ใช่สิ่งของ"
หลังจากมีกระแสดรามาออกไป เราสอบถามไปที่ คุณวิโรจน์ บอกว่า แม้ในเนื้อหาจะเป็นเพียงการยกตัวอย่าง แต่ตัวอย่างก็ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริงด้วย แบบนี้ถือว่าผู้ใหญ่ไม่รักเด็ก รักแต่หน้าตาสังคม
เรื่องนี้ต้องมองเป็น 2 มุม หากมองในแง่ของการนำไปปฏิบัติในชีวิตจริง ก็ต้องยอมรับว่าสารอาหารที่ได้รับไม่ครบถ้วนจริง ๆ อีกมุม คือ การพยายามสื่อว่าความสุขอยู่ที่ใจไม่ใช่สิ่งของตามเจตนาของผู้เขียน
นอกจากนี้ ยังมีเหล่าคนดังและนักการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ด้วย อย่าง คุณแพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็โพสต์ว่า "ดิฉันเคยโตมาด้วยการกินไข่ต้ม 1 ลูก แบ่งกัน 3 คน ดิฉันจึงอยากบอกว่า การกินหลากหลายจำเป็นมากค่ะ และการขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกเลย จบ"
แต่อีกมุมหนึ่งบอกว่า ไข่ต้มนี่แหละ อร่อยดี มีประโยชน์ อย่าง คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์คลิปลูกชายกินไข่ต้ม พร้อมติดแฮชแท็กเซฟไข่ต้ม อยู่อย่างพอเพียง ชนิดที่ว่าเรียกเสียงฮือฮาเลยทีเดียว
เพราะนอกจากมีเสียงสนับสนุนเรื่องประโยชน์ของไข่ต้มแล้ว แต่ก็ไม่วายที่จะถูกวิจารณ์ด้วย เช่น คอมเมนต์ประเด็นไม่ใช่ไข่ต้มไม่มีประโยชน์ แต่อยู่ที่คำว่าชอบกินไข่ต้ม กับกินแต่ไข่ต้ม และ ไข่ต้มครึ่งซีกกับน้ำปลา สะท้อนมุมมองเรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
แต่เจ้าภาพหลักก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่เกิดกระแสดรามา นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เตรียมให้คณะกรรมการ สำนักวิชาการ หารือกับผู้เขียน แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจให้ชัดเจนเรื่องโภชนาการอาหารใหม่ ในประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่า ให้เด็กกินข้าวไข่ต้มซีกเดียวคลุกน้ำปลา เป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ โดยจะมีการเติมข้อความย้ำ แทรกไปใหม่ว่า "เรื่องนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น" จะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน
ขณะที่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เนื้อหาของบทอ่านตามเจตนาของผู้แต่ง สอนเด็กให้เรียนรู้ว่าความสุขของชีวิตอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุสิ่งของ ความสุขเกิดจากการคิดดี ทำดี และทำเพื่อส่วนรวม ทำให้ผู้อื่นมีความสุข การพิจารณาสาระสำคัญเรื่องที่อ่าน ต้องพิจารณาเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงจะเข้าใจ
ส่วนการตั้งคำถามถึงประเด็นโภชนาการที่ไม่เพียงพอของเด็ก เช่น การกินไข่ต้มครึ่งซีกกับข้าวคลุกน้ำปลา ผัดผักบุ้ง และ ขนมวุ้นกะทิ อาจไม่เพียงพอต่อปริมาณสารอาหารนั้น เป็นการตีความคลาดเคลื่อน เพราะไม่ได้ใช้วิจารณญาณแยกแยะ ระหว่างเรื่องที่แต่งขึ้นในหนังสือ กับเรื่องจริงในชีวิตประจำวัน
https://news.ch7.com/detail/639297
กินข้าวไข่ต้มคลุกน้ำปลา ถือว่าเป็นการอยู่แบบวิถีพุทธใหมครับ
ย้อนที่มาของดรามา เรื่องของเรื่องก็คือว่า คุณวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเป็นห่วงหลังจากที่ได้อ่านเนื้อหาในหนังสือเรียนชั้น ป.5 ภาษาพาที ว่า "เราควรปล่อยให้เด็กไทยยอมรับสภาพ การกินข้าวเปล่าคลุกน้ำปลาบี้ไข่จริง ๆ หรือ?"
เพราะเนื้อหาในหนังสือ หน้า 142 เล่าถึงเรื่องราวประมาณว่า มีเด็กหญิงคนหนึ่งชื่อ เด็กหญิงใยบัว ที่บ้านมีฐานะร่ำรวย แต่รู้สึกน้อยอกน้อยใจแม่ไม่ยอมซื้อโทรศัพท์ให้ใหม่ ก็เลยมาบ่นกับเพื่อนชื่อว่า เด็กหญิงข้าวปุ้น ข้าวปุ้นได้ฟังเรื่องของใยบัวแล้วก็ไม่รู้จะปลอบเพื่อนยังไง ก็เลยตัดสินใจพาไปที่บ้าน ซึ่งเป็นบ้านเด็กกำพร้า และมีการกินข้าวร่วมกันกับคนอื่น ๆ ในบ้านเด็กกำพร้า
ข้าวปุ้น บอกกับใยบัวว่า "ทำอย่างนี้สิใยบัว ข้าวกับไข่จะพอดีกัน" ข้าวปุ้นใช้ช้อนบี้ไข่คลุกข้าวเหยาะน้ำปลาให้ดูเป็นตัวอย่าง ข้าวเป็นสีเหลืองสวยน่ากิน ใยบัวทำตาม คนอื่น ๆ ก็ทำแบบนี้ เพียงคำแรกใยบัวก็รู้สึกอร่อย เสียงคุยเสียงหัวเราะ จนข้าวหมดไม่รู้ตัว ใยบัวรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาคลอ รู้แล้วว่าความสุขของชีวิตอยู่ที่ใจ และความพอเพียงไม่ใช่สิ่งของ"
หลังจากมีกระแสดรามาออกไป เราสอบถามไปที่ คุณวิโรจน์ บอกว่า แม้ในเนื้อหาจะเป็นเพียงการยกตัวอย่าง แต่ตัวอย่างก็ควรจะตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริงด้วย แบบนี้ถือว่าผู้ใหญ่ไม่รักเด็ก รักแต่หน้าตาสังคม
เรื่องนี้ต้องมองเป็น 2 มุม หากมองในแง่ของการนำไปปฏิบัติในชีวิตจริง ก็ต้องยอมรับว่าสารอาหารที่ได้รับไม่ครบถ้วนจริง ๆ อีกมุม คือ การพยายามสื่อว่าความสุขอยู่ที่ใจไม่ใช่สิ่งของตามเจตนาของผู้เขียน
นอกจากนี้ ยังมีเหล่าคนดังและนักการเมืองออกมาแสดงความคิดเห็นกับเรื่องนี้ด้วย อย่าง คุณแพรรี่ ไพรวัลย์ วรรณบุตร ก็โพสต์ว่า "ดิฉันเคยโตมาด้วยการกินไข่ต้ม 1 ลูก แบ่งกัน 3 คน ดิฉันจึงอยากบอกว่า การกินหลากหลายจำเป็นมากค่ะ และการขาดสารอาหารตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่เรื่องโรแมนติกเลย จบ"
แต่อีกมุมหนึ่งบอกว่า ไข่ต้มนี่แหละ อร่อยดี มีประโยชน์ อย่าง คุณชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม โพสต์คลิปลูกชายกินไข่ต้ม พร้อมติดแฮชแท็กเซฟไข่ต้ม อยู่อย่างพอเพียง ชนิดที่ว่าเรียกเสียงฮือฮาเลยทีเดียว
เพราะนอกจากมีเสียงสนับสนุนเรื่องประโยชน์ของไข่ต้มแล้ว แต่ก็ไม่วายที่จะถูกวิจารณ์ด้วย เช่น คอมเมนต์ประเด็นไม่ใช่ไข่ต้มไม่มีประโยชน์ แต่อยู่ที่คำว่าชอบกินไข่ต้ม กับกินแต่ไข่ต้ม และ ไข่ต้มครึ่งซีกกับน้ำปลา สะท้อนมุมมองเรื่องความยากจนและความเหลื่อมล้ำ
แต่เจ้าภาพหลักก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังจากที่เกิดกระแสดรามา นางเกศทิพย์ ศุภวานิช รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เตรียมให้คณะกรรมการ สำนักวิชาการ หารือกับผู้เขียน แก้ไขเพิ่มเติมเนื้อหาเพื่อการสื่อสารทำความเข้าใจให้ชัดเจนเรื่องโภชนาการอาหารใหม่ ในประเด็นที่ถูกวิจารณ์ว่า ให้เด็กกินข้าวไข่ต้มซีกเดียวคลุกน้ำปลา เป็นอาหารที่ไม่ครบ 5 หมู่ โดยจะมีการเติมข้อความย้ำ แทรกไปใหม่ว่า "เรื่องนี้เป็นเพียงการยกตัวอย่างเท่านั้น" จะได้ไม่เข้าใจคลาดเคลื่อน
ขณะที่ นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กล่าวว่า เนื้อหาของบทอ่านตามเจตนาของผู้แต่ง สอนเด็กให้เรียนรู้ว่าความสุขของชีวิตอยู่ที่ใจ ไม่ใช่อยู่ที่วัตถุสิ่งของ ความสุขเกิดจากการคิดดี ทำดี และทำเพื่อส่วนรวม ทำให้ผู้อื่นมีความสุข การพิจารณาสาระสำคัญเรื่องที่อ่าน ต้องพิจารณาเนื้อเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ ถึงจะเข้าใจ
ส่วนการตั้งคำถามถึงประเด็นโภชนาการที่ไม่เพียงพอของเด็ก เช่น การกินไข่ต้มครึ่งซีกกับข้าวคลุกน้ำปลา ผัดผักบุ้ง และ ขนมวุ้นกะทิ อาจไม่เพียงพอต่อปริมาณสารอาหารนั้น เป็นการตีความคลาดเคลื่อน เพราะไม่ได้ใช้วิจารณญาณแยกแยะ ระหว่างเรื่องที่แต่งขึ้นในหนังสือ กับเรื่องจริงในชีวิตประจำวัน
https://news.ch7.com/detail/639297