‘ลิณธิภรณ์’ แนะ ‘ธนกร’ ศึกษานโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้รอบคอบก่อน
https://www.matichon.co.th/election66/news_3928897
‘ลิณธิภรณ์’ แนะ ‘ธนกร’ ศึกษานโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้รอบคอบก่อน
แนะ ‘ธนกร’ ศึกษานโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้รอบคอบก่อน เย้ย พปชร.พรรคเก่าหาเสียงปี 62 ไม่ทำ ยังกล้าวิจารณ์พรรคอื่น
เมื่อวันที่ 16 เมษายน น.ส.
ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) รักษาการโฆษกพรรค และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนาย
ธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งข้อสงสัยที่มาของเงินในการดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมพาดพิงนาย
เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ซึ่งพูดว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนจะพ้นความยากจน โดยไม่ต้องพึ่งพาบัตรคนจนว่า เป็นการพูดในจินตนาการนั้น
“
ก่อนที่นายธนกรจะวิพากษ์วิจารณ์ ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบคอบ หากฟังไม่ได้ศัพท์อาจจะสร้างความสับสนให้กับสังคมได้ แนวคิดของพรรครทสช. หาเสียงนโยบายบัตรคนจนพลัส 1,000 บาท เป็นการแจกสงเคราะห์เฉพาะคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของพรรค พท. ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นนโยบายที่มีพลังในการกระตุกเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้โงหัวขึ้น ผ่านการกระจายรายได้ไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รายได้จะเกิดขึ้นในท้องถิ่น และเกิดการหมุนรอบของเศรษฐกิจ” น.ส.
ลิณธิภรณ์กล่าว
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใน 4 ปี ทั้งการปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำผู้จบปริญญาตรีมาอยู่ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นมาอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน รายได้เกษตรกรที่จะปรับขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เติมเงินให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ปรับราคาแก๊ส ค่าพลังงานลดลงทันที การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ฯลฯ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ พรรค พท.มีปรัชญาและแนวคิดที่แตกต่าง การแจกทีละเล็กน้อยจึงเป็นเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม ไม่มีพลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาการทรุดหนักได้เพียงพอ พรรค พท.คิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้จริง ทำมาแล้วและพร้อมทำอีก
น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยของนายธนกรแหล่งที่มาของงบประมาณในนโยบายดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องอยู่ในจินตนาการอย่างที่นายธนกรกล่าวอ้างและด้อยค่า เพราะพรรค พท.ได้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว มีการระบุที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในนโยบายอย่างชัดเจนตามกฎหมาย
รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยที่จะเข้ามาฟื้นจีดีพีให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งการจัดเก็บรายได้รัฐที่มากขึ้น และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไป ทั้งหมดพรรคและตัวแทนของพรรคได้ชี้แจงข้อซักถามของสังคมมาโดยตลอด และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมทุกเมื่อที่มีโอกาส แต่นายธนกรไม่ฟังเอง
“
นายธนกรเคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้ย้ายมาสังกัดพรรคใหม่ ก่อนจะซักถามหรือต่อว่านโยบายของพรรคอื่น ควรต้องถามตัวเองก่อนว่านโยบายที่หาเสียงไว้ในปี 2562 ทำได้บ้างหรือไม่ การย้ายมาตั้งพรรคใหม่ แต่นโยบายของพรรคเก่ายังไม่ทำ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง และยังวิจารณ์พรรคอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการทำงานการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์หรือไม่ พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจริง ที่จะนำพาพี่น้องประชาชนออกจากความทุกข์ยาก แม้ขณะนี้จะมีข้อซักถามมากมาย ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่เมื่อถามประชาชน พี่น้องประชาชนอยากได้นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะโดนใจ แก้ปัญหาได้ตรงจุด พี่น้องประชาชนสนับสนุน” น.ส.
ลิณธิภรณ์ กล่าว
เลือกตั้ง 66 : ก้าวไกล ถาม กกต.ทำได้ไหม ปชป.สุราษฎร์ธานี แจกเสื้อสกรีน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2680650
กกต.ว่าไง ก้าวไกล โวย ปชป.สุราษฎร์ธานี แจกเสื้อสกรีน ยัน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดิสเครดิตใคร แต่ก็ตั้งคำถามกับสังคม และกกต.ทำได้หรือไม่ เพราะมีกฎห้ามแจกสิ่งของ อากาศร้อน น้ำเปล่ายังแจกไม่ได้เลย
วันที่ 15 เม.ย. 66 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.
รวิสรา มาวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 81 ทวีตภาพเสื้อยืดสกรีนใบหน้าของ นายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ปชป. พร้อมกับข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวตอนหนึ่งระบุว่า มีน้องที่รู้จักส่งมาถามว่า ปกติพรรคการเมือง หาเสียงแถมเสื้อได้ด้วยหรอ ทางพรรคก้าวไกลอบรมมาตลอดว่า กกต.มีกฎห้ามแจกของสิ่งอื่นใด นอกจากสื่อสิ่งพิมพ์ ขนาดน้ำเปล่า เวลาจะเปิดเวทีเสวนา ร้อนๆ ยังแจกไม่ได้เลย ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดิสเครดิตใคร เพียงแต่อยากตั้งคำถามกับสังคม และหน่วยงานที่อำนวยการเลือกตั้งว่า กฎการห้ามแจกสิ่งของยังจำเป็นอยู่ไหม และถ้าห้ามทำไม ยังมีการทำอยู่จนถึงปัจจุบัน ถึงเราจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.แต่เราก็คือประชาชนคนธรรมดาที่มีความสนใจในการขับเคลื่อนสังคมผ่านระบบการเลือกตั้ง ในส่วนนี้เป็นเราโพสต์ฯ เพื่อตั้งคำถามกับสังคมต่อข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ถ้าหากมีกติกาแล้วก็ควรที่จะต้องปฏิบัติตามด้วยหรือไม่.
“ธนวรรธน์” ชี้ศก.จีนฟื้นช้ายอดนทท.พลาดเป้า
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_534133/
“ธนวรรธน์”ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้นช้ากว่าคาด ทำตัวเลขนักท่องเที่ยวพลาดเป้า เม็ดเงินหายกระทบ GDP
นาย
ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน มีโอกาสที่จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากบรรยากาศของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่การส่งออกจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย นอกจากนี้จีนยังต้องเผชิญกับปัญหาโควิด 19 ที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวลำบากมากขึ้น ส่งผลกับกำลังซื้อภายในประเทศ ที่อาจต้องใช้เวลาในการกระตุ้นเพื่อให้เศรษฐกิจภายในเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจจากประชากรกว่า 1,400 ล้านคน
ทำให้เกิดการจับจ่ายสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ อาจมีผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งเดิมคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 5-6 ล้านคน อาจเหลือเพียง 3-4 ล้านคน โดยตัวเลขอาจพลาดเป้าไป 1-2 ล้านคน และจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน เฉลี่ยคนละประมาณ 4-5 หมื่นบาทต่อคน อาจส่งผลทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาช่วยหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยลดลง 40,000-100,000 ล้านบาท ฉุด GDP ของประเทศให้ลดลงร้อยละ 0.3-0.5
แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะพลาดเป้าเวลานี้ยังถือว่าเร็วไป เพราะยังเหลือเวลาในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีขึ้น ตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตัวเลขนักท่องเที่ยวอาจกลับมาได้ดีกว่าที่ประเมินไว้
JJNY : แนะ‘ธนกร’ศึกษาให้รอบคอบ│ก้าวไกลถามกกต.│ชี้ศก.จีนฟื้นช้า ยอดนทท.พลาดเป้า│มาร์เบิร์กในอิเควทอเรียลกินกินียังวิกฤติ
https://www.matichon.co.th/election66/news_3928897
‘ลิณธิภรณ์’ แนะ ‘ธนกร’ ศึกษานโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้รอบคอบก่อน
แนะ ‘ธนกร’ ศึกษานโยบายกระเป๋าตังค์ดิจิทัลให้รอบคอบก่อน เย้ย พปชร.พรรคเก่าหาเสียงปี 62 ไม่ทำ ยังกล้าวิจารณ์พรรคอื่น
เมื่อวันที่ 16 เมษายน น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) รักษาการโฆษกพรรค และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พท. กล่าวถึงกรณีนายธนกร วังบุญคงชนะ รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างชาติ (รทสช.) ตั้งข้อสงสัยที่มาของเงินในการดำเนินนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท พร้อมพาดพิงนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรค พท. ซึ่งพูดว่าเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ประชาชนจะพ้นความยากจน โดยไม่ต้องพึ่งพาบัตรคนจนว่า เป็นการพูดในจินตนาการนั้น
“ก่อนที่นายธนกรจะวิพากษ์วิจารณ์ ควรศึกษาหาข้อมูลให้ครบถ้วนรอบคอบ หากฟังไม่ได้ศัพท์อาจจะสร้างความสับสนให้กับสังคมได้ แนวคิดของพรรครทสช. หาเสียงนโยบายบัตรคนจนพลัส 1,000 บาท เป็นการแจกสงเคราะห์เฉพาะคนที่มีรายได้น้อย ซึ่งมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวคิดการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ของพรรค พท. ซึ่งเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี และเป็นนโยบายที่มีพลังในการกระตุกเศรษฐกิจที่ตกต่ำให้โงหัวขึ้น ผ่านการกระจายรายได้ไปทั่วทุกพื้นที่ของประเทศ รายได้จะเกิดขึ้นในท้องถิ่น และเกิดการหมุนรอบของเศรษฐกิจ” น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ เมื่อรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นภายใน 4 ปี ทั้งการปรับฐานเงินเดือนขั้นต่ำผู้จบปริญญาตรีมาอยู่ที่ 25,000 บาท ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นมาอยู่ที่ 600 บาทต่อวัน รายได้เกษตรกรที่จะปรับขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปี เติมเงินให้ครอบครัวที่มีรายได้ไม่ถึง 20,000 บาท ปรับราคาแก๊ส ค่าพลังงานลดลงทันที การพักหนี้เกษตรกร 3 ปี และ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ฯลฯ จะช่วยทำให้เศรษฐกิจเติบโตได้ พรรค พท.มีปรัชญาและแนวคิดที่แตกต่าง การแจกทีละเล็กน้อยจึงเป็นเหมือนการหยอดน้ำข้าวต้ม ไม่มีพลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจที่อาการทรุดหนักได้เพียงพอ พรรค พท.คิดใหญ่ ทำเป็น ทำได้จริง ทำมาแล้วและพร้อมทำอีก
น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าวอีกว่า ส่วนข้อสงสัยของนายธนกรแหล่งที่มาของงบประมาณในนโยบายดังกล่าวนั้น ไม่ใช่เรื่องอยู่ในจินตนาการอย่างที่นายธนกรกล่าวอ้างและด้อยค่า เพราะพรรค พท.ได้นำเสนอข้อมูล ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายต่างๆ ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว มีการระบุที่มาของงบประมาณที่จะใช้ในนโยบายอย่างชัดเจนตามกฎหมาย
รวมทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลเพื่อไทยที่จะเข้ามาฟื้นจีดีพีให้เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปี รวมทั้งการจัดเก็บรายได้รัฐที่มากขึ้น และการจัดสรรงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วนออกไป ทั้งหมดพรรคและตัวแทนของพรรคได้ชี้แจงข้อซักถามของสังคมมาโดยตลอด และพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมทุกเมื่อที่มีโอกาส แต่นายธนกรไม่ฟังเอง
“นายธนกรเคยอยู่พรรคพลังประชารัฐ และตอนนี้ย้ายมาสังกัดพรรคใหม่ ก่อนจะซักถามหรือต่อว่านโยบายของพรรคอื่น ควรต้องถามตัวเองก่อนว่านโยบายที่หาเสียงไว้ในปี 2562 ทำได้บ้างหรือไม่ การย้ายมาตั้งพรรคใหม่ แต่นโยบายของพรรคเก่ายังไม่ทำ ไม่รับผิดชอบต่อคำพูดตัวเอง และยังวิจารณ์พรรคอื่นโดยไม่รู้ข้อเท็จจริง เป็นการทำงานการเมืองที่ไม่สร้างสรรค์หรือไม่ พรรคเพื่อไทยมีความตั้งใจจริง ที่จะนำพาพี่น้องประชาชนออกจากความทุกข์ยาก แม้ขณะนี้จะมีข้อซักถามมากมาย ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไร แต่เมื่อถามประชาชน พี่น้องประชาชนอยากได้นโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล เพราะโดนใจ แก้ปัญหาได้ตรงจุด พี่น้องประชาชนสนับสนุน” น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว
เลือกตั้ง 66 : ก้าวไกล ถาม กกต.ทำได้ไหม ปชป.สุราษฎร์ธานี แจกเสื้อสกรีน
https://www.thairath.co.th/news/politic/2680650
กกต.ว่าไง ก้าวไกล โวย ปชป.สุราษฎร์ธานี แจกเสื้อสกรีน ยัน ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดิสเครดิตใคร แต่ก็ตั้งคำถามกับสังคม และกกต.ทำได้หรือไม่ เพราะมีกฎห้ามแจกสิ่งของ อากาศร้อน น้ำเปล่ายังแจกไม่ได้เลย
วันที่ 15 เม.ย. 66 ที่ จ.สุราษฎร์ธานี น.ส.รวิสรา มาวงศ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ลำดับที่ 81 ทวีตภาพเสื้อยืดสกรีนใบหน้าของ นายภานุ ศรีบุศยกาญจน์ ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1 ปชป. พร้อมกับข้อความบนทวิตเตอร์ส่วนตัวตอนหนึ่งระบุว่า มีน้องที่รู้จักส่งมาถามว่า ปกติพรรคการเมือง หาเสียงแถมเสื้อได้ด้วยหรอ ทางพรรคก้าวไกลอบรมมาตลอดว่า กกต.มีกฎห้ามแจกของสิ่งอื่นใด นอกจากสื่อสิ่งพิมพ์ ขนาดน้ำเปล่า เวลาจะเปิดเวทีเสวนา ร้อนๆ ยังแจกไม่ได้เลย ไม่ได้มีความตั้งใจที่จะดิสเครดิตใคร เพียงแต่อยากตั้งคำถามกับสังคม และหน่วยงานที่อำนวยการเลือกตั้งว่า กฎการห้ามแจกสิ่งของยังจำเป็นอยู่ไหม และถ้าห้ามทำไม ยังมีการทำอยู่จนถึงปัจจุบัน ถึงเราจะเป็นผู้สมัคร ส.ส.แต่เราก็คือประชาชนคนธรรมดาที่มีความสนใจในการขับเคลื่อนสังคมผ่านระบบการเลือกตั้ง ในส่วนนี้เป็นเราโพสต์ฯ เพื่อตั้งคำถามกับสังคมต่อข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้เท่านั้น ถ้าหากมีกติกาแล้วก็ควรที่จะต้องปฏิบัติตามด้วยหรือไม่.
“ธนวรรธน์” ชี้ศก.จีนฟื้นช้ายอดนทท.พลาดเป้า
https://www.innnews.co.th/news/economy/news_534133/
“ธนวรรธน์”ชี้เศรษฐกิจจีนฟื้นช้ากว่าคาด ทำตัวเลขนักท่องเที่ยวพลาดเป้า เม็ดเงินหายกระทบ GDP
นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยสำนักข่าวไอ.เอ็น.เอ็น.ว่า สถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน มีโอกาสที่จะฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด เนื่องจากบรรยากาศของเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ประเทศจีนซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่การส่งออกจึงได้รับผลกระทบตามไปด้วย นอกจากนี้จีนยังต้องเผชิญกับปัญหาโควิด 19 ที่มีการล็อกดาวน์ในช่วงปลายปี 2565 ที่ผ่านมา ทำให้การฟื้นตัวลำบากมากขึ้น ส่งผลกับกำลังซื้อภายในประเทศ ที่อาจต้องใช้เวลาในการกระตุ้นเพื่อให้เศรษฐกิจภายในเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการฟื้นเศรษฐกิจจากประชากรกว่า 1,400 ล้านคน
ทำให้เกิดการจับจ่ายสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนภายในประเทศ อาจมีผลต่อการเดินทางออกนอกประเทศของนักท่องเที่ยวจีน ที่จะเดินทางมายังประเทศไทย ซึ่งเดิมคาดการณ์ว่าในปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนอยู่ที่ 5-6 ล้านคน อาจเหลือเพียง 3-4 ล้านคน โดยตัวเลขอาจพลาดเป้าไป 1-2 ล้านคน และจากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน เฉลี่ยคนละประมาณ 4-5 หมื่นบาทต่อคน อาจส่งผลทำให้เม็ดเงินที่จะเข้ามาช่วยหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจของไทยลดลง 40,000-100,000 ล้านบาท ฉุด GDP ของประเทศให้ลดลงร้อยละ 0.3-0.5
แต่อย่างไรก็ตาม การประเมินว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนจะพลาดเป้าเวลานี้ยังถือว่าเร็วไป เพราะยังเหลือเวลาในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้ หากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีขึ้น ตั้งแต่ในช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ตัวเลขนักท่องเที่ยวอาจกลับมาได้ดีกว่าที่ประเมินไว้