คนเชียงราย จะไม่ทน นัดแสดงพลัง เรียกร้องแก้ฝุ่นพิษ 10 เม.ย.นี้ ไม่อยากตายผ่อนส่ง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7603355
คนเชียงราย จะไม่ทน นัดแสดงพลัง เรียกร้องแก้ฝุ่นพิษ 10 เม.ย.นี้ ลั่นไม่อยากให้ลูกหลานตายผ่อนส่ง พร้อมยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าฯ พร้อมถามถึงแนวทางแก้ปัญหา
สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินชีวิต รวมไปถึงสุขภาพของประชาชน ซึ่งชาวบ้านต้องใช้ชีวิตภายใต้หมอกควัน ทำใหผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ใน จ.เชียงราย เพิ่มขึ้นหลายพันขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ ชาวเชียงราย ลุกขึ้นมาเชิญชวนแสดงพลัง ในเวลา 17.00 น. วันที่ 10 เม.ย.2566 ที่จะถึงนี้ เพื่อแสดงออกถึงความต้องการได้รับอากาศสะอาดกลับคืนมา โดยนัดรวมตัวกันที่ ห้าแยกพ่อขุนฯ ให้เห็นว่าชาวเชียงราย ‘
ไม่ไหวแล้ว’ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมส่งเสียงว่า ‘
ลูกหลานเชียงราย ไม่ยอมตายผ่อนส่ง’
โดยการรวมตัวที่จะเกิดขึ้น เพื่อร่วมกันหาทางออก เพื่ออากาศสะอาด ชีวิตสดใสของพวกเรา ของลูกหลานของพวกเรา และหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาฝุ่น pm 2.5 โดยจะมีการยื่นหนังสือถึง “
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย” เพื่อสอบถามถึงแนวทางและขั้นตอนในการทำงาน พร้อมทั้งเสนอแนวคิดจากทางภาคประชาชน
ทั้งนี้ ที่ จ.เชียงใหม่ มีการเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อ เพื่อฟ้องร้อง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ที่ละเลยในการแก้ไขปัญหา PM2.5 จนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต่อการดำเนินชีวิต และสุขภาพ
ไร้เงา จ่าสิบโท แฮกเกอร์ ห้องปิดตาย ผงะเหลือแต่หม้อกับเตา ให้ดูต่างหน้า
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7603367
ไร้เงา จ่าสิบโท แฮกเกอร์ ขู่ปล่อยข้อมูลประชาชน 55 ล้านคน หลังถูกออกหมายจับ ห้องพักถูกปิดตาย เหลือแต่เตาปิ้งย่างและหม้อจิ้มจุ่ม ให้ดูต่างหน้า
วันที่ 8 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องพักเลขที่ 133/43 ซึ่งเป็นที่พักของ จ.ส.ท.
เขมรัตน์ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ. และภรรยาที่เป็นพยาบาล โดยทั้ง 2 คน พักอาศัยภายในแฟลตทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี
จากการตรวจสอบพบว่าประตูด้านหน้าถูกปิดล็อก ไม่มีใครอยู่ นอกจากนี้ ที่บริเวณข้างห้องพบเตาปิ้งย่าง และหม้อดินจิ้มจุ่ม 1 อัน สังเกตว่าในหม้อมีลักษณะคล้ายผงขี้เถ้าอยู่ด้วย ส่วนป้ายห้องที่ระบุตำแหน่งเป็นสิบเอกนั้น เป็นตำแหน่งเดิมในอดีต แต่ปัจจุบันเป็นยศ จ.ส.ท.
เศรษฐา ไล่ ตู่ ไปอ่านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้เข้าใจ ชัยเกษม ฟาดซ้ำ สร้างหนี้ไว้อื้อ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7603441
เพื่อไทย บุกน่าน ปล่อยขบวนรถแห่รอบตัวเมือง “เศรษฐา” ไล่ “ประยุทธ์” ไปอ่านเรื่องเงินดิจิทัลให้เข้าใจก่อนโจมตี “ชัยเกษม” ฟาดซ้ำ สร้างหนี้ไว้เยอะ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2566 ที่จ.น่าน นาย
เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) นาย
ชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และแคนดิเดตนายกฯ นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.น่าน เขต 2 เบอร์ 1 นาย
สุทิน คลังแสง นาย
จาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นาย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.น่าน และนาย
พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมืองน่าน เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเปิดกิจกรรมปล่อยขบวนรถแห่ “
กี๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยขบวนรถวิ่งไปรอบตัวเมืองน่าน และสิ้นสุดบริเวณหน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) โดยมีมวลชนมารอต้อนรับกันอย่างอบอุ่น
นาย
เศรษฐา กล่าวกรณีพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยโจมตีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เสี่ยงที่จะทำให้ประเทศพัง ว่า ท่านก็มีความเห็นของท่าน แต่อย่างที่ตนเคยเรียนว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนบอบช้ำเยอะ เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่
“
การหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 1,000 หรือ 2,000 บาท มันไม่เกิดการกระตุ้น พี่น้องประชาชนต้องการการช่วยเหลือเยอะ ดังนั้น เงิน 10,000 บาทไม่ใช่ว่าเราไม่มีที่มาที่ไป การที่เราออกนโยบายนี้ เรามั่นใจว่าจะมีเงินกลับเข้าคลังได้ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคล การจัดการงบประมาณปีหน้า ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นรัฐบาล เราเชื่อว่าจะสามารถจัดการงบประมาณได้ ถ้าเราสามารถรีดงบได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท” นาย
เศรษฐา กล่าว
ด้านนาย
ชัยเกษม กล่าวเสริมว่า ตนว่าท่านห่วง เพราะท่านสร้างหนี้ไว้มากมายมากกว่า ก็เลยห่วงว่าไม่สามารถกู้ได้ แต่พรรคเพื่อไทยคิดว่าไม่มีปัญหา ถ้าท่านไม่สร้างหนี้ไว้มากมาย พรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องคิดนโยบายที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.
ประยุทธ์ ระบุว่าหลายประเทศที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล เกิดการล่มสลายมาแล้ว นาย
เศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าท่านไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร แนะนำให้ท่านไปอ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี
เมื่อถามว่า หนี้สาธารณะที่รัฐบาลนี้สร้างไว้ จะไม่เป็นปัญหาต่อพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นาย
เศรษฐา กล่าวว่า จะบอกอย่างนั้นก็ไม่เชิง ก็เป็นปัญหา แต่เราแก้ไขได้ เราอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พรรคเพื่อไทยทำเรื่องชี้แจงแหล่งที่มาของเงินในนโยบายดังกล่าว นาย
เศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาอยู่แล้ว คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค รวมถึงฝ่ายกฎหมายกำลังเตรียมเอกสารอยู่ และยินดีที่จะไปชี้แจง
ด้านนพ.
ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ประเด็นนี้เราได้เสนอไปตามมาตรา 57 พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยเป็นเพียงรายละเอียดที่ กกต. ขอเพิ่มเติมในส่วนที่มาของแหล่งเงิน ระบุให้ชัดไปว่าจะมาจากที่ไหนอย่างไร ตรงนี้เป็นไปตามกฎหมาย เรายินดีปฏิบัติตามนั้นอยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหาอะไร ทั้งนี้ เขาไม่มีอำนาจอนุญาตหรืออนุมัติในเรื่องของนโยบาย เพียงแต่ กกต. ทำตามข้อกฎหมายว่า ให้แจ้งให้เขาทราบเรื่องที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ซึ่งกรอบใหญ่เราแจ้งไปแล้ว
เชิญร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ “มติชน x เดลินิวส์” โพลเลือกตั้ง ’66 เลือกนายกฯ ที่ใช่-เลือกพรรคการเมืองที่ชอบ คลิกทำโพลได้ที่ >>
https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/ #โหวตอนาคต #โพลเลือกตั้งมติชนเดลินิวส์ #เลือกตั้ง66 #มติชนเลือกตั้ง66
โรม ชี้ไทยส่งตัว 3 ชาวเมียนมาต้านรบ.ทหาร ‘กลับประเทศ’ สะท้อนเผด็จการ 2 ปท.แนบแน่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3918088
‘โรม’ ชี้ ทางการไทยส่งตัว 3 ชาวเมียนมาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารกลับประเทศ ยิ่งทำสถานการณ์เลวร้าย สะท้อนสัมพันธ์สองรัฐบาลเผด็จการแนบแน่น
เมื่อวันที่ 8 เมษายน นาย
รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความเห็นต่อกรณีทางการไทยส่งตัวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมาที่เข้ามารักษาอาการป่วยในประเทศไทย กลับไปให้รัฐบาลเมียนมา และมีข่าวว่าผู้ที่ถูกส่งกลับหนึ่งรายถูกสังหารแล้ว ว่า
การส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาทั้งสามคนที่เข้ามารักษาตัวในไทยกลับไปให้รัฐบาลเมียนมา สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแนบแน่นของรัฐบาลเผด็จการไทยกับเผด็จการเมียนมาที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในเมียนมายากจะคลี่คลาย ทำให้สถานะของรัฐบาลไทยตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญของรัฐบาลทหาร
มิน อ่อง หล่าย
ความสัมพันธ์เช่นนี้ กำลังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง การส่งตัวทั้งสามคนกลับไปทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าประเทศไทยไม่เคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งที่รู้ว่าการส่งตัวกลับอาจทำให้ทั้งสามคนถึงแก่ชีวิตได้ ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านสิทธิมนุษยชนต่อเวทีต่างประเทศเลวร้ายลง เป็นเครื่องสะท้อนที่ชัดเจนว่ารัฐบาล พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า สายสัมพันธ์แบบนี้ยังส่งผลกระทบถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะในกรณีปัญหายาเสพติด ที่ทุกคนรู้กันจากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่ายาเสพติดจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งเมียนมา กรณีของ ส.ว. ทรงเอ เป็นหนึ่งในรูปธรรมถึงความแนบแน่นที่ชัดเจน คือความสัมพันธ์ระหว่างคนสนิทของ
มิน อ่อง หล่าย อย่าง
ทุน มิน ลัต กับ ส.ว. ทรงเอ ที่ถูกเลือกมาโดย พล.อ.
ประยุทธ์ ที่ยังนำอาคารสำนักงานของตัวเองมาให้ พล.อ.
ประยุทธ์ ใช้เป็นสำนักงานพรรคการเมือง
สังคมจึงย่อมตั้งคำถามได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผด็จการอำนาจมืดนี้ ได้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดายหรือไม่ และเงินที่ได้จากการค้ายาเหล่านี้เอง ก็ถูกส่งกลับไปที่เมียนมา เปลี่ยนเป็นอาวุธของกองทัพเผด็จการ นำไปใช้ห้ำหั่นประชาชนในประเทศเมียนมาต่อไป กลายเป็นวิกฤตสิทธิมนุษยชนไม่จบสิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเผด็จการสองประเทศนี้ จึงมีส่วนอย่างมากในการทำลายทั้งประเทศไทยและทำลายประเทศเมียนมาเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอย่างมาก ที่ประเทศไทยของเรามาไกลถึงขนาดนี้
“
หน้าที่ของเราควรจะเป็นการแก้ปัญหาเมียนมา แต่ทำไมกลับกลายเป็นว่าเรามีส่วนสำคัญทำให้ให้วิกฤติการณ์ของเมียนมาเลวร้ายมากขึ้น ที่ชอบพูดกันว่าเราต้องสร้างสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างพื้นที่ในการพูดคุยแก้ปัญหาวิกฤติเมียนมา สุดท้ายขอตั้งคำถามว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้นหรือไม่ ความจริงแล้วรัฐบาลไทยใช้ความสัมพันธ์ของสองประเทศในการทำธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันในทั้งสองประเทศหรือไม่” นาย
รังสิมันต์ กล่าว
JJNY : 5in1 คนเชียงรายจะไม่ทน│ไร้เงาจ่าสิบโท│เศรษฐาไล่ตู่ไปอ่านนโยบาย│โรมชี้ไทยส่งตัว 3 ชาวเมียนมา│ยูเครนหาทางสกัดข่าว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7603355
คนเชียงราย จะไม่ทน นัดแสดงพลัง เรียกร้องแก้ฝุ่นพิษ 10 เม.ย.นี้ ลั่นไม่อยากให้ลูกหลานตายผ่อนส่ง พร้อมยื่นหนังสือถึง ผู้ว่าฯ พร้อมถามถึงแนวทางแก้ปัญหา
สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM2.5 ในพื้นที่ จ.เชียงราย ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการดำเนินชีวิต รวมไปถึงสุขภาพของประชาชน ซึ่งชาวบ้านต้องใช้ชีวิตภายใต้หมอกควัน ทำใหผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ ใน จ.เชียงราย เพิ่มขึ้นหลายพันขึ้นในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ ชาวเชียงราย ลุกขึ้นมาเชิญชวนแสดงพลัง ในเวลา 17.00 น. วันที่ 10 เม.ย.2566 ที่จะถึงนี้ เพื่อแสดงออกถึงความต้องการได้รับอากาศสะอาดกลับคืนมา โดยนัดรวมตัวกันที่ ห้าแยกพ่อขุนฯ ให้เห็นว่าชาวเชียงราย ‘ไม่ไหวแล้ว’ กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมส่งเสียงว่า ‘ลูกหลานเชียงราย ไม่ยอมตายผ่อนส่ง’
โดยการรวมตัวที่จะเกิดขึ้น เพื่อร่วมกันหาทางออก เพื่ออากาศสะอาด ชีวิตสดใสของพวกเรา ของลูกหลานของพวกเรา และหาวิธีการในการแก้ไขปัญหาฝุ่น pm 2.5 โดยจะมีการยื่นหนังสือถึง “ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย” เพื่อสอบถามถึงแนวทางและขั้นตอนในการทำงาน พร้อมทั้งเสนอแนวคิดจากทางภาคประชาชน
ทั้งนี้ ที่ จ.เชียงใหม่ มีการเปิดให้ประชาชนร่วมลงชื่อ เพื่อฟ้องร้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พร้อมคณะ ที่ละเลยในการแก้ไขปัญหา PM2.5 จนทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ต่อการดำเนินชีวิต และสุขภาพ
ไร้เงา จ่าสิบโท แฮกเกอร์ ห้องปิดตาย ผงะเหลือแต่หม้อกับเตา ให้ดูต่างหน้า
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_7603367
ไร้เงา จ่าสิบโท แฮกเกอร์ ขู่ปล่อยข้อมูลประชาชน 55 ล้านคน หลังถูกออกหมายจับ ห้องพักถูกปิดตาย เหลือแต่เตาปิ้งย่างและหม้อจิ้มจุ่ม ให้ดูต่างหน้า
วันที่ 8 เม.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบห้องพักเลขที่ 133/43 ซึ่งเป็นที่พักของ จ.ส.ท.เขมรัตน์ บุญช่วย สังกัด ขส.ทบ. และภรรยาที่เป็นพยาบาล โดยทั้ง 2 คน พักอาศัยภายในแฟลตทหารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.นนทบุรี
จากการตรวจสอบพบว่าประตูด้านหน้าถูกปิดล็อก ไม่มีใครอยู่ นอกจากนี้ ที่บริเวณข้างห้องพบเตาปิ้งย่าง และหม้อดินจิ้มจุ่ม 1 อัน สังเกตว่าในหม้อมีลักษณะคล้ายผงขี้เถ้าอยู่ด้วย ส่วนป้ายห้องที่ระบุตำแหน่งเป็นสิบเอกนั้น เป็นตำแหน่งเดิมในอดีต แต่ปัจจุบันเป็นยศ จ.ส.ท.
เศรษฐา ไล่ ตู่ ไปอ่านนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตให้เข้าใจ ชัยเกษม ฟาดซ้ำ สร้างหนี้ไว้อื้อ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7603441
เพื่อไทย บุกน่าน ปล่อยขบวนรถแห่รอบตัวเมือง “เศรษฐา” ไล่ “ประยุทธ์” ไปอ่านเรื่องเงินดิจิทัลให้เข้าใจก่อนโจมตี “ชัยเกษม” ฟาดซ้ำ สร้างหนี้ไว้เยอะ
เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 2566 ที่จ.น่าน นายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย (พท.) นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง และแคนดิเดตนายกฯ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.น่าน เขต 2 เบอร์ 1 นายสุทิน คลังแสง นายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผอ.ครอบครัวเพื่อไทย
พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.น่าน และนายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดพระธาตุแช่แห้ง อ.เมืองน่าน เพื่อความเป็นสิริมงคล จากนั้นเปิดกิจกรรมปล่อยขบวนรถแห่ “กี๊ดใหญ่ทำเป็น” 8 จังหวัดภาคเหนือ โดยขบวนรถวิ่งไปรอบตัวเมืองน่าน และสิ้นสุดบริเวณหน้าวัดภูมินทร์ (ถนนคนเดิน) โดยมีมวลชนมารอต้อนรับกันอย่างอบอุ่น
นายเศรษฐา กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยโจมตีนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ของพรรคเพื่อไทย เสี่ยงที่จะทำให้ประเทศพัง ว่า ท่านก็มีความเห็นของท่าน แต่อย่างที่ตนเคยเรียนว่า 8 ปีที่ผ่านมาประชาชนบอบช้ำเยอะ เราต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่
“การหยอดน้ำข้าวต้มทีละ 1,000 หรือ 2,000 บาท มันไม่เกิดการกระตุ้น พี่น้องประชาชนต้องการการช่วยเหลือเยอะ ดังนั้น เงิน 10,000 บาทไม่ใช่ว่าเราไม่มีที่มาที่ไป การที่เราออกนโยบายนี้ เรามั่นใจว่าจะมีเงินกลับเข้าคลังได้ทั้งภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีนิติบุคคล การจัดการงบประมาณปีหน้า ซึ่งยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาของสภาฯ หากพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจให้เข้ามาเป็นรัฐบาล เราเชื่อว่าจะสามารถจัดการงบประมาณได้ ถ้าเราสามารถรีดงบได้ประมาณ 2 แสนล้านบาท” นายเศรษฐา กล่าว
ด้านนายชัยเกษม กล่าวเสริมว่า ตนว่าท่านห่วง เพราะท่านสร้างหนี้ไว้มากมายมากกว่า ก็เลยห่วงว่าไม่สามารถกู้ได้ แต่พรรคเพื่อไทยคิดว่าไม่มีปัญหา ถ้าท่านไม่สร้างหนี้ไว้มากมาย พรรคเพื่อไทยคงไม่ต้องคิดนโยบายที่จะทำให้ประเทศดีขึ้น
เมื่อถามถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าหลายประเทศที่ใช้สกุลเงินดิจิทัล เกิดการล่มสลายมาแล้ว นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าท่านไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เราทำคืออะไร แนะนำให้ท่านไปอ่านแล้วทำความเข้าใจให้ดี
เมื่อถามว่า หนี้สาธารณะที่รัฐบาลนี้สร้างไว้ จะไม่เป็นปัญหาต่อพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า จะบอกอย่างนั้นก็ไม่เชิง ก็เป็นปัญหา แต่เราแก้ไขได้ เราอาสาเข้ามาแก้ไขปัญหา
เมื่อถามถึงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้พรรคเพื่อไทยทำเรื่องชี้แจงแหล่งที่มาของเงินในนโยบายดังกล่าว นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นธรรมดาอยู่แล้ว คณะกรรมการบริหาร (กก.บห.) และคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจของพรรค รวมถึงฝ่ายกฎหมายกำลังเตรียมเอกสารอยู่ และยินดีที่จะไปชี้แจง
ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า ประเด็นนี้เราได้เสนอไปตามมาตรา 57 พ.ร.ป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 โดยเป็นเพียงรายละเอียดที่ กกต. ขอเพิ่มเติมในส่วนที่มาของแหล่งเงิน ระบุให้ชัดไปว่าจะมาจากที่ไหนอย่างไร ตรงนี้เป็นไปตามกฎหมาย เรายินดีปฏิบัติตามนั้นอยู่แล้ว ไม่เป็นปัญหาอะไร ทั้งนี้ เขาไม่มีอำนาจอนุญาตหรืออนุมัติในเรื่องของนโยบาย เพียงแต่ กกต. ทำตามข้อกฎหมายว่า ให้แจ้งให้เขาทราบเรื่องที่กฎหมายบัญญัติไว้เท่านั้น ซึ่งกรอบใหญ่เราแจ้งไปแล้ว
เชิญร่วมโหวตครั้งประวัติศาสตร์ “มติชน x เดลินิวส์” โพลเลือกตั้ง ’66 เลือกนายกฯ ที่ใช่-เลือกพรรคการเมืองที่ชอบ คลิกทำโพลได้ที่ >> https://www.matichon.co.th/thai-election66-poll/ #โหวตอนาคต #โพลเลือกตั้งมติชนเดลินิวส์ #เลือกตั้ง66 #มติชนเลือกตั้ง66
โรม ชี้ไทยส่งตัว 3 ชาวเมียนมาต้านรบ.ทหาร ‘กลับประเทศ’ สะท้อนเผด็จการ 2 ปท.แนบแน่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_3918088
‘โรม’ ชี้ ทางการไทยส่งตัว 3 ชาวเมียนมาฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารกลับประเทศ ยิ่งทำสถานการณ์เลวร้าย สะท้อนสัมพันธ์สองรัฐบาลเผด็จการแนบแน่น
เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความเห็นต่อกรณีทางการไทยส่งตัวฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารเมียนมาที่เข้ามารักษาอาการป่วยในประเทศไทย กลับไปให้รัฐบาลเมียนมา และมีข่าวว่าผู้ที่ถูกส่งกลับหนึ่งรายถูกสังหารแล้ว ว่า
การส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาทั้งสามคนที่เข้ามารักษาตัวในไทยกลับไปให้รัฐบาลเมียนมา สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงความแนบแน่นของรัฐบาลเผด็จการไทยกับเผด็จการเมียนมาที่มีมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้สถานการณ์ในเมียนมายากจะคลี่คลาย ทำให้สถานะของรัฐบาลไทยตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับการเป็นผู้สนับสนุนรายสำคัญของรัฐบาลทหาร มิน อ่อง หล่าย
ความสัมพันธ์เช่นนี้ กำลังทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง การส่งตัวทั้งสามคนกลับไปทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าประเทศไทยไม่เคารพในเรื่องสิทธิมนุษยชน ทั้งที่รู้ว่าการส่งตัวกลับอาจทำให้ทั้งสามคนถึงแก่ชีวิตได้ ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยในด้านสิทธิมนุษยชนต่อเวทีต่างประเทศเลวร้ายลง เป็นเครื่องสะท้อนที่ชัดเจนว่ารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไม่เคยสนใจเรื่องสิทธิมนุษยชน
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า สายสัมพันธ์แบบนี้ยังส่งผลกระทบถึงสถานการณ์ภายในประเทศไทยเอง โดยเฉพาะในกรณีปัญหายาเสพติด ที่ทุกคนรู้กันจากข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อต่างๆ ว่ายาเสพติดจำนวนมากข้ามมาจากฝั่งเมียนมา กรณีของ ส.ว. ทรงเอ เป็นหนึ่งในรูปธรรมถึงความแนบแน่นที่ชัดเจน คือความสัมพันธ์ระหว่างคนสนิทของ มิน อ่อง หล่าย อย่าง ทุน มิน ลัต กับ ส.ว. ทรงเอ ที่ถูกเลือกมาโดย พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังนำอาคารสำนักงานของตัวเองมาให้ พล.อ.ประยุทธ์ ใช้เป็นสำนักงานพรรคการเมือง
สังคมจึงย่อมตั้งคำถามได้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสองเผด็จการอำนาจมืดนี้ ได้ต่อยอดกลายเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับขบวนการค้ายาเสพติด ให้ทำธุรกิจค้ายาและฟอกเงินในประเทศไทยได้อย่างง่ายดายหรือไม่ และเงินที่ได้จากการค้ายาเหล่านี้เอง ก็ถูกส่งกลับไปที่เมียนมา เปลี่ยนเป็นอาวุธของกองทัพเผด็จการ นำไปใช้ห้ำหั่นประชาชนในประเทศเมียนมาต่อไป กลายเป็นวิกฤตสิทธิมนุษยชนไม่จบสิ้น
ความสัมพันธ์ระหว่างเผด็จการสองประเทศนี้ จึงมีส่วนอย่างมากในการทำลายทั้งประเทศไทยและทำลายประเทศเมียนมาเอง จึงเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดอย่างมาก ที่ประเทศไทยของเรามาไกลถึงขนาดนี้
“หน้าที่ของเราควรจะเป็นการแก้ปัญหาเมียนมา แต่ทำไมกลับกลายเป็นว่าเรามีส่วนสำคัญทำให้ให้วิกฤติการณ์ของเมียนมาเลวร้ายมากขึ้น ที่ชอบพูดกันว่าเราต้องสร้างสัมพันธ์อันดีเพื่อสร้างพื้นที่ในการพูดคุยแก้ปัญหาวิกฤติเมียนมา สุดท้ายขอตั้งคำถามว่ามันเป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้นหรือไม่ ความจริงแล้วรัฐบาลไทยใช้ความสัมพันธ์ของสองประเทศในการทำธุรกิจ ซึ่งนำไปสู่การทำลายล้างชีวิตมนุษย์ด้วยกันในทั้งสองประเทศหรือไม่” นายรังสิมันต์ กล่าว