สื่อเมียนมาตีข่าว มิน อ่อง หล่าย ขอให้ไทยถอนชื่อลูกสาวจากคดียาเสพติด-ฟอกเงิน
https://thestandard.co/myanmar-junta-chief-asks-thailand-to-drop/
เว็บไซต์ Irrawaddy รายงานว่า มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ร้องขอเป็นการส่วนตัวให้ทางการไทยถอนชื่อลูกสาวออกจากคดีในศาล ซึ่งเกี่ยวข้องกับพ่อค้าอาวุธชาวเมียนมาที่ถูกตั้งข้อหาค้ายาเสพติดและฟอกเงิน
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ตำรวจไทยบุกจับ
ตุน มิน ลัต พ่อค้าอาวุธชาวเมียนมา พร้อมกับคนไทย 3 คน สามารถยึดยาเสพติดและของกลางอื่นๆ เป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท การบุกจับและตรวจค้นดังกล่าวนำไปสู่การออกหมายจับ
อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา หลังถูกระบุว่ามีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ
ตุน มิน ลัต แต่หมายจับ
อุปกิตถูกเพิกถอนอย่างรวดเร็ว ตามการรายงานของประชาไท
และ Organized Crime and Corruption Reporting Project (OCCRP) ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้สื่อข่าวที่รายงานเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริต
ขณะที่
ตุน มิน ลัต และคนไทยทั้ง 3 คน กำลังถูกพิจารณาคดีในข้อหาฟอกเงิน ค้ายาเสพติด และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ศาลอาญาในกรุงเทพฯ
ตุน มิน ลัต บริหารกลุ่มบริษัท Star Sapphire Group ซึ่งเป็นนายหน้านำเข้าโดรนลาดตระเวนและชิ้นส่วนเครื่องบินจากอิสราเอลให้กับกองทัพอากาศเมียนมา
ความสัมพันธ์อันแนบแน่นของเขากับครอบครัวผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา
มิน อ่อง หล่าย ถูกเปิดเผยเมื่อตำรวจไทยพบสมุดบัญชีธนาคารและเอกสารสิทธิ์ครอบครองคอนโดมิเนียมหรูที่เป็นของ
ขิ่น ทิริ เท็ต มอน บุตรสาว
มิน อ่อง หล่าย และ
อ่อง แพ โซน น้องชายของเธอ ท่ามกลางสิ่งของที่ยึดได้ระหว่างการบุกตรวจค้นในเดือนกันยายน
ลูกสาวของ
มิน อ่อง หล่าย เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Star Thiri Investment Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Star Sapphire Group และปัจจุบันดำเนินงานในชื่อ Royal Mawtaung Mining Company Limited
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับคดีนี้ว่า ลูกชายและลูกสาวของ
มิน อ่อง หล่าย บินมากรุงเทพฯ หลังการบุกจับ
ตุน มิน ลัต เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยถอนชื่อพวกเขาออกจากคดี จากนั้น
มิน อ่อง หล่าย ได้ติดตามเรื่องด้วยการร้องขอเป็นการส่วนตัวต่อทางการไทยให้ช่วยนำชื่อลูกสาวของเขาออกจากคดี
ตุน มิน ลัต
ความพยายามดังกล่าวก่อให้เกิดการคาดเดาว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความเกี่ยวข้องของครอบครัวเขาในคดีนี้ อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาขอให้ทางการไทยถอนชื่อบุตรชายออกจากคดีนี้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้
มิน อ่อง หล่าย และลูกทั้งสองคน ถูกสหรัฐอเมริกาและแคนาดาคว่ำบาตร ส่วน
ตุน มิน ลัต ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรในเดือนมีนาคมปีนี้
ภาพ: Alexander Zemlianichenko / POOL / AFP
อ้างอิง:
https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-junta-chief-asks-thailand-to-drop-daughters-name-from-drugs-laundering-case.html
พวงเพ็ชรติง กกต.ยกคณะบินดูงานต่างประเทศช่วงเลือกตั้งไม่สมควร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3925544
พวงเพ็ชรติง กกต.ยกคณะบินดูงานต่างประเทศช่วงเลือกตั้งไม่สมควร
เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่วัดพระพิเรนทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 กทม. นาย
ศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 24 กทม. และนาย
คชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ สมาชิกพรรค พท. ร่วมงานทำบุญรวมญาติ จากนั้นไปบำเพ็ญกุศลพระภิกษุที่มรณภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์
โดยนาง
พวงเพ็ชร กล่าวถึงการร่วมงานครั้งนี้ว่า มาร่วมทอดผ้าบังสุกุล ซึ่งเป็นงานพิธีที่วัดพระพิเรนทร์จัดขึ้นทุกปี เพื่อทำบุญให้กับพระสงฆ์ที่มรณภาพ และไม่มีญาติ ในช่วงสงกรานต์
นาง
พวงเพ็ชรกล่าวด้วยว่า ส่วนที่หลายพรรคโจมตีนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ก่อนวิจารณ์ต้องศึกษาให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะเป็นเรื่องของการใส่ความ ซึ่งในกฎหมายการหาเสียง ห้ามใส่ความผู้อื่นหรือห้ามทำให้ผู้อื่นเสียหาย ยืนยันว่านโยบายที่พรรค พท.ออกมาทุกนโยบายสามารถทำได้จริง ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณมาโจมตีเช่นนี้ อาจจะโดนฟ้องกลับได้
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางไปเดินทางไปดูงานต่างประเทศในช่วงนี้ นาง
พวงเพ็ชร กล่าวว่า เรื่องนี้มีคนวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ซึ่งทางพรรคก็มีประเด็นที่ต้องสอบถาม กกต. แต่ กกต. ทั้ง 6 คน เดินทางไปต่างประเทศกัน ตนมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนต้องเตรียมตัวในการเลือกตั้ง รวมถึง กกต. ก็ต้องเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง ฉะนั้น ไม่สมควรที่จะไปต่างประเทศ เพราะทุกคนมีปัญหาที่ต้องสอบถาม กกต. มากมาย และพรรค พท.ก็มีคำถามที่จะต้องถามแต่ไม่มีใครอยู่ให้คำปรึกษา
ด้าน น.ส.
กานต์กนิษฐ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มีประชาชนสอบถามเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลเช่นกัน โดยตนให้ข้อมูลเพื่อให้มีความกระจ่างขึ้น ซึ่งหลังจากที่อธิบายไป ประชาชนหลายคนก็ให้ความสนใจ ถือเป็นเสียงตอบรับที่ดี
ขณะที่ นาย
ศิลปวิชญ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบประชาชน ประชาชนให้ความสนใจกับนโยบายดังกล่าวเช่นกัน และมีแนวคิดถึงขั้นที่ว่า หนึ่งครอบครัวมี 4-5 คน ก็หวังที่จะเอาเงินก้อนมาลงทุนสร้างอาชีพใหม่ให้กับครอบครัว โดยจากที่ฟังเสียงมาหลายคนดีใจและมีความหวังกับนโยบายนี้
ก้าวไกล เหน็บ รัฐทำท่องเที่ยวภาคเหนือพัง เพราะฝุ่นพิษ ชู 7 มาตรการแก้ หากเป็นรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7611036
“ก้าวไกล” เหน็บ รัฐบาล ทำท่องเที่ยวภาคเหนือพัง เพราะฝุ่นพิษ ส่งผลประเทศไทยเสียโอกาส ชู 7 มาตรการแก้ไขทันที หากได้เป็นรัฐบาล
13 เม.ย. 66 – นาย
นิติพล ผิวเหมาะ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นพิษพุ่งคลุมทั้งภาคเหนือในขณะนี้ว่า
ฝุ่นพิษที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เคยมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมามากมาย นอกจากความคึกคักสนุกสนานแล้วเป็นช่วงที่พ่อค้าแม่ขายคนเล็กคนน้อยได้รับประโยชน์มากจากนักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีความเติบโต
นาย
นิติพล กล่าวว่า แต่สองสามปีมานี้ที่มีแต่ฝุ่น ทำให้ความคึกคักแบบนั้นกำลังหายไป แม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่อยากออกจากบ้าน เพราะสภาพอากาศมันเลวร้ายจริง ๆ คนเหนือตกอยู่ในสภาพแบบนี้ โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากและสมควรแล้วที่รัฐบาลชุดนี้จะถูกประชาชนฟ้องเพราะไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงด้านสุขภาพร้ายแรง
นาย
นิติพล กล่าวว่า สำหรับทางออก หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำ 7 ข้อนี้เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์คือ
1. ดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.รายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (PRTR) ภายใน 1 เดือน
2. งบแก้ปัญหาไฟป่า ตำบลละ 3 ล้านบาท
3. ห้ามนำเข้า ‘สินค้าเกษตรจากการเผา’ โดยเด็ดขาด
4. เปิดตลาด สร้างทางเลือกให้เกษตรกร เช่น รับซื้อ เศษวัสดุการเกษตร 1,000 บาท/ตัน,เครื่องจักรเตรียมดิน สินเชื่อดอกเบี้ย 0%
5. ตรวจสภาพรถยนต์ฟรี หยุดรถควันดำ
6. ภาคเหนือตอนบน ตรวจโรคทางเดินหายใจฟรีพร้อมมีค่าเดินทาง
7. เตรียมพื้นที่ปลอดภัย ทุกชุมชน ทุกศูนย์เด็กเล็ก ทุกโรงพยาบาล ให้พร้อมทันที
“
ควันข้ามพรมแดนจากการเผาซังข้าวโพดเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ของทุนใหญ่ประเทศไทย คือปัญหาสำคัญ แต่รัฐบาลกลับมีแต่นโยบายที่เอื้อการนำเข้าราคาถูกหรือยกเว้นภาษี ทำให้นายทุนได้ประโยชน์ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่ตามมาเลย
นโยบายเกษตรก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล จะแก้ปัญหาได้ทันที เพราะเราจะห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากการเผาเด็ดขาด เพื่อเป็นการกดดันให้นายทุนต้องทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ไปแก้ปัญหาที่ก่อไว้ก่อนจึงจะทำมาค้าขายเข้ามาในไทยได้
ชีวิตประชาชนและการท่องเที่ยวภาคเหนือคือสิ่งที่เราต้องปกป้อง ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของนายทุนบางกลุ่มที่เป็นพวกพ้องตัวเองเท่านั้น” นาย
นิติพลกล่าว
กฟน. คาดสงกรานต์ปีนี้คนกรุงใช้ไฟเพิ่ม 5 ล้านหน่วย จากสภาพอากาศร้อนจัด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/343332
การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ 13-17 เมษายน 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 612.76 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 122.55 ล้านหน่วย ถือว่าใช้ไฟลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ประมาณ 19.4 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 12.10 เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ 13-17 เมษายน ของปีที่แล้ว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5.02 ล้านหน่วย หรือร้อยละ 0.83 ซึ่งคิดเป็นการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อวันเท่ากับ 1.004 ล้านหน่วย เนื่องจากอุณหภูมิจะสูงกว่าปีก่อนและกิจกรรมต่างๆ ที่กลับมาคึกคักหลังจากโควิด19 คลี่คลาย
JJNY : 5in1 เมียนมาตีข่าว│พวงเพ็ชรติงกกต.│ก้าวไกลเหน็บรัฐทำท่องเที่ยวเหนือพัง│คาดสงกรานต์คนกรุงใช้ไฟเพิ่ม│เอกสารลับเผย
https://thestandard.co/myanmar-junta-chief-asks-thailand-to-drop/
เว็บไซต์ Irrawaddy รายงานว่า มิน อ่อง หล่าย ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา ร้องขอเป็นการส่วนตัวให้ทางการไทยถอนชื่อลูกสาวออกจากคดีในศาล ซึ่งเกี่ยวข้องกับพ่อค้าอาวุธชาวเมียนมาที่ถูกตั้งข้อหาค้ายาเสพติดและฟอกเงิน
เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว ตำรวจไทยบุกจับ ตุน มิน ลัต พ่อค้าอาวุธชาวเมียนมา พร้อมกับคนไทย 3 คน สามารถยึดยาเสพติดและของกลางอื่นๆ เป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท การบุกจับและตรวจค้นดังกล่าวนำไปสู่การออกหมายจับ อุปกิต ปาจรียางกูร สมาชิกวุฒิสภา หลังถูกระบุว่ามีสายสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ ตุน มิน ลัต แต่หมายจับอุปกิตถูกเพิกถอนอย่างรวดเร็ว ตามการรายงานของประชาไท
และ Organized Crime and Corruption Reporting Project (OCCRP) ซึ่งเป็นเครือข่ายผู้สื่อข่าวที่รายงานเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมและการทุจริต
ขณะที่ ตุน มิน ลัต และคนไทยทั้ง 3 คน กำลังถูกพิจารณาคดีในข้อหาฟอกเงิน ค้ายาเสพติด และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่ศาลอาญาในกรุงเทพฯ
ตุน มิน ลัต บริหารกลุ่มบริษัท Star Sapphire Group ซึ่งเป็นนายหน้านำเข้าโดรนลาดตระเวนและชิ้นส่วนเครื่องบินจากอิสราเอลให้กับกองทัพอากาศเมียนมา
ความสัมพันธ์อันแนบแน่นของเขากับครอบครัวผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา มิน อ่อง หล่าย ถูกเปิดเผยเมื่อตำรวจไทยพบสมุดบัญชีธนาคารและเอกสารสิทธิ์ครอบครองคอนโดมิเนียมหรูที่เป็นของ ขิ่น ทิริ เท็ต มอน บุตรสาว มิน อ่อง หล่าย และ อ่อง แพ โซน น้องชายของเธอ ท่ามกลางสิ่งของที่ยึดได้ระหว่างการบุกตรวจค้นในเดือนกันยายน
ลูกสาวของ มิน อ่อง หล่าย เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Star Thiri Investment Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ Star Sapphire Group และปัจจุบันดำเนินงานในชื่อ Royal Mawtaung Mining Company Limited
สำนักข่าว Irrawaddy รายงานอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับคดีนี้ว่า ลูกชายและลูกสาวของ มิน อ่อง หล่าย บินมากรุงเทพฯ หลังการบุกจับ ตุน มิน ลัต เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่ของไทยถอนชื่อพวกเขาออกจากคดี จากนั้น มิน อ่อง หล่าย ได้ติดตามเรื่องด้วยการร้องขอเป็นการส่วนตัวต่อทางการไทยให้ช่วยนำชื่อลูกสาวของเขาออกจากคดี ตุน มิน ลัต
ความพยายามดังกล่าวก่อให้เกิดการคาดเดาว่า ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาทำทุกวิถีทางเพื่อปกปิดความเกี่ยวข้องของครอบครัวเขาในคดีนี้ อย่างไรก็ดี ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเขาขอให้ทางการไทยถอนชื่อบุตรชายออกจากคดีนี้ด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ มิน อ่อง หล่าย และลูกทั้งสองคน ถูกสหรัฐอเมริกาและแคนาดาคว่ำบาตร ส่วน ตุน มิน ลัต ถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรในเดือนมีนาคมปีนี้
ภาพ: Alexander Zemlianichenko / POOL / AFP
อ้างอิง:
https://www.irrawaddy.com/news/burma/myanmar-junta-chief-asks-thailand-to-drop-daughters-name-from-drugs-laundering-case.html
พวงเพ็ชรติง กกต.ยกคณะบินดูงานต่างประเทศช่วงเลือกตั้งไม่สมควร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3925544
พวงเพ็ชรติง กกต.ยกคณะบินดูงานต่างประเทศช่วงเลือกตั้งไม่สมควร
เมื่อวันที่ 13 เมษายน ที่วัดพระพิเรนทร์ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กทม. นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่กรุงเทพมหานคร พรรคเพื่อไทย (พท.) พร้อมด้วย น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 กทม. นายศิลปวิชญ์ น้อยสมมิตร ผู้สมัคร ส.ส.เขต 24 กทม. และนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ สมาชิกพรรค พท. ร่วมงานทำบุญรวมญาติ จากนั้นไปบำเพ็ญกุศลพระภิกษุที่มรณภาพที่โรงพยาบาลสงฆ์
โดยนางพวงเพ็ชร กล่าวถึงการร่วมงานครั้งนี้ว่า มาร่วมทอดผ้าบังสุกุล ซึ่งเป็นงานพิธีที่วัดพระพิเรนทร์จัดขึ้นทุกปี เพื่อทำบุญให้กับพระสงฆ์ที่มรณภาพ และไม่มีญาติ ในช่วงสงกรานต์
นางพวงเพ็ชรกล่าวด้วยว่า ส่วนที่หลายพรรคโจมตีนโยบายเติมเงินดิจิทัล 10,000 บาทนั้น ก่อนวิจารณ์ต้องศึกษาให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะเป็นเรื่องของการใส่ความ ซึ่งในกฎหมายการหาเสียง ห้ามใส่ความผู้อื่นหรือห้ามทำให้ผู้อื่นเสียหาย ยืนยันว่านโยบายที่พรรค พท.ออกมาทุกนโยบายสามารถทำได้จริง ไม่ต้องห่วง ถ้าคุณมาโจมตีเช่นนี้ อาจจะโดนฟ้องกลับได้
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เดินทางไปเดินทางไปดูงานต่างประเทศในช่วงนี้ นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า เรื่องนี้มีคนวิพากษ์วิจารณ์เยอะ ซึ่งทางพรรคก็มีประเด็นที่ต้องสอบถาม กกต. แต่ กกต. ทั้ง 6 คน เดินทางไปต่างประเทศกัน ตนมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่ทุกคนต้องเตรียมตัวในการเลือกตั้ง รวมถึง กกต. ก็ต้องเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง ฉะนั้น ไม่สมควรที่จะไปต่างประเทศ เพราะทุกคนมีปัญหาที่ต้องสอบถาม กกต. มากมาย และพรรค พท.ก็มีคำถามที่จะต้องถามแต่ไม่มีใครอยู่ให้คำปรึกษา
ด้าน น.ส.กานต์กนิษฐ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่มีประชาชนสอบถามเรื่องนโยบายเงินดิจิทัลเช่นกัน โดยตนให้ข้อมูลเพื่อให้มีความกระจ่างขึ้น ซึ่งหลังจากที่อธิบายไป ประชาชนหลายคนก็ให้ความสนใจ ถือเป็นเสียงตอบรับที่ดี
ขณะที่ นายศิลปวิชญ์ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบประชาชน ประชาชนให้ความสนใจกับนโยบายดังกล่าวเช่นกัน และมีแนวคิดถึงขั้นที่ว่า หนึ่งครอบครัวมี 4-5 คน ก็หวังที่จะเอาเงินก้อนมาลงทุนสร้างอาชีพใหม่ให้กับครอบครัว โดยจากที่ฟังเสียงมาหลายคนดีใจและมีความหวังกับนโยบายนี้
ก้าวไกล เหน็บ รัฐทำท่องเที่ยวภาคเหนือพัง เพราะฝุ่นพิษ ชู 7 มาตรการแก้ หากเป็นรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7611036
“ก้าวไกล” เหน็บ รัฐบาล ทำท่องเที่ยวภาคเหนือพัง เพราะฝุ่นพิษ ส่งผลประเทศไทยเสียโอกาส ชู 7 มาตรการแก้ไขทันที หากได้เป็นรัฐบาล
13 เม.ย. 66 – นายนิติพล ผิวเหมาะ อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ฝุ่นพิษพุ่งคลุมทั้งภาคเหนือในขณะนี้ว่า
ฝุ่นพิษที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะเชียงใหม่และเชียงราย ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เคยมีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลมามากมาย นอกจากความคึกคักสนุกสนานแล้วเป็นช่วงที่พ่อค้าแม่ขายคนเล็กคนน้อยได้รับประโยชน์มากจากนักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอย ทำให้เศรษฐกิจในพื้นที่มีความเติบโต
นายนิติพล กล่าวว่า แต่สองสามปีมานี้ที่มีแต่ฝุ่น ทำให้ความคึกคักแบบนั้นกำลังหายไป แม้แต่คนในพื้นที่ก็ไม่อยากออกจากบ้าน เพราะสภาพอากาศมันเลวร้ายจริง ๆ คนเหนือตกอยู่ในสภาพแบบนี้ โดยที่รัฐบาลไม่ทำอะไรเลยจึงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากและสมควรแล้วที่รัฐบาลชุดนี้จะถูกประชาชนฟ้องเพราะไม่มีประสิทธิภาพ ปล่อยให้ประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยงด้านสุขภาพร้ายแรง
นายนิติพล กล่าวว่า สำหรับทางออก หากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เราจะทำ 7 ข้อนี้เพื่อทำลายวงจรอุบาทว์คือ
1. ดัน พ.ร.บ.อากาศสะอาด และ พ.ร.บ.รายงานการปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม (PRTR) ภายใน 1 เดือน
2. งบแก้ปัญหาไฟป่า ตำบลละ 3 ล้านบาท
3. ห้ามนำเข้า ‘สินค้าเกษตรจากการเผา’ โดยเด็ดขาด
4. เปิดตลาด สร้างทางเลือกให้เกษตรกร เช่น รับซื้อ เศษวัสดุการเกษตร 1,000 บาท/ตัน,เครื่องจักรเตรียมดิน สินเชื่อดอกเบี้ย 0%
5. ตรวจสภาพรถยนต์ฟรี หยุดรถควันดำ
6. ภาคเหนือตอนบน ตรวจโรคทางเดินหายใจฟรีพร้อมมีค่าเดินทาง
7. เตรียมพื้นที่ปลอดภัย ทุกชุมชน ทุกศูนย์เด็กเล็ก ทุกโรงพยาบาล ให้พร้อมทันที
“ควันข้ามพรมแดนจากการเผาซังข้าวโพดเพื่อป้อนอุตสาหกรรมเลี้ยงสัตว์ของทุนใหญ่ประเทศไทย คือปัญหาสำคัญ แต่รัฐบาลกลับมีแต่นโยบายที่เอื้อการนำเข้าราคาถูกหรือยกเว้นภาษี ทำให้นายทุนได้ประโยชน์ แต่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อปัญหาที่ตามมาเลย
นโยบายเกษตรก้าวหน้าของพรรคก้าวไกล จะแก้ปัญหาได้ทันที เพราะเราจะห้ามนำเข้าสินค้าเกษตรจากการเผาเด็ดขาด เพื่อเป็นการกดดันให้นายทุนต้องทำธุรกิจอย่างรับผิดชอบ ไปแก้ปัญหาที่ก่อไว้ก่อนจึงจะทำมาค้าขายเข้ามาในไทยได้
ชีวิตประชาชนและการท่องเที่ยวภาคเหนือคือสิ่งที่เราต้องปกป้อง ไม่ใช่เห็นแก่ประโยชน์ของนายทุนบางกลุ่มที่เป็นพวกพ้องตัวเองเท่านั้น” นายนิติพลกล่าว
กฟน. คาดสงกรานต์ปีนี้คนกรุงใช้ไฟเพิ่ม 5 ล้านหน่วย จากสภาพอากาศร้อนจัด
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/343332
การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) คาดการณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ 13-17 เมษายน 2566 ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ว่าจะมีการใช้ไฟฟ้าประมาณ 612.76 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยต่อวันเท่ากับ 122.55 ล้านหน่วย ถือว่าใช้ไฟลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้า ประมาณ 19.4 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 12.10 เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดยาว
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับ 13-17 เมษายน ของปีที่แล้ว คาดว่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 5.02 ล้านหน่วย หรือร้อยละ 0.83 ซึ่งคิดเป็นการใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้นต่อวันเท่ากับ 1.004 ล้านหน่วย เนื่องจากอุณหภูมิจะสูงกว่าปีก่อนและกิจกรรมต่างๆ ที่กลับมาคึกคักหลังจากโควิด19 คลี่คลาย