โรคซึมเศร้าหายได้ ด้วยตัวเราเอง

กระทู้สนทนา
ตอนแรกว่าจะตั้งกระทู้นี้อีก 3 เดือนข้างหน้า เพื่อไว้อาลัยกับอาเฮียท่านนึงที่เรานับถือในพันทิป   แต่เมื่อสักครู่ฟังข่าว  มีเด็กวัยรุ่นเกิดอาการนี้  จนทำร้ายชีวิตตนเอง และเสียชีวิตในที่สุด

รอไม่ไหวแล้ว  เพราะโรคนี้  มันรอไม่ได้....

เราเคยเป็นซึมเศร้า  ไม่อยากเรียกว่า  "โรค"  มันเหมือนทับถมตนเองซ้ำลงไปอีก  ขอเรียกว่า  "ใจอ่อนแรง"  ดีกว่าค่ะ  ดูเบา ๆ หน่อย และเหมือนมีวิธีแก้ คือ  "ใจเข้มแข็ง"

ผู้ที่มีอาการนี้ สารพัดปัญหาที่ทับถมมานานมาก ๆ   จนเหมือนน้ำล้นแก้ว  ใจสู้ไม่ไหวแล้ว

ลองคิดทบทวนดี ๆ   ทุกข์ที่สะสมมานาน  ยากที่จะแก้ไข  หรือแก้ไขไม่ได้แล้ว  แล้วจะทำอย่างไรดี?

"ยอมรับมันค่ะ  นี่คือ  กรรมของเราที่เคยกระทำไว้ในชาติปางก่อน"  

ในเมื่อมันเกิดขึ้นกับเรา และจะแก้ไขมันอย่างไรดี?

"มันเป็นอดีตไปแล้ว  แก้ไขอะไรไม่ได้  แค่ยอมรับความจริง"  ยืนยันคำพูดนี้อีกครั้งค่ะ 

ลองสำรวจตนเองเล่น ๆ นะคะ  อาการนี้ ไม่ได้เป็นตลอด 24 ชั่วโมง  ไม่ได้เจ็บปวดทางกายใด ๆ  ยังเดิน วิ่ง หัวเราะ  ทานข้าว ร้องเพลง ไปช้อปปิ้งได้  งั้นลองเปรียบเทียบว่า  ถ้าตนเองเป็นมะเร็ง  ให้เลือกระหว่าง  "ใจอ่อนแรง"  กับ "มะเร็ง"  จะเลือกอะไรดี

ถ้า "ใจอ่อนแรง"  ดีกว่า  งั้นวิธีแก้ ก็แค่ทำให้  "ใจเข้มแข็ง"  ค่ะ

เราเคยถึงขั้นอยากทำร้ายตัวเองทุกวัน  (ช่วงที่พีคสุด ๆ )   โดยเฉพาะตอนกลางคืน  ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไร  ร้องไห้ติดต่อกัน 800 กว่าวัน  มันเยอะมาก ๆ  ร้องไปทำไมก็ไม่รู้  เพราะตอนนั้น  กรรมมันหนักมากเหลือเกิน

แม้จะศึกษาธรรมะมาตั้งแต่เด็ก  แต่ทุกข์ของใครก็ล้วนแล้วแต่หนักอึ้งสำหรับบุคคลนั้นอย่างใหญ่หลวง   แม้ใครจะปลอบว่าให้ทำใจ  แต่ก็ยากยิ่งนัก  

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมว่า.....

"ทุกข์ เพราะ  คิด "

มันใช่เลย  อาการนี้ ไม่ได้เป็นตลอด 24  ชั่วโมง  งั้นตอนที่มันไม่มีอาการ  เราต้องฉลาดแบบมีสติ  โดยพยายามให้พลังบวกสะสมเข้ามาในจิตใจระหว่างวัน  เช่น  อยากกินอะไรอร่อย  จัดมาเลย  อยากแต่งตัวสวย ๆ แต่งเลย  ในออนไลน์มีขายอะไรเพียบ  ช้อปในนั้นทุกวันเลย  ซื้อไม่ซื้อไม่เป็นไร  แค่ให้เวลามันผ่านไป  ให้จิตไม่ต้องซ้ำซากอยู่กับความทุกข์เดิมที่มัน "แก้ไขไม่ได้แล้ว"     

หาเวลาไปรดน้ำต้นไม้ค่ะ   เด็ดใบไม้เหี่ยว ๆ ไม่สวยออกไป  แต่งให้มันน่ารัก สวยงามขึ้น  และจินตนาการความรักที่เรามีต่อต้นไม้  มันจะสวยงามให้เราเชยชมทุกวันแบบเห็นผลบวกได้อย่างไว     บางที...  แอบคุยกับต้นไม้ไปเลย  ถ้าไม่มีใครอยู่แถวนั้น  ใครจะว่าเราบ้า  เขาคงไม่กล้ามาพูดกับเราตรง ๆ หรอก  อย่างมากก็แค่ไปบอกคนในบ้านเขาว่า  "ไอ่นี่มันบ้าแน่เลย  เห็นมันคุยกับต้นไม้คนเดียว"    แล้วเราได้ยินเขาว่าเราหรือเปล่าล่ะ  5555   ปล๊าวว...

หรือจะคุยกับต้นไม้ใหญ่ไปเลย   นั่งอยู่ตรงไหน เห็นต้นไม้ใหญ่  คุยเล่นไปเลยค่ะ  อยากบ่นอะไรก็บ่นระบายไป   บางทีมีรุกขเทวดาประจำอยู่ตรงนั้น  และยามที่ใบไม้ไหว  มองว่า มันกำลังเต้นให้เราดู  เป็นเพื่อนใจของเรา    ให้จินตนาการว่า  ท่านรับรู้ความเศร้าของเรา   เราไม่ได้อยู่คนเดียวแล้วน้า  555  คบคนแล้วทุกข์  คบต้นไม้ก็ได้เฟ้ย  สบายจายยย

ทุกเช้า  เมื่อตื่นนอน  เรายังนั่งบนเตียง และมองไปที่ท้องฟ้า  ไหว้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ในหลวง พ่อแม่ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เรานับถือผ่านท้องฟ้า  

เราขอพรแค่ข้อเดียว  ไม่ต้องไปขอเยอะ  ยิ่งขอเยอะ เดี๋ยวบางทีมันเผลอไปขอเรื่องเดิมที่เราทุกข์  จะทำให้เราผิดหวังอีก  เราขอแค่....

"ขอให้ข้าน้อยมีพลังใจที่เข้มแข็งยิ่ง ๆ ขึ้นไป"   จบ  ทุกวัน ทุกคืน หรือแม้แต่ตอนออกไปข้างนอก  จะรู้สึกว่าท้องฟ้าที่ยิ่งใหญ่  สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเราอยู่  เราไม่ลืมท่าน  ท่านก็ไม่ลืมเรา

อยู่ตรงไหนก็มีท้องฟ้า  มองขึ้นไปบ่อย ๆ แบบขอพลังใจค่ะ     พลังที่ซึมซับทุกวันตรงนี้  ทำให้เราค่อย ๆ เข้มแข็งขึ้นมาได้ทีละนิด  จาก "ใจอ่อนแรง"  จะถูก "ใจที่เข้มแข็ง"  ค่อย ๆ แทรกตัวเข้ามาแทนที่

ตอนเช้าที่เข้าห้องน้ำ  นั่งชักโครก  จิตฝ่ายลบมักคิดวกวนไปเรื่องเดิม  ให้บอกตนเองว่า "มันเป็นอดีตไปแล้ว"   ขณะนี้  เรากำลังนั่งส้วมอยู่ หรือแปรงฟันอยู่  ใช้วิธีค่อย ๆ สั่งจิต  ไม่ให้คิดเรื่องเดิมที่เป็นอดีตค่ะ   ช่วงแรกอาจจะยังยาก  จิตจะคิดวนไปที่เก่า  ให้ดูความคิดเฉย ๆ  และ....

" ห ยุ ด ป รุ ง แ ต่ ง ค ว า ม คิ ด  "

แค่ดูความคิด  แต่ไม่ต้องคิดแก้แค้น  อาฆาต  หรือแก้เกมส์ใด ๆ  ใช้วิธียอมรับเหมือนเดิม ว่าเป็นกรรม  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป

เมื่อฝึกแบบนี้บ่อย ๆ  จิตที่เป็นฝ่ายดี จะค่อย ๆ เข้ามาคุมความคิดที่ฟุ้งซ๋าน  หากไม่สามารถหยุดมันได้  ลองสั่งมันว่า  "ฉันจะให้เวลาเธอคิดอีกแค่ 1 อาทิตย์   1 เดือน  หรือ    แค่ 3 เดือน  เพราะถ้าเลี้ยงหมา  ป่านนี้ มันคงโตหลายปีแล้ว  ให้ค่อย ๆ เปรียบเทียบภาพว่า  เราเศร้ามาถึงขนาดเลี้ยงหมาจนมันโตจะผสมพันธุ์ได้เชียวเลยหรือนี่  บร๊ะเจ้า!!!

เวลานอน  ชอบวนกลับมาคิดอีกแล้ว  สั่งตนเอง  นอนก่อน  พรุ่งนี้มีเวลาอีกเยอะ  เดี๋ยวให้คิด  นอนได้แล้วคนดี   ที่พูดแบบนี้เพื่อให้เราปลูกฝังความคิด...

"เราเป็นคนดี  รักตนเองให้มากที่สุด  อย่าไปรักใครมากกว่าตัวเรา  และถนอมใจดวงน้อย ๆ ของเราให้เข้มแข็งต่อไป"

คนที่ทำให้เราเสียใจ  ป่านนี้  เขาคงหลับสบายไปแล้ว  ส่วนเรามานอนร้องไห้  อิหยังว๊า!!!

ช่วงนี้  เปิดเพลงดัง ๆ  เพลงที่มันส์ ๆ  ฮึกเฮิมกับจิตใจ  และอย่าไปฟังเพลงเศร้า  ซึ้งใด ๆ ค่ะ  เดี๋ยวจะหมดพลังอีก

จุดพีคของอาการนี้ ตอนที่มันสูงสุด  ที่อยากทำร้ายตนเอง  อยู่ดี ๆ มันก็มาของมันเอง  เราต้องตั้งสติค่ะ

"เฮ้ย  ฉันจะไม่จากโลกนี้ไป  เพราะมันยังไม่หมดกรรม  มิเช่นนั้น อาจจะไปเป็นสัมภเวสี ล่องลอยอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้  และอาการเศร้ายังติดตัวไป ไม่มีทางลบล้างได้   หรือถ้าฉันไปเกิดเป็น แมลงสาป  ก็ไม่เอานะ  ขอเป็นคน ๆ นี้แหละ ยอมชดใช้กรรมไปดีกว่า"

สำหรับผู้ที่ใกล้ชิด  สิ่งที่ไม่ควรทำคือ  "หยุดพูดเรื่องในอดีต"   และไม่ต้องพูดว่า  "อย่าคิดมากนะ"   เพราะคำว่า  "คิด"   อ้าว  เดี๋ยวไปคิดอีก  ห้ามใช้คำนี้แม้จะเป็นคำที่ปลอบใจ หรืออยากให้กำลังใจ  แต่คำว่า "อย่าคิดมากนะ"   มันเหมือนลูบแผลในใจอีกครั้ง  ให้พูดแค่  "ช่างมัน  เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"  เพื่อแสดงว่า  ผู้อยู่ใกล้ชิด ยอมรับความจริงเช่นกัน และเมื่อยอมรับทั้งผู้ป่วย  และผู้ใกล้ชิด จะทำให้ทั้งสองฝ่าย  มีพลังบวกพร้อมกันค่ะ  

พยายามพาไปทำกิจกรรมใหม่ ๆ หรือ กิจกรรมอะไรก็ได้ที่ผู้ป่วยสนใจ โดยไม่ต้องคะยั้นคะยอ  ถ้าผู้ป่วยไม่ไป  ก็เงียบ ๆ ค่ะ  ไปหาอาหารอร่อย ๆ มาให้เขาทานดีกว่า   โดยไม่ต้องพูดอะไรเยอะ   ถ้าเขาไม่อยากพูด  เราก็เงียบ ๆ นั่นแหละ ดีที่สุด

กรณีที่ท่านต้องดูแลตนเองโดยลำพัง  วันไหนว่าง ๆ  ลองไปในที่ที่ได้เจอผู้คนที่ลำบากกว่าเรา  ไปดูชีวิตคนเหล่านั้น และเปรียบเทียบกับตนเอง  "ฉันสวยอยู่นะ  คนอื่นลำบากกว่าฉันเลย  เขายังสู้กันเลย  หาเช้ากินค่ำ  ไม่ได้ ๆ  ฉันต้องเข้มแข็งแบบคนพวกนี้สิ"  

อาจใช้เวลาหลายเดือนนับจากนี้  หากคุณมีกุศโลบายในแต่ละวัน  ว่าจะสร้างพลังบวกอย่างไร  อีกไม่นาน คุณจะหายจากอาการนี้  และจะกลับมามองโลกในแบบพลังบวกมากขึ้น  ว่าคุณผ่านการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต และผ่านมันมาได้  ด้วยการ....

"ย อ ม รั บ ค ว า ม จ ริ ง "  เท่านั้นเอง  

เดินต่อไปค่ะ  เมื่อพลังใจที่เข้มแข้งกลับมา  ถึงตอนนั้น  คุณจะภูมิใจในตนเองที่สุด  และจะได้ช่วยผู้อื่นที่  "ใจอ่อนแรง"  ได้ต่อไป

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่มีอาการนี้  สู้โว๊ย  แล้วคุณจะชนะค่ะ !!!

ด้านล่างนี้จะเหมาะสำหรับผู้เจริญธรรมมาระยะหนึ่งแล้ว  เพื่อความเข้าใจในเรื่องของจิตลึกซึ้งลงไปอีกนิดค่ะ 

หลวงปู่ดูลย์  อตุโล  จะสอนเรื่อง  "หยุดปรุงแต่งจิต"  ตรงนี้ สามารถนำมาเป็นกุศโลบายในการเจริญธรรมได้อย่างดียิ่งค่ะ  

ขณะที่อกุศลวิบากกรรมส่งผลมา  ทำให้สัญญาขันธ์ที่เกิด เป็นอกุศล  ยังไม่สามารถระงับสังขารขันธ์ให้หยุดปรุงแต่งจิตในทันที  เพราะยังไม่แกร่งพอ  จะมีการปรุงไปเรื่อย ๆ แค่ดูมันเฉย ๆ  ดูการปรุงแต่งที่ไม่หยุด   เมื่อดูไปสักพัก สติเกิด และพิจารณาสภาพธรรมขณะปรุงแต่ง  มองเป็นแค่สภาพธรรม  ไม่ใช่เรา  จุดนั้นคือ ปัญญาที่เข้าใจความเห็นถูกในสภาพธรรม  ว่าเป็นอนัตตา   เมื่อเจริญแบบนี้เรื่อย ๆ ในทุกครั้ง ๆ  จิตจะค่อย ๆ ได้รับการฝึกฝนที่ดี  จนสุดท้าย เมื่อสัญญาขันธ์เกิด สติเกิด  สังขารขันธ์ไม่เจริญต่อแล้ว  จบแค่นั้น  และไม่เกิดวิญญาณขันธ์  หมดกรรมเรื่องนี้ในชาตินี้ แค่นี้ก่อน  ถือว่า ยอมรับกรรมได้สำเร็จด้วยสติ และ ปัญญาค่ะ   

ชาติหน้าเจออีกแน่นอน  และชาตินี้แก้ได้สำเร็จด้วยปัญญาแล้ว  ปัญญานี่แหละ คือ กุศลจิต  ที่จะกลายเป็นวิบากในอนาคตชาติ  และรู้วิธีดับกิเลสในชาติหน้าต่อไปได้ค่ะ   

ปล.  ผู้ป่วย  ควรได้รับการรักษาจากแพทย์นะคะ  เราแค่แชร์ประสบการณ์ของเราให้ฟังค่ะ  

ขออนุญาตแท๊กห้องหุ้นนะคะ  กัลยาณมิตรอยู่ในนี้เป็นจำนวนมากค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่