ชูวิทย์ ลั่นถึงบิ๊กตู่ เจอดีแน่ ในสนามเลือกตั้ง ถ้าไม่รักษาสัญญา จัดการพวกจีนสีเทา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3764635
ชูวิทย์ ลั่นถึงบิ๊กตู่ เจอดีแน่ ในสนามเลือกตั้ง ถ้าไม่รักษาสัญญา จัดการพวกจีนสีเทา
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นาย
ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังได้เข้าพบ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ประชาชน กับ นายกฯประยุทธ์
ผมมานั่งพูดอยู่ข้างถนน จุดเทียนเรียกร้องเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น และทุนจีนสีเทา
เป็นตัวแทนของประชาชน โดยไม่ไดัสังกัด หรือแอบอิงพรรคใด
ประเด็นของผมนั้นมุ่งตรงไปเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และทุนจีนสีเทา
เมื่อวันนี้ท่านนายกฯเป็นนักการเมือง ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
ส่วนผมนั้นเป็นเพียงประชาชน ที่ตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสของหน่วยงานรัฐ นักการเมือง คนใกล้ชิด วงศาคณาญาติ
ท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะตอบประชาชนอย่างผม
หลังจากนั่งรออยู่นานสองนาน ก็มีคนมาสะกิดให้ไปพบนายกฯ เมื่อผมเข้าไป ท่านถามผมว่า “ชูวิทย์มีอะไรว่ามา”
ผมบอกว่าเรื่องทุนจีนสีเทาเป็นเรื่องที่ท่านต้องจัดการ และ ผบช.น.ควรถูกย้ายไปช่วยราชการ
นายกฯตอบว่า “นายกฯก็มีขั้นมีตอน ไม่สามารถจะย้าย หรือจัดการอะไรได้ทันทีตามใจชูวิทย์”
ดังนั้น จึงขอเวลา ให้ผมแสดงหลักฐานกับจเรตำรวจแห่งชาติ หากมีหลักฐานจะฟันไม่เลี้ยง
และจะลงมือจัดการเรื่องทุนจีนสีเทา
ส่วนใครจะหาว่าผม “เกี้ยเซี้ย” ยืนยันว่าคนอย่างผมตรงไปตรงมา
เมื่อนายกฯขอเวลาจัดการ ผมก็ให้เวลาท่าน ส่วนจะให้เวลานานแค่ไหน ประชาชนอย่างผมจะไปบังคับอะไรท่านได้?
ผมไม่ได้ชื่นชม และไม่ได้ตำหนินายกฯแต่อย่างใด
หากใครหาว่าผมชื่นชมท่าน บาปกรรมตาย
แล้วผมจะจับตาดูว่า นายกฯที่เป็นชายชาติทหาร ส่วนผมก็เป็นลูกผู้ชายพร้อมที่จะรอ ว่าท่านจะจัดการให้ผมจริงหรือไม่?
ยืนยันว่าเรื่อง “ทุนจีนสีเทา” กระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง
ที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศจะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อวันนี้ท่านให้สัญญากับประชาชนอย่างผมแล้ว
หากไม่รักษาสัญญา
คอยดูแล้วกันว่า ประชาชนอย่างผมจะลงโทษท่านในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร?
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0ucxVpxLd8gb7gz7cVHAKhqytNjQEG4gGU15gvNA3q2DKrNKnVBfnKP4DrtLWwEvul
ลานเททยอยหยุดกิจการ งดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โรงงานสกัดอ้างผลผลิตล้น แถมราคาร่วง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7452179
ตรัง ลานเทหลายแห่งทยอยหยุดกิจการชั่วคราว งดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันเกษตรกร โรงงานสกัดอ้างผลผลิตล้น แถมราคายังร่วงซ้ำ บ้างแห่งเปิดแต่รอคิวนานข้ามวันข้ามคืน
ลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหลายแห่งใน ได้ทยอยกันหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว และงดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร หลังโรงงานอ้างว่าผลผลิตล้น จนต้องไปเข้าคิวรอขายกันข้ามวันข้ามคืน
10 ม.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เมื่อ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหลายแห่งในจังหวัดตรัง ได้ทยอยกันหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว และงดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร
เนื่องจากช่วงนี้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มอ้างว่า มีผลผลิตออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่เริ่มเปิดเดินเครื่องจักรเมื่อช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้โรงงานสลัดน้ำมันปาล์ม ได้หยุดยาว ช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นเวลาหลายวัน ทำให้มีผลปาล์มน้ำมันที่รอตัดขายค้างอยู่เป็นจำนวนมาก และเกษตรกรต่างเร่งมาตัดขายพร้อมๆ กันในช่วงสัปดาห์นี้
เจ้าของลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันรายหนึ่ง จ.ตรัง ระบุว่า เมื่อก่อนทางลานเทจะรวบรวมผลปาล์มน้ำมันที่รับซื้อจากเกษตรกรไปส่งขายโรงงานได้สะดวกมาก ประเภทไปถึงปุ้บ ก็เข้าขายปั้บได้เลย แต่ช่วงนี้ทางลานเทต้องไปรอคิวนานข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว เนื่องจากมีรถไปรอขายกันยาวเหยียด
ส่งผลให้ผลปาล์มน้ำมันมีน้ำหนักลดลงมาก เพราะต้องจอดรถตากแดดทิ้งเอาไว้ และหากยังคงเปิดลานเทไว้อีก ก็ไม่รู้จะเอาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่รับซื้อจากเกษตรกรไปขายที่ไหน เพราะหากต้องขนมาเข้าคิวรอขายกับทางโรงงานแบบนี้คงไม่คุ้ม จึงยอมหยุดรับซื้อดีกว่า
ขณะเดียวกัน ส่วนของราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 65 ล่าสุดเหลือกิโลกรัมละ 4-4.20 บาทเท่านั้น ถือว่าต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกรในการปลูก ซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 6 บาท ยิ่งมาประสบปัญหาลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหยุดรับซื้อผลผลิตชั่วคราว ยิ่งทำให้เกษตรกรเกิดความเดือดร้อนหนักมากยิ่งขึ้น สวนทางค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าปุ๋ย
สายเปรี้ยวสายเผ็ดกระอัก! มะนาว-พริก ราคาพุ่งแรง คาดตรุษจีนแพงกว่านี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7452218
สายเปรี้ยว-สายเผ็ด กระอัก! ราคามะนาว ขยับขึ้นกิโลกรัมละ 110 บาท พริกขี้หนูสวน พุ่งกิโลกรัมละ 350 บาท คาดตรุษจีนแพงกว่านี้อีก พ่อค้าแม่ค้าเร่งปรับตัว
วันที่ 10 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคามะนาว และพริกชนิดต่าง ๆ ที่ตลาดนัดหน้าดับเพลิงเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งพบว่ามีการปรับราคามะนาว และพริกขี้หนูสวน พริกจินดาขึ้น ล่าสุดพบว่ามะนาว ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 110 บาท เฉลี่ยลูกละ 8 บาท ส่วนพริกขี้หนูสวนปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 350 บาท สวนพริกจินดา กิโลกรัมละ 100 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
แม่ค้าขายมะนาวและพริกสด กล่าวว่า ราคามะนาวระยะนี้มีการปรับราคาขึ้นทุกวัน ซึ่งวันนี้ราคามะนาว อยู่ที่กิโลกรัมละ 110 บาท ซึ่งจากเดิมในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ขณะที่พริกขี้หนูสวน จากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 350 บาท สวนพริกจินดา กิโลกรัมละ 100 บาท จากเดิม กิโลกรัมละ 70 บาท
แม่ค้า กล่าวต่อว่า การปรับราคานั้นทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคาดว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงตรุษจีน และจะมีแนวโน้มขึ้นอีกในช่วงหน้าแล้ง และมะนาวออกผลน้อยแต่ปริมาณคนใช้ยังเท่าเดิม ทำให้ต้องปรับราคาขึ้นตามกลไกลการตลาด และช่วงใกล้ตรุษจีน คนน่าจะใช้มะนาวเยอะขึ้น
แม่ค้า กล่าวอีกว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องปรับตัวด้วยการรับมะนาวจากพ่อค้าคนกลาง นำมาพอขายในแต่ละวัน ขณะที่ลูกค้ากำลังซื้อก็ลดลง จากเดิมเคยซื้อ 10-20 ลูก ลดลงเหลือ 5 ลูก และเลือกที่จะใช้อย่างอื่นมาทดแทนความเปรี้ยวของมะนาว แต่ก็จะไม่ได้รสชาติอาหารตามที่ต้องการ เพียงแต่อาจจะใช้ทดแทนกันได้เป็นบางอย่าง
แม่ค้า กล่าวด้วยว่า อย่างส้มตำจะขาดมะนาวไม่ได้ ยำต่าง ๆ ข้าวผัดจะให้ไปใส่น้ำมะขามเปียกก็ไม่ได้ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็ขาดมะนาวไม่ได้ รสชาติก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย นอกจากนี้ ราคาพริกขี้หนูรับมาก็แพง จนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบางเจ้าไม่รับมาขาย เพราะมีราคาแพงมาก นำมาขายหน้าแผงกิโลกรัมละ 350 บาท
ประชุมรัฐสภาล่ม รับปีใหม่ ทั้งวันถกร่างพ.ร.บ.การศึกษา ได้แค่ 7 จาก 110 มาตรา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3765288
ประชุมรัฐสภาล่ม รับปีใหม่ ถกร่างพ.ร.บ.การศึกษา ทั้งวันได้แค่ 7 มาตรา
เมื่อวันที่ 10 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นาย
ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วนั้น ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย พิจารณาได้เพียง 6 มาตรา จาก 110 มาตรา โดยบรรยากาศในห้องประชุมดูโหรงเหรง และเป็นไปอย่างทุลักทุเล มีสมาชิกเป็นองค์ประชุมแบบเฉียดฉิว จนกระทั่งเวลา 16.30 น.เป็นการลงมติในมาตรา 6 แต่นายชวนได้กดออดเรียกสมาชิก และใช้เวลารอประมาณ 25 นาที สมาชิกจึงครบจำนวน 343 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม ทำให้ที่ประชุมดำเนินการต่อได้
ต่อมา เวลา 17.20 น. เป็นการลงมติในมาตรา 7 โดย นาย
พรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ใช้เวลารอสมาชิกอยู่นาน จนเวลา 17.28 น. นาย
พรเพชร แจ้งที่ประชุมว่า ขณะนี้มีผู้แสดงตนประมาณ 290 คน ยังขาดอีกประมาณ 50 คน จึงจะครบองค์ประชุม ซึ่งตนอยากจะให้พิจารณาอีก 2 มาตรา คือมาตรา 8 และ มาตรา 8/1
จนเวลา 17.35 น. นาย
พรเพชร ได้พูดขึ้นว่า “
ถ้าจะไปลำบาก แต่ผมจะนั่งไปเรื่อยๆ นะครับ” และจะรอจนถึงเวลา 17.45 น. พร้อมกับระบุว่า ที่ตนพูดว่าจะให้พิจารณาจบมาตรา 8 และ มาตรา 8/1 นั้นอาจจะเป็นปัญหา ดังนั้นวันนี้ขอแค่ลงมติมาตรา 7 แล้วไปประชุมพรุ่งนี้ต่อ และขอให้สมาชิกที่อยู่ช่วยเข้ามากดแสดงตนด้วย
จนกระทั้งเวลา 17.45 น. นาย
พรเพชร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีสมาชิกอยู่เพียง 321 คน ดังนั้นเพื่อรักษาคำพูดของตนตามกำหนดเวลา และเห็นใจผู้ที่นั่งรออยู่ ดังนั้น ตนจึงขอปิดการประชุมในเวลา 17.47 น.ทันที
JJNY : 5in1 ชูวิทย์ลั่นถึงตู่ เจอดีแน่│งดรับซื้อปาล์ม│มะนาว-พริกพุ่งแรง│ประชุมรัฐสภาล่ม│“สมชัย” ชำแหละเปิดตัว”ตู่”
https://www.matichon.co.th/politics/news_3764635
ชูวิทย์ ลั่นถึงบิ๊กตู่ เจอดีแน่ ในสนามเลือกตั้ง ถ้าไม่รักษาสัญญา จัดการพวกจีนสีเทา
เมื่อวันที่ 10 มกราคม นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.หัวหน้าพรรครักประเทศไทย อดีตนักธุรกิจกลางคืนชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กหลังได้เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ หลังเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยมีเนื้อหาดังนี้
ประชาชน กับ นายกฯประยุทธ์
ผมมานั่งพูดอยู่ข้างถนน จุดเทียนเรียกร้องเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่น และทุนจีนสีเทา
เป็นตัวแทนของประชาชน โดยไม่ไดัสังกัด หรือแอบอิงพรรคใด
ประเด็นของผมนั้นมุ่งตรงไปเรื่องเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชั่น และทุนจีนสีเทา
เมื่อวันนี้ท่านนายกฯเป็นนักการเมือง ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ
ส่วนผมนั้นเป็นเพียงประชาชน ที่ตั้งคำถามถึงความไม่โปร่งใสของหน่วยงานรัฐ นักการเมือง คนใกล้ชิด วงศาคณาญาติ
ท่านในฐานะนายกรัฐมนตรี ก็ควรจะตอบประชาชนอย่างผม
หลังจากนั่งรออยู่นานสองนาน ก็มีคนมาสะกิดให้ไปพบนายกฯ เมื่อผมเข้าไป ท่านถามผมว่า “ชูวิทย์มีอะไรว่ามา”
ผมบอกว่าเรื่องทุนจีนสีเทาเป็นเรื่องที่ท่านต้องจัดการ และ ผบช.น.ควรถูกย้ายไปช่วยราชการ
นายกฯตอบว่า “นายกฯก็มีขั้นมีตอน ไม่สามารถจะย้าย หรือจัดการอะไรได้ทันทีตามใจชูวิทย์”
ดังนั้น จึงขอเวลา ให้ผมแสดงหลักฐานกับจเรตำรวจแห่งชาติ หากมีหลักฐานจะฟันไม่เลี้ยง
และจะลงมือจัดการเรื่องทุนจีนสีเทา
ส่วนใครจะหาว่าผม “เกี้ยเซี้ย” ยืนยันว่าคนอย่างผมตรงไปตรงมา
เมื่อนายกฯขอเวลาจัดการ ผมก็ให้เวลาท่าน ส่วนจะให้เวลานานแค่ไหน ประชาชนอย่างผมจะไปบังคับอะไรท่านได้?
ผมไม่ได้ชื่นชม และไม่ได้ตำหนินายกฯแต่อย่างใด
หากใครหาว่าผมชื่นชมท่าน บาปกรรมตาย
แล้วผมจะจับตาดูว่า นายกฯที่เป็นชายชาติทหาร ส่วนผมก็เป็นลูกผู้ชายพร้อมที่จะรอ ว่าท่านจะจัดการให้ผมจริงหรือไม่?
ยืนยันว่าเรื่อง “ทุนจีนสีเทา” กระทบต่อสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง
ที่นายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำสูงสุดของประเทศจะต้องลงมือจัดการด้วยตัวเอง
เมื่อวันนี้ท่านให้สัญญากับประชาชนอย่างผมแล้ว
หากไม่รักษาสัญญา
คอยดูแล้วกันว่า ประชาชนอย่างผมจะลงโทษท่านในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร?
https://www.facebook.com/ChuvitKamolvisit/posts/pfbid0ucxVpxLd8gb7gz7cVHAKhqytNjQEG4gGU15gvNA3q2DKrNKnVBfnKP4DrtLWwEvul
ลานเททยอยหยุดกิจการ งดรับซื้อผลปาล์มน้ำมัน โรงงานสกัดอ้างผลผลิตล้น แถมราคาร่วง
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7452179
ตรัง ลานเทหลายแห่งทยอยหยุดกิจการชั่วคราว งดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันเกษตรกร โรงงานสกัดอ้างผลผลิตล้น แถมราคายังร่วงซ้ำ บ้างแห่งเปิดแต่รอคิวนานข้ามวันข้ามคืน
ลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหลายแห่งใน ได้ทยอยกันหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว และงดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร หลังโรงงานอ้างว่าผลผลิตล้น จนต้องไปเข้าคิวรอขายกันข้ามวันข้ามคืน
10 ม.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับตั้งแต่เมื่อ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา ลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหลายแห่งในจังหวัดตรัง ได้ทยอยกันหยุดกิจการเป็นการชั่วคราว และงดรับซื้อผลปาล์มน้ำมันจากเกษตรกร
เนื่องจากช่วงนี้โรงงานสกัดน้ำมันปาล์มอ้างว่า มีผลผลิตออกมาสู่ท้องตลาดเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่เริ่มเปิดเดินเครื่องจักรเมื่อช่วงต้นปี 2566 ที่ผ่านมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้โรงงานสลัดน้ำมันปาล์ม ได้หยุดยาว ช่วงเทศกาลปีใหม่ เป็นเวลาหลายวัน ทำให้มีผลปาล์มน้ำมันที่รอตัดขายค้างอยู่เป็นจำนวนมาก และเกษตรกรต่างเร่งมาตัดขายพร้อมๆ กันในช่วงสัปดาห์นี้
เจ้าของลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันรายหนึ่ง จ.ตรัง ระบุว่า เมื่อก่อนทางลานเทจะรวบรวมผลปาล์มน้ำมันที่รับซื้อจากเกษตรกรไปส่งขายโรงงานได้สะดวกมาก ประเภทไปถึงปุ้บ ก็เข้าขายปั้บได้เลย แต่ช่วงนี้ทางลานเทต้องไปรอคิวนานข้ามวันข้ามคืนเลยทีเดียว เนื่องจากมีรถไปรอขายกันยาวเหยียด
ส่งผลให้ผลปาล์มน้ำมันมีน้ำหนักลดลงมาก เพราะต้องจอดรถตากแดดทิ้งเอาไว้ และหากยังคงเปิดลานเทไว้อีก ก็ไม่รู้จะเอาผลผลิตปาล์มน้ำมันที่รับซื้อจากเกษตรกรไปขายที่ไหน เพราะหากต้องขนมาเข้าคิวรอขายกับทางโรงงานแบบนี้คงไม่คุ้ม จึงยอมหยุดรับซื้อดีกว่า
ขณะเดียวกัน ส่วนของราคาปาล์มน้ำมันมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ปลายปี 65 ล่าสุดเหลือกิโลกรัมละ 4-4.20 บาทเท่านั้น ถือว่าต่ำกว่าต้นทุนของเกษตรกรในการปลูก ซึ่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 6 บาท ยิ่งมาประสบปัญหาลานเทรับซื้อผลปาล์มน้ำมันหยุดรับซื้อผลผลิตชั่วคราว ยิ่งทำให้เกษตรกรเกิดความเดือดร้อนหนักมากยิ่งขึ้น สวนทางค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่พุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะค่าปุ๋ย
สายเปรี้ยวสายเผ็ดกระอัก! มะนาว-พริก ราคาพุ่งแรง คาดตรุษจีนแพงกว่านี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7452218
สายเปรี้ยว-สายเผ็ด กระอัก! ราคามะนาว ขยับขึ้นกิโลกรัมละ 110 บาท พริกขี้หนูสวน พุ่งกิโลกรัมละ 350 บาท คาดตรุษจีนแพงกว่านี้อีก พ่อค้าแม่ค้าเร่งปรับตัว
วันที่ 10 ม.ค.2566 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคามะนาว และพริกชนิดต่าง ๆ ที่ตลาดนัดหน้าดับเพลิงเบตง อ.เบตง จ.ยะลา ซึ่งพบว่ามีการปรับราคามะนาว และพริกขี้หนูสวน พริกจินดาขึ้น ล่าสุดพบว่ามะนาว ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 110 บาท เฉลี่ยลูกละ 8 บาท ส่วนพริกขี้หนูสวนปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 350 บาท สวนพริกจินดา กิโลกรัมละ 100 บาท และมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นในช่วงตรุษจีนที่กำลังจะมาถึง
แม่ค้าขายมะนาวและพริกสด กล่าวว่า ราคามะนาวระยะนี้มีการปรับราคาขึ้นทุกวัน ซึ่งวันนี้ราคามะนาว อยู่ที่กิโลกรัมละ 110 บาท ซึ่งจากเดิมในช่วงที่ผ่านมาอยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ขณะที่พริกขี้หนูสวน จากเดิม กิโลกรัมละ 150 บาท ขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 350 บาท สวนพริกจินดา กิโลกรัมละ 100 บาท จากเดิม กิโลกรัมละ 70 บาท
แม่ค้า กล่าวต่อว่า การปรับราคานั้นทยอยปรับขึ้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และคาดว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้งในช่วงตรุษจีน และจะมีแนวโน้มขึ้นอีกในช่วงหน้าแล้ง และมะนาวออกผลน้อยแต่ปริมาณคนใช้ยังเท่าเดิม ทำให้ต้องปรับราคาขึ้นตามกลไกลการตลาด และช่วงใกล้ตรุษจีน คนน่าจะใช้มะนาวเยอะขึ้น
แม่ค้า กล่าวอีกว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต้องปรับตัวด้วยการรับมะนาวจากพ่อค้าคนกลาง นำมาพอขายในแต่ละวัน ขณะที่ลูกค้ากำลังซื้อก็ลดลง จากเดิมเคยซื้อ 10-20 ลูก ลดลงเหลือ 5 ลูก และเลือกที่จะใช้อย่างอื่นมาทดแทนความเปรี้ยวของมะนาว แต่ก็จะไม่ได้รสชาติอาหารตามที่ต้องการ เพียงแต่อาจจะใช้ทดแทนกันได้เป็นบางอย่าง
แม่ค้า กล่าวด้วยว่า อย่างส้มตำจะขาดมะนาวไม่ได้ ยำต่าง ๆ ข้าวผัดจะให้ไปใส่น้ำมะขามเปียกก็ไม่ได้ น้ำจิ้มซีฟู้ดก็ขาดมะนาวไม่ได้ รสชาติก็ไม่เหมือนกันอีกด้วย นอกจากนี้ ราคาพริกขี้หนูรับมาก็แพง จนบรรดาพ่อค้าแม่ค้าบางเจ้าไม่รับมาขาย เพราะมีราคาแพงมาก นำมาขายหน้าแผงกิโลกรัมละ 350 บาท
ประชุมรัฐสภาล่ม รับปีใหม่ ทั้งวันถกร่างพ.ร.บ.การศึกษา ได้แค่ 7 จาก 110 มาตรา
https://www.matichon.co.th/politics/news_3765288
ประชุมรัฐสภาล่ม รับปีใหม่ ถกร่างพ.ร.บ.การศึกษา ทั้งวันได้แค่ 7 มาตรา
เมื่อวันที่ 10 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมรัฐสภา ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. …. ที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วนั้น ตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย พิจารณาได้เพียง 6 มาตรา จาก 110 มาตรา โดยบรรยากาศในห้องประชุมดูโหรงเหรง และเป็นไปอย่างทุลักทุเล มีสมาชิกเป็นองค์ประชุมแบบเฉียดฉิว จนกระทั่งเวลา 16.30 น.เป็นการลงมติในมาตรา 6 แต่นายชวนได้กดออดเรียกสมาชิก และใช้เวลารอประมาณ 25 นาที สมาชิกจึงครบจำนวน 343 เสียง ถือว่าครบองค์ประชุม ทำให้ที่ประชุมดำเนินการต่อได้
ต่อมา เวลา 17.20 น. เป็นการลงมติในมาตรา 7 โดย นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ใช้เวลารอสมาชิกอยู่นาน จนเวลา 17.28 น. นายพรเพชร แจ้งที่ประชุมว่า ขณะนี้มีผู้แสดงตนประมาณ 290 คน ยังขาดอีกประมาณ 50 คน จึงจะครบองค์ประชุม ซึ่งตนอยากจะให้พิจารณาอีก 2 มาตรา คือมาตรา 8 และ มาตรา 8/1
จนเวลา 17.35 น. นายพรเพชร ได้พูดขึ้นว่า “ถ้าจะไปลำบาก แต่ผมจะนั่งไปเรื่อยๆ นะครับ” และจะรอจนถึงเวลา 17.45 น. พร้อมกับระบุว่า ที่ตนพูดว่าจะให้พิจารณาจบมาตรา 8 และ มาตรา 8/1 นั้นอาจจะเป็นปัญหา ดังนั้นวันนี้ขอแค่ลงมติมาตรา 7 แล้วไปประชุมพรุ่งนี้ต่อ และขอให้สมาชิกที่อยู่ช่วยเข้ามากดแสดงตนด้วย
จนกระทั้งเวลา 17.45 น. นายพรเพชร ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า มีสมาชิกอยู่เพียง 321 คน ดังนั้นเพื่อรักษาคำพูดของตนตามกำหนดเวลา และเห็นใจผู้ที่นั่งรออยู่ ดังนั้น ตนจึงขอปิดการประชุมในเวลา 17.47 น.ทันที