พีมูฟบุกศาลากลางเชียงใหม่ ค้านนำร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ เข้าครม. หวั่น 4 พันชุมชนเดือดร้อน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4893218
พีมูฟ-สกน.บุกศาลากลางเชียงใหม่ ยื่นหนังสือจี้นายกฯยุติดันร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ เข้าที่ประชุม ครม. หวั่นกระทบ 4,000 ชุมชนที่อาศัยในป่าอนุรักษ์
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) พร้อมด้วยสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เครือข่ายม้ง 54 หมู่บ้าน จ.เชียงใหม่ และเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 47 องค์กร เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ยุติการเดินหน้าร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ศ. …. และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึง น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (12 พฤศจิกายน) จะมีการนำร่างดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่เนื่องจากผู้ว่าฯเชียงใหม่ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ นาย
ทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าฯเชียงใหม่มารับหนังสือแทน
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมในนามเครือข่ายร่วม 47 องค์กร ได้อ่านแถลงการณ์ร่วมขบวนการประชาชนหยุดร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาล
แพทองธารหยุดผลักดันร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์เข้า ครม.โดยทันที เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เร่งผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ภายใต้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ให้มีผลบังคับใช้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน เปลี่ยนประชาชนผู้บุกเบิกให้กลายเป็นผู้บุกรุก สอดแทรกแนวทางการยึดที่ดินของประชาชน บีบบังคับจำกัดสิทธิการถือครองที่ดิน และยังรวบอำนาจผูกขาดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติไว้ที่หน่วยงานป่าไม้เท่านั้น
แนวทางดังกล่าวเป็นการผลักคนออกจากป่าไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา จึงขอประณามการกระทำของกระทรวง ทส.และกรมอุทยานฯที่พยายามผลักดันกฎหมายอนุรักษ์อันล้าหลังและอำนาจนิยมมากดขี่ประชาชน โดยไม่สนใจกระแสโลกที่เปลี่ยนไปสู่การกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากรสู่ชุมชนท้องถิ่น แม้ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม
พร้อมเรียกร้องไปยัง น.ส.แพทองธารและ ครม.ให้แสดงความกล้าหาญปกป้องประชาชนที่อยู่ในป่าอนุรักษ์กว่า 4 พันชุมชนที่กำลังถูกฝ่ายรัฐราชการอำนาจนิยมโดยกรมอุทยานฯกดขี่รังแก โดยวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลต้องยุติการนำร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ศ. …. และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พ.ศ. …. เข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข
หลังยื่นหนังสือ ผู้ชุมนุมได้กดดันให้ผู้ว่าฯเชียงใหม่ส่งหนังสือข้อเรียกร้องของเครือข่ายไปยังรัฐบาลโดยเร็ว แต่เนื่องจากผู้ว่าฯติดภารกิจ จึงดำเนินการตามข้อเรียกร้องล่าช้า ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจและตั้งแถวเตรียมเข้าไปทวงหนังสือด้านในอาคาร แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็นำหนังสือที่ผู้ว่าฯลงนามแล้วมาแสดง ผู้ชุมนุมจึงพอใจและยุติการเคลื่อนไหว
น.ส.
จรัสศรี จันทร์อ้าย กรรมการบริหาร สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า หาก พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้จะกระทบกับชุมชนที่อยู่ในป่ากว่า 4 ชุมชนทั่วประเทศ ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ชุมชนพยายามร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและดูแลป่าไม้อย่างดี โดยหลังยื่นหนังสือที่ จ.เชียงใหม่ ในวันนี้ แกนนำในเชียงใหม่และภาคเหนือจะเดินทางไปสมทบกับผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ เพื่อแสดงพลังกดดันให้ ครม.ยุติการนำ พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป
“สมชัย” แซะ “นายกฯอิ๊งค์” พูดเองให้ชัดปมMOU44 ไม่ต้องถาม “ภูมิธรรม”
https://siamrath.co.th/n/579686
“สมชัย” แซะ “นายกฯอิ๊งค์” พูดเองให้ชัดปมMOU44 ไม่ต้องถาม “ภูมิธรรม”
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการและอดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร” แสดงความคิดเห็นกรณีนาย
ภูมิธรรม เวชญชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเจรจาผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนี้...
ภูมิธรรม ไม่ใช่บุคคลที่น่าเชื่อถือ
คำพูดว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นประโยชน์ของประเทศในการเจรจาเรื่องเขตแดนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงได้รับความคลางแคลงใจจากประชาชน
ยิ่งคุณภูมิธรรม เป็นรองนายกอันดับหนึ่ง เป็นรองที่ดูแลด้านความมั่นคง เป็น รมว.กลาโหม เป็นคนที่ยืนข้างนายกแพรทองธาร เป็นคนที่นายกต้องหันมาถามเวลายืนแถลงข่าว พอกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งกระทบโดยตรงต่อรัฐบาล
เหตุที่แกไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก
1. คำพูดของคุณภูมิธรรม ชอบลอกคำพูดของคุณทักษิณ เช่น เรื่องเขตแดนอาจพักเจรจาไว้ก่อน ควรรีบขุดเอาน้ำมันและก๊าซขึ้นมาใช้ เพราะต่อไปโลกจะสนใจใช้พลังงานสะอาด น้ำมัน ก๊าซ จะไร้ค่า
2. เมื่อสื่อถามย้ำว่า จะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนพร้อมไปกับเจรจาแย่งผลประโยชน์หรือไม่ คุณเธอไม่ตอบย้ำให้เกิดความมั่นใจ แต่ยิ้มแห้ง ๆ ว่าตามนั้น แต่ไม่รู้อะไรจะเสร็จก่อน เหมือนกับจะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเจรจาไปพร้อม ๆ กัน เรื่องเขตแดนเป็นเรื่องยากเอาไว้ทีหลังได้
3. ยังไม่เคยมีคำยืนยัน สักครั้งว่า ไทยจะไม่ยอมให้กัมพูชาขีดเส้นผ่ากลางเกาะ มีแต่คำว่าต้องตั้งกรรมการ ต้องรีบตั้งกรรมการ เพราะกัมพูชาเขาเร่ง แล้วตัวเองจะไปเป็นประธาน เฮ้อ ไร้จุดยืนจริง ๆ
4. สิ่งที่จะช่วยให้คนไทยเชื่อใจได้ คือ คำพูดจากปากนายก ว่า จะเดินหน้าเจรจา แต่จะไม่ยอมเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หากกัมพูชายังยืนยันเส้นเดิมที่ผ่ากลางเกาะ หรือแม้ลากเป็นเส้นตรงโดยยึดจุดสูงสุดของเกาะกูด ก็จะไม่เจรจาเรื่องแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ขีดเส้นใหม่ที่เป็นธรรม และถูกต้องตาม กม. ทะเล เมื่อไร เราถึงพร้อมเจรจา กล้าพูดไหม คุณลูกสาว
พูดเองเลยนะ ไม่ต้องหันไปถามคุณภูมิธรรมว่า พูดได้ไหม
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0LgvT4sf89kNXrMnwyLXn9QZTFsh8t1Nv5G7uMU3QscDrR2MWbjTsC3ApzDEwCoK8l
หุ้นไทยปิดรูด 8.22 จุด วอลุ่ม 3.9 หมื่นล้าน กังวลนโยบายทรัมป์-ศก.จีนชะลอตัว
https://siamrath.co.th/n/579707
หุ้นไทยปิดรูด 8.22 จุด วอลุ่ม 3.9 หมื่นล้าน วอลุ่มบาง กังวลนโยบายทรัมป์-ศก.จีนชะลอตัว
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 SET ปิดที่ 1,456.47 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.56%) มูลค่าซื้อขายราว 39,743.10 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงตามภูมิภาค โดยทำจุดต่ำสุด 1,452.81 จุด และจุดสูงสุด 1,465.29 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 144 หลักทรัพย์ ลดลง 381 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 141 หลักรัพย์
นาย
ศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง จากความกังวลหลายปัจจัย ทั้งการดำเนินนโยบายต่างๆ ในอนาคตของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชีย และจีนเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.ออกมาต่ำกว่าการทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดฯ น่าจะแกว่งซึมลงต่อ เนื่องจากนักลงทุนรอการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ (13 พ.ย.67) หากออกมาทรงตัวถึงสูง อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง ให้แนวรับที่ 1,450-1,440 จุด และแนวต้าน 1,467 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,911.93 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 1,707.15 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,343.17 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
WHA มูลค่าการซื้อขาย 1,290.34 ล้านบาท ปิดที่ 5.60 บาท ลดลง 0.40 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,248.79 ล้านบาท ปิดที่ 285.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #ทรัมป์ #SET #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์
โกลด์แมน แซคส์ คาดนโยบายภาษี "ทรัมป์" กระทบตลาดทั่วเอเชียรวม "ไทย"
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/181007/
โกลด์แมน แซคส์ คาดนโยบายภาษี "ทรัมป์" กระทบตลาดทั่วเอเชียรวม "ไทย"
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า ชัยชนะของโ
ดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนอาจไม่ใช่ประเทศเดียวในเอเชียที่เผชิญกับปัญหาดังกล่าว
แอนดริว ทิลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชียแปซิฟิกของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับจีนน้อยลงในสมัยแรกของทรัมป์ แต่กลับขาดดุลการค้ากับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่จัดเก็บจากสินค้านำเข้า แต่ผู้จ่ายคือบริษัทที่นำเข้าสินค้าเข้าสู่สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศผู้ส่งออก ส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทผู้นำเข้าเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น
ทิลตันตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลี ไต้หวัน และโดยเฉพาะเวียดนาม มีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ เกาหลีใต้และไต้หวันได้รับอานิสงส์จากการมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่เวียดนามได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการค้าออกจากจีน
นอกจากนี้ อินเดียและญี่ปุ่นยังมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ โดยโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ดุลการค้าของญี่ปุ่นค่อนข้างคงที่ ขณะที่ดุลการค้าของอินเดียเพิ่มขึ้นปานกลางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สระบุในบทวิเคราะห์ว่า นโยบายการค้าเป็นสิ่งที่ทรัมป์น่าจะเขย่าตลาดเกิดใหม่ในเอเชียได้มากที่สุดในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 นี้ ซึ่งนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์จะส่งผลเสียมากที่สุดต่อเศรษฐกิจแบบเปิดในภูมิภาค โดยไต้หวันมีความเสี่ยงสูงกว่าเกาหลีและสิงคโปร์
ข้อมูลในเอกสารยังระบุอีกว่า เรามองว่าไทยและมาเลเซียจะได้รับผลกระทบในระดับปานกลาง โดยไทยอาจได้รับผลกระทบมากกว่าเล็กน้อย แม้การเก็บภาษีศุลกากรในสมัยแรกของทรัมป์ทำให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง แต่ปริมาณการค้ากลับถูกถ่ายโอนไปยังประเทศที่ 3 แทน
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนคาดว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย หรือเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีการดำเนินมาตรการภาษีศุลกากรหรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้ ว่าที่ปธน.
ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าทุกชนิดในอัตรา 10-20% โดยสินค้าจากจีนจะถูกเก็บเพิ่มอีก 60-100% ซึ่งโกลด์แมนคาดว่า สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมที่อัตราเฉลี่ย 20% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568
JJNY : 5in1 พีมูฟหวั่น 4 พันชุมชนเดือดร้อน│“สมชัย”แซะ“อิ๊งค์”│หุ้นไทยปิดรูด│คาดนโยบาย"ทรัมป์"กระทบ│ไบเดนอัดงบช่วยยูเครน
https://www.matichon.co.th/politics/news_4893218
พีมูฟ-สกน.บุกศาลากลางเชียงใหม่ ยื่นหนังสือจี้นายกฯยุติดันร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ เข้าที่ประชุม ครม. หวั่นกระทบ 4,000 ชุมชนที่อาศัยในป่าอนุรักษ์
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่อาคารอำนวยการ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่ ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (P-Move) พร้อมด้วยสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) เครือข่ายม้ง 54 หมู่บ้าน จ.เชียงใหม่ และเครือข่ายภาคประชาชนกว่า 47 องค์กร เดินทางมายื่นหนังสือเรียกร้องให้ยุติการเดินหน้าร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) โครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ศ. …. และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผ่าน นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากในวันพรุ่งนี้ (12 พฤศจิกายน) จะมีการนำร่างดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุม ครม. แต่เนื่องจากผู้ว่าฯเชียงใหม่ติดภารกิจ จึงมอบหมายให้ นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าฯเชียงใหม่มารับหนังสือแทน
ทั้งนี้ ผู้ชุมนุมในนามเครือข่ายร่วม 47 องค์กร ได้อ่านแถลงการณ์ร่วมขบวนการประชาชนหยุดร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลแพทองธารหยุดผลักดันร่าง พ.ร.ฎ.ป่าอนุรักษ์เข้า ครม.โดยทันที เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้เร่งผลักดันร่างพระราชกฤษฎีกาป่าอนุรักษ์ภายใต้พระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ให้มีผลบังคับใช้ผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งเนื้อหาในร่างพระราชกฤษฎีกาทั้ง 2 ฉบับเต็มไปด้วยการละเมิดสิทธิมนุษยชน เปลี่ยนประชาชนผู้บุกเบิกให้กลายเป็นผู้บุกรุก สอดแทรกแนวทางการยึดที่ดินของประชาชน บีบบังคับจำกัดสิทธิการถือครองที่ดิน และยังรวบอำนาจผูกขาดการจัดการทรัพยากรธรรมชาติไว้ที่หน่วยงานป่าไม้เท่านั้น
แนวทางดังกล่าวเป็นการผลักคนออกจากป่าไม่ต่างจากอดีตที่ผ่านมา จึงขอประณามการกระทำของกระทรวง ทส.และกรมอุทยานฯที่พยายามผลักดันกฎหมายอนุรักษ์อันล้าหลังและอำนาจนิยมมากดขี่ประชาชน โดยไม่สนใจกระแสโลกที่เปลี่ยนไปสู่การกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากรสู่ชุมชนท้องถิ่น แม้ประเทศไทยจะเปลี่ยนผ่านสู่รัฐบาลเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตยแล้วก็ตาม
พร้อมเรียกร้องไปยัง น.ส.แพทองธารและ ครม.ให้แสดงความกล้าหาญปกป้องประชาชนที่อยู่ในป่าอนุรักษ์กว่า 4 พันชุมชนที่กำลังถูกฝ่ายรัฐราชการอำนาจนิยมโดยกรมอุทยานฯกดขี่รังแก โดยวันที่ 12 พฤศจิกายนนี้ รัฐบาลต้องยุติการนำร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พ.ศ. …. และร่างพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 พ.ศ. …. เข้าสู่ที่ประชุม ครม. โดยทันทีอย่างไม่มีเงื่อนไข
หลังยื่นหนังสือ ผู้ชุมนุมได้กดดันให้ผู้ว่าฯเชียงใหม่ส่งหนังสือข้อเรียกร้องของเครือข่ายไปยังรัฐบาลโดยเร็ว แต่เนื่องจากผู้ว่าฯติดภารกิจ จึงดำเนินการตามข้อเรียกร้องล่าช้า ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความไม่พอใจและตั้งแถวเตรียมเข้าไปทวงหนังสือด้านในอาคาร แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็นำหนังสือที่ผู้ว่าฯลงนามแล้วมาแสดง ผู้ชุมนุมจึงพอใจและยุติการเคลื่อนไหว
น.ส.จรัสศรี จันทร์อ้าย กรรมการบริหาร สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ เปิดเผยว่า หาก พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับประกาศใช้จะกระทบกับชุมชนที่อยู่ในป่ากว่า 4 ชุมชนทั่วประเทศ ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา ชุมชนพยายามร่วมมือกับภาครัฐในการแก้ไขปัญหาและดูแลป่าไม้อย่างดี โดยหลังยื่นหนังสือที่ จ.เชียงใหม่ ในวันนี้ แกนนำในเชียงใหม่และภาคเหนือจะเดินทางไปสมทบกับผู้ชุมนุมในกรุงเทพฯ เพื่อแสดงพลังกดดันให้ ครม.ยุติการนำ พ.ร.ฎ.ทั้ง 2 ฉบับเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ต่อไป
“สมชัย” แซะ “นายกฯอิ๊งค์” พูดเองให้ชัดปมMOU44 ไม่ต้องถาม “ภูมิธรรม”
https://siamrath.co.th/n/579686
“สมชัย” แซะ “นายกฯอิ๊งค์” พูดเองให้ชัดปมMOU44 ไม่ต้องถาม “ภูมิธรรม”
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2567 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร นักวิชาการและอดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “ปั่นไปไหน - สมชัย ศรีสุทธิยากร” แสดงความคิดเห็นกรณีนายภูมิธรรม เวชญชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเจรจาผลประโยชน์ทางทะเลในพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนระหว่างไทย-กัมพูชา ดังนี้...
ภูมิธรรม ไม่ใช่บุคคลที่น่าเชื่อถือ
คำพูดว่า รัฐบาลนี้ยึดมั่นประโยชน์ของประเทศในการเจรจาเรื่องเขตแดนและผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยกับกัมพูชา จึงได้รับความคลางแคลงใจจากประชาชน
ยิ่งคุณภูมิธรรม เป็นรองนายกอันดับหนึ่ง เป็นรองที่ดูแลด้านความมั่นคง เป็น รมว.กลาโหม เป็นคนที่ยืนข้างนายกแพรทองธาร เป็นคนที่นายกต้องหันมาถามเวลายืนแถลงข่าว พอกลายเป็นคนไม่น่าเชื่อถือ ยิ่งกระทบโดยตรงต่อรัฐบาล
เหตุที่แกไม่น่าเชื่อ เนื่องจาก
1. คำพูดของคุณภูมิธรรม ชอบลอกคำพูดของคุณทักษิณ เช่น เรื่องเขตแดนอาจพักเจรจาไว้ก่อน ควรรีบขุดเอาน้ำมันและก๊าซขึ้นมาใช้ เพราะต่อไปโลกจะสนใจใช้พลังงานสะอาด น้ำมัน ก๊าซ จะไร้ค่า
2. เมื่อสื่อถามย้ำว่า จะต้องเจรจาเรื่องเขตแดนพร้อมไปกับเจรจาแย่งผลประโยชน์หรือไม่ คุณเธอไม่ตอบย้ำให้เกิดความมั่นใจ แต่ยิ้มแห้ง ๆ ว่าตามนั้น แต่ไม่รู้อะไรจะเสร็จก่อน เหมือนกับจะบอกว่า ไม่จำเป็นต้องเจรจาไปพร้อม ๆ กัน เรื่องเขตแดนเป็นเรื่องยากเอาไว้ทีหลังได้
3. ยังไม่เคยมีคำยืนยัน สักครั้งว่า ไทยจะไม่ยอมให้กัมพูชาขีดเส้นผ่ากลางเกาะ มีแต่คำว่าต้องตั้งกรรมการ ต้องรีบตั้งกรรมการ เพราะกัมพูชาเขาเร่ง แล้วตัวเองจะไปเป็นประธาน เฮ้อ ไร้จุดยืนจริง ๆ
4. สิ่งที่จะช่วยให้คนไทยเชื่อใจได้ คือ คำพูดจากปากนายก ว่า จะเดินหน้าเจรจา แต่จะไม่ยอมเจรจาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน หากกัมพูชายังยืนยันเส้นเดิมที่ผ่ากลางเกาะ หรือแม้ลากเป็นเส้นตรงโดยยึดจุดสูงสุดของเกาะกูด ก็จะไม่เจรจาเรื่องแบ่งผลประโยชน์ทางทะเล ขีดเส้นใหม่ที่เป็นธรรม และถูกต้องตาม กม. ทะเล เมื่อไร เราถึงพร้อมเจรจา กล้าพูดไหม คุณลูกสาว
พูดเองเลยนะ ไม่ต้องหันไปถามคุณภูมิธรรมว่า พูดได้ไหม
https://www.facebook.com/somchaivision/posts/pfbid0LgvT4sf89kNXrMnwyLXn9QZTFsh8t1Nv5G7uMU3QscDrR2MWbjTsC3ApzDEwCoK8l
หุ้นไทยปิดรูด 8.22 จุด วอลุ่ม 3.9 หมื่นล้าน กังวลนโยบายทรัมป์-ศก.จีนชะลอตัว
https://siamrath.co.th/n/579707
หุ้นไทยปิดรูด 8.22 จุด วอลุ่ม 3.9 หมื่นล้าน วอลุ่มบาง กังวลนโยบายทรัมป์-ศก.จีนชะลอตัว
เมื่อวันที่ 11 พ.ย.67 SET ปิดที่ 1,456.47 จุด ลดลง 8.22 จุด (-0.56%) มูลค่าซื้อขายราว 39,743.10 ล้านบาท การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับตัวลงตามภูมิภาค โดยทำจุดต่ำสุด 1,452.81 จุด และจุดสูงสุด 1,465.29 จุด ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้เพิ่มขึ้น 144 หลักทรัพย์ ลดลง 381 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 141 หลักรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชีย ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง จากความกังวลหลายปัจจัย ทั้งการดำเนินนโยบายต่างๆ ในอนาคตของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อาจกระทบต่อเศรษฐกิจเอเชีย และจีนเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือนต.ค.ออกมาต่ำกว่าการทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน
แนวโน้มวันพรุ่งนี้คาดตลาดฯ น่าจะแกว่งซึมลงต่อ เนื่องจากนักลงทุนรอการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในวันพุธนี้ (13 พ.ย.67) หากออกมาทรงตัวถึงสูง อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดดอกเบี้ยน้อยลง ให้แนวรับที่ 1,450-1,440 จุด และแนวต้าน 1,467 จุด
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,911.93 ล้านบาท ปิดที่ 157.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
BH มูลค่าการซื้อขาย 1,707.15 ล้านบาท ปิดที่ 225.00 บาท ลดลง 6.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 1,343.17 ล้านบาท ปิดที่ 63.25 บาท ลดลง 0.75 บาท
WHA มูลค่าการซื้อขาย 1,290.34 ล้านบาท ปิดที่ 5.60 บาท ลดลง 0.40 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,248.79 ล้านบาท ปิดที่ 285.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
#หุ้นไทย #ข่าววันนี้ #ทรัมป์ #SET #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์
โกลด์แมน แซคส์ คาดนโยบายภาษี "ทรัมป์" กระทบตลาดทั่วเอเชียรวม "ไทย"
https://www.tnnthailand.com/news/wealth/181007/
โกลด์แมน แซคส์ คาดนโยบายภาษี "ทรัมป์" กระทบตลาดทั่วเอเชียรวม "ไทย"
โกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) ระบุว่า ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จีนอาจไม่ใช่ประเทศเดียวในเอเชียที่เผชิญกับปัญหาดังกล่าว
แอนดริว ทิลตัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำเอเชียแปซิฟิกของโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า แม้ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ จะขาดดุลการค้ากับจีนน้อยลงในสมัยแรกของทรัมป์ แต่กลับขาดดุลการค้ากับประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ ในเอเชียเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งอาจนำไปสู่การตรวจสอบที่เข้มงวดขึ้น
สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า ภาษีศุลกากรเป็นภาษีที่จัดเก็บจากสินค้านำเข้า แต่ผู้จ่ายคือบริษัทที่นำเข้าสินค้าเข้าสู่สหรัฐฯ ไม่ใช่ประเทศผู้ส่งออก ส่งผลให้ต้นทุนของบริษัทผู้นำเข้าเหล่านี้เพิ่มสูงขึ้น
ทิลตันตั้งข้อสังเกตว่า เกาหลี ไต้หวัน และโดยเฉพาะเวียดนาม มีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับสหรัฐฯ เกาหลีใต้และไต้หวันได้รับอานิสงส์จากการมีบทบาทสำคัญในห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ ขณะที่เวียดนามได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการค้าออกจากจีน
นอกจากนี้ อินเดียและญี่ปุ่นยังมีดุลการค้าเกินดุลกับสหรัฐฯ โดยโกลด์แมน แซคส์ระบุว่า ดุลการค้าของญี่ปุ่นค่อนข้างคงที่ ขณะที่ดุลการค้าของอินเดียเพิ่มขึ้นปานกลางในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
นักวิเคราะห์จากธนาคารบาร์เคลย์สระบุในบทวิเคราะห์ว่า นโยบายการค้าเป็นสิ่งที่ทรัมป์น่าจะเขย่าตลาดเกิดใหม่ในเอเชียได้มากที่สุดในการดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ สมัยที่ 2 นี้ ซึ่งนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์จะส่งผลเสียมากที่สุดต่อเศรษฐกิจแบบเปิดในภูมิภาค โดยไต้หวันมีความเสี่ยงสูงกว่าเกาหลีและสิงคโปร์
ข้อมูลในเอกสารยังระบุอีกว่า เรามองว่าไทยและมาเลเซียจะได้รับผลกระทบในระดับปานกลาง โดยไทยอาจได้รับผลกระทบมากกว่าเล็กน้อย แม้การเก็บภาษีศุลกากรในสมัยแรกของทรัมป์ทำให้การค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนลดลง แต่ปริมาณการค้ากลับถูกถ่ายโอนไปยังประเทศที่ 3 แทน
อย่างไรก็ตาม โกลด์แมนคาดว่าจะมีการย้ายฐานการผลิตบางส่วนออกจากจีนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะไปยังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อินเดีย หรือเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีการดำเนินมาตรการภาษีศุลกากรหรือไม่ก็ตาม
ทั้งนี้ ว่าที่ปธน.ทรัมป์ประกาศจะเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าทุกชนิดในอัตรา 10-20% โดยสินค้าจากจีนจะถูกเก็บเพิ่มอีก 60-100% ซึ่งโกลด์แมนคาดว่า สหรัฐฯ จะเริ่มเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่มเติมที่อัตราเฉลี่ย 20% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568