เดือดแน่! อภิปรายม.152 ฝ่ายค้าน ขู่แฉความบกพร่อง-ไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7442207

สมคิด ชี้ฝ่ายค้านกำลังสรุปเนื้อหาอภิปรายมาตรา 152 พุ่งเป้าขยี้ความบกพร่อง-ความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล คาดเปิดเวทีเชือดหลังตรุษจีน
 
เมื่อวันที่ 2 ม.ค.2566 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงความคืบหน้าในการเตรียมเนื้อหาอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า คาดว่าจะได้อภิปรายหลังตรุษจีน ซึ่งพรรคร่วมฝ่ายค้านแต่ละพรรคก็เตรียมตัวเตรียมเนื้อหาไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้พูดคุยในรายละเอียด คาดว่าจะมีการประชุมกันอีกครั้งว่าจะว่าอภิปรายเนื้อหาส่วนใดบ้าง
  
ขณะที่พรรคเพื่อไทย ได้เตรียมความพร้อมไว้แล้วในภาพรวมกว้างแล้วค่อยแยกประเด็นออกมา แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนในรายละเอียด เพราะยังมีเวลาอีก 3-4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การอภิปรายครั้งนี้ จะชี้ให้เห็นถึงความบกพร่องและความไม่ชอบมาพากลของรัฐบาล พร้อมเสนอในเรื่องที่ดี เรื่องใดที่ควรจะทำ และเรื่องที่รัฐบาลไม่ได้ทำ

---

ฝ่ายค้านเริ่มแล้ว ‘โรม’ ผิดหวังกับ รบ. ทุ่ม 33 ล้านเปลี่ยนป้ายสถานีกลางบางซื่อ คนสะดวกขึ้น?
https://www.matichon.co.th/politics/news_3753904
 
‘โรม’ ผิดหวัง รบ.ใช้เงินภาษี ปชช.ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หลังทุ่ม 33 ล้านเปลี่ยนป้าย ‘สถานีกลางบางซื่อ’ ถามจำเป็น-ทำให้คนใช้บริการสะดวกขึ้นหรือไม่
 
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ในการก่อสร้างโครงการปรับปรุงป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ และตราสัญลักษณ์ของการรถไฟแห่งประเทศไทย มูลค่าโครงการ 33,169,726.39 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ว่าคิดว่าจริงๆ แล้วการมีสถานีต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกผู้คนถือเป็นเรื่องที่ดี และป้ายสถานีก็ควรจะทำให้คนที่ต้องใช้บริการสามารถเข้าถึงและใช้บริการได้ง่าย
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า เหมือนกับเวลาเราไปต่างประเทศจะพบว่าในประเทศที่เจริญแล้วหลายประเทศ สถานีต่างๆ ของเขาไม่ได้มีความซับซ้อน ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับพื้นที่ในบริเวณนั้นๆ ซึ่งอย่างที่เราทราบว่าบริเวณสถานีกลางบางซื่อ แถวนั้นเขาก็เรียกสถานีกลางบางซื่อทั้งหมด ทุกคนเข้าใจว่าตรงนั้นคือสถานีกลางบางซื่อ

“แต่พอจะมีการเปลี่ยนชื่อ คำถามแรกเลยคือจะเข้าใจกว่าเดิมหรือไม่ จะช่วยให้ทั้งคนไทยและคนต่างชาติที่จะมาใช้บริการสามารถใช้งานตรงนี้ได้หรือไม่ ส่วนตัวผมคิดว่าไม่น่าจะง่ายขึ้น และผมคิดว่าประเทศเราหากเทียบกับงบประมาณแผ่นดินต่อปี ป้ายนี้มีมูลค่าไม่เยอะ แต่คำถามสำคัญคือมันมีความจำเป็นหรือไม่ที่เราจะต้องใข้เงินในการเปลี่ยนป้าย หรือเปลี่ยนชื่อ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้คนมีความสะดวกมากขึ้น เผลอๆ ลำบากมากขึ้น
 
“และผมไม่รู้ว่ามันอาจจะมีป้ายที่เกี่ยวข้องตามมาหรือไม่ เราอาจจะต้องใช้เงินเพิ่มเติมในการทำให้เกิดความเข้าใจตรงกันว่านี่คือสถานีชื่อนี้ โดยในส่วนนี้ผมคิดว่ามันจะยิ่งเป็นภาระกับเงินภาษีของประชาชนโดยไม่จำเป็น” นายรังสิมันต์กล่าว
 
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ถามตนว่าเงิน จำนวน 33 ล้านบาท แพงไปหรือไม่ ส่วนตัวแล้วไม่ทราบเพราะไม่ได้เป็นคนที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับป้ายเช่นนี้มาก่อน แต่เงิน จำนวน 33 ล้านบาท สำหรับตนคือการใช้เงินไม่เป็น ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลนี้ใช้เงินภาษีของประชาชนในหลายๆ โครงการที่เปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาวะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว เราควรใช้เงินภาษีของประชาชนในเรื่องที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้หรือไม่ ส่วนตัวตนค่อนข้างผิดหวังที่รัฐบาลใช้เงินแบบตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ
 

---

‘ณัฐชา’ ไล่ ‘2 ลุง’ ตกลงกัน ชิงฐานมวลชนจากไหน เย้ย ‘ประยุทธ์’ หวังกลับมาใหม่ ฝันลมๆ แล้งๆ
https://www.matichon.co.th/politics/news_3753661

‘ณัฐชา’ ไล่ ‘2 ลุง ป้อม-ตู่’ ไปตกลงกันให้ดีจะชิงฐานมวลชนจากไหน อัดแค่บริหารกองทัพยังล้มเหลวซ้ำๆ เย้ยได้กลับมาใหม่เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ ของนายกฯใกล้หมดอายุ แต่เสพติดอำนาจ บอกอาจยุบสภาก่อนครบวาระแค่ 1 สัปดาห์
 
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ระบุว่า พรรค พปชร.จะได้ ส.ส.เกิน 100 คน สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ว่า ตอนนี้ระหว่างพรรค พปชร.กับพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ยังไม่นิ่งว่าใครจะเป็นพรรคที่ได้คะแนนเสียงเกิน 25 เสียง และใครจะเป็นพรรคที่ได้ไม่เกิน 25 เสียง จึงเป็นเรื่องที่สองพรรคนี้จะแย่งชิงกันเอง ส่วนที่จะได้เกิน 100 คน หรือต่ำกว่านั้น ตนคิดว่าไม่ต้องมาบอกประชาชน แต่ไปตกลงกันให้ดีว่าระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะแย่งชิงฐานมวลชนกันจากตรงไหนมากกว่ากัน
 
เมื่อถามว่า มองว่าพรรค พปชร.กับพรรค รทสช.หากจับมือกันจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือความนิยมเสื่อมลงแล้ว นายณัฐชากล่าวว่า คิดว่าผลงานตลอด 8 ปีเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าไม่ได้มีผลงานอะไรที่เข้าตาประชาชน และซ้ำร้ายยังทำร้ายประชาชน ขนาดบ้านของทั้งสองลุงที่บริหารจัดการมา 8 ปี มีอำนาจล้นมือแต่ก็ยังไม่สามารถทำให้ดีได้ มีข่าวฉาว มีข่าวทุจริตคอร์รัปชั่น บริหารผิดพลาดต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้กี่ครั้ง นี่คือการบริหารบ้านของเขาเองภายใต้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ควบตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพ่วงอดีต ผบ.ทบ.ทั้ง 2 คน
 
นายณัฐชากล่าวต่อว่า ฉะนั้น แค่ท่านบริหารบ้านท่านยังหนักขนาดนี้ ไม่ต้องไปถามเลยว่าผลงานที่ผ่านมาที่บริหารประเทศมาจะหนักขนาดไหน คิดว่าพี่น้องประชาชนพิสูจน์แล้ว และเชื่อว่าช่วงเวลาปีใหม่ที่ประชาชนกลับบ้าน ไม่ว่าจะเอาความรู้สึกของคนกรุงเทพฯไปสู่ต่างจังหวัด หรือเอาความรู้สึกของคนต่างจังหวัดกลับมาสู่กรุงเทพฯ ก็ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารัฐบาลบริหารล้มเหลวอย่างร้ายแรงมากๆ ตลอด 8 ปีที่มีอำนาจล้นฟ้าแต่ก็ไม่สามารถนำความนิยมมาได้ แม้แต่พื้นที่ภาคใต้ที่เป็นบ้านของเขาที่มี ส.ส.พรรค พปชร.เอง ตอนนี้ก็มีเสียงสะท้อนจากพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก
 
ถามต่อว่า มองว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ พล.อ.ประยุทธ์จะสามารถกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกครั้ง เนื่องจากยังมีเรื่องของอำนาจ ส.ว.ที่ยังสามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้ นายณัฐชากล่าวว่า คิดว่าเป็นความพยายามลมๆ แล้งๆ ของนายกรัฐมนตรีใกล้หมดอายุ ตัวเองใกล้หมดอายุอยู่แล้ว แต่ก็ยังมีความฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะไปต่อ ซึ่งนี่เป็นบทพิสูจน์ของการเสพติดอำนาจ สะท้อนของการที่มีคนบอกว่าท่านเสพติดอำนาจ และต้องการอยู่ในอำนาจต่อ ซึ่งท่านก็ปฏิเสธมาตลอด แต่การที่ท่านใกล้หมดอายุและอยากไปต่อก็เป็นเครื่องยืนยันและการันตีว่าที่ประชาชนพูดมาตั้งแต่แรกๆ นั้นเป็นความจริง
 
เมื่อถามว่า ประเมินว่า พล.อ.ประยุทธ์จะยุบสภาในช่วงใด หรือจะอยู่จบครบวาระสภา นายณัฐชากล่าวว่า ตนคิดว่าก่อนหน้านี้อาจจะมีความคิดที่ท่านจะยุบสภาก่อนหลายเดือน แต่เมื่อถึงวันนี้ท่านได้เช็กความนิยมของตนเองแล้วว่าไปไม่รอด สถานการณ์การเมืองที่ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังใหม่ ซึ่งแค่เริ่มต้นก็ทุลักทุเลแล้ว คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์อาจต้องการอยู่ในอำนาจให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ เนื่องจากไม่ทราบว่ารอบหน้าจะได้กลับมาอีกหรือไม่ และไม่รู้ว่าลงจากหลังเสือแล้วจะถูกเช็กบิลมากน้อยแค่ไหน
 
นายณัฐชากล่าวว่า ฉะนั้น ช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์จึงจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ทั้งหมดปูทางอนาคตของตนเอง และอยู่ในอำนาจต่อเท่าที่อยู่ได้ ทั้งนี้ คิดว่าอาจจะมีการยุบสภาก่อนครบวาระอย่างมากประมาณ 1-2 สัปดาห์เท่านั้น

---

ผวา โอมิครอน XBB.1.5 หลบหลีกภูมิสูงขึ้น กำลังระบาดในสหรัฐฯ UK
https://www.thairath.co.th/news/foreign/2592905 

นักวิทย์จับตา โอมิครอน XBB.1.5 น้องใหม่ที่กลายพันธุ์จนหลบหลีกภูมิต้านทานในร่างกายมนุษย์ได้สูงขึ้น และติดเชื้อง่ายขึ้น กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร
 
เมื่อ 2 ม.ค. 2566 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ และอังกฤษ กำลังเฝ้าติดตามเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ที่กลายเป็นเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่กำลังระบาดอย่างรวดเร็วในสหรัฐอเมริกา โดยนักวิทยาศาสตร์พบว่าโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันได้สูงขึ้น และดูเหมือนจะสามารถจับกับเซลล์ร่างกายมนุษย์ได้ดีกว่าเชื้อโอมิครอน สายพันธุ์ย่อยในตระกูล XBB ทั้งหมด
 
ตามรายงานของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า ขณะนี้ในจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในสหรัฐฯ พบว่าติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 ถึงประมาณ 41% ซึ่งเพิ่มขึ้นสองเท่าเมื่อเทียบกับช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่พบผู้ติดเชื้อโอมิครอน XBB.1.5 ราว 21.7%

ส่วนที่ สหราชอาณาจักร มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อโควิดโอมิครอน สายพันธุ์ย่อย XBB.1.5 แล้ว 1 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 คน จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญเตือนด้วยความกังวลว่า XBB.1.5 อาจทำให้เกิดวิกฤติผู้ป่วยจำนวนมากกับสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติสหราชอาณาจักรอีกครั้ง
 
ทั้งนี้ บรรดานักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในสหรัฐฯ ได้จับตาโอมิครอนตระกูล XBB อย่างใกล้ชิดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา หลังจากพบครั้งแรกในอินเดียเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2565 เนื่องจากเป็นเชื้อโควิดที่มีการกลายพันธุ์จำนวนมาก จนสามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน และสามารถทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายมากขึ้น.

ที่มา : cnbc, Dailymail