JJNY : 5in1 ‘พิธา’ขอบคุณ│เศรษฐา ลั่นไม่ท้อ│สธ.ชี้ XBB.1.16 แพร่สูง│กรุงเทพฯ สงกรานต์กลางฝุ่น│อียูคว่ำบาตรกลุ่มแวกเนอร์

‘พิธา’ ขอบคุณเทคะแนนโหวตนายกฯ ย้ำชัยชนะ ‘ก้าวไกล’ กำหนดโฉมหน้ารัฐบาลชุดต่อไป
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7613930
 
 
‘พิธา’ ขอบคุณประชาชนเทคะแนนโหวตนายกฯ คนต่อไป สะท้อนคนไทยพอแล้วกับการเมืองแบบเดิม พร้อมลุยงานหนักโค้งสุดท้าย ย้ำชัยชนะ ‘ก้าวไกล’ กำหนดโฉมหน้ารัฐบาลชุดต่อไป
 
15 เม.ย. 66 – นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีประชาชนโหวตให้เป็นอันดับ 1 คนที่จะเลือกให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้ง 2566 จากผลโพลของสำนักข่าวมติชนที่ร่วมกับสำนักข่าวเดลินิวส์

ซึ่งสำรวจกลุ่มตัวอย่างผ่านช่องทางออนไลน์จำนวน 84,076 ราย กระจายทุกภูมิภาค ทุกระดับอายุ อาชีพ การศึกษา และรายได้ และเป็นการโหวตแบบไม่ซ้ำไอพีแอดเดรส (IP Address) ระหว่างวันที่ 8-14 เม.ย 2566 ที่ผ่านมา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
  
นายพิธากล่าวว่า ต้องขอขอบคุณประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้นเรื่อยๆ คะแนนจากโพลนี้สอดคล้องกับสิ่งที่เราสัมผัสได้ในทุกจังหวัดที่เดินทางไป และสอดคล้องกับตัวเลขในทางออนไลน์ ที่ประชาชนแสดงออกว่า สนับสนุนพรรคก้าวไกลมากขึ้น ยิ่งกว่าสมัยอดีตพรรคอนาคตใหม่ในปี 2562  อย่างเห็นได้ชัด ทั้งอยากเห็นตนเป็นนายกฯ อยากได้ ส.ส. เขตแบบก้าวไกลมาทำงานรับใช้ประชาชน และในภาพใหญ่ คืออยากให้คนบริหารประเทศเป็นคนแบบก้าวไกล
 
เสียงสนับสนุนที่เราได้รับ สะท้อนให้เห็นว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา เราพิสูจน์การทำงานให้ประชาชนเห็นแล้วว่า ส.ส. พรรคก้าวไกล ทำงานได้โดดเด่นและแตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่เคยมีมาอย่างไร จนได้รับคำชมว่า ก้าวไกลทำงานตรงไปตรงมา ทำงานคุ้มค่า และมุ่งแก้ปัญหาที่ต้นตอ
  
สิ่งที่สำคัญที่สุด เสียงสนับสนุนที่ก้าวไกลได้รับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สะท้อนว่าคนไทยไม่ต้องการวนเวียนอยู่กับการเมืองแบบเดิมๆ อีกแล้ว เพราะนักการเมืองแบบเดิมๆ วิธีคิดและวิธีการทำงานการเมืองแบบเดิม ไม่สามารถตอบโจทย์ของสังคมไทยยุคใหม่ได้ ประชาชนจึงต้องการพรรคก้าวไกลมาทำในสิ่งที่นักการเมืองในอดีตทำไม่ได้” นายพิธากล่าว
 
นายพิธากล่าวทิ้งท้ายว่า ในช่วง 30 วันสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง พวกเราพรรคก้าวไกลต้องทำงานให้หนักมากขึ้น ทั้งเปิดเวทีปราศรัยทั่วประเทศ ทั้งสื่อสารทางออนไลน์และผ่านสื่อมวลชน ทั้งเดินเคาะประตูบ้าน เพื่อเข้าหาพี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด
 
เพราะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ชัยชนะของพรรคก้าวไกล จะเป็นปัจจัยชี้ขาดโฉมหน้าของรัฐบาลชุดต่อไป ว่าจะน่าไว้วางใจแค่ไหน และจะมีพรรคทหารจำแลงร่วมรัฐบาลด้วยหรือไม่


 
เศรษฐา ทวีสิน เปิดใจ หลังโพล มติชนxเดลินิวส์ มาเป็นอันดับ 3 ลั่นไม่ท้อ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7613855
 
จาก​ผลโหวตโพล ” มติชน x เดลินิวส์ โพลเลือกตั้ง ’66 ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 8-14 เมษายน 2566 ข้อมูลจากกลุ่มตัวอย่าง 84,076 ราย กับ 2 ข้อคำถาม “สนับสนุนใครเป็นนายกฯ” และ “สนับสนุนพรรคการเมืองใด”
 
​คำถามที่ 1 ท่านจะสนับสนุนใครเป็นนายกรัฐมนตรี ในการเลือกตั้ง ​อันดับ 1 คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ร้อยละ 29.42, อันดับ 2 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 23.23, อันดับ 3 นายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย ร้อยละ 16.69, อันดับ 4 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 13.72 นั้น อ่านอันดับทั้งหมดที่นี่คลิก
  
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ กล่าวถึง​โพลของมติชน–เดลินิวส์รอบแรก ระบุว่าพรรคที่ได้ที่ 1 คือพรรค พท. ส่วนบุคคลที่อยากให้เป็นนายกฯ คือนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้ที่ 1 ส่วนน.ส.แพทองธาร ชินวัตร แคนดิเดตนายกฯ พรรค เพื่อไทย ได้ที่ 2 และนายเศรษฐาได้ที่ 3 นายเศรษฐา กล่าวว่า หลักการเดียวกันกับที่ตนตอบเรื่องซูเปอร์โพล ถ้าอะไรออกมาไม่ดีเราก็พร้อมรับฟัง แม้จะออกมาดีแต่เราก็พร้อมรับฟังเหมือนเดิม ไม่ได้เปลี่ยนวิธีการทำงานของเรา พรรค​เพื่อไทย เอาประชาชนเป็นหลัก เอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง
 
เมื่อถามต่อว่ามองอย่างไรกับผลโพลที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้ลำดับรั้งท้ายต่อจากพรรคฝ่ายประชาธิปไตย นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนยังมั่นใจอยู่ว่าอย่างไรก็ตามเสียงฝ่ายประชาธิปไตย โดยเฉพาะพรรค เพื่อไทย เรามั่นใจในนโยบายของเรา เรามั่นใจในผู้สมัครเราว่าเรามีดี และน่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน
 
เมื่อถามว่าผลโพลที่ออกมาหลายสำนักจะเห็นว่าพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล สลับกันตลอด มองว่าพรรคก้าวไกล​เป็นคู่แข่งที่น่ากลัวสำหรับเราหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่ได้มองพรรคอื่นเป็นคู่แข่ง ตนพูดเสมอว่าคู่แข่งของตน คือความลำบาก ยากจน ความไม่เท่าเทียมในสังคม เราต้องแย่งกันที่จะขยายผลเรื่องนโยบาย ส่วนในพื้นที่เมืองที่พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย ไล่กันมา เราก็คงไม่แก้อะไร เพราะเราพูดในนโยบายที่เราอยากจะทำ อาจจะมีการเน้นบางนโยบายมากขึ้น
 
เมื่อถามว่าล่าสุดมีซูเปอร์โพลระบุว่าพรรคเพื่อไทยจะไม่แลนด์สไลด์ ได้ไม่ถึง 200 ที่นั่ง นายเศรษฐา กล่าวว่า ก็รับฟังความคิดเห็น ไม่ได้เป็นอะไรที่บั่นทอน ตนก็ยังเดินหน้าปราศรัย พบปะพี่น้องประชาชน รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ยังทำงานหนักต่อไป จะมา 160 180 280 เสียง ก็ไม่ทำให้เราย่อท้อ ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ทำงานต่อ



สธ. ชี้ โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 มีสมรรถนะการแพร่สูงกว่าตัวอื่น วอนฉีดเข็มกระตุ้น
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7613907

สธ. ชี้ โควิดสายพันธุ์ใหม่ XBB.1.16 มีสมรรถนะการแพร่สูงกว่าตัวอื่น วอนฉีดเข็มกระตุ้น คาดหลังสงกรานต์จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมากขึ้น
15 เม.ย. 2566 – นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรววงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์โควิด-19 หลังสงกรานต์
  
นพ.โสภณ กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้คาดการณ์ไว้แล้วว่า หลังสงกรานต์จะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดมากขึ้น แต่ด้วยการฉีดวัคซีนโควิดก็ทำให้อาการน้อย เท่าที่รับรายงานตาม รพ. มีเคสผู้ป่วยโควิด เข้ามารักษาเพิ่มขึ้น แต่อาการไม่รุนแรง เมื่อซักประวัติส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนมาแล้ว และบางคนก็เคยติดเชื้อมาแล้ว ทำให้ยังมีภูมิคุ้มกันอาการจึงไม่หนัก
 
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าน่าจะเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนมากขึ้นแน่นอน คาดว่าจะมากกว่าช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
 
ข้อแนะนำหลังสงกรานต์ให้เฝ้าระวังสังเกตอาการตัวเองภายใน 7 วัน หากเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ มีน้ำมูก คั่นเนื้อคั่นตัว ให้ตรวจ ATK หากผลเป็นบวกก็ให้ปรึกษาแพทย์รักษาตามสิทธิ ไม่แนะนำตรวจ ATK ในขณะที่ยังไม่มีอาการ
 
นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีที่นักวิชาการระบุถึงสายพันธุ์โควิดลูกผสม XBB.1.16 ที่ขณะนี้มีการแพร่มากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะที่อินเดีย พบมีสมรรถนะการแพร่ที่สูงขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่น ทั้งยังดื้อต่อภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติและภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีน
 
XBB.1.16 ยังเป็นลูกหลานจากตระกูลโอมิครอน ไม่เหมือนสายพันธุ์ในอดีต ที่เป็นตัวต้นตระกูลที่กลายพันธุ์ ทั้งอู่ฮั่น อัลฟ่า เบต้า เดลต้า ดังนั้น วัคซีนที่ฉีดยังป้องกันการป่วยหนักได้แน่นอน แม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ 100 % จึงได้รณรงค์เน้นย้ำให้ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อรัง


 
กรุงเทพฯ สงกรานต์กลางฝุ่น เกินมาตรฐาน 35 พื้นที่ ระดับสีส้ม ‘เริ่มกระทบสุขภาพ’
https://www.matichon.co.th/local/news_3927970

เมื่อวันที่ 15 เมษายน ศูนย์ข้อมูลคุณภาพอากาศกรุงเทพมหานครขอสรุปผลการตรวจวัด PM2.5 ระหว่างเวลา 09.00-11.00 น. ว่า ตรวจวัดได้ 41-76 มคก./ลบ.ม. ค่าเฉลี่ยของกรุงเทพมหานคร 52.0 มคก./ลบ.ม.

ค่า PM2.5 มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ จำนวน 35 พื้นที่ ได้แก่ 

1.เขตสัมพันธวงศ์ 2.เขตวังทองหลาง 3.เขตปทุมวัน 4.เขตบางรัก 5.เขตบางคอแหลม 6.เขตยานนาวา 7.เขตจตุจักร 8.เขตลาดกระบัง 9.เขตคลองสาน 10.เขตบางกอกน้อย
 
11.เขตภาษีเจริญ 12.เขตบางเขน 13.เขตบางพลัด 14.เขตบางขุนเทียน 15.เขตพระนคร 16.เขตสาทร 17.เขตคลองเตย 18.เขตบางซื่อ 19.เขตหลักสี่ 20.เขตบึงกุ่ม

21.เขตคลองสามวา 22.เขตจอมทอง 23.เขตบางกอกใหญ่ 24.เขตตลิ่งชัน 25.เขตทวีวัฒนา 26.เขตหนองแขม 27.เขตบางบอน 28.เขตบางนา 29.เขตคันนายาว 30.เขตมีนบุรี
 
31.เขตประเวศ 32.เขตสายไหม 33.สวนเสรีไทย 34.สวนทวีวนารมย์ 35.สวน 60 พรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่