JJNY : ใช้สูตรหาร100 ไม่ขัดรธน.| ศาลสั่งคุก‘ปารีณา’หมิ่น‘ครูใหญ่’ |“ธนาธร”โวยถูกเล่นงาน| “กวางโจว”เดือด! ม็อบต้านซีโร่

ด่วน! ศาลรธน.มีมติเอกฉันท์ กม.เลือกตั้งส.ส. ใช้สูตรหาร 100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7391428
 
ด่วน! ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ สูตรหาร 100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มีมติเสียงข้างมาก ชี้มาตรา 25 และ26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งรธน.
 
เมื่อวันที่ 30 พ.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เผยแพร่เอกสารข่าวว่า ที่ประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาวินิจฉัยกรณีที่ประธานรัฐสภา ส่งความเห็นของส.ส.และส.ว. ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 148 วรรคหนึ่ง(1) ประกอบมาตรา 132 ว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับทมี่) พ.ศ. มาตรา 25 และมาตรา 26 มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 หรือไม่
 
โดยศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาใน 2 ประเด็น ประเด็นแรก เป็นเรื่องเกี่ยวกับเนื้อหาในร่าง ให้วินิจฉัยว่า มาตรา 25 และมาตรา 26 ของร่าง พ.ร.ป. เลือกตั้ง ขัดกับบทบัญญัติของศาลรัฐธรรมนูญมาตราที่ 93 และ 94 หรือไม่
 
ประเด็นที่สอง คือกระบวนการตราร่างกฎหมาย ถูกต้องตามที่รัฐธรรมนูญ กำหนดหรือไม่ เพราะสภาพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวไม่ทัน ตามกรอบเวลา 180 วัน หลัง ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล พลิกแนวทางการสนับสนุนสูตรคำนวณ ส.ส. จากหาร 100 ไปหาร 500 สุดท้ายมาจบลงที่หาร 100 เพราะพิจารณาไม่ทัน ต้องกลับไปใช้ร่างที่ ครม. เสนอ
  
ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่) พ.ศ. ตราขึ้นโดยถูฏต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 132 และ ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 25 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 และมีมติโดยเสียงข้างมาก (7ต่อ2) วินิจฉัยว่า ร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 26 ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94
 

 
ศาลขอนแก่นสั่งคุก 16 เดือน ปรับ 8 หมื่น ‘ปารีณา’ หมิ่นประมาท ‘ครูใหญ่’ รอลงอาญา 2 ปี
https://www.matichon.co.th/politics/news_3701956  

ศาลขอนแก่นจำคุก ‘ปารีณา’ 16 เดือน ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 80,000 บาท พร้อมจ่ายสินไหมทดแทน 100,000 บาท ฐานหมิ่นประมาท ‘ครูใหญ่’ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที เหตุเกิดเมื่อปี 63
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 30 พฤศจิกายน ศาลจังหวัดขอนแก่นนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ อ.998/63 ระหว่างโจทก์คือ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที กับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
 
จากการที่ น.ส.ปารีณาโพสต์ภาพขณะเข้าแจ้งความที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “วันนี้มาดำเนินคดีครูใหญ่ หรือนายอรรถพล บัวพัฒน์ ยั่วยุ ปลุกปั่น และอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ ตามมาตรา 112 พร้อมติดแฮชแท็ก #ไม่ยกเลิก112 #การอาฆาตมาดร้ายคือผิดกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปารีณาเดินทางมาพร้อมนายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ  และทนายความ ทันทีที่เดินมางมาถึงได้เข้ารายงานตัวต่อศาลที่ห้องพิจารณาคดี 3 ทันที ขณะที่โจทก์มีเพียงทนายความเดินทางมารับฟังคำพิพากษาของศาลเท่านั้น
 
ศาลใช้เวลาอ่านคำพิพากษาประมาณ 1 ชม. ก่อนที่ทนายความจำเลยจะพา น.ส.ปารีณาและนายสิระเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนแต่อย่างใด
 
นายสิระบอกเพียงว่า เดินทางมาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณาเท่านั้น
 
นายอรรถพลกล่าวว่า ศาลขอนแก่นมีคำพิพากษา ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา 2 กระทง เนื่องจาก น.ส.ปารีณาโพสต์ข้อมความ 2 ครั้ง ตัดสินจำคุกกระทงละ 8 เดือน ผิด 2 ครั้ง รวม 16 เดือน โดยโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี พร้อมมีคำสั่งปรับ 80,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทน 100,000 บาท และดอกเบี้ย จ่ายค่าธรรมเนียมศาล และค่าทนาย 20,000 บาท พร้อมมีคำสั่งให้ลงประกาศขอโทษในหนังสือพิมพ์รายวัน 2 ฉบับ เป็นเวลาติดต่อกัน 3 วัน
 
ผมเคารพและน้อมรับคำตัดสินของศาล เพราะจำเลยกระทำผิดชัดเจน หากจำเลยขอยื่นอุทธรณ์ก็สามารถกระทำได้ตามกระบวนการต่อสู้ในศาล ในฐานะที่ถูกกระทำก็ขอให้เป็นสิทธิที่ผมควรจะได้ ซึ่งหากจะยื่นอุทธรณ์จริงขอให้ศาลท่านได้พิจารณาในเรื่องการลงประกาศในหนังสือพิมพ์ให้นานกว่านี้ เพราะผมถูกกระทำเป็นการสร้างความเสื่อมเสียชื่อเสียงให้กับผมอย่างมาก” นายอรรถพลกล่าว


 
“ธนาธร” โวยถูก “ผู้มีอำนาจ” เล่นงาน ฟ้อง ม.116 พร้อมสู้คดี สู้ทุกกติกาเลือกตั้ง เมิน “2ป.” แยกกันเดิน
https://siamrath.co.th/n/403705
 
วันที่ 30 พ.ย. 65 ที่รัฐสภา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กรณีอัยการสูงสุดมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีถือหุ้นสื่อ ว่า เรายืนยันความบริสุทธิ์ใจ พร้อมต่อสู้คดี ถือว่าอัยการฯได้มีคำตัดสินมาแล้ว ตนขอบคุณที่ให้ความเป็นธรรม ส่วนคดีที่อัยการสูงสุดชี้ขาดมีคำสั่งฟ้องตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 ฐานยุยงปลุกปั่น ร่วมกับนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และน.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้านั้น ยืนยันว่าคดีนี้ผู้มีอำนาจต้องการทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะหยุดยั้งเรา ก็พร้อมสู้ทุกคดี ตนเข้ามาทำงานการเมืองวันนี้ 4 ปีแล้ว ไม่เคยมีครั้งไหนจะคิดทำเพื่อประโยชน์ส่วนตัวเลย 
 
คดีความต่างๆที่เล่นงานผมและพรรคพวก ไม่ว่าจะเป็นนายปิยบุตร แสงกนกกุล หรือแกนนำพรรคอนาคตใหม่อื่นๆ เป็นแรงผลักดันทางการเมือง เพื่อต้องการหยุดยั้งเรา ขอย้ำว่าคดีต่างๆเหล่านี้ไม่สามารถหยุดยั้งความตั้งใจจริงของเราได้ เราจะทำงานเต็มที่ต่อไปเรื่อยๆ” นายธนาธร กล่าว
 
เมื่อถามว่ามองอย่างไรที่ 2 ป. (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ) แยกกันเดิน นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่รู้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร แต่ระบอบประยุทธ์ ไม่ว่าจะพล.อ.ประยุทธ์จะยังอยู่หรือไม่ ระบอบประยุทธ์ก็ยังอยู่กับเรา ระบอบประยุทธ์ใหญ่กว่าตัวพล.อ.ประยุทธ์เอง มันอยู่ในประกาศคำสั่งคสช. องค์กรอิสระต่างๆ และอยู่ในรูปแบบร่างรัฐธรรมนูญ รวมถึงวิธีคิดต่างๆ ตนคิดว่ายังไงก็ต้องเอาประเทศไทยกลับมาเดินในแนวทางประชาธิปไตยให้ได้ ไม่ว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นหัวหน้าพรรคไหน จะทำการเมืองต่อหรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญ แก้เรื่องที่มาขององค์กรอิสระ ผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นต่อ ที่คสช. ต่อมาถึงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ 2 ก็มีแนวโน้มปิดกั้นการกระจายอำนาจฯ 
 
เมื่อถามย้ำว่า 2 ป.อยู่ด้วยกัน กับ 2 ป.แยกกันเดิน อย่างไหนสู้ยากกว่ากัน นายธนาธร กล่าวว่า ตนไม่มีความเห็น อย่างที่บอก เราพยายามตั้งใจทำงานให้เต็มที่มากที่สุด ให้ประชาชนเห็นความตั้งใจของเรา ปัจจัยอื่นๆที่ควบคุมและจัดการไม่ได้ไม่ต้องไปกังวล เรากังวลกับสิ่งที่อยู่ในขอบเขตที่เราสามารถทำให้ดีขึ้นได้ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ในขอบเขต อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เราพร้อมรับทุกสถานการณ์
 
เมื่อถามว่า ถ้าแก้รัฐธรรมนูญไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง นายธนาธร กล่าวว่า แก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับคงจะไม่ได้แล้ว แต่สิ่งที่พอมีหวังตอนนี้คือแก้รัฐธรรมนูญฉบับที่อยู่ในรัฐสภาวันนี้ คือเรื่องหมวด 14 ว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น และการให้ประชาชนทำประชามติถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่ที่จะให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนคิดว่า 2 เรื่องนี้พอมีความเป็นไปได้
 
เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติ 7 ต่อ 2 ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. เกี่ยวกับสูตรคำนวณส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์แบบหาร100 ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ในส่วนของพรรคก้าวไกลยังมีหวังที่จะสู้ชนะหรือไม่ นายธนาธร กล่าวว่า ก็ต้องถามพรรคก้าวไกล ตนตอบแทนพรรคก้าวไกลไม่ได้ เชื่อว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค และพรรคก้าวไกลทั้งพรรค ทุกคนพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้ง ไม่ว่ากฎกติกาจะเป็นแบบไหน 
เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าสูตรหาร 100 พรรคก้าวไกลจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ นายธนาธร กล่าวว่า กติกาการเลือกตั้งถึงแม้จะทำมาซึ่งการเสียเปรียบ แต่เราพร้อม เชื่อว่าผลงานตอนพรรคอนาคตใหม่ในสภาฯ ผลงานของคณะก้าวหน้าในการเมืองท้องถิ่น หวังว่าประชาชนจะเห็นสิ่งต่างๆเหล่านี้ เข้าใจในสิ่งที่พวกเราพยายามทำ เข้าใจความหวังดีของพวกเรา และกลับมาเป็นคะแนนสนับสนุนพวกเรา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่