JJNY : 5in1 ‘ประจักษ์’เปิดที่มาศึกษา กปปส.│ อัยการธนกฤตเปิด4แนว│ พายุรับสภาพ│ หวั่นประกาศคุม"กัญชา"ไร้ผล│ ขึ้นอีกแล้ว

‘ประจักษ์’ เปิดที่มาศึกษา กปปส. ถ้าไม่ขวางประชาธิปไตยวันนั้น รัฐประหารคงไม่เกิด
https://www.matichon.co.th/clips/news_3699008
 
 
รศ.ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ กล่าวถึงที่มาของงานศึกษาแนวคิดและคำปราศรัยสาธารณะของ กปปส. ในงานเสวนาเปิดตัวหนังสือ “ให้คนดีปกครองบ้านเมือง” เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 โดยมองว่า หาก กปปส. ไม่กระทำการขัดขวางประชาธิปไตยในช่วงเวลานั้น การทำรัฐประหารโดย คสช. ต่อเนื่องจนถึงการเข้ามาของ พล.อ.ประยุทธ์ คงไม่เกิด ติดตามรายละเอียดจากคลิปด้านล่างนี้

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


อัยการธนกฤตเปิด 4 แนวคำวินิจฉัยศาลรธน. คดีคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์หาร 100
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3701178
 
อัยการธนกฤตเปิด 4 แนวคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คดีร้องวิธีคำนวณ ส.ส. ปาร์ตี้ลิสต์ หาร 100 ขัดรัฐธรรมนูญ

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน  ดร.ธนกฤต วรธนัชชากุล อัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวให้ความเห็นข้อกฎหมาย 
 
ตามที่ประธานรัฐสภาได้ส่งความเห็นของ ส.ส. และ ส.ว. เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ…. มาตรา 25 และมาตรา 26 ว่ามีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 93 และมาตรา 94 หรือไม่ และตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือไม่ ซึ่งเป็นประเด็นเรื่องระบบการคิดคำนวณ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อที่ให้ใช้ระบบ 100 หาร และกระบวนการได้มาซึ่งระบบ 100 หาร โดยศาลรัฐธรรมนูญกำหนดลงมติเพื่อทำคำวินิจฉัยคดีในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 นั้น ว่าด้วยมีผู้สนใจได้สอบถามผมมาถึงแนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ ผมจึงขอให้ความเห็นทางวิชาการด้านกฎหมายเพื่อเป็นความรู้ทางกฎหมายในเรื่องนี้แก่ท่านที่สนใจ โดยหากพิจารณาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แนวทางคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในคดีนี้ อาจมีได้ 4 แนวทาง ดังนี้

1. วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป. ไม่มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญและตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ
2. วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป. ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ ให้ร่าง พ.ร.ป. เป็นอันตกไป
3. วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป. มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ แต่ข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ไม่เป็นสาระสำคัญ ให้ข้อความเฉพาะส่วนที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญตกไป
4. วินิจฉัยว่าร่าง พ.ร.ป. มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นสาระสำคัญ ให้ร่าง พ.ร.ป. ตกไปทั้งฉบับ (รัฐธรรมนูญ มาตรา 148)
 
หากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปตามกรณี 1 และ 3 คือ ร่าง พ.ร.ป. ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และตราขึ้นโดยถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หรือ เป็นกรณีที่ข้อความที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่เป็นสาระสำคัญ ข้อความเฉพาะส่วนที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเท่านั้นที่เป็นอันตกไป ร่าง พ.ร.ป. ไม่ได้ตกไปทั้งฉบับ นายกรัฐมนตรีก็จะนำร่าง พ.ร.ป. ดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเพื่อพระมหากษัตริย์ทรงลงพระปรมาภิไธยต่อไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 81
 
https://www.facebook.com/thanakrit.vorathanatchakul/posts/pfbid02S3SasXQjdBQS9ieKSRD4H2k9DzVHJCM8pGddCC5hBPpwXwrKJhTTQEX73d4VsLUPl
 

 
พายุ รับสภาพ ‘ตาบอดขวา’ ได้ ขอ ‘จำขึ้นใจ’ ใครกระทำ ยันสู้ต่อให้สุดทาง-แจ้งความมือยิงแน่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3700552

พายุเผยรับสภาพได้แล้ว  ประกาศสู้ต่อไปให้สุด ยันแจ้งความเจ้าหน้าที่แน่นอน
  
สืบเนื่องกรณี ‘พายุ ดาวดิน’ ออกจากโรงพยาบาล ภายหลังจากได้รับบาดเจ็บจากกระสุนยางขณะสลายชุมนุมม็อบราษฎรหยุดเอเปค เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยแพทย์แจ้งว่า ดวงตาขวาไม่สามารถมองเห็นได้อีกนั้น วานนี้ (28 พ.ย.) พายุ ดาวดิน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กไลฟ์เพจ ‘ดาวดิน สามัญชน’
 
พายุ กล่าวในตอนหนึ่งว่า สิ่งที่เราโดนเป็นความเคียดแค้นอยู่ เพื่อนๆพี่น้องเราที่รู้สึกไม่ต่างกัน ที่รู้สึกแค้นรู้สึกผิดหวัง โกรธเคือง รู้สึกไม่เป็นธรรม
 
สิ่งแรกที่ผมอยากบอกคือให้เก็บความรู้สึกตรงนี้ไว้ให้ขึ้นใจ ว่าเราโดนอะไรมา เพื่อนพี่น้องเราโดนอะไรมา ใครเป็นคนกระทำกับเรา แล้วอยากให้เก็บความรู้สึกนี้ไว้แล้วสักวันหนึ่งเราจะได้ใช้ความรู้สึกตรงนี้ ออกมาเพื่อที่จะปลดปล่อย เพื่อที่จะบอกว่าสังคมตรงนี้อยุติธรรมอย่างไร แล้วเราต้องทำอย่างไรต่อ
 
ผมเป็นห่วงคนอื่นมาก ของตัวเองก็ห่วง แต่เรารับสภาพได้แล้ว เพราะสิ่งที่เกิดสักวันก็ต้องเกิดถ้าเรายังเดินทางสายนี้อยู่ อยากบอกพี่น้องว่าไม่ต้องเป็นห่วง ผมยังเหมือนเดิม ยังโอเคอยู่ ขอให้พวกเราเข้มแข็ง แล้วกลับมารวมพลังกันอีกครั้ง กลับมาสู้อีกครั้งเพราะไม่ใช่เรื่องผมเรื่องเดียว เราต้องสู้กันอีกเยอะ เราต้องสู้กันอีกนาน พอออกมาแล้วก็อยากเป็นส่วนหนึ่งที่อยากผลักดันต่อ เอาไปให้สุด
 
ผมออกมาเห็นแคมเปญ #ดวงตาหนึ่งดวงจะสร้างดาวอีกล้านดวง ผมจะไม่เสียใจ ถ้าตาหนึ่งข้างที่เสียไปแล้วมีคนอีกล้านคนขึ้นเพื่อรับรู้เพื่อมองเห็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ มองเห็นความไม่ยุติธรรมในสังคม ที่เกิดขึ้นอยู่ตอนนี้ แล้วมาสนใจร่วมผลักดันร่วมรณรงค์หรือว่าทำอะไรกับสิ่งนี้ ผมว่าการเปลี่ยนแปลงจะสร้างขึ้นได้ก็ตรงจุดนี้ ก็เริ่มต้นทำ” พายุ กล่าว

เมื่อมีคำถามจากผู้ชมไลฟ์ว่าจะมีการแจ้งความหรือไม่ เพื่อนของพายุและผู้ดำเนินรายการ กล่าวว่า ตอนนี้อยู่ในการรวบรวมหลักฐาน จากที่คุยกับพายุเบื้องต้นจะมีการแจ้งความเจ้าหน้าที่กลับอย่างแน่นอน


 
หวั่นประกาศคุม "กัญชา" ไร้ผล ล้อมคอกสันทนาการแต่ยังสูบเกลื่อนเมือง
https://www.thairath.co.th/scoop/interview/2565741

การประกาศให้ “กัญชา” เป็นพืชสมุนไพรควบคุม ตามประกาศฉบับล่าสุด ของกระทรวงสาธารณสุข ลงวันที่ 11 พ.ย. 2565 เพื่อควบคุมการใช้ช่อดอกกัญชาผิดวัตถุประสงค์ แม้ในประกาศ จะไม่ได้เขียนระบุชัดเจน ถึงการห้ามใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ แต่การระบุว่า ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ก็ทำให้บรรดาผู้ประกอบการร้านคาเฟ่กัญชา ที่เปิดให้ลูกค้าสูบกัญชาในร้านเพื่อสันทนาการ หลังการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ประเภทที่ 5 ตั้งแต่ 9 มิ.ย. 2565 ต้องพากันหาช่องตีความข้อกฎหมาย หาวิธีเลี่ยงกฎหมายให้ได้เปิดสูบกัญชากันเหมือนเดิม เพราะหลังจากประกาศมีผลบังคับใช้ได้ไม่นาน กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กรุงเทพมหานคร และตำรวจ ก็ลงพื้นที่ย่านท่องเที่ยวที่มีการเปิดขายกัญชาเพื่อสันทนาการทันที
 
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์” คุยกับ "นพ.สมิทธิ์  ศรีสนธิ์" กรรมการแพทยสภา และนายกสมาคมแพทย์นิติเวชแห่งประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาออกมาเรียกร้องให้กัญชากลับไปอยู่สถานะเหมือนก่อนที่จะมีการปลดล็อก เพราะมาจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มีกฎหมายออกมาควบคุมที่มีความเข้มข้นพอ

"นพ.สมิทธิ์" แสดงความเป็นห่วงว่า ประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ประกาศออกมาล่าสุด ซึ่งมีการเน้นคุมส่วนช่อดอกกัญชา อาจจะไม่เป็นประโยชน์ ประเด็นสำคัญคือ เมื่อมีประกาศออกมา มีการบังคับใช้หรือไม่? หากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ได้บังคับใช้ประกาศนี้อย่างจริงจัง  เพราะตัวประกาศเอง
 
แม้จะมีข้อกำหนดที่มุ่งออกมาควบคุมการใช้ประโยชน์ แต่ความเข้มข้นก็ยังไม่มากพอที่จะคุมกัญชา เหมือนกับการมีกฎหมายที่เป็น พ.ร.บ. ซึ่งจะมีรายละเอียดที่มากกว่า
 
จะเห็นว่า หลังจากประกาศบังคับใช้ ยังพบการเปิดขายกัญชาเพื่อสันทนาการในแหล่งท่องเที่ยวอย่างเช่น พัทยาและถนนข้าวสาร  หากว่าผู้ที่บังคับใช้กฎหมายมีความจริงจัง ตามประกาศที่ได้ประกาศออกมา ซึ่งถือว่าเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรับผิดชอบ ที่เป็นเจ้าพนักงานตามประกาศ จะต้องแจ้งตำรวจดำเนินการอย่างจริงจัง โดยเฉพาะกรมแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก รวมถึงสาธารณสุขจังหวัด และ เจ้าพนักงานตามประกาศ

"โดยเฉพาะกับแพทย์แผนไทยไปประจำที่ร้านถือว่ามีความผิด เพราะว่าไม่ใช่สถานที่ในการประกอบเวชกรรม ขณะที่สถานประกอบการที่ไม่ใช่สถานพยาบาลแล้วไปอ้างว่า สามารถประกอบวิชาชีพได้ก็ถือว่าผิดอีก"
 
แม้ว่าประกาศจะดูเหมือนเข้าไปควบคุมการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ แต่ในความเป็นจริงแล้วก็อาจจะไม่สามารถควบคุมได้! เพราะว่าถึงแม้มีการควบคุมไม่ให้สูบในสถานประกอบการแต่ก็ยังมีการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ อย่างเช่น การนำไปสูบที่บ้าน หรือบางร้านก็ใช้วิธีการจำหน่ายช่อดอกกัญชาและให้ผู้ที่ซื้อไปสูบอีกที่ ซึ่งมีการจัดเตรียมไว้ และไม่ใช่สถานที่จำหน่าย
 
หากจะต้องการควบคุมการใช้กัญชา ไม่ให้ใช้เพื่อสันทนาการก็ไม่ควรมีการออกใบอนุญาตให้ตั้งแต่แรก แต่กลับเห็นร้านที่เปิดในลักษณะของการขายกัญชาเพื่อสันทนาการมีให้เห็นอยู่ "ซึ่งหากจะต้องการควบคุมกัญชาเพื่อสันทนาการจริงๆ ก็สามารถระบุชัดไปในประกาศได้เลยว่าห้ามใช้เพื่อการสันทนาการ"
   
ปลดล็อกกัญชาผิดขั้นตอน ต้นตอปัญหาผุด
 
หากมองย้อนกลับไปเรื่องของขั้นตอนการปลดล็อกกัญชาในประเทศไทย ถือว่าผิดขั้นตอนจากต่างประเทศ  เพราะในต่างประเทศจะต้องมีกฎหมายในการควบคุมก่อนถึงมีการปลดล็อก แต่ของบ้านเราการปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติดเมื่อ 9 มิถุนายน 2565 โดยไม่มีการควบคุม ทำให้ผิดหลักการ เมื่อมีการผลักดันกัญชามาจนถึงทุกวันนี้ เหมือนเป็นการล้อมคอก เพราะเมื่อมีการปลดล็อกออกจากยาเสพติด แล้วนำเอาประกาศ เช่น การประกาศให้เป็นสมุนไพรควบคุม ซึ่งเทียบเคียงได้ยากกับ การมี พ.ร.บ. เพราะมีความเฉพาะในการควบคุมมากกว่า ทำให้ไม่สามารถควบคุมกัญชาได้อย่างเต็มที่
ต้องถามกลับไปว่าขณะนี้เราต้องการให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการหรือไม่? หากรัฐต้องการส่งเสริมเรื่องของอุตสาหกรรมและการแพทย์ก็ไม่ควรจะมีอะไรแบบนี้ ไม่งั้นก็จะต้องวนกลับไปให้ใช้ได้เฉพาะทางการแพทย์เหมือนเมื่อปี 2563 ส่วนคนที่ปลูกกัญชามาแล้วก็ให้มีการนิรโทษกรรม และห้ามปลูกเพิ่ม รอจนกว่าจะมีพระราชบัญญัติกัญชา กัญชง ที่ชัดเจน
 
"ส่วนตัวพูดมาเสมอว่า ไม่เคยไม่สนับสนุน เรื่องกัญชาเพื่อสันทนาการ คิดว่าใช้เพื่อสันทนาการได้แต่ต้องมีการควบคุม และการควบคุม ต้องทำให้ได้อย่างน้อยที่สุด ต้องเทียบเท่ากับกฎหมายของต่างประเทศ" 
  
หากดูแล้ว จะพบว่ากฎหมายในการควบคุมกัญชาบ้านเรายังต่ำกว่าในต่างประเทศ ที่มีการใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ อย่างเช่น แคนาดาหรือบางรัฐของอเมริกา ที่ระบุถึงขั้นที่ว่า จะพกติดตัวต้องไม่เกินกี่กรัม และการห้ามพกกัญชาไปในที่สาธารณะ และเห็นด้วยที่ต้องแยกกฎหมายกัญชาทางการแพทย์ ออกจากกฎหมายกัญชาเพื่อสันทนาการ ซึ่งในหลายๆ ประเทศ ก่อนที่จะมีการอนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการได้ ต้องผ่านการจัดให้ลงประชามติ แต่บ้านเรายังไม่มีตรงนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่