💚มาลาริน💚ยกรายงาน สศช.-IMF-ม.หอการค้า ตอกย้ำหลังเอเปกไทยมีสัญญาณเชิงบวกทางศก./ตัวเลขเศรษฐกิจไทยดีขึ้นต่อเนื่อง

ยกรายงาน สศช.-IMF-ม.หอการค้า ตอกย้ำหลังเอเปกไทยมีสัญญาณเชิงบวกทางศก.


ประยุทธ์' ยกรายงาน สศช.-IMF-ม.หอการค้า ตอกย้ำหลังการประชุมเอเปก ไทยมีสัญญาณเชิงบวกทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเป็นเจ้าภาพประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แสดงศักยภาพของ'ทีมประเทศไทย'ได้อย่างดียิ่ง
23 พ.ย.2565 - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โพสต์ข้อความผ่านเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha มีเนื้อหาดังนี้....👇

พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักทุกท่านครับ

หลังจากภารกิจสำคัญของประเทศไทย คือการประชุมเอเปค ได้สำเร็จเสร็จสิ้นลงไปแล้วอย่างเรียบร้อยทุกประการ ในวันนี้ (22 พ.ย.65) รัฐบาลได้กลับสู่การประชุม ครม. เพื่อติดตามและพิจารณา ขับเคลื่อนวาระสำคัญอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนทุกกลุ่มของประเทศ

ผมมีความยินดีที่ได้รับรายงานว่า ประเทศไทยของเรามีสัญญาณเชิงบวกทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) รายงานการเติบโตของ GDP ในไตรมาส 3 ปี 2565 ที่ร้อยละ 4.5 ซึ่งเป็นการขยายตัวต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 1-2 ที่ร้อยละ 2.3 และ 2.5 ตามลำดับ โดยคาดว่าตลอดปี 2565 เศรษฐกิจของเราจะเติบโตได้ร้อยละ 3.2 ตามเป้าหมายที่วางไว้ และจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศได้มากกว่า 10 ล้านคน ส่วนปีหน้า สศช. เชื่อว่าประเทศไทยจะมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจในทุกภาคส่วน ทั้งการท่องเที่ยว ที่ไทยจะเป็นเป้าหมายหลักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ตลอดทั้งปี คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าประเทศถึง 23.5 ล้านคน สร้างรายได้ถึง 1.2 ล้านล้านบาท รวมทั้งการขยายตัวของการลงทุนทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ ภาคการเกษตร และการอุปโภคบริโภคภายในประเทศจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ออกรายงานการพยากรณ์เศรษฐกิจฉบับล่าสุดว่า ประเทศไทยจะเป็นเพียงไม่กี่ประเทศของโลก ที่เศรษฐกิจจะยังขยายตัวได้ในปีหน้า จากร้อยละ 2.8 ในปีนี้ เป็นร้อยละ 3.7 ในปี 2566 สวนกระแสโลกที่ชะลอตัว จากความท้าทายจากภาวะเงินเฟ้อ และต้นทุนการครองชีพที่สูงขึ้น อีกทั้งคาดว่าการว่างงานของไทยจะมีเพียงร้อยละ 1.0 ซึ่งเป็นอัตราต่ำที่สุดในโลกอีกด้วย

และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลสืบเนื่องจากการประชุมเอเปค ทำให้ศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจะกระตุ้นให้เกิดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการลงทุนของไทย ภายใต้นโยบาย BCG ที่จะเกิดขึ้นตามมา มากกว่า 6 แสนล้านบาท ครอบคลุมทุกกิจกรรมการผลิต เช่น เกษตรกรรม อุตสาหกรรม ป่าไม้ ปศุสัตว์ เหมืองแร่ ก๊าซธรรมชาติ ขนส่ง บริการธุรกิจ ค้าส่ง-ค้าปลีก โรงแรมที่พัก และอื่นๆ อีกมากมายหลายด้าน ซึ่งผมได้สั่งการให้ทุกกระทรวงเร่งติดตาม ขยายผล และต่อยอดทุกประเด็นที่ได้มีการหารือกันกับทุกเขตเศรษฐกิจ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อขับเคลื่อนให้มีผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว อันจะนำมาซึ่งความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในทุกกลุ่ม ทั้งภาคการเกษตร อุตสาหกรรม ท่องเที่ยวและบริการ การค้า-การลงทุน ตลอดจนผู้ประกอบการ SME และ Startup อีกด้วย

ผมมีความซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง ที่การเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยนั้น ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม สร้างความประทับใจ และได้รับการชื่นชมจากผู้เข้าประชุมเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นผลมาจากความร่วมมือกันจากทุกภาคส่วนของประเทศ ทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหน้าและอยู่เบื้องหลัง รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ในทุกระดับ ผู้ประสานงาน ต้อนรับแขก ล่าม แพทย์/พยาบาล เชฟ ช่างฝีมือ นักแสดง ผู้ฝึก คนจัดเวที จัดการจราจร ตำรวจ ทหาร จิตอาสา อาสาสมัคร พ่อค้า-แม่ค้า ผู้ประกอบการ เจ้าหน้าที่โรงแรม พนักงานทำความสะอาด ประชาชนในพื้นที่จัดงาน ที่ผมไม่อาจจะกล่าวได้ครบ ซึ่งต่างล้วนมีส่วนร่วมและได้เสียสละ ทุ่มเท เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น รักษาภาพลักษณ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศในสายตาประชาคมโลก แสดงศักยภาพและความเป็นมืออาชีพของ "ทีมประเทศไทย" ได้อย่างดียิ่ง รวมถึงกลุ่มนักเรียน นักศึกษา เยาวชนลูกหลาน ที่มาช่วยเป็นจิตอาสาในกิจกรรมต่างๆ ซึ่งไม่เพียงได้เป็นส่วนหนึ่งในการทำภารกิจเพื่อชาติในครั้งนี้ แต่เป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ระดับโลก อันจะเป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองต่อไปในอนาคต เป็นการสร้างคนและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น ที่สามารถต่อยอดให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืนและมั่นคงครับ



https://www.thaipost.net/hi-light/268850/

'รัชดา' ยกข้อมูล 3 บริษัทจัดอันดับตบหน้าพวกไม่หวังดีมั่วนิ่มเรื่องเศรษฐกิจ
23 พฤศจิกายน 2565 เวลา 13:06 น.


รองโฆษกรัฐบาลตำหนิกลุ่มผู้ไม่หวังดี หยุดให้ข้อมูลมั่ว เผยตัวเลขเศรษฐกิจไทยดีขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุด JCR ปรับเพิ่มความน่าเชื่อถือไทยจาก A- เป็น A เสถียรภาพ

23 พ.ย.2565 - นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง ปรากฏชัดจากตัวเลขรายได้แผ่นดินปีงบประมาณ 2565 ที่จัดเก็บได้มากกว่าที่ประมาณการไว้ถึง 1.5 แสนล้านบาท ภาพรวมเศรษฐกิจ 9 เดือนแรกของปี ขยายตัว 3.1 %

ซึ่งขอตำหนิกลุ่มผู้ไม่หวังดี บิดเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความมั่นใจต่อเศรษฐกิจประเทศ โดยล่าสุด มีการแชร์ส่งต่อข้อความอันเป็นเท็จว่า รัฐบาลกู้เงินจนหนี้ท่วม คลังไม่สามารถจัดการหนี้ได้ ขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ดูได้จากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณในปี 2565 นั้น รัฐบาลกู้จริง 6.52 แสนล้านบาทจากที่ประมาณการไว้ 7 แสนล้านบาท ขณะที่ภาพรวมของการกู้เงินในช่วงที่เกิดการระบาดของ COVID-19 นับตั้งแต่ปี 2563 เป็นไปเพื่อแก้ไขปัญหา ช่วยเหลือและเยียวยาทุกภาคส่วนที่ได้รับผลกระทบ

ส่งผลให้เศรษฐกิจไทย (GDP) ปี 2563 หดตัวลดลงเพียง 5.1% ซึ่งดีกว่าที่ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่าจะหดตัวที่ 8%
นอกจากนี้ ระดับหนี้สาธารณะคงค้าง ณ สิ้นเดือน ก.ย.2565 อยู่ที่ 10.37 ล้านบาท หรือคือเป็น 60.41% ต่อ GDP ต่ำกว่าที่กำหนดเพดานไว้ 70% ซึ่งกระทรวงการคลังให้ความมั่นใจว่าไม่ก่อให้เกิดปัญหาการคลังแต่อย่างใด เนื่องจากรัฐบาลมีความสามารถในการชำระหนี้ (Debt affordability) รวมทั้งยังมีการติดตามสัดส่วนภาระดอกเบี้ยต่อประมาณการรายได้ประจำปีอย่างใกล้ชิด

รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ ยังเผยว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ชั้นนำระดับสากล ล้วนมีความมั่นใจในภาพรวมเศรษฐกิจไทย โดยได้ทยอยออกการรายงานอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยที่ BBB+ Stable Outlook ซึ่งเป็นระดับที่น่าพอใจค่อนข้างมากภายใต้สถานการณ์วิกฤติ COVID-19 ดังนี้ ....👇

1.Moody’s (7 เม.ย. 2565) เชื่อว่า แม้หนี้รัฐบาลเพิ่มสูงขึ้นแต่ตัวชี้วัดภาคการคลังและหนี้สาธารณะยังคงแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับกลุ่มประเทศอันดับความน่าเชื่อถือระดับเดียวกัน และมีแนวโน้มที่จะรักษาระดับความแข็งแกร่งดังกล่าวได้ต่อไป

2. Fitch Ratings (21 มิ.ย.2565) รายงานว่า รัฐบาลได้บรรเทาความเสี่ยงของหนี้ภาครัฐบาลด้วยการบริหารจัดการทางการคลังอย่างรอบคอบ มีตลาดทุนในประเทศที่มั่นคง และหนี้สาธารณะส่วนใหญ่เป็นหนี้สกุลเงินบาท และ

ล่าสุด 3.Japan Credit Rating Agency (11 พ.ย.2565) ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อถือของประเทศไทยจากระดับ A- เป็น A และคงมุมมองความน่าเชื่อถือในระดับมีเสถียรภาพ (Stable Outlook)
 
“ขอให้ประชาชนรับฟังข้อมูลด้วยความระมัดระวัง เพราะมีผู้ที่มีพฤติกรรมชอบบินเบือนข้อมูลเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของประเทศการมีมุมมองและการวิเคราะห์ที่แตกต่างเป็นเรืองปกติ แต่ต้องมาจากฐานข้อมูลที่ถูกต้องด้วย ประเด็นสถานะทางการคลัง ประชาชนสามารถติดตามตัวเลขที่ถูกต้องจากการเผยแพร่จากส่วนราชการ และยังมีการรายงานภาพรวมเศรษฐกิจประเทศจากสถาบันชั้นนำของต่างประเทศ ซึ่งจะได้ทราบข้อเท็จจริงจากการประเมินของหลายมุมมอง และปัจจุบันนี้มีข้อสรุปว่า สถานะการเงินการคลังไทยมีความแข็งแกร่ง และภาพรวมเศรษฐกิจที่ดี อัตราการว่างงานต่ำมากด้วย” นางสาวรัชดากล่าว

https://www.thaipost.net/economy-news/269171/

...เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี มั่วนิ่มไม่ได้

ดูคนไทยละกันค่ะ ล้วนมีกินไม่อดตาย ขยันทำงานเข้าไว้อย่าขี้เกียจ  

ทุกวันนี้ ประชาชนเพื่อนบ้านมาทำงานในประเทศไทย มีรายได้เที่ยวห้างซื้อของกันอย่างมีความสุข

คนไทยมีคนมาช่วยทำงานให้ สะดวกสบายเป็นนายจ้างกันมากมาย

จะมีคนไทยบางคนเท่านั้น งานหนักไม่เอา งานเบาก็ไม่สู้  รอผีมัมมี่แม้วมาแจกเงินกู้ สะสมหนี้ที่ไม่มีทางใช้คืน  เป็นดินพอกหางหมูที่สุภาษิตไทยกล่าวไว้

ลุงทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นๆ  เรื่องที่ต่างประเทศก็การันตีค่ะ....ปลื้มปริ่ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่