โควิดวันนี้ผู้ป่วยใหม่ 1,093 ราย ปอดอักเสบ 681 ราย เสียชีวิต 19 ราย
https://www.dailynews.co.th/news/1456403/
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 19 ราย ขณะที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวใน รพ.รายใหม่ 1,093 ราย กำลังรักษา 12,766 ราย
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 11 กันยายน 2565 มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลรายใหม่วันนี้ 1,093 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 1,092 ราย ผู้ป่วยจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,444,111 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,101 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,453,747 ราย กำลังรักษา 12,766 ราย เสียชีวิต 19 ราย เสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 10,841 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 681 ราย
นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่ 'ไม่พอใจ' ผลงาน 'บิ๊กป้อม' หนุนให้ 'ยุบสภา'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3556412
นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่ ‘ไม่พอใจ’ ผลงาน ‘บิ๊กป้อม’ หนุนให้ ‘ยุบสภา’
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานของรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี หากรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.34 ระบุว่า ไม่เหมาะสมเลย รองลงมา ร้อยละ 21.57 ระบุว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ค่อนข้างเหมาะสม ร้อยละ 12.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเหมาะสม และร้อยละ 3.51 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี หากรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.80 ระบุว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง รองลงมา ร้อยละ 16.54 ระบุว่าค่อนข้างเหมาะสม ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ไม่เหมาะสมเลย ร้อยละ 4.80 ระบุว่า ไม่ค่อยเหมาะสม และร้อยละ 0.91 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.46 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 22.87 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.26 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 8.46 ระบุว่า พอใจอย่างยิ่ง และร้อยละ 4.95 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.61 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 26.29 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 17.99 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.57 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 13.26 มีอายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.76 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.28 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.53 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.17 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 94.06 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.42 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.37 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 0.15 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 32.70 สถานภาพโสด ร้อยละ 65.24 สมรส ร้อยละ 1.98 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.08 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส
ตัวอย่าง ร้อยละ 28.89 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 31.40 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.00 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.21 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.35 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 0.15 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.60 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.38 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 19.97ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 13.80 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.79 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.27 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 3.81 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.38 ไม่ระบุอาชีพ
ตัวอย่าง ร้อยละ 20.73 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 22.71 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 27.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.91 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.42 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.10 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.69 ไม่ระบุรายได้
เอกชนหวังรัฐอัดกระตุ้นเที่ยวในประเทศ หลังต่างชาติยังฟื้นไม่เต็มที่
matichon.co.th/economy/news_3555521
นาย
ธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตลาดไทยเที่ยวไทย หากประเมินเฉพาะในชลบุรี เดิมจะมีการท่องเที่ยวเชิงประชุมสัมมนาค่อนข้างมากในวันธรรมดา โดยเฉพาะเดือนกันยายนนี้ เป็นเดือนสุดท้ายก่อนปิดปีงบประมาณ บวกกับวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีแรงสนับสนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้เห็นการเดินทางฟื้นตัวดีขึ้น แต่หลังจากนี้เมื่อเราเที่ยวด้วยกันหมดลงแล้ว ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่มีงบประมาณมาทำโครงการเพิ่มอีก ทำให้ต้องมาพิจารณากันใหม่ว่า ในระหว่างที่ตลาดต่างชาติยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมา มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทิศทางจะเป็นอย่างไร
นายธเนศกล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดต่างชาติยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ และอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 2-3 ปี ที่ตลาดจะฟื้นคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง อาจไม่ใช่เราเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ต้องมีมาตรการอื่นๆ มาส่งเสริมการเที่ยวในประเทศ เพราะหากไม่มีออกมา ก็ไม่คิดว่าตัวเลขการเดินทางเที่ยวในประเทศจะได้ตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ 160 ล้านคน-ครั้งได้
“พอรัฐบาลไม่ได้มีโครงการเข้ามาอุดหนุน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มเติมแล้ว หากให้ประเมินตอนนี้แนวโน้มในอนาคตก็น่าจะลำบาก เพราะเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เงินเฟ้อ ราคาพลังงานเพิ่ม ทำให้ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ซึ่งการท่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต ทำให้หากความเป็นอยู่ยังลำบากอยู่ การท่องเที่ยวก็แทบไม่ต้องพูดถึง” นายธเนศกล่าว
นาย
ธเนศกล่าวว่า ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ตอนนี้จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักลง แต่หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด เมื่อปี 2562 ก็ถือว่ายังน้อยอยู่ โดยพบว่าตัวเลขการเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ประมาณ 3-4 หมื่นคนต่อวัน จากปี 2562 อยู่หลัก 2 แสนคนต่อวัน แต่ตัวเลขหลักหมื่นนี้รวมคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศด้วย ทำให้ตอนนี้ถือว่าฟื้นตัวกลับมาเพียง 10% เท่านั้น
นาย
ธเนศกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดโควิดที่ยังมีอยู่ ทำให้บางประเทศยังต้องคุมโควิดต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ที่ใช้นโยบายซีโร่โควิด ซึ่งน่าจะอีกนานที่รัฐบาลจีนจะปล่อยให้พลเมืองเดินทางเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เราอาจไม่สามารถคาดหวังตลาดจีนเข้ามาเสริมท่องเที่ยวในไทยได้ รวมถึงโควิดในไทยที่แม้ตัวเลขดูน้อย แต่ก็เฉพาะการตรวจแบบ RT-PCR และการเข้าระบบเท่านั้น แต่ความจริงมีการติดเชื้อมากกว่านั้น เพราะหากดูจากคนรอบตัวทั้งใกล้และไกล ก็เห็นการติดเชื้อจำนวนมาก ดีตรงที่อาการไม่ได้รุนแรงเหมือนสายพันธุ์แรกๆ แล้ว จึงสามารถกักตัวเองได้ แม้หากถามผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ก็มีผลแน่นอนกับทั้งการดำเนินชีวิตปกติ และการเดินทางท่องเที่ยวด้วย
JJNY : ป่วยใหม่1,093 เสียชีวิต19│โพลเผยส่วนใหญ่หนุนให้ยุบสภา│หวังรัฐกระตุ้นเที่ยวในปท.│"สติธร"ลุ้นจับมือเปลี่ยนการเมือง
https://www.dailynews.co.th/news/1456403/
ยอด 'โควิด-19' วันนี้ พบเสียชีวิตเพิ่มอีก 19 ราย ขณะที่มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวใน รพ.รายใหม่ 1,093 ราย กำลังรักษา 12,766 ราย
สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประจำวัน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) รายงานสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ล่าสุด วันที่ 11 กันยายน 2565 มีจำนวนผู้ป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลรายใหม่วันนี้ 1,093 ราย เป็นผู้ป่วยในประเทศ 1,092 ราย ผู้ป่วยจากต่างประเทศ 1 ราย ผู้ป่วยสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,444,111 ราย หายป่วยกลับบ้าน 2,101 ราย หายป่วยสะสม(ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 2,453,747 ราย กำลังรักษา 12,766 ราย เสียชีวิต 19 ราย เสียชีวิตสะสม (ตั้งแต่ 1 มกราคม 2565) 10,841 ราย จำนวนผู้ป่วยปอดอักเสบรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 681 ราย
นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่ 'ไม่พอใจ' ผลงาน 'บิ๊กป้อม' หนุนให้ 'ยุบสภา'
https://www.matichon.co.th/politics/news_3556412
นิด้าโพล เผย คนส่วนใหญ่ ‘ไม่พอใจ’ ผลงาน ‘บิ๊กป้อม’ หนุนให้ ‘ยุบสภา’
เมื่อวันที่ 11 กันยายน ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 5-7 กันยายน 2565 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,312 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับการทำงานของรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี หากรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะปรับคณะรัฐมนตรี พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 46.34 ระบุว่า ไม่เหมาะสมเลย รองลงมา ร้อยละ 21.57 ระบุว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง ร้อยละ 16.00 ระบุว่า ค่อนข้างเหมาะสม ร้อยละ 12.58 ระบุว่า ไม่ค่อยเหมาะสม และร้อยละ 3.51 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี หากรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดการเลือกตั้งใหม่ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.80 ระบุว่า เหมาะสมอย่างยิ่ง รองลงมา ร้อยละ 16.54 ระบุว่าค่อนข้างเหมาะสม ร้อยละ 13.95 ระบุว่า ไม่เหมาะสมเลย ร้อยละ 4.80 ระบุว่า ไม่ค่อยเหมาะสม และร้อยละ 0.91 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความพอใจของประชาชนต่อการทำงานของรองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 41.46 ระบุว่า ไม่พอใจเลย รองลงมา ร้อยละ 22.87 ระบุว่า ค่อนข้างพอใจ ร้อยละ 22.26 ระบุว่า ไม่ค่อยพอใจ ร้อยละ 8.46 ระบุว่า พอใจอย่างยิ่ง และร้อยละ 4.95 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.61 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ ร้อยละ 26.29 มีภูมิลำเนาอยู่ปริมณฑลและภาคกลาง ร้อยละ 17.99 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ ร้อยละ 33.54 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และร้อยละ 13.57 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 13.26 มีอายุ 18-25 ปี ร้อยละ 17.76 มีอายุ 26-35 ปี ร้อยละ 19.28 มีอายุ 36-45 ปี ร้อยละ 26.53 มีอายุ 46-59 ปี และร้อยละ 23.17 มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 94.06 นับถือศาสนาพุทธ ร้อยละ 4.42 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 1.37 นับถือศาสนาคริสต์ และอื่น ๆ และร้อยละ 0.15 ไม่ระบุศาสนา ตัวอย่าง ร้อยละ 32.70 สถานภาพโสด ร้อยละ 65.24 สมรส ร้อยละ 1.98 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ และร้อยละ 0.08 ไม่ระบุสถานภาพการสมรส
ตัวอย่าง ร้อยละ 28.89 จบการศึกษาประถมศึกษาหรือต่ำกว่า ร้อยละ 31.40 จบการศึกษามัธยมศึกษาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 8.00 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า ร้อยละ 27.21 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า ร้อยละ 4.35 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 0.15 ไม่ระบุการศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.60 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ ร้อยละ 17.38 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน ร้อยละ 19.97ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ ร้อยละ 13.80 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง ร้อยละ 14.79 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน ร้อยละ 20.27 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน ร้อยละ 3.81 เป็นนักเรียน/นักศึกษา และร้อยละ 0.38 ไม่ระบุอาชีพ
ตัวอย่าง ร้อยละ 20.73 ไม่มีรายได้ ร้อยละ 22.71 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 10,000 บาท ร้อยละ 27.44 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท ร้อยละ 9.91 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท ร้อยละ 4.42 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท ร้อยละ 6.10 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001 บาทขึ้นไป และร้อยละ 8.69 ไม่ระบุรายได้
เอกชนหวังรัฐอัดกระตุ้นเที่ยวในประเทศ หลังต่างชาติยังฟื้นไม่เต็มที่
matichon.co.th/economy/news_3555521
นายธเนศ ศุภรสหัสรังสี รักษาการประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี เปิดเผยว่า ตลาดไทยเที่ยวไทย หากประเมินเฉพาะในชลบุรี เดิมจะมีการท่องเที่ยวเชิงประชุมสัมมนาค่อนข้างมากในวันธรรมดา โดยเฉพาะเดือนกันยายนนี้ เป็นเดือนสุดท้ายก่อนปิดปีงบประมาณ บวกกับวันเสาร์-อาทิตย์ ที่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ มีแรงสนับสนุนจากโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ทำให้เห็นการเดินทางฟื้นตัวดีขึ้น แต่หลังจากนี้เมื่อเราเที่ยวด้วยกันหมดลงแล้ว ซึ่งเชื่อว่ารัฐบาลคงไม่มีงบประมาณมาทำโครงการเพิ่มอีก ทำให้ต้องมาพิจารณากันใหม่ว่า ในระหว่างที่ตลาดต่างชาติยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับมา มีตัวเลขเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน ทิศทางจะเป็นอย่างไร
นายธเนศกล่าวว่า ในช่วงที่ตลาดต่างชาติยังฟื้นตัวกลับมาไม่เต็มที่ และอาจต้องใช้เวลาอีกกว่า 2-3 ปี ที่ตลาดจะฟื้นคืนสู่ระดับก่อนเกิดโควิด ก็อยากให้รัฐบาลพิจารณาออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศอย่างต่อเนื่อง อาจไม่ใช่เราเที่ยวด้วยกัน แต่ก็ต้องมีมาตรการอื่นๆ มาส่งเสริมการเที่ยวในประเทศ เพราะหากไม่มีออกมา ก็ไม่คิดว่าตัวเลขการเดินทางเที่ยวในประเทศจะได้ตามเป้าหมายของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ที่ 160 ล้านคน-ครั้งได้
“พอรัฐบาลไม่ได้มีโครงการเข้ามาอุดหนุน เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวเพิ่มเติมแล้ว หากให้ประเมินตอนนี้แนวโน้มในอนาคตก็น่าจะลำบาก เพราะเศรษฐกิจก็ยังไม่ได้ดีขึ้น เงินเฟ้อ ราคาพลังงานเพิ่ม ทำให้ค่าใช้จ่ายในครัวเรือนเพิ่มขึ้นทุกอย่าง ซึ่งการท่องเที่ยวไม่ใช่สิ่งจำเป็นในการดำเนินชีวิต ทำให้หากความเป็นอยู่ยังลำบากอยู่ การท่องเที่ยวก็แทบไม่ต้องพูดถึง” นายธเนศกล่าว
นายธเนศกล่าวว่า ส่วนตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ แม้ตอนนี้จะเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่ทำให้การเดินทางต้องหยุดชะงักลง แต่หากเทียบกับช่วงก่อนเกิดโควิด เมื่อปี 2562 ก็ถือว่ายังน้อยอยู่ โดยพบว่าตัวเลขการเดินทางผ่านสนามบินสุวรรณภูมิ อยู่ประมาณ 3-4 หมื่นคนต่อวัน จากปี 2562 อยู่หลัก 2 แสนคนต่อวัน แต่ตัวเลขหลักหมื่นนี้รวมคนไทยที่กลับมาจากต่างประเทศด้วย ทำให้ตอนนี้ถือว่าฟื้นตัวกลับมาเพียง 10% เท่านั้น
นายธเนศกล่าวว่า สถานการณ์การระบาดโควิดที่ยังมีอยู่ ทำให้บางประเทศยังต้องคุมโควิดต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน ที่ใช้นโยบายซีโร่โควิด ซึ่งน่าจะอีกนานที่รัฐบาลจีนจะปล่อยให้พลเมืองเดินทางเที่ยวต่างประเทศ ทำให้เราอาจไม่สามารถคาดหวังตลาดจีนเข้ามาเสริมท่องเที่ยวในไทยได้ รวมถึงโควิดในไทยที่แม้ตัวเลขดูน้อย แต่ก็เฉพาะการตรวจแบบ RT-PCR และการเข้าระบบเท่านั้น แต่ความจริงมีการติดเชื้อมากกว่านั้น เพราะหากดูจากคนรอบตัวทั้งใกล้และไกล ก็เห็นการติดเชื้อจำนวนมาก ดีตรงที่อาการไม่ได้รุนแรงเหมือนสายพันธุ์แรกๆ แล้ว จึงสามารถกักตัวเองได้ แม้หากถามผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ก็มีผลแน่นอนกับทั้งการดำเนินชีวิตปกติ และการเดินทางท่องเที่ยวด้วย