นิด้าโพล เผยคนไทยเหนื่อยหน่าย ปัญหาเศรษฐกิจ-ภัยไซเบอร์ ในปี 2567
https://www.matichon.co.th/local/news_4965871
นิด้าโพล เผยคนไทยเหนื่อยหน่าย ปัญหาเศรษฐกิจ-ภัยไซเบอร์ ในปี 2567
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง “
เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความรู้สึกของประชาชนในปี 2567 ที่ผ่านมา
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะมีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค, รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน, ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่, รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น, ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา, ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด, ร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน, ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ, ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด, ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร, ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย, ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม, ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ, ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร, ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม, ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ, ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง, ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ, ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี, ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี, ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี, ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.56 นับถือศาสนาพุทธ, ร้อยละ 2.83 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.61 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 36.64 สถานภาพโสด, ร้อยละ 61.45 สมรส และร้อยละ 1.91 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 0.38 ไม่ได้รับการศึกษา, ร้อยละ 19.08 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.11 จบการศึกษามัธยมศึกษา หรือเทียบเท่า, ร้อยละ 9.39 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า, ร้อยละ 31.15 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.89 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.77 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ, ร้อยละ 17.40 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน, ร้อยละ 21.15 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ, ร้อยละ 11.76 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง, ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน, ร้อยละ 19.85 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.57 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 20.46 ไม่มีรายได้, ร้อยละ 3.21 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท, ร้อยละ 16.41 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท, ร้อยละ 30.53 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท, ร้อยละ 11.60 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท, ร้อยละ 4.83 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท, ร้อยละ 2.06 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท, ร้อยละ 1.37 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท, ร้อยละ 0.53 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 0.15 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท และร้อยละ 8.32 ไม่ระบุรายได้
นราธิวาส คนร้ายเหิมหนัก ขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ฐาน ตชด. เจ้าหน้าที่เจ็บ 4 นาย.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9558257
นราธิวาส คนร้ายเหิมหนัก ขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ฐาน ตชด. เจ้าหน้าที่เจ็บ 4 นาย กล้องวงจรปิดจับนาทีก่อเหตุชัด ผกก.สั่งแกะรอยไล่ล่า
เมื่อเวลา 18.37 น. วันที่ 21 ธ.ค. 2567 พ.ต.อ.
วีระยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ใส่ด่านตรวจของฐานปฏิบัติการ ตชด.ที่ 934 ซึ่งตั้งอยู่บ้านบือราเป๊ะ ม.3 ต.โคกเคียน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมขอสนับสนุนชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดหน่วยนาวิกโยธินกองทัพเรือ เข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณเต็นท์ฝั่งตรงข้ามของฐานปฏิบัติการ ฝั่งขาเข้ามาจากสนามบินไป อ.เมืองนราธิวาส พบร่องรอยของระเบิดไปป์บอมบ์ตกอยู่ หลุมลึก 3 นิ้ว รัศมีกว้าง 6 นิ้ว และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดไปป์บอมบ์ตกอยู่กระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย 1.ส.ต.ต.
สาครินทร์ สิทธิสาคร แน่นหน้าอก หูอื้อ 2.ส.ต.ท.
ภูมิ บุญทวี หูอื้อ แน่นหน้าอก 3.ส.ต.ท.
คมเพชร งอยปัดพันธ์ หูอื้อ แน่นหน้าอก และ 4.ส.ต.ท.
พงศ์ปณต โครตพันธ์ หูอื้อ แน่นหน้าอก เพื่อนตำรวจได้ส่งรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายที่ได้รับบาดเจ็บ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในเต็นท์ มีคนร้ายจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์คันที่ 2 ได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเต็นท์ แล้วขี่รถ จักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ระเบิดไปป์บอมบ์จะทำงานและเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมา พ.ต.อ.
วีระยุทธ ผกก.สภ.โคกเคียน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าภายในซอยที่เจ้าหน้าที่ได้กางเต็นท์ไว้ และสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน และสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไทยอุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศา กทม.ต่ำสุด 19 องศา
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_819139/
ประเทศไทย อุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศา ยอดดอย-ยอดภูหนาวจัดมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ด้านกรุงเทพอุณหภูมิต่ำสุด 19 องศา
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาเซลเซียส
โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง
โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวและการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
กรุงเทพและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
JJNY : เผยคนไทยเหนื่อยหน่าย│นราธิวาส ขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ฐาน ตชด.│ไทยอุณหภูมิลดลง│เซเลนสกีต้อนรับ ผอ.ซีไอเอเยือนกรุงเคียฟ
https://www.matichon.co.th/local/news_4965871
นิด้าโพล เผยคนไทยเหนื่อยหน่าย ปัญหาเศรษฐกิจ-ภัยไซเบอร์ ในปี 2567
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) สำรวจความคิดเห็น เรื่อง “เหนื่อยหน่ายกับอะไรบ้าง ในปี 2567 ที่ผ่านมา” ระหว่างวันที่ 16-18 ธันวาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับความรู้สึกของประชาชนในปี 2567 ที่ผ่านมา
การสำรวจอาศัยการสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างแบบหลายขั้นตอน (Multi-stage Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามประชาชนถึงความสุขในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ค่อนข้างมีความสุข เพราะมีความสุขทั้งกับตัวเองและครอบครัว ชีวิตการทำงานราบรื่น ไม่มีอุปสรรค, รองลงมา ร้อยละ 32.52 ระบุว่า ไม่ค่อยมีความสุข เพราะมีปัญหาทางการเงินที่เกิดจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น และรู้สึกเบื่อหน่ายกับความวุ่นวายของสถานการณ์ทางการเมืองที่ไม่มีความแน่นอน, ร้อยละ 18.17 ระบุว่า มีความสุขมาก เพราะการใช้ชีวิตเป็นไปอย่างราบรื่น สุขภาพร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีเรื่องใดที่ต้องกังวล และร้อยละ 9.39 ระบุว่าไม่มีความสุขเลย เพราะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ส่งผลให้เกิดปัญหาหนี้สินสะสม การใช้ชีวิตเป็นไปอย่างยากลำบากและไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้
เมื่อถามถึงสิ่งที่ประชาชนเหนื่อยหน่ายในปี 2567 ที่ผ่านมา พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 52.14 ระบุว่า ปัญหาเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อรายได้และชีวิตความเป็นอยู่, รองลงมา ร้อยละ 28.09 ระบุว่า ปัญหาภัยไซเบอร์ เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การแฮกข้อมูล เป็นต้น, ร้อยละ 27.86 ระบุว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองทั้งในและนอกสภา, ร้อยละ 21.60 ระบุว่า ปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติด, ร้อยละ 14.89 ระบุว่า ปัญหาราคาพลังงาน, ร้อยละ 13.59 ระบุว่า ปัญหาสิ่งแวดล้อม ภัยทางธรรมชาติ, ร้อยละ 13.44 ระบุว่า ปัญหาสุขภาพ โรคระบาด, ร้อยละ 12.98 ระบุว่า ปัญหาอาชญากรรม ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
ร้อยละ 12.90 ระบุว่า ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร, ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ไม่เหนื่อยหน่ายกับอะไรเลย, ร้อยละ 11.45 ระบุว่า ปัญหาความขัดแย้งในสังคม, ร้อยละ 9.85 ระบุว่า ปัญหาการคอร์รัปชันในทุกระดับ, ร้อยละ 9.69 ระบุว่า ปัญหาการจราจร, ร้อยละ 5.57 ระบุว่า ปัญหาความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม, ร้อยละ 4.81 ระบุว่า ปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมในระบบราชการ และร้อยละ 2.06 ระบุว่า ปัญหาสงคราม ความขัดแย้งในต่างประเทศ
เมื่อพิจารณาลักษณะทั่วไปของตัวอย่าง พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 8.55 มีภูมิลำเนาอยู่กรุงเทพฯ, ร้อยละ 18.63 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคกลาง, ร้อยละ 17.86 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคเหนือ, ร้อยละ 33.35 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ร้อยละ 13.82 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคใต้ และร้อยละ 7.79 มีภูมิลำเนาอยู่ภาคตะวันออก ตัวอย่าง ร้อยละ 48.09 เป็นเพศชาย และร้อยละ 51.91 เป็นเพศหญิง
ตัวอย่าง ร้อยละ 12.37 อายุ 18-25 ปี, ร้อยละ 17.94 อายุ 26-35 ปี, ร้อยละ 18.24 อายุ 36-45 ปี, ร้อยละ 26.64 อายุ 46-59 ปี และร้อยละ 24.81 อายุ 60 ปีขึ้นไป ตัวอย่าง ร้อยละ 96.56 นับถือศาสนาพุทธ, ร้อยละ 2.83 นับถือศาสนาอิสลาม และร้อยละ 0.61 นับถือศาสนาคริสต์ และศาสนาอื่นๆ
ตัวอย่าง ร้อยละ 36.64 สถานภาพโสด, ร้อยละ 61.45 สมรส และร้อยละ 1.91 หม้าย หย่าร้าง แยกกันอยู่ ตัวอย่าง ร้อยละ 0.38 ไม่ได้รับการศึกษา, ร้อยละ 19.08 จบการศึกษาประถมศึกษา ร้อยละ 35.11 จบการศึกษามัธยมศึกษา หรือเทียบเท่า, ร้อยละ 9.39 จบการศึกษาอนุปริญญาหรือเทียบเท่า, ร้อยละ 31.15 จบการศึกษาปริญญาตรีหรือเทียบเท่า และร้อยละ 4.89 จบการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี
ตัวอย่าง ร้อยละ 9.77 ประกอบอาชีพข้าราชการ/ลูกจ้าง/พนักงานรัฐวิสาหกิจ, ร้อยละ 17.40 ประกอบอาชีพพนักงานเอกชน, ร้อยละ 21.15 ประกอบอาชีพเจ้าของธุรกิจ/อาชีพอิสระ, ร้อยละ 11.76 ประกอบอาชีพเกษตรกร/ประมง, ร้อยละ 14.50 ประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป/ผู้ใช้แรงงาน, ร้อยละ 19.85 เป็นพ่อบ้าน/แม่บ้าน/เกษียณอายุ/ว่างงาน และร้อยละ 5.57 เป็นนักเรียน/นักศึกษา
ตัวอย่าง ร้อยละ 20.46 ไม่มีรายได้, ร้อยละ 3.21 รายได้เฉลี่ยต่อเดือนไม่เกิน 5,000 บาท, ร้อยละ 16.41 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 5,001-10,000 บาท, ร้อยละ 30.53 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 10,001-20,000 บาท, ร้อยละ 11.60 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 20,001-30,000 บาท, ร้อยละ 4.83 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 30,001-40,000 บาท, ร้อยละ 2.06 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 40,001-50,000 บาท, ร้อยละ 1.37 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 50,001-60,000 บาท, ร้อยละ 0.53 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 60,001-70,000 บาท และรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 80,001 บาทขึ้นไป ในสัดส่วนที่เท่ากัน ร้อยละ 0.15 รายได้เฉลี่ยต่อเดือน 70,001-80,000 บาท และร้อยละ 8.32 ไม่ระบุรายได้
นราธิวาส คนร้ายเหิมหนัก ขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ฐาน ตชด. เจ้าหน้าที่เจ็บ 4 นาย.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9558257
นราธิวาส คนร้ายเหิมหนัก ขว้างไปป์บอมบ์ ใส่ฐาน ตชด. เจ้าหน้าที่เจ็บ 4 นาย กล้องวงจรปิดจับนาทีก่อเหตุชัด ผกก.สั่งแกะรอยไล่ล่า
เมื่อเวลา 18.37 น. วันที่ 21 ธ.ค. 2567 พ.ต.อ.วีระยุทธ ตาสีพันธุ์ ผกก.สภ.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส รับแจ้งมีเหตุคนร้ายขว้างระเบิดแสวงเครื่องแบบไปป์บอมบ์ ใส่ด่านตรวจของฐานปฏิบัติการ ตชด.ที่ 934 ซึ่งตั้งอยู่บ้านบือราเป๊ะ ม.3 ต.โคกเคียน ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 4 นาย จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมขอสนับสนุนชุดเก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิดหน่วยนาวิกโยธินกองทัพเรือ เข้าตรวจสอบ
ที่เกิดเหตุบริเวณเต็นท์ฝั่งตรงข้ามของฐานปฏิบัติการ ฝั่งขาเข้ามาจากสนามบินไป อ.เมืองนราธิวาส พบร่องรอยของระเบิดไปป์บอมบ์ตกอยู่ หลุมลึก 3 นิ้ว รัศมีกว้าง 6 นิ้ว และมีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดไปป์บอมบ์ตกอยู่กระจัดกระจาย เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 4 นาย ประกอบด้วย 1.ส.ต.ต.สาครินทร์ สิทธิสาคร แน่นหน้าอก หูอื้อ 2.ส.ต.ท.ภูมิ บุญทวี หูอื้อ แน่นหน้าอก 3.ส.ต.ท.คมเพชร งอยปัดพันธ์ หูอื้อ แน่นหน้าอก และ 4.ส.ต.ท.พงศ์ปณต โครตพันธ์ หูอื้อ แน่นหน้าอก เพื่อนตำรวจได้ส่งรักษาที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์
จากการสอบสวนทราบว่า ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 4 นายที่ได้รับบาดเจ็บ กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ภายในเต็นท์ มีคนร้ายจำนวน 4 คน ขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ โดยคนร้ายที่นั่งซ้อนท้าย รถจักรยานยนต์คันที่ 2 ได้ขว้างระเบิดไปป์บอมบ์ใส่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในเต็นท์ แล้วขี่รถ จักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ระเบิดไปป์บอมบ์จะทำงานและเกิดระเบิดขึ้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 4 นาย ได้รับบาดเจ็บ
ต่อมา พ.ต.อ.วีระยุทธ ผกก.สภ.โคกเคียน ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งไว้บนเสาไฟฟ้าภายในซอยที่เจ้าหน้าที่ได้กางเต็นท์ไว้ และสามารถบันทึกพฤติกรรมของคนร้ายเอาไว้ได้ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไล่กล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นเส้นทางหลบหนีของคนร้าย เพื่อติดตามตัวกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง เพื่อลอบสังหารเจ้าหน้าที่รายวัน และสร้างสถานการณ์ปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไทยอุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศา กทม.ต่ำสุด 19 องศา
https://www.innnews.co.th/news/news-general/news_819139/
ประเทศไทย อุณหภูมิลดลงอีก 1-2 องศา ยอดดอย-ยอดภูหนาวจัดมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง ด้านกรุงเทพอุณหภูมิต่ำสุด 19 องศา
พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว คาดว่าจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และภาคตะวันออกในระยะต่อไป ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาเซลเซียส
โดยภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคเหนือมีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า สำหรับบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง
ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรงไว้ด้วย
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง
โดยบริเวณอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร และทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย
ฝุ่นละอองในระยะนี้: ประเทศไทยตอนบนมีแนวโน้มของการสะสมฝุ่นละออง/หมอกควันอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในบริเวณดังกล่าวและการระบายอากาศอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง
กรุงเทพและปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.