JJNY : "น้ำมันขึ้น ของก็แพง"│เพื่อไทย ลั่นกลองเลือกตั้ง│‘ชญาดา’นำทีมส.ก.เพื่อไทยลงพื้ันที่ช่วยปชช.│สัมภาษณ์ : ดร.ปริญญา

"น้ำมันขึ้น ของก็แพง" เจาะเงินเฟ้อไทย อ่อนไหวตามราคาพลังงาน
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/180294
 
 
เจาะลึกเงินเฟ้อไทยผ่านข้อมูลราคาสินค้าและบริการรายย่อย พบ ช่วง 20 ปีที่ผ่านมา อ่อนไหวตามราคาพลังงาน "น้ำมันขึ้น ของก็แพง"
 
งานวิจัยของ ดร.พิม มโนพิโมกษ์ นายชัยธัช จิโรภาส ธนาคารแห่งประเทศไทย และ ดร.นุวัต หนูขวัญ สถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ใช้ข้อมูลราคาสินค้าและบริการรายย่อยในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อวิเคราะห์เงินเฟ้อไทยในเชิงลึก สรุปว่า

เงินเฟ้อไทยไม่ค่อยอ่อนไหวไปกับปัจจัยมหภาค เช่น วัฏจักรเศรษฐกิจ แต่ถูกขับเคลื่อนโดยปัจจัยเฉพาะของแต่ละสินค้าเป็นสำคัญ โดยเฉพาะสินค้าในหมวดพลังงาน ซึ่งเงินเฟ้อในลักษณะนี้จะ "คลี่คลายไปได้เอง ไม่ส่งผลยืดเยื้อ"

อย่างไรก็ตาม ผลของปัจจัยเฉพาะไม่ได้มีการส่งผ่านไปสู่ราคาสินค้าและบริการอื่นๆ ในวงกว้างเท่าใดนัก ส่วนหนึ่งสะท้อนถึง ความสามารถของธนาคารกลางในการดูแลเงินเฟ้อในประเทศ
 
ถ้าดูรายสินค้าจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงมีความแตกต่างกันมากในแต่ละเดือน เช่น ช่วงต้นปี 65 การเปลี่ยนแปลงของราคาเนื้อสุกรเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าสูงถึง 22.6% ในขณะที่ราคาสินค้าหลายรายการไม่มีการเปลี่ยนแปลงหรือปรับลดลง 

สะท้อนว่าปัจจัยขับเคลื่อนเงินเฟ้อมีความหลากหลาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงตามวัฏจักรเศรษฐกิจ นโยบายการเงิน หรือจากปัจจัยเฉพาะ มีผลกับสินค้าบางประเภท เช่น ผลจากโรคระบาดในสุกรข้างต้น สภาพอากาศแปรปรวนที่กระทบราคาผักผลไม้ มาตรการภาครัฐที่อุดหนุนค่าน้ำค่าไฟ เป็นต้น 
เงินเฟ้อไทยเป็นไปในลักษณะปัจจัยเฉพาะและจะสูงเมื่อกระทบสินค้าหมวดพลังงาน

ปัจจัยนี้ส่งผลต่อความผันผวนของเงินเฟ้อไทยได้สูงถึง 85% ส่วนใหญ่แล้วมาจากปัจจัยเฉพาะที่กระทบสินค้าในหมวดพลังงาน เช่น น้ำมันขายปลีกในประเทศ ซึ่งสะท้อนสัดส่วนการนำเข้าน้ำมันที่อยู่ในระดับสูงของไทย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีความผันผวนสูง ดังนั้น อาจกล่าวได้ว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อไทยเป็นปัจจัยด้านอุปทานเป็นหลัก
  
การดูแลตระกร้าเงินเฟ้อของธนาคารกลาง 
 
นายชัยธัช เล่าว่า ด้วยความสามารถของธนาคารกลาง (ธปท.) ที่สามารถดูแลเฟ้อได้ในช่วงที่ผ่านมา มีส่วนทำให้เงินเฟ้อไทยสูงขึ้นตามปัจจัยเฉพาะมีบทบาทสูงขึ้น ผ่านสองช่องทางสำคัญ โดยให้ราคาสินค้าและบริการรายย่อยอ่อนไหว เนื่องจากผู้ประกอบการเชื่อว่าธนาคารกลางจะสามารถดูแลเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมายได้
 
นอกจากนี้ ยังส่งผลให้การเปลี่ยนแปลงของราคาในหมวดย่อยที่เป็นผลจากปัจจัยเฉพาะ ไม่ส่งผ่านไปยังราคาสินค้าและบริการอื่นๆ เป็นวงกว้างอีกด้วย 
อย่างไรก็ตาม คณะวิจัย แนะนำว่าผู้ดำเนินนโยบายควรมองผ่าน (look through) ความผันผวนระยะสั้นเหล่านี้ และให้ความสำคัญกับการปรับตัวของเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบเป้าหมายเงินเฟ้อในระยะปานกลางเป็นสำคัญ อย่างไรก็ดี หากปัจจัยเฉพาะมีความรุนแรงและยืดเยื้อขึ้น ธนาคารกลางอาจจำเป็นต้องเข้าดูแลเพื่อยึดเหนี่ยวเงินเฟ้อคาดการณ์ของสาธารณชน 
 

 
เพื่อไทย ลั่นกลองเลือกตั้ง ฝันชนะ 253 เสียง ปิดฉากนายกฯ 13 ปี
https://www.prachachat.net/politics/news-1044311

พรรคเพื่อไทย มาเหนือ “ชลน่าน” ขอแลนด์สไลด์ 253 เสียง เอาประยุทธ์ออกไป “จาตุรนต์” ใช้การเลือกตั้งเปลี่ยนรัฐบาล ไล่นายกฯ เถื่อน
 
วันที่ 10 กันยายน 2565 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทยจัดกิจกรรม ครอบครัวเพื่อไทย “สะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ” นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ผู้อำนวยการหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย  นายจาตุรนต์ ฉายแสง สมาชิกพรรค รวมถึงกรรมการบริหารพรรค คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางทางการเมือง ทั้งนี้ เป็นการเปิดตัวนโยบายด้านการเกษตร พร้อมกับเปิดตัวผู้สมัครภาคเหนือ
  
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ลั่นกลองสะบัดชัย เพื่อไทยมาเหนือ มาเชียงใหม่ เพื่อแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน ที่ยกทัพมาที่เชียงใหม่ เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองหลวงของพรรคเพื่อไทย สิ่งที่ตนต้องบอกกับชาวเชียงใหม่ เราพร้อมรบแล้วเพื่อไทยแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน แต่จะแลนด์สไลด์ไม่ได้ถ้าเชียงใหม่เมืองหลวงของพรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ครบทั้ง 11 เขต
 
กลองสะบัดชัยหมายถึงการลั่นกลองรบ เราต้องการสร้างความฮึกเหิมสร้างกำลังใจให้กับผู้สมัครทั้ง 400 เขต เข้าไปต่อสู้ จึงมาสะบัดชัยที่เชียงใหม่ และเพื่อไทยมาเหนือ เหนือทุกพรรคการเมือง และเราจะเอาหัวใจที่เรารัก หวงแหนที่สุดกลับคืนมา และเอาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาออกไป เราจะเอาหนี้มหาศาล ความยากจนคืนกลับไปพร้อมกับ ประยุทธ์ และจะเอาอนาคตของลูกหลานและประเทศกลับคืนมา
 
สิ่งที่เรามุ่งหมายและตั้งใจ ถ้าเราไม่แลนด์สไลด์ สิ่งที่ตนพูดข้างต้นจะไม่กลับมา ดังนั้น ถ้าเราได้ ส.ส.250 คนขึ้นไป สิ่งแรกที่จะทำคือ เราจะมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่พวกเรา ประชาชนร่วมกันสร้าง ที่บอกว่าเอาหัวใจ สิ่งที่พวกเรารักกลับคืนมา เราต้องเอากลับคืนมาให้ได้ ใส่บ้านหลังใหญ่ครอบครัวเพื่อไทย ที่มีหัวใจเดิม สิ่งที่เรารักที่สุดคือประชาธิปไตยของพวกเรา
 
“พรรคการเมืองทุกพรรคเป็นคู่แข่งเรา แต่พรรคเพื่อไทยใจเดียว กาเพื่อไทยทั้งพรรค ทั้งคน เท่านั้น เลือกให้ชนะเด็ดขาด เราบอกทุกพรรคการเมืองเป็นคู่แข่ง แต่มีพรรคการเมืองสองประเภทที่เราประกาศเป็นศัตรูทางการเมือง 1.พรรคที่ไปหาเสียงและแอบอ้างว่าก็เป็นพรรคเดียวกัน เป็นพรรคพี่ พรรคน้อง พรรคแบบนี้เราประกาศเป็นศัตรูทางการเมือง 2.พรรคที่สนับสนุนเผด็จการระบอบประยุทธ์ เราจะไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่สนับสนุนระบอบประยุทธ์” นพ.ชลน่าน กล่าว
 
นพ.ชลน่าน กล่าวอีกว่า เรามั่นใจว่าชนะได้ เพราะในอดีตเราเฟื้องฟู ปัจจุบันเราเข้มแข็ง และในอนาคตวันข้างหน้า จากไทยรักไทยถึงพรรคเพื่อไทย เรามีประชาธิปไตยที่กินได้ เพราะพรรคเพื่อไทยทำมาแล้วและจะทำได้ต่อไป เรามี ส.ส.มากที่สุด เรามั่นใจ มีใจอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ใจบันดาลแรง คนรุ่นกลาง รุ่นใหม่ของเราพร้อม มาร่วมเป็นพลังผลักดันให้เพื่อไทยแลนด์สไลด์ 15 ล้านเสียงขึ้นไป
 
“ภาคเหนือตอนบน 36 เขต เลือกตั้ง เอาหมด 400 เขต แต่เบื้องต้นขอ 250 เขตขึ้นไป ให้ดีคือ 253 เสียง เพราะ 1 เสียงคือประธานสภา อีก 1 เสียงคือรองประธานสภา อีก 1 คน เผื่อไว้ในกรณีต้องใช้เสียงมากกว่า 250 เสียง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
 
ต่อมานายจาตุรนต์ กล่าวว่า ปราศรัยเชียงใหม่ทีไร คึกคักไม่ผิดหวัง ตนเคยเป็นนักศึกษาแพทย์ ม.เชียงใหม่มา 3 ปี แล้วไปอยู่ จ.น่าน กับ จ.พะเยา รวมแล้วอยู่ภาคเหนือมา 7 ปี มาวันนี้มีความรู้สึกว่าตนกับพี่น้องชาวเชียงใหม่ผูกพันกันมายาวนาน ส่วนเรื่องการเมือง พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ 8 ปี จะไปเลยหรือไม่ ตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ 57 ถึงตอนนี้ก็ครบแล้ว แต่มีการพูดกันว่าจะเป็นอีก 2 ปี หรือเป็นยาวๆ ถึงปี 2570 เป็นนายกฯ 13 ปี แต่แค่ 8 ปีก็แย่พอแล้ว
 
ประเทศไทยมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร การเมือง 20 ปีมานี้ เกิดอะไรขึ้น เมื่อก่อนตนเป็นผู้แทนราษฎรใหม่ๆ  พรรคการเมืองเคยได้ ส.ส.เกือบยกเขต พอเข้าสภาไปแล้วนโยบายทำไม่ได้เลย พรรคก็เสื่อม จนกระทั่งมีพรรคไทยรักไทย ฟังเสียงพี่น้องประชาชน แล้วประกาศเป็นนโยบาย พอชนะเลือกตั้งแล้วก็เอานโยบายไปทำ 4 ปีทำครบทุกเรื่องที่ประกาศไว้
 
เป็นพรรคการเมืองพรรคแรกที่ทำอย่างนี้ได้ พรรคไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทยทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมา ด้วยการสนับสนุนของพี่น้องชาวภาคเหนือ และชาว จ.เชียงใหม่ และ จ.เชียงใหม่ ได้ส่งคนมาเป็นนายกฯ 2 คน ได้ ส.ส.มากกว่าครึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร จึงต้องบอกว่าเป็นนายกฯ มีที่มาที่สง่างาม ไม่ใช่นายกฯ เถื่อน

“ยามมีประโยชน์ในการดูแลรักษาความปลอดภัย แต่เอายามมาเป็นประธานบริษัท มาบริหารไม่ได้ ความเสียหายที่ พล.อ.ประยุทธ์ทำมา 8 ปี เศรษฐกิจเสียหายยับเยิน เติบโตช้าที่สุดในอาเซียน อย่าอ้างโควิด-19 เพราะก่อนหน้านั้นก็เติบโตช้าที่สุด พอเข้าจะฟื้นกัน ไทยยังฟื้นช้าที่สุด ถดถอยที่สุดอีก 
นิติรัฐ นิติธรรมไม่มี การลงทุนจากต่างประเทศก็รั้งท้าย หนี้ครัวเรือนสูงสุดในประวัติศาสตร์ ความเหลื่อมล้ำติดอันดับต้นๆ ของโลก การทุจริตก็ตกอันดับ ยาเสพติดเต็มบ้านเต็มเมือง ระบบการปกครองที่ไม่ดีสร้างความเสียหายมากที่สุด คือการปกครองแบบเผด็จการ ปล่อยให้ดำรงอยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ไม่ว่าศาลรัฐธรรมนูญจะตัดสินให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ต่อหรือไม่ก็ตาม แต่ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นรัฐบาลต่อไปไม่ได้อีกแล้ว จะต้องใช้การเลือกตั้งในการเปลี่ยนรัฐบาล จะเปลี่ยนรัฐบาลได้ต้องแลนด์สไลด์ เพื่อปิดสวิตช์ ส.ว. เพื่อไม่ให้เข้ามาโหวตนายกฯ เมื่อประชาชนแลนด์สไลด์แล้ว ส.ว.ก็ต้องละอาย หยุดสนับสนุนการสืบทอดอำนาจบ้าง
 
“ประชาชนเลือกพรรคอะไรเป็นรัฐบาล พรรคนั้นต้องเป็นรัฐบาล ประชาชนเลือกใครเป็นนายกฯ คนนั้นก็ต้องได้เป็นนายกฯ  ต้องเลือกเพื่อไทยเพื่อปิดเกมสืบทอดอำนาจ และพรรคเพื่อไทยจะร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ องค์กรต่างๆ แก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย เป็นการตอกฝาโลงระบอบ คสช.ให้จบสิ้นไปเสียที มาสร้างประเทศให้เป็นประชาธิปไตยให้เจริญก้าวหน้า” นายจาตุรนต์ กล่าว



‘ชญาดา’นำทีม ส.ก.เพื่อไทย ลงพื้นที่เร่งระบายน้ำช่วยเหลือปชช.
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_3555012
 
เมื่อวันที่ 10 กันยายน นางชญาดา วิภัติภูมิประเทศ ส.ก.เขตคันนายาวและรองประธานสภากรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย นายเนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย ส.ก.เขตบึงกุ่ม น.ส.มธุรส เบนท์ ส.ก.เขตสะพานสูง น.ส.นภัสสร พละระวีพงศ์ ส.ก.เขตบางกะปิ และ นายสุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ส.ก.เขตลาดกระบัง พรรคเพื่อไทย(พท.) ลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่ โดยได้เร่งระบายน้ำในจุดที่มีน้ำท่วมขังอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา มีฝนตกหนัก ระดับน้ำในคลองต่างๆเพิ่มสูงขึ้น จนเอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ คันนายาว บึงกุ่ม สะพานสูงบางกะปิ ลาดกระบัง จึงได้เร่งให้การช่วยเหลือ
 
นางชญาดา กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เขตคันนายาว บริเวณที่ได้รับความเดือดร้อน มีชุมชนซอยคู้บอน 25 ชุมชนผู้ใหญ่ชม ชุมชนหมู่ 6 และหมู่ 8 เนื่องด้วยลักษณะทางกายภาพ บ้านเรือนของประชาชนอยู่ระดับที่ต่ำ รวมทั้งที่พักอาศัยริมคลองจะได้รับผล กระทบมากกว่าจุดอื่น  จึงประสานทางสำนักงานเขตคันนายาว ให้ความช่วยเหลือ โดยจะนำกระสอบทรายมาวางกั้นน้ำ และมอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเบื้องต้น
 
ขณะที่ นายสุรจิตต์กล่าวว่า ทราบข้อมูลจากสำนักการระบายน้ำ กทม. แจ้งว่า ช่วงนี้จะมีร่องมรสุมพาดผ่านภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก จึงมีความห่วงใย พี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตลาดกระบัง ก็ขอให้เฝ้าระวัง หากบ้านพักอาศัยอยู่ในระดับต่ำ ก็ให้ยกสิ่งของมีค่า ขึ้นสูงไว้ก่อน เพื่อมิให้เกิดความเสียหาย และจะประสานกรุงเทพมหานครเตรียมพร้อมให้การช่วยเหลือ เปิดเครื่องสูบน้ำ เตรียมกระสอบทรายให้เพียงพอต่อการใช้งาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่