JJNY : พท.-กก.แจงปมตีกลับร่างกม.กัญชา│หวั่นการผลิตสะดุด│ยื่นเอาผิด'ศักดิ์สยาม'เขากระโดง│สภาท้องถิ่นรัสเซีย หวั่นถูกยุบ

เพื่อไทย-ก้าวไกล แจงปมตีกลับร่างกม.กัญชา จี้สธ.ออกประกาศยกเลิกปลดล็อกเสรี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7267007
 
 
เพื่อไทย-ก้าวไกล ยันร่างพ.ร.บ.กัญชาสะดุด ไม่ใช่เรื่องการเมือง เหตุมีมาตราเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ จี้ รมว.สธ. ออกประกาศยกเลิกปลดล็อคกัญชาเสรี แก้ปัญหาสุญญากาศ
  
เมื่อวันที่ 15 ก.ย. 2565 นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงที่ประชุมสภา มีมติให้ถอนร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับั้..) พ.ศ… ที่กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว ออกไปจากวาระว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง เพราะเดิมมี 40 กว่ามาตรา แต่ปรากฏว่ากมธ.ไปแก้กลับไปกลับมา 90 กว่ามาตรา ซึ่งเพิ่มมาตราที่เกินผิดปกติอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะหากเพิ่ม 4-5 มาตรานั้น พอรับได้ แต่การเพิ่มมา 40 กว่ามาตรา เป็นเรื่องผิดปกติ
 
ฉะนั้น หากปล่อยให้พิจารณาในวาระสอง จะเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะต้องมีการแก้ไขจำนวนมาก ดังนั้น การโหวตให้ไปทบทวนใหม่ จึงเป็นประโยชน์กับประชาชน เพราะเมื่อเอากลับเข้ามาพิจารณาใหม่จะไม่เสียเวลามาก แต่ถ้าแก้ในสภา 40 กว่ามาตราจะเป็นเรื่องยากมาก
 
นายประเสริฐ กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีหลายฝ่ายท้วงติง และเราเห็นว่าเป็นประเด็นอ่อนไหว ควรระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะส่งผลกระทบต่อการใช้กัญชาในอนาคต ถ้าใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ไม่มีใครติดใจ แต่วันนี้มีการนำเอากัญชาไปใช้ในเรื่องสันทนาการ ซึ่งอาจจะเกินเลยไป สภาจึงระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่มีเจตนาด้านการเมือง ส่วนที่มองว่าเป็นความขัดแย้งระหว่างพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์นั้น จริงๆแล้ว เป็นเอกสิทธิ์ของส.ส.ที่จะพิจารณา
 
ด้านนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ปัญหาอยู่ที่การออกประกาศของ รมว.สาธารณสุข ที่ปลดล็อกกัญชาออกจากสารเสพติดโดยไม่มีกฎหมายมารองรับ จึงเกิดสุญญากาศทางกฎหมายในตอนนี้
  
เรายังย้ำว่า รมว.สาธารณสุขในฐานะที่มีอำนาจออกประกาศหรือหากไม่สามารถทำได้เอง ก็เสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการปราบปรามยาเสพติด ที่นายกฯเป็นประธาน เพื่อยกเลิกประกาศดังกล่าวไปก่อน รอให้มีกฎหมายเข้ามาควบคุมก่อนค่อยปลดล็อกก็ได้ ซึ่งทำได้ทันที และลดผลกระทบจากปัญหาสุญญากาศทางกฎหมายกัญชาเสรีลงไปได้ เป็นการเฉพาะหน้า
 

  
หวั่นห่วงโซ่การผลิตสะดุด เอกชนแนะรัฐบริหารจัดการน้ำเป็นระบบ
https://www.thairath.co.th/business/economics/2500656
 
ส.อ.ท.หวั่นน้ำท่วมพื้นที่เศรษฐกิจจะกระทบห่วงโซ่การผลิตฉุดส่งออก แนะรัฐบาล บริหารจัดการภาพรวมหลังสัญญาณโลกรวน เตือนแรง ทั้งน้ำท่วม ภัยแล้ง ทั่วโลก ด้านพาณิชย์สำรวจสต๊อกและราคาวัสดุก่อสร้างช่วงน้ำท่วมพร้อมรับมือความต้องการประชาชน
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีความกังวลต่อผลกระทบห่วงโซ่การผลิต ในภาคอุตสาหกรรมที่หากเกิดขึ้นรุนแรง จะกระทบต่อการส่งออกในช่วงที่เหลือของปีนี้ได้ ดังนั้น รัฐบาลจะต้องมีมาตรการรับมือและป้องกันผลกระทบ การเกิดอุทกภัยในพื้นที่เศรษฐกิจ รวมทั้งควรมีแผนบริหารจัดการน้ำอย่างมีระบบทั้งการป้องกันอุทกภัย เพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอยปี 2554 และปัญหาภัยแล้ง
 
“ปีนี้ฝนค่อนข้างมีมากทำให้หลายฝ่ายวิตกว่าอาจจะซ้ำรอยปี 2554 ปัญหานี้อาจจะมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จากภาวะโลกร้อนที่กำลัง เป็นปัญหาใหญ่ทั่วโลกต้องเผชิญ เช่น ปากีสถานเผชิญกับฝนทิ้งระเบิด (Rain Bomb)ขณะที่ประเทศจีน แม่น้ำสำคัญกลับแห้งเหือดและคลื่นความร้อนในยุโรป เหล่านี้ส่งสัญญาณให้กังวลมาก โดย ส.อ.ท.ได้มีการร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อป้องกันผลกระทบในภาพรวมอย่างต่อเนื่อง”
 
ทั้งนี้ ส.อ.ท.เป็นห่วงพื้นที่ในโซนภาคกลาง เช่น พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ปทุมธานี สมุทรสาคร และโซนตะวันออกของ กทม.เช่น สมุทรปราการ ชลบุรี ระยอง ฉะเชิงเทรา ที่แม้น้ำไม่ท่วมหนัก แต่ก็มีน้ำหลากในพื้นที่บ่อยครั้ง อาจจะกระทบต่อโรงงานอุตสาหกรรมในบริเวณดังกล่าวได้ และหากท่วมรอบนิคมอุตสาหกรรมก็จะกระทบต่อภาคการขนส่งที่จะมีผลต่อการส่งออกได้เช่นกัน
 
นายสมชาย หวังวัฒนาพาณิช ประธานสถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน ส.อ.ท. กล่าวว่า ปีนี้ยอมรับว่าปริมาณฝนตก ค่อนข้างมาก ซึ่งจากการประสานงานและร่วมเป็นภาคีเครือข่าย เฝ้าระวังพบว่า เขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่างๆเฉลี่ยมีน้ำอยู่ 50% ซึ่งศักยภาพในการรับน้ำจะอยู่ระดับ 90% ดังนั้น ยังมีส่วนที่จะรับมือได้เมื่อฝนมาเพิ่ม ขณะที่การระบายน้ำท้ายเขื่อน ตั้งแต่เหนือลงใต้ในสายน้ำหลักเจ้าพระยาและสายรอง ในภาพรวมมีปริมาณน้ำระดับปานกลาง ซึ่งจากการวิเคราะห์ของนักวิชาการต่างๆ ยืนยันว่าน้ำปีนี้จะไม่ท่วมรุนแรงเหมือนกับกรณีปี 2554
 
ด้านร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 13 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่สำรวจสถานการณ์การจำหน่ายและสต๊อกสินค้า ณ ห้างดูโฮม สาขารังสิต คลอง 7 ซึ่งเป็นศูนย์จำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างตั้งอยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ที่มีน้ำท่วม พบว่า มีการจัดเก็บสต๊อกสินค้าไว้อย่างเต็มที่ และพร้อมส่งมอบสินค้าให้แก่ลูกค้าได้ทันที ทั้งเหล็ก ปูน ท่อพีวีซี และกระเบื้อง อุปกรณ์ซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน หรือเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ
 
“นอกจากนี้ ยังมีการจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเป็นจำนวนมาก มีบริการขนส่งสินค้าถึงมือลูกค้า ความร่วมมือของห้าง/ร้านต่างๆ ในการจัดเก็บสต๊อกสินค้าอย่างเพียงพอ จะมีส่วนช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม หากประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรมด้านราคาและปริมาณสินค้า สามารถร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งแอปพลิเคชันไลน์ (@Mr.DIT) จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบ หากพบมีการเอาเปรียบประชาชน จะดำเนินการตามกฎหมาย”.


  
ฝ่ายค้าน ยื่นป.ป.ช. เอาผิด 'ศักดิ์สยาม' ครองที่ดินเขากระโดง ลุยสอบ 'บิ๊กตู่-จุรินทร์' รายต่อไป
https://www.matichon.co.th/politics/news_3563862
 
พรรคฝ่ายค้าน ยื่นป.ป.ช. เอาผิด “ศักดิ์สยาม” ถือครองที่ดินเขากระโดง-แจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ โอนหุ้นก่อนรับตำแหน่ง ด้าน “เลขาฯพท.”ยันไม่ใช่การดิสเครดิตภท. ลุยยื่นสอบ “บิ๊กตู่- จุรินทร์” -รายต่อไป
 
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 15 กันยายน ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้าน นำโดย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ (ปช.) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคร่วมฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือต่อป.ป.ช. ขอให้ไต่สวน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นการยื่นร้องเอาผิดหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
 
โดยนายประเสริฐ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคร่วมฝ่ายค้าน เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรคจึงได้ยื่นสำนวนต่อ ป.ป.ช.เพิ่มเติม 3 สำนวน กล่าวหานายศักดิ์สยาม จำนวน 3 สำนวน ประกอบด้วย 

1.ขอให้ ป.ป.ช.ไต่สวนและดำเนินการด้านจริยธรรมของนายศักดิ์สยาม และส่งเรื่องให้ศาลฎีกา เพื่อดำเนินการเกี่ยวกับมาตราฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 
จากกรณีครอบครองที่ดินของรัฐ ที่ดินรถไฟเขากระโดง โดยใช้ที่ดินที่เหล่านั้นเป็นประโยชน์สำหรับธุรกิจตนเองและเครือญาติ 

2. ขอให้ป.ป.ช.ไต่สวนและดำเนินคดีกับนายศักดิ์สยาม กรณีปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต จากการยึดถือครอบครองที่ดินรัฐโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งนายศักดิ์สยามในฐานะ รมว.คมนาคม ที่กำกับดูแลกรารถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งไม่ดำเนินการใดๆเพื่อให้ รฟท.ดำเนินคดีกับผู้บุกรุกที่ดิน รฟท.แต่อย่างใด แต่ใช้เทคนิคด้านกฎหมาย ประสานงานให้กรรมที่ดินเป็นผู้ฟ้องร้อง เป็นเจตนาทอดเวลาเพื่อประโยชน์ของตนเอง และ
 
3. ขอให้ตรวจสอบบัญชีแสดงทรัพย์สินและหนี้สินของนายศักดิ์สยาม ที่ยื่นต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช.จากกรณีเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งมีความไม่ชอบมาพากลในหลายประเด็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการยักย้ายถ่ายเทสร้างหลักฐานอันเป็นเท็จ จึงมีมูลเหตุเชื่อว่ามีการปกปิดหรือแจ้งทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ ทั้ง 3 สำนวนพรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเป็นเรื่องที่มีมูล จึงได้นำเรื่องมายื่นต่อคระกรรมการ ป.ป.ช.
 
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง กล่าวว่า กรณีที่ดินเขากระโดง โดยเฉพาะโฉนดที่ดินที่เป็นที่ตั้งบ้านพักของนายศักดิ์สยามนั้น ป.ป.ช.เคยมีมติแล้วว่าเป็นการออกโฉนดโดยมิชอบและมีหนังสือไปถึงรฟท.ให้ดำเนินการกับผู้บุกรุก แต่ปรากฏว่ายังมีการฝ่าฝืนและสร้างบ้านในที่ดินดังกล่าวอยู่ ดังนั้นหากยึดตามมาตรฐานคดีประเภทเดียวกันที่ ป.ป.ช.เคยดำเนินการ ก็ควรที่จะส่งศาลศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่นเดียวกับกรณีปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต หากป.ป.ช.ไต่สวนต้องส่งอัยการสูงสุด ยื่นฟ้องต่อศาลทุจริตและประพฤติมิชอบ
 
ด้าน นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวว่า กรณีเรื่องบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของนายศักดิ์สยามนั้น เกี่ยวเนื่องกับการโอนหุ้นในห้างหุ้นส่วน 1 แห่ง ก่อนที่นายศักดิ์สยาม จะเข้ารับตำแหน่ง ส.ส. และรัฐมนตรีนั้น อาจจะไม่ได้เกิดขึ้นจริง อาจจะเป็นเพียงการใช้นอมินีเท่านั้น และยังพบว่าหลังจากนั้นห้างหุ้นส่วนแห่งนี้ยังได้รับงานของกระทรวงคมนาคมกว่า 1,000 ล้านบาท และยังพบความเกี่ยวเนื่องกับบริษัท 1 แห่ง ที่อาจจะเป็นลูกหนี้นายศักดิ์สยามที่จำเป็นจะต้องแจ้งต่อ ป.ป.ช.ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ได้เตรียมเอกสารประกอบคำร้องให้ ป.ป.ช.จำนวน 2 แฟ้มเพื่อให้ทำการไต่สวนต่อไป
 
เมื่อถามว่าการยื่นคำร้องดังกล่าวเป็นการดิสเครดิตทางการเมืองพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นการดิสเครดิตพรรคใด เพียงแต่ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เรื่องใดมีมูลที่จะยื่นต่อ ป.ป.ช.ได้ก็เป็นหน้าที่ของเราอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ไม่มีเรื่องการเมืองแต่อย่างใด และยังมีอีกหลายคนที่พรรคร่วมฝ่ายค้านจะยื่นให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบต่อไป ซึ่งขณะนี้กำลังทำสำนวนอยู่ ทั้งนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กรณีการทุจริตถุงมือยาง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ กรณีการใช้งบกลางส่อไปในทางทุจริตผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งจะยื่นภายในเดือนนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่