เตือนนายกฯ- ครม. รับผล 4 ข้อ หากปล่อย ‘ตู่’ อยู่เกิน 8 ปี
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7195132
เตือนนายกฯ-ครม. รับผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าปล่อย ‘ตู่’ อยู่เกินวาระ 8 ปี จตุพร-ทนายนกเขาฮึ่ม ไม่ออกมาถึงทำเนียบแน่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ส.ค.2565 ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นาย
นิติธร ล้ำเหลือ และ นาย
จตุพร พรหมพันธุ์ เข้ายื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง การห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ฉบับที่ 15
นาย
พิชิต ไชยมงคล อ่านแถลงการณ์ว่า กลุ่มมายื่นหนังสือถึง นายกฯ 2 เรื่อง
1.ให้มีคำสั่งให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ ฉบับที่ 15 ประกาศ ณ วันที่ 1 ส.ค 2565
และ 2. ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 8 คณะรัฐมนตรี มาตรา 58 บทเฉพาะกาลมาตรา 264
เนื่องจากการออกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ เป็นการใช้อำนาจรัฐเกินสมควร ขัดหลักเจตนารมณ์การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม การออกประกาศดังกล่าวกลุ่มมองว่าเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่าความมั่นคงของรัฐ ฯลฯ
ส่วนวาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 8 ปี จึงมาแจ้งเพื่อให้นายกฯ และรัฐมนตรีทั้งคณะทราบ หากไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ
1. จะสร้างผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. เกิดกรณีแอบอ้างตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อหลอกลวงประชาชน
3. การดำเนินการใดเกี่ยวกับงบประมาณจะมีความผิดในลักษณะฉ้อโกงประชาชนอันอาจถูกยึด อายัด ตรวจสอบทรัพย์สิน
และ 4. หากทำหน้าที่ต่อไปจะเป็นการทำตามอำเภอใจ โดยไม่มีกฎหมายรองรับ
ด้านนาย
นิติธร กล่าวว่า วาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯที่จะครบ 8 ปี ซึ่งเรียกร้องให้ทาง รัฐบาลปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญปี 60 หากวันที่ 24 ส.ค นายกฯ ยังไม่ประกาศลาออก กลุ่มจะนำพาประชาชนมาทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป
เวลา 11.50 น. ทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ผ่านนาย
สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เป็นผู้แทนฯ รับเรื่องไว้
กกร. ผวาเงินเฟ้อพุ่ง-ราคาสินค้าแพงกดดันศก.ไทยถูก ซ้ำขึ้นค่าไฟทำต้นทุนเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3487320
กกร. ผวาเงินเฟ้อพุ่ง-ราคาสินค้าแพงกดดันศก.ไทยถูก ซ้ำขึ้นค่าไฟทำต้นทุนเพิ่ม
นาย
ผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2565 โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่หดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก รวมถึงจีนขยายตัวต่ำกว่าประมาณการค่อนข้างมาก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงสู่ 3.2% ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา จากเดิม 3.6% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจนกระทบครัวเรือนและภาคธุรกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางต่างๆ และผลข้างเคียงต่อห่วงโซ่อุปทานจากมาตรการซีโร่โควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง ส่งผลต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565 ซึ่งตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า การส่งออกไปประเทศเศรษฐกิจหลักเริ่มแผ่วตัวลงบ้างแล้ว
“เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.6% ซึ่งสูงกว่าภาวะปกติที่ 1-3% มาก และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งการปรับขึ้นราคาสินค้าที่เริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น และหากมีการปรับขึ้นค่าไฟในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคมนี้ ก็จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้นได้อีก ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะกระทบอำนาจซื้อภาคครัวเรือนและต้นทุนของภาคธุรกิจ” นาย
ผยง กล่าว
นาย
ผยง กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจะเป็นแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านตอนนี้ ทำให้รัฐบาลยังต้องประคับประคองให้ธุรกิจก้าวผ่านไปได้ โดยธุรกิจบางกลุ่มก็ยังสามารถส่งผลต้นทุนไปในราคาสินค้าได้ แต่ก็มีธุรกิจบางกลุ่มที่ไม่สามารถผลักต้นทุนไปในราคาขายได้ โดยเฉพาะธุรกิจบริโภคในประเทศที่เห็นอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลก็พยายามประคองผ่านการเพิ่มกำลังซื้อ จากโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่คาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของจีดีพีรวม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศและภาวะเงินเฟ้อที่กระทบอำนาจซื้อ โดยหวังว่าภาคการท่องเที่ยวในครึ่งหลังของปีนี้ จะเพิ่มกิจกรรมทางธุรกิจที่เชื่อมโยงภาคท่องเที่ยวและบริการให้เกิดรายได้มากขึ้น ซึ่งเราเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหลังยกเลิกมาตรการไทยแลนด์ พาส จึงคาดว่ามีโอกาสแตะระดับ 7-8 ล้านคนในปีนี้
นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น จะผลักดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและกระจายไปในสินค้าหลากหลายประเภทกว่าเดิม โดยในช่วงที่ราคาสินค้าอยู่ในระดับสูง กังวลอย่างเดียวคือ อย่ากักตุนสินค้า และแย่งกันซื้อ เพราะจะทำให้ราคาสินค้ายิ่งพุ่งสูงอย่างรวดเร็วมากขึ้น
นาย
เกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มีการจัดกลุ่มภาคอุตสาหกรรม 45 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่ใช้พลังงานในการผลิตมากๆ ได้แก่ โรงงานเยื้อกระดาษ หล่อโลหะ เซรามิก แก้ว อุตสาหกรรมเหล่านี้มีสัดส่วนในการใช้พลังงานเป็นต้นทุนจำนวนมาก จึงจะได้รับผลกระทบสูง แต่อุตสาหกรรมอื่นๆ ผลกระทบก็จะลดไปตามลำดับ โดยที่ผ่านมาได้เตรียมตัวในการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาช่วย เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ต้องบอกว่าค่าไฟฟ้าจะผูกติดกับเรื่องพลังงาน ที่ราคาน้ำมันและก๊าสเป็นปัจจัยสำคัญในทั่วโลก และในบางประเทศมีความหนักหนากว่าไทยอีกมาก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาคอุตสาหกรรมต้องบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด
พท.เย้ยรัฐบาล ขยายพรก.ฉุกเฉิน ผวาปมนายกฯ 8 ปี ปลุกม็อบไล่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7195263
พท.เย้ยรัฐบาล ชี้เจตนาขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวังสกัดไวรัสการเมือง เหตุผวาปมนายกฯ 8 ปี ปลูกม็อบไล่
เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2565 นาย
อนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีรัฐบาลประกาศขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน อ้างเหตุผลคาดโควิดอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น ว่า รัฐบาลย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าการประกาศขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวะเวลานี้เพื่อคุมไวรัสโควิด หรือไวรัสการเมืองขับไล่รัฐบาล อันเกิดจากการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ ศบค.แถลงความสำเร็จ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เวชภัณฑ์พร้อม คนเข้าถึงวัคซีนมาก ยอดคนติดเชื้อ คนเสียชีวิตลดลง ปัจจัยสำคัญคือคนไทยมีวินัย แพทย์และบุคลากรทางการสาธารณสุขมีความพร้อม รัฐบาลแถลงเองว่าจะเปิดประเทศ แต่กลับขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินจนถูกตั้งคำถามว่า เป็นการออกคำสั่งที่ขัดกับสถานการณ์จริง ถูกจังหวะเวลา หรือไม่
นักลงทุน นักท่องเที่ยว ที่จะตัดสินใจเข้ามาในประเทศไทย พอรัฐบาลขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอาจส่งผลต่อการตัดสินใจไม่เดินทางเข้ามา เพราะเข้าใจว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงไม่คลี่คลายจากประกาศของรัฐบาลเอง
ในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ประชาชนสิ้นหวังที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รวมถึงต้องการสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในการขับไล่ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ รวมกันเกิน 8 ปี รัฐบาลมาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวะนี้ มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากกว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดหรือไม่ รัฐบาลต้องการสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้หรือไม่
“รัฐบาลต้องเร่งคืนความเป็นปกติสุขกลับคืนมา ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขใหม่ไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาและสืบทอดอำนาจของตัวเอง การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อคุมโควิดหรือคุมพิษการเมือง สกัดกั้นคนออกมาขับไล่รัฐบาล ประชาชนดูออก” นาย
อนุสรณ์ กล่าว
‘โรม’ หวั่นสัญญาณ ล้มกระดาน ‘กม.ลูก’ เปิดช่อง ‘ประยุทธ์’ ดีไซน์กติกาเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3487531
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. …. ว่า เรามีความกังวลใจว่า ร่างพ.ร.ป.จะถูกดึงให้พ้นกรอบ 180 วัน หรือวันที่ 15 สิงหาคม จนต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ ซึ่งจะกระทบต่อการมีกฎหมายลูกก่อนจะมีการเลือกตั้ง หากมีการเลือกตั้งก่อนกฎหมายลูกจะแล้วเสร็จ จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะมีช่องว่างหลายอย่างที่ทำให้ พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถกำหนดกฎเกณฑ์กติกาในการเลือกตั้งได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทุกฝ่าย และทุกคน ตนจึงอยากให้พิจารณากฎหมายลูกจบอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่เห็นด้วยกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พรรค ก.ก. ก็พร้อมจะทำหน้าที่ในทุกรูปแบบที่ออกมา ในที่สุดไม่ว่าสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ จะหาร 100 หรือหาร 500 ประชาชนจะเป็นผู้ชี้ขาดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จากการประชุมร่วมรัฐสภาที่มีปัญหาองค์ประชุม หมายความว่า อาจมีสัญญาณที่จะล้มกระดานใหม่ใช่หรือไม่ นาย
รังสิมันต์ กล่าวว่า เราพยายามเน้นย้ำส.ส.ทุกคนของพรรค ให้ช่วยอยู่เป็นองค์ประชุม เพื่อให้กฎหมายลูกผ่านรัฐสภาให้เร็วที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตีกลับมาว่าต้องแก้ไขให้ใช้หาร 100 เราก็พร้อมที่จะลุย เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ
JJNY : 5in1 เดือนหาก‘ตู่’อยู่เกิน│กกร.ผวาเงินเฟ้อพุ่ง-สินค้าแพง│พท.เย้ยขยายพรก.│โรมหวั่นล้มกระดาน│‘ฮุน เซน’เตือนเมียนมา
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7195132
เตือนนายกฯ-ครม. รับผลที่จะเกิดขึ้น ถ้าปล่อย ‘ตู่’ อยู่เกินวาระ 8 ปี จตุพร-ทนายนกเขาฮึ่ม ไม่ออกมาถึงทำเนียบแน่
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 ส.ค.2565 ที่สำนักงานข้าราชการพลเรือน คณะหลอมรวมประชาชน นำโดย นาย นิติธร ล้ำเหลือ และ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ เข้ายื่นหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เพื่อคัดค้าน ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่อง การห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 ฉบับที่ 15
นายพิชิต ไชยมงคล อ่านแถลงการณ์ว่า กลุ่มมายื่นหนังสือถึง นายกฯ 2 เรื่อง
1.ให้มีคำสั่งให้ยกเลิกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ ฉบับที่ 15 ประกาศ ณ วันที่ 1 ส.ค 2565
และ 2. ให้ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หมวด 8 คณะรัฐมนตรี มาตรา 58 บทเฉพาะกาลมาตรา 264
เนื่องจากการออกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบฯ เป็นการใช้อำนาจรัฐเกินสมควร ขัดหลักเจตนารมณ์การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 ซึ่งขัดต่อหลักนิติธรรม การออกประกาศดังกล่าวกลุ่มมองว่าเพื่อรักษาความมั่นคงของรัฐบาลมากกว่าความมั่นคงของรัฐ ฯลฯ
ส่วนวาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ตามรัฐธรรมนูญปี 60 ที่รวมกันแล้วต้องไม่เกิน 8 ปี จึงมาแจ้งเพื่อให้นายกฯ และรัฐมนตรีทั้งคณะทราบ หากไม่ปฏิบัติตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญฯแล้ว ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือ
1. จะสร้างผลกระทบต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
2. เกิดกรณีแอบอ้างตำแหน่งหน้าที่การงาน เพื่อหลอกลวงประชาชน
3. การดำเนินการใดเกี่ยวกับงบประมาณจะมีความผิดในลักษณะฉ้อโกงประชาชนอันอาจถูกยึด อายัด ตรวจสอบทรัพย์สิน
และ 4. หากทำหน้าที่ต่อไปจะเป็นการทำตามอำเภอใจ โดยไม่มีกฎหมายรองรับ
ด้านนายนิติธร กล่าวว่า วาระการดำรงตำแหน่งของนายกฯที่จะครบ 8 ปี ซึ่งเรียกร้องให้ทาง รัฐบาลปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญปี 60 หากวันที่ 24 ส.ค นายกฯ ยังไม่ประกาศลาออก กลุ่มจะนำพาประชาชนมาทำกิจกรรมที่ทำเนียบรัฐบาลต่อไป
เวลา 11.50 น. ทางกลุ่มได้ยื่นหนังสือถึงนายกฯ ผ่านนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาด้านการบริหารจัดการเรื่องราวร้องทุกข์ เป็นผู้แทนฯ รับเรื่องไว้
กกร. ผวาเงินเฟ้อพุ่ง-ราคาสินค้าแพงกดดันศก.ไทยถูก ซ้ำขึ้นค่าไฟทำต้นทุนเพิ่ม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3487320
กกร. ผวาเงินเฟ้อพุ่ง-ราคาสินค้าแพงกดดันศก.ไทยถูก ซ้ำขึ้นค่าไฟทำต้นทุนเพิ่ม
นายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอตัวชัดเจนขึ้น สะท้อนได้จากตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 2/2565 โดยเฉพาะเศรษฐกิจของสหรัฐ ที่หดตัวต่อเนื่องจากไตรมาสแรก รวมถึงจีนขยายตัวต่ำกว่าประมาณการค่อนข้างมาก ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ได้ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจโลกลงสู่ 3.2% ในเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมา จากเดิม 3.6% ในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ ภาวะเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจนกระทบครัวเรือนและภาคธุรกิจ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วของธนาคารกลางต่างๆ และผลข้างเคียงต่อห่วงโซ่อุปทานจากมาตรการซีโร่โควิด-19 ที่เข้มงวดของจีน เศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอลง ส่งผลต่อการส่งออกของไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565 ซึ่งตัวเลขการส่งออกเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่า การส่งออกไปประเทศเศรษฐกิจหลักเริ่มแผ่วตัวลงบ้างแล้ว
“เศรษฐกิจในประเทศมีแนวโน้มได้รับแรงกดดันจากเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 5.6% ซึ่งสูงกว่าภาวะปกติที่ 1-3% มาก และคาดว่าจะเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกยังอยู่ในระดับสูง รวมทั้งการปรับขึ้นราคาสินค้าที่เริ่มกระจายตัวเป็นวงกว้างมากขึ้น และหากมีการปรับขึ้นค่าไฟในงวดเดือนกันยายน-ธันวาคมนี้ ก็จะเป็นแรงกดดันเงินเฟ้อให้เร่งตัวขึ้นได้อีก ซึ่งเงินเฟ้อที่สูงขึ้นจะกระทบอำนาจซื้อภาคครัวเรือนและต้นทุนของภาคธุรกิจ” นายผยง กล่าว
นายผยง กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้าจะเป็นแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในช่วงการเปลี่ยนผ่านตอนนี้ ทำให้รัฐบาลยังต้องประคับประคองให้ธุรกิจก้าวผ่านไปได้ โดยธุรกิจบางกลุ่มก็ยังสามารถส่งผลต้นทุนไปในราคาสินค้าได้ แต่ก็มีธุรกิจบางกลุ่มที่ไม่สามารถผลักต้นทุนไปในราคาขายได้ โดยเฉพาะธุรกิจบริโภคในประเทศที่เห็นอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลก็พยายามประคองผ่านการเพิ่มกำลังซื้อ จากโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ที่คาดว่าจะกระตุ้นการใช้จ่ายได้ประมาณ 3.8 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 0.2% ของจีดีพีรวม ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจที่ยังเปราะบาง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากภายนอกประเทศและภาวะเงินเฟ้อที่กระทบอำนาจซื้อ โดยหวังว่าภาคการท่องเที่ยวในครึ่งหลังของปีนี้ จะเพิ่มกิจกรรมทางธุรกิจที่เชื่อมโยงภาคท่องเที่ยวและบริการให้เกิดรายได้มากขึ้น ซึ่งเราเห็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องหลังยกเลิกมาตรการไทยแลนด์ พาส จึงคาดว่ามีโอกาสแตะระดับ 7-8 ล้านคนในปีนี้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟฟ้า ถือเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าต้นทุนสินค้าที่เพิ่มขึ้น จะผลักดันให้ราคาสินค้าเพิ่มขึ้นและกระจายไปในสินค้าหลากหลายประเภทกว่าเดิม โดยในช่วงที่ราคาสินค้าอยู่ในระดับสูง กังวลอย่างเดียวคือ อย่ากักตุนสินค้า และแย่งกันซื้อ เพราะจะทำให้ราคาสินค้ายิ่งพุ่งสูงอย่างรวดเร็วมากขึ้น
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า มีการจัดกลุ่มภาคอุตสาหกรรม 45 กลุ่ม ซึ่งกลุ่มที่ใช้พลังงานในการผลิตมากๆ ได้แก่ โรงงานเยื้อกระดาษ หล่อโลหะ เซรามิก แก้ว อุตสาหกรรมเหล่านี้มีสัดส่วนในการใช้พลังงานเป็นต้นทุนจำนวนมาก จึงจะได้รับผลกระทบสูง แต่อุตสาหกรรมอื่นๆ ผลกระทบก็จะลดไปตามลำดับ โดยที่ผ่านมาได้เตรียมตัวในการใช้พลังงานทดแทน อาทิ พลังงานแสงอาทิตย์เข้ามาช่วย เพื่อแก้ไขปัญหาในระยะยาว แต่ต้องบอกว่าค่าไฟฟ้าจะผูกติดกับเรื่องพลังงาน ที่ราคาน้ำมันและก๊าสเป็นปัจจัยสำคัญในทั่วโลก และในบางประเทศมีความหนักหนากว่าไทยอีกมาก ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาคอุตสาหกรรมต้องบริหารจัดการการใช้พลังงานอย่างดีที่สุด และมีประสิทธิภาพสูงสุด
พท.เย้ยรัฐบาล ขยายพรก.ฉุกเฉิน ผวาปมนายกฯ 8 ปี ปลุกม็อบไล่
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7195263
พท.เย้ยรัฐบาล ชี้เจตนาขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน หวังสกัดไวรัสการเมือง เหตุผวาปมนายกฯ 8 ปี ปลูกม็อบไล่
เมื่อวันที่ 3 ส.ค.2565 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีรัฐบาลประกาศขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 2 เดือน อ้างเหตุผลคาดโควิดอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น ว่า รัฐบาลย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าการประกาศขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวะเวลานี้เพื่อคุมไวรัสโควิด หรือไวรัสการเมืองขับไล่รัฐบาล อันเกิดจากการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาล
ก่อนหน้านี้ ศบค.แถลงความสำเร็จ สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ เวชภัณฑ์พร้อม คนเข้าถึงวัคซีนมาก ยอดคนติดเชื้อ คนเสียชีวิตลดลง ปัจจัยสำคัญคือคนไทยมีวินัย แพทย์และบุคลากรทางการสาธารณสุขมีความพร้อม รัฐบาลแถลงเองว่าจะเปิดประเทศ แต่กลับขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินจนถูกตั้งคำถามว่า เป็นการออกคำสั่งที่ขัดกับสถานการณ์จริง ถูกจังหวะเวลา หรือไม่
นักลงทุน นักท่องเที่ยว ที่จะตัดสินใจเข้ามาในประเทศไทย พอรัฐบาลขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินอาจส่งผลต่อการตัดสินใจไม่เดินทางเข้ามา เพราะเข้าใจว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงไม่คลี่คลายจากประกาศของรัฐบาลเอง
ในสถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจ ประชาชนสิ้นหวังที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ รวมถึงต้องการสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกในการขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ รวมกันเกิน 8 ปี รัฐบาลมาขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินในจังหวะนี้ มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมากกว่าการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดหรือไม่ รัฐบาลต้องการสกัดกั้นการแสดงออกของประชาชนที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้หรือไม่
“รัฐบาลต้องเร่งคืนความเป็นปกติสุขกลับคืนมา ไม่ใช่สร้างเงื่อนไขใหม่ไปเรื่อยๆ เพื่อรักษาและสืบทอดอำนาจของตัวเอง การขยาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อคุมโควิดหรือคุมพิษการเมือง สกัดกั้นคนออกมาขับไล่รัฐบาล ประชาชนดูออก” นายอนุสรณ์ กล่าว
‘โรม’ หวั่นสัญญาณ ล้มกระดาน ‘กม.ลูก’ เปิดช่อง ‘ประยุทธ์’ ดีไซน์กติกาเอง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3487531
เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. …. ว่า เรามีความกังวลใจว่า ร่างพ.ร.ป.จะถูกดึงให้พ้นกรอบ 180 วัน หรือวันที่ 15 สิงหาคม จนต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ ซึ่งจะกระทบต่อการมีกฎหมายลูกก่อนจะมีการเลือกตั้ง หากมีการเลือกตั้งก่อนกฎหมายลูกจะแล้วเสร็จ จะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะมีช่องว่างหลายอย่างที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี สามารถกำหนดกฎเกณฑ์กติกาในการเลือกตั้งได้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อทุกฝ่าย และทุกคน ตนจึงอยากให้พิจารณากฎหมายลูกจบอย่างรวดเร็ว แม้จะไม่เห็นด้วยกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ พรรค ก.ก. ก็พร้อมจะทำหน้าที่ในทุกรูปแบบที่ออกมา ในที่สุดไม่ว่าสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อ จะหาร 100 หรือหาร 500 ประชาชนจะเป็นผู้ชี้ขาดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จากการประชุมร่วมรัฐสภาที่มีปัญหาองค์ประชุม หมายความว่า อาจมีสัญญาณที่จะล้มกระดานใหม่ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์ กล่าวว่า เราพยายามเน้นย้ำส.ส.ทุกคนของพรรค ให้ช่วยอยู่เป็นองค์ประชุม เพื่อให้กฎหมายลูกผ่านรัฐสภาให้เร็วที่สุด ไม่ว่าสุดท้ายทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะตีกลับมาว่าต้องแก้ไขให้ใช้หาร 100 เราก็พร้อมที่จะลุย เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ