ผมเป็นผู้ที่มีภาวะน้ำตาลสูง  แต่จะบอกว่าเป็นผู้ป่วยอาการก็ยังไม่พัฒนาไปถึงขั้นนั้น เพราะรู้ตัวเองและควบคุมน้ำตาลด้วยการคุมอาหารและออกกำลังกายมาตลอดกว่า 20 ปีเศษ โดยไม่ต้องพึ่งยากินยาฉีด ทั้งผมและหมอที่ดูแลต่างก็พอใจกับระดับน้ำตาลที่ควบคุมได้มาโดยตลอด ระดับน้ำตาลในเลือดผมจะเคลื่อนไหวอยู่ในเกณฑ์ 6.0% โดยเฉลี่ย สูงสุดไม่เกิน 6.2% จนกระทั่งโควิดมาเยือน ยังผลทำให้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปจากการที่เคยออกกำลังด้วยการเดินทุกเช้า วันละ 30-40 นาที และ ไปฝึกโยคะตามสตูฯ บ้าง ต้องเลิกหมด 

ช่วงเวลาของโควิดแค่ 2 ปีเศษทำให้ระดับน้ำตาลปรับตัวสูงขึ้นตามลำดับจนมาล่าสุดขึ้นไปถึง 6.8%  อ้อ...ปัจจุบันผมอาย 55 ปี ครบเดือนนี้แหละ อายุก็น่าจะมีส่วนด้วยที่ทำให้ค่าน้ำตาลในเลือดปรับตัวสูงขึ้น

บอกตรงๆ ว่าผมพยายามหาจุดเปลี่ยนหรือ Turning Point มาตลอด เพราะรู้ดีว่า ปัจจัยที่จะควบคุมระดับน้ำตาลได้ดี คือ การออกกำลังกาย ซึ่งมันยากเย็นแสนเข็ญจริงๆ ส่วนใหญ่จะทำได้แค่ 1-2 วัน แล้วก็ตกม้าตายไปนั่งจ่อมอยู่หน้าจอคอมฯ ไม่ก็นั่งไถโทรศัพม์มือถือ (ผมทำรายได้จากงานตรงนั้นเยอะพอสมควร)

ย้อนหลังไปช่วงที่ผมออกกำลังกายด้วยการเดินอย่างสม่ำเสมอ ผมจะคุมน้ำตาลได้ดีมาก วัด HbA1C ออกมาทีไร ไม่เคยเกิน 6.2% เลย

ข้อมูลสำหรับคนที่ไม่รู้ว่า HbA1C คือ อะไร ..... Hemoglobin A1C; HbA1C คือการตรวจวัดระดับน้ำตาลที่สะสมอยู่รอบๆ เม็ดเลือดแดงซึ่งมีอายุโดยเฉลี่ย 3 เดือน ดังนั้นการเจาะเลือดด้วยวิธีนี้ จะสามารถเอาผลไปวิเคราะห์พฤติกรรมการกินและการควบคุมน้ำตาลย้อนหลังได้ 3 เดือน มันแม่นยำกว่าการเจาะวัดแบบ Fasting Plasma Glucose ที่ห้ค่าน้ำตาลแค่จุดเดียวตอนเช้าของวันเจาะเลือดเท่านั้น 

ข้อเสีย ของมันคือ ค่าใช้จ่ายในการตรวจ HbA1c แพงกว่า Fasting Plasma Glucose อยู่หลายเท่า ดังนั้น หมอโรงพยาบาลตามสิทธิ์พื้นฐานต่างๆ จึงมักจะไม่สั่งให้คนไข้ตามสิทธิตรวจเลือดแบบนี้ เพราะมันแพงกว่านั่นเอง

ค่าผลเลือด สำหรับคนทั่วไปที่ไม่มีภาวะน้ำตาลสูงหรือเบาหวาน จะมีค่าน้ำตาลสะสมต่ำกว่า 6.0% ถ้าเกิน 6 ก็เตรียมตัวรับมือได้เลย เพราะถึง 7.0% เมื่อไร ส่วนใหญ่หมอจะสั่งยาลดน้ำตาลให้กินทันที ดังนั้นของผมเริ่มปริ่มๆ มาอยู่ที่ชายขอบแล้ว เหลืออีกแค่ 2 ก้าวก็เข้าโซนผู้ป่วยเต็มตัวแล้ว ... เฮ้อ ทำใจ (ว่ะ) ไม่อยากกินยาเลย

(มีต่อด้านล่าง)

***เพิ่มเติม จาก คห.2 ผมลืมพูดเรื่องการควบคุมอาหาร สำหรับคนที่มีภาวะน้ำตาลสูงสำคัญมากนะครับ ต้องทำควบคู่ไปกับการออกกำลังกายด้วย อย่างน้อยๆ ต้องลดปริมาณแป้ง งดน้ำตาลทุกชนิดไปก่อน จนกว่าคุณจะรู้วิธีจัดการกับตัวเองแล้วค่อยมาเลือกวิธีเดินสายกลาง เราใช้ชีวิตให้มีความสุขได้ครับ ถ้ารู้จักตัวเอง มีวินัยในการดำเนินชีวิต