ภาคประชาชน ยื่นฟ้อง บิ๊กตู่กับพวก สกัดกั้นการชุมนุม เรียกค่าเสียหาย 1.8 ล้าน
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7071017
เครือข่ายต้านกม.สกัดการชุมนุม ยื่นฟ้อง นายกฯ กับพวก เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอศาลคุ้มครองม็อบหน้ายูเอ็น เรียกค่าเสียหาย 1.8 ล้าน จ่อบุกทำเนียบ 30 พ.ค.
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 ที่ศาลแพ่งรัชดา ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชน นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม นาย
ธนพร วิจันทร์ และ น.ส.
ภรณ์ทิพย์ สยมชัย พร้อมด้วยนาย
สุรชัย ตรงงาม นาย
สัญญา เอียดจงดี และนาย
สุทธิเกียรติ คชโส ทนายความ ได้ยื่นฟ้อง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.
เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. สำนักนายกรัฐมนตรี กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลแพ่ง
พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเจ้าหน้าที่รัฐกีดขวางปิดกั้นการชุมนุมที่ทางกลุ่ม ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และจะเตรียมเคลื่อนขบวนใหญ่อีกครั้งไปทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ค.นี้
นาย
สุทธิเกียรติ กล่าวว่า วันนี้นอกจากยื่นฟ้อง เพื่อขอให้เพิกถอนข้อกำหนดของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 15 ข้อ 3 และฉบับที่ 37 ข้อ 2 ที่มีข้อความว่าห้ามชุมนุม รวมถึงประกาศที่ออกโดย ผบ.ทสส. ที่กำหนดเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม
นอกจากนี้เรายังขอเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการละเมิด เป็นเงิน 1,800,000 บาท ซึ่งวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ในการทำกิจกรรมของประชาชน ได้มีการปิดกั้น กีดขวางเส้นทาง ใช้รั้วลวดหนาม และอุปกรณ์ที่ไม่ได้กำหนดตามกฎหมาย เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ และเราจะยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในปัจจุบันที่หน้าตึกยูเอ็นจะเคลื่อนขบวนใหญ่ไปที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการละเมิดอีก
ฉะนั้น มันเป็นการละเมิดที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยตำรวจจะอาศัยข้อกำหนดที่ห้ามชุมนุมดังกล่าว มาใช้ปิดกั้นและห้ามชุมนุมของประชาชน เราจึงมายื่นฟ้องและขอคุ้มครองชั่วคราว
โดยศาล มีคำสั่งนัดไต่สวนฉุกเฉินกรณีประชาชนยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวบ่ายนี้ โดยมีพยาน 2 ปาก ได้แก่ นาย
นิมิตร์ เทียนอุดม โจทก์ที่หนึ่ง และนาย
ต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองคณบดีฝ่ายบริหารและวิจัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้แก้ไขพาดหัวข่าว จาก "18 ล้าน" เป็น "1.8 ล้าน" คาดว่า อาจจะเกิดจากการพิมพ์ตกครับ
“เพื่อไทย” คัดค้าน กม.ควบคุมการรวมกลุ่ม ยันฝ่ายค้านพร้อมต่อต้านทุกทาง หากพบริดลอนสิทธิ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3366975
“เพื่อไทย” คัดค้าน กม.ควบคุมการรวมกลุ่ม ยันฝ่ายค้านพร้อมต่อต้านทุกทาง หากพบริดลอนสิทธิ ปชช.
นางสาว
ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนางสาว
จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นาย
วันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น นาย
ศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ หรือ พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่ม ที่บริเวณด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
นางสาว
ธีรรัตน์ กล่าวว่า จากการพูดคุยสอบถามพี่น้องประชาชนที่มาเรียกร้องคัดค้านกฎหมายฉบับนี้พบว่า แม้รัฐบาลจะส่งนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาพูดคุยเจรจาแล้ว แต่พี่น้องประชาชนรู้สึกว่าไม่มีคำตอบที่น่าพอใจและคาดว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันกฎหมายฉบับนี้ต่อ ทั้งที่ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความสุ่มเสี่ยงว่าจัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของรัฐ ให้อำนาจรัฐเกินขอบเขตเพื่อกำจัดคนเห็นต่างได้สะดวกขึ้น และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้กฎหมายล้นเกินจนอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดูในรายละเอียดของกฎหมายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง หากพบว่ามีข้อบัญญัติใดที่เป็นการริดลอนสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอต่อต้านทุกวิถีทางและจะไม่ยอมให้กฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร หรือ พ.ร.บ.การควบคุมการรวมกลุ่ม ถูกจัดทำขึ้นโดยพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาและยกร่างเป็นกฎหมาย และได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2564 และ 1 ครั้ง ในปี 2565 โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ภายในเนื้อหาร่างกฎหมายจะให้อำนาจกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จัดหาและจัดเก็บเงินทุนเอง และยังบังคับให้องค์กรไม่แสวงหากำไรต้องเปิดเผยวิธีดำเนินงาน แหล่งรายได้ รายชื่อผู้รับผิดชอบ มีอำนาจยกเว้นให้บางองค์กรไม่ต้องทำตามกรอบของกฎหมายนี้ได้ และยังสามารถอ้างความมั่นคงสั่งหยุดกิจกรรมองค์กรไม่แสวงหากำไรได้ด้วย เป็นต้น
“กฎหมายใดๆที่มีแนวโน้มใช้เกินขอบเขต และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน พรรคเพื่อไทยขอต่อต้านทุกวิถีทาง โดยเฉพาะรัฐบาลนี้มีแนวโน้มสูงมากในการใช้กฎหมายปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง เราจะไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นอีกต่อไป หากว่าข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนในวันนี้ รัฐบาลยังไม่ได้ยินหรือเสียงไม่ดังพอ และฝ่าฝืนนำเข้าสู่สภา พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงมากที่สุดจะต่อต้านกฎหมายฉบับนี้อย่างสุดกำลังแน่นอน” นางสาว
ธีรรัตน์กล่าว
นายก ส.ค้าส่งค้าปลีกไทย จี้ รบ.แก้ปัญหาปาล์มแพงที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ไล่จับผู้ค้า
https://ch3plus.com/news/economy/morning/292901
วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นาย
สมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย กล่าวถึงราคาน้ำมันปาล์มขวด ว่า กรมการค้าภายในกำหนดให้ร้านค้าจำหน่ายไม่เกินขวดละ 68 บาท ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ขายส่งมาในราคาขวดละ 70 บาท
หากซื้อไปขายในราคา 68 บาท ต้องขาดทุน แต่หากซื้อไปแล้วขายในราคาที่ไม่ขาดทุนแพงกว่า 70 บาท/ขวด ก็จะต้องเสี่ยงผิดกฎมายและโดนจับ พ่อค้าแม่ค้าไม่มีทางออกเลย ดังนั้นกรมการค้าภายในจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ ไปไล่จับพ่อค้าแม่ค้า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาปาล์มอย่างจริงจัง ดูว่าควรจะถอดปาล์มออกจากไบโอดีเซลไหม หรือควรจะให้ชะลอการส่งออกหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอาความเป็นอยู่ประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือจะเอาใจนายทุนที่ร่ำรวยจากการส่งออก เพราะช่วงนี้ปาล์มมีกำไรดี
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ :
https://youtu.be/21S1RE6NyAA
JJNY : ยื่นฟ้องตู่กับพวกสกัดกั้นการชุมนุม│พท.คัดค้าน กม.ควบคุมการรวมกลุ่ม│จี้แก้ปาล์มแพงที่ต้นเหตุ│เคาะแบ่งเวลาถกงบ’66
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7071017
เครือข่ายต้านกม.สกัดการชุมนุม ยื่นฟ้อง นายกฯ กับพวก เพิกถอน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอศาลคุ้มครองม็อบหน้ายูเอ็น เรียกค่าเสียหาย 1.8 ล้าน จ่อบุกทำเนียบ 30 พ.ค.
เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2565 ที่ศาลแพ่งรัชดา ขบวนต่อต้านร่างกฎหมายทำลายการรวมกลุ่มประชาชน นำโดยนายนิมิตร์ เทียนอุดม นายธนพร วิจันทร์ และ น.ส.ภรณ์ทิพย์ สยมชัย พร้อมด้วยนายสุรชัย ตรงงาม นายสัญญา เอียดจงดี และนายสุทธิเกียรติ คชโส ทนายความ ได้ยื่นฟ้อง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส. สำนักนายกรัฐมนตรี กองบัญชาการกองทัพไทย กระทรวงการคลัง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต่อศาลแพ่ง
พร้อมขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามเจ้าหน้าที่รัฐกีดขวางปิดกั้นการชุมนุมที่ทางกลุ่ม ปักหลักชุมนุมอยู่หน้าองค์การสหประชาชาติ(ยูเอ็น) และจะเตรียมเคลื่อนขบวนใหญ่อีกครั้งไปทำเนียบรัฐบาลในวันที่ 30 พ.ค.นี้
นายสุทธิเกียรติ กล่าวว่า วันนี้นอกจากยื่นฟ้อง เพื่อขอให้เพิกถอนข้อกำหนดของพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฉบับที่ 15 ข้อ 3 และฉบับที่ 37 ข้อ 2 ที่มีข้อความว่าห้ามชุมนุม รวมถึงประกาศที่ออกโดย ผบ.ทสส. ที่กำหนดเขตพื้นที่ห้ามชุมนุม
นอกจากนี้เรายังขอเรียกค่าเสียหายเนื่องจากการละเมิด เป็นเงิน 1,800,000 บาท ซึ่งวันที่ 24 พ.ค.ที่ผ่านมา ในการทำกิจกรรมของประชาชน ได้มีการปิดกั้น กีดขวางเส้นทาง ใช้รั้วลวดหนาม และอุปกรณ์ที่ไม่ได้กำหนดตามกฎหมาย เช่น ตู้คอนเทนเนอร์ และเราจะยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากประชาชนที่ชุมนุมอยู่ในปัจจุบันที่หน้าตึกยูเอ็นจะเคลื่อนขบวนใหญ่ไปที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้ง ในวันที่ 30 พ.ค.นี้ จะทำให้เกิดการละเมิดอีก
ฉะนั้น มันเป็นการละเมิดที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า โดยตำรวจจะอาศัยข้อกำหนดที่ห้ามชุมนุมดังกล่าว มาใช้ปิดกั้นและห้ามชุมนุมของประชาชน เราจึงมายื่นฟ้องและขอคุ้มครองชั่วคราว
โดยศาล มีคำสั่งนัดไต่สวนฉุกเฉินกรณีประชาชนยื่นคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวบ่ายนี้ โดยมีพยาน 2 ปาก ได้แก่ นายนิมิตร์ เทียนอุดม โจทก์ที่หนึ่ง และนายต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองคณบดีฝ่ายบริหารและวิจัย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะพยานผู้เชี่ยวชาญ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“เพื่อไทย” คัดค้าน กม.ควบคุมการรวมกลุ่ม ยันฝ่ายค้านพร้อมต่อต้านทุกทาง หากพบริดลอนสิทธิ ปชช.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3366975
“เพื่อไทย” คัดค้าน กม.ควบคุมการรวมกลุ่ม ยันฝ่ายค้านพร้อมต่อต้านทุกทาง หากพบริดลอนสิทธิ ปชช.
นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนางสาวจิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และกรรมการบริหารพรรค นายวันนิวัติ สมบูรณ์ ส.ส.ขอนแก่น นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ ส.ส.เลย พรรคเพื่อไทย ลงพื้นที่พูดคุยกับพี่น้องประชาชนที่มาร่วมคัดค้านร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร พ.ศ. ….’ หรือ พ.ร.บ.ควบคุมการรวมกลุ่ม ที่บริเวณด้านหน้าองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น)
นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า จากการพูดคุยสอบถามพี่น้องประชาชนที่มาเรียกร้องคัดค้านกฎหมายฉบับนี้พบว่า แม้รัฐบาลจะส่งนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีมาพูดคุยเจรจาแล้ว แต่พี่น้องประชาชนรู้สึกว่าไม่มีคำตอบที่น่าพอใจและคาดว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันกฎหมายฉบับนี้ต่อ ทั้งที่ร่างกฎหมายฉบับนี้มีความสุ่มเสี่ยงว่าจัดทำขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของรัฐ ให้อำนาจรัฐเกินขอบเขตเพื่อกำจัดคนเห็นต่างได้สะดวกขึ้น และยังมีความเป็นไปได้ว่าจะมีการใช้กฎหมายล้นเกินจนอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนได้ พรรคเพื่อไทยจะเข้าไปดูในรายละเอียดของกฎหมายอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง หากพบว่ามีข้อบัญญัติใดที่เป็นการริดลอนสิทธิเสรีภาพของพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้านจะขอต่อต้านทุกวิถีทางและจะไม่ยอมให้กฎหมายนี้เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร
สำหรับร่างพระราชบัญญัติการดำเนินกิจกรรมขององค์กรไม่แสวงหากำไร หรือ พ.ร.บ.การควบคุมการรวมกลุ่ม ถูกจัดทำขึ้นโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกคำสั่งให้คณะกรรมการกฤษฎีกาศึกษาและยกร่างเป็นกฎหมาย และได้ผ่านความเห็นชอบในหลักการจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมาแล้ว 2 ครั้งในปี 2564 และ 1 ครั้ง ในปี 2565 โดยขณะนี้อยู่ในระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็น ภายในเนื้อหาร่างกฎหมายจะให้อำนาจกับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ แต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร จัดหาและจัดเก็บเงินทุนเอง และยังบังคับให้องค์กรไม่แสวงหากำไรต้องเปิดเผยวิธีดำเนินงาน แหล่งรายได้ รายชื่อผู้รับผิดชอบ มีอำนาจยกเว้นให้บางองค์กรไม่ต้องทำตามกรอบของกฎหมายนี้ได้ และยังสามารถอ้างความมั่นคงสั่งหยุดกิจกรรมองค์กรไม่แสวงหากำไรได้ด้วย เป็นต้น
“กฎหมายใดๆที่มีแนวโน้มใช้เกินขอบเขต และไม่เกิดประโยชน์กับประชาชน พรรคเพื่อไทยขอต่อต้านทุกวิถีทาง โดยเฉพาะรัฐบาลนี้มีแนวโน้มสูงมากในการใช้กฎหมายปราบปรามประชาชนที่เห็นต่าง เราจะไม่ยอมให้เขาทำอย่างนั้นอีกต่อไป หากว่าข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนในวันนี้ รัฐบาลยังไม่ได้ยินหรือเสียงไม่ดังพอ และฝ่าฝืนนำเข้าสู่สภา พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงมากที่สุดจะต่อต้านกฎหมายฉบับนี้อย่างสุดกำลังแน่นอน” นางสาวธีรรัตน์กล่าว
นายก ส.ค้าส่งค้าปลีกไทย จี้ รบ.แก้ปัญหาปาล์มแพงที่ต้นเหตุ ไม่ใช่ไล่จับผู้ค้า
https://ch3plus.com/news/economy/morning/292901
วันที่ 25 พฤษภาคม 2565 นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งค้าปลีกไทย กล่าวถึงราคาน้ำมันปาล์มขวด ว่า กรมการค้าภายในกำหนดให้ร้านค้าจำหน่ายไม่เกินขวดละ 68 บาท ขณะที่ผู้ผลิตรายใหญ่ขายส่งมาในราคาขวดละ 70 บาท
หากซื้อไปขายในราคา 68 บาท ต้องขาดทุน แต่หากซื้อไปแล้วขายในราคาที่ไม่ขาดทุนแพงกว่า 70 บาท/ขวด ก็จะต้องเสี่ยงผิดกฎมายและโดนจับ พ่อค้าแม่ค้าไม่มีทางออกเลย ดังนั้นกรมการค้าภายในจะต้องเข้ามาแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ปลายเหตุ ไปไล่จับพ่อค้าแม่ค้า
นายสมชาย กล่าวต่อว่า อยากให้รัฐบาลเข้าไปแก้ปัญหาปาล์มอย่างจริงจัง ดูว่าควรจะถอดปาล์มออกจากไบโอดีเซลไหม หรือควรจะให้ชะลอการส่งออกหรือไม่ อยู่ที่การตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอาความเป็นอยู่ประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือจะเอาใจนายทุนที่ร่ำรวยจากการส่งออก เพราะช่วงนี้ปาล์มมีกำไรดี
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/21S1RE6NyAA