JJNY : พท.รับปากดันลดรายจ่ายเพิ่มรายได้│ช่างภาพอิสระถูกรุมทำร้าย│พี่สาววันเฉลิมวอนสอบเอกสาร│1ปี อ่วม‘อาหารแพง’แค่ไหน?

พ่อค้าแม่ค้าโวยสินค้าพุ่ง รัฐเมินแก้ - ‘เพื่อไทย’รับปากดันลดรายจ่ายเพิ่มรายได้
https://voicetv.co.th/read/mNwnoowKc
  
  
‘พ่อค้าแม่ค้าสายไหม’ โวยประสบปัญหาสินค้าราคาแพง ด้าน ‘เพื่อไทย’นำผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหม ลงสำรวจปัญหาปากท้อง รับปากช่วยแก้วิกฤตเศรษฐกิจปากท้องดัน ‘ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้’ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ กลับมามั่งคั่งอีกครั้ง
 
วันที่ 22 เม.ย. 2565 พรรคเพื่อไทย นำโดย วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ดนุพร ปุณณกันต์  เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. พร้อมด้วย จักรรัตน์ กนะกาศัย ผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหม เบอร์ 2 ลงพื้นที่ตลาดออเงิน เขตสายไหม เพื่อรับฟังเสียงสะท้อนวิกฤตเศรษฐกิจปากท้องจากพ่อค้าแม่ค้าและประชาชน สินค้าราคาแพง ค่าครองชีพพุ่งสูงแต่รายได้และค่าแรงยังคงตกต่ำ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอแนวทาง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ เพื่อแก้ปัญหา ด้วย 5 นโยบายหลัก คือ กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์ เพื่อนำไปสู่การคืนความมั่นคั่งให้คนกรุงเทพฯ 
 
โดยพ่อค้าแม่ค้าและประชาชนต่างสะท้อนปัญหาราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้น จากปัญหาราคาน้ำมันที่ยกระดับแพงขึ้น รวมไปถึงราคาเนื้อหมูที่ขยับขึ้นเป็นอีก 2-4 บาทต่อกิโลกรัม รวมไปถึงราคาไข่ไก่ที่แพงขึ้นอีกแผงละประมาณ 3 บาท เนื่องจากราคาหน้าฟาร์มปรับตัวสูงขึ้นอีก ส่งผลกระทบต่อยอดขายและทำให้พี่น้องประชาชนที่เป็นผู้บริโภคต้องเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากรายได้ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ซึ่งที่ผ่านมาภาครัฐเพิกเฉยต่อการควบคุมราคาสินค้า โดยเฉพาะต้นทุนราคาน้ำมันและอาหารสัตว์ จนทำให้รายจ่ายของพี่น้องประชาชนพุ่งขึ้นอย่างมาก
 
วิชาญ กล่าวว่า วันนี้พ่อค้าแม่ค้าและประชาชนทุกคนเดือดร้อนอย่างหนัก แต่รัฐบาลกลับไม่ใส่ใจแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการควบคุมราคาต้นทุน ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาค่าครองชีพของพี่น้องประชาชน ทั้งลดรายจ่ายและการเพิ่มรายได้ไปพร้อมกัน 
 
วิชาญ กล่าวว่า สำหรับการลดรายจ่ายนั้นเป็นหน้าที่ของรัฐโดยตรงในการช่วยบรรเทาปัญหาให้ประชาชน โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่อาจต้องพิจารณาตรึงราคาและพิจารณาเรื่องภาษีสรรพสามิตน้ำมันและเกณฑ์ในการตั้งราคาน้ำมันที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง รวมไปถึงการควบคุมต้นทุนอาหารสัตว์และปัจจัยการผลิตต่างๆ ซึ่งจะเป็นการแก้ไขปัญหาสินค้าราคาแพงตั้งแต่ต้นทาง นอกจากนี้พรรคยังมีนโยบายในการเพิ่มรายได้ให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะ ‘50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์’ ซึ่งจะเป็นการคัดสรรทรัพยากรในแต่ละพื้นที่ทั้ง 50 เขตมายกระดับชูจุดเด่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วย อาหาร ศิลปะ และวัฒนธรรม ส่งเสริมให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ให้คนกรุงเทพฯ ไปพร้อมกันด้วย
 
ด้าน จักรรัตน์ กนะกาศัย ผู้สมัคร ส.ก.เขตสายไหม พรรคเพื่อไทย เบอร์ 2 กล่าวว่า ขอให้พี่น้องประชาชนมีความหวังว่าในวันพรุ่งนี้เราจะมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้น พรรคเพื่อไทยพร้อมทำงานให้พี่น้องด้วยความจริงใจมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหา ลดรายจ่ายและเพิ่มรายได้ให้พี่น้องประชาชนด้วยนโยบายกรุงเทพฯ มั่งคั่ง เพื่อคืนความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ 
 

  
ช่างภาพอิสระ ถูก3ชายนิรนาม รุมทำร้าย หน้าแมค อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7012776

‘ยา ณัฐพล’ ช่างภาพอิสระ ถูกชายนิรนาม 3 คน รุมทำร้าย หน้าแมค อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บบริเวณหัวไหล่ และท้ายทอย
 
วันที่ 23 เม.ย.2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา นายณัฐพล พันธ์พงษ์สานนท์ หรือ ยา ช่างภาพอิสระ ถูกชายนิรนาม 3 คน ทำร้ายร่างกายที่หน้าร้านแมคโดนัลด์ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
 
นายณัฐพล เปิดเผยว่า ตนนั่งทำงานในแมคโดนัลด์ จากนั้นจึงกลับบ้านด้วยรถจักรยานยนต์ โดยสภาพแวดล้อม ตนเห็นชายนิรนามอยู่ด้านซ้าย ใส่เสื้อแขนยาว ลักษณะไว้ผมยาวหางม้า จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาถามว่าคุณ มีปัญหาอะไรหรือเปล่ามองหน้าตนทำไม เป็นสื่อหรือเปล่า จากนั้นชายคนดังกล่าวมีความพยายามจะขอโทรศัพท์ตน พอตนไม่แสดงให้ดู จากนั้นชายคนดังกล่าวได้เดินเข้ามาหาตนและจับแขนตน
  
นายณัฐพล กล่าวต่อว่า ตนเห็นท่าไม่ดี จึงได้ลงรถและวิ่งเข้าร้านแมคโดนัลด์ ชายคนที่ 3 ได้วิ่งเข้ามา และอีกคนใช้ดิ้วฟาดตนตลอดเวลา ทั้งนี้ เบื้องต้นตนได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่ ท้ายทอย ต้นแขน ตนคิดว่า หากไม่มีหมวกกันน็อก อาจจะได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้
 
นายณัฐพล กล่าวอีกว่า ตนไม่รู้จักคู่กรณีมาก่อน และไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไร ตนเป็นสื่อจริง และตนทำข่าวทุกคน ทั้งนี้ ตนได้ตั้งข้อสังเกตหลังจากที่วิ่งเข้ามาหลบในร้านทรัพย์สินของตนที่อยู่บนรถจักรยานยนต์ยังอยู่ครบถ้วน แสดงว่าวัตถุประสงค์ของการกระทำครั้งนี้ไม่ได้มีหวังผลเพื่อจะเอาทรัพย์สินใจอย่างใด
  
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐพลได้เข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สน.ชนะสงคราม และจากนั้นจะเดินทางไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลเพื่อประกอบสำนวนคดีความเอาผิดคู่กรณีต่อไป
   

 
"พี่สาววันเฉลิม"วอนตร.สอบเอกสารระดับแดงหลังมีชื่อติดลิสต์เฝ้าระวัง
https://www.nationtv.tv/news/378870857

"สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์" พี่สาว"วันเฉลิม" นักเคลื่อนไหวการเมืองสูญหายในกัมพูชา ร้องตร.ตรวจสอบเอกสาร (ระดับแดง) หลังโดนขึ้นบัญชีพร้อมนักเคลื่อนไหวเป็นบุคคลเฝ้าระวังเป็นพิเศษ วอนตำรวจหาแหล่งที่มาเพื่อหยุดคุกคาม

23 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ได้ระบุถึงกรณีเอกสารที่มีหัวข้อ "บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ (ระดับแดง) จำนวน 2 ราย" ซึ่งมีรูปภาพ ชื่อ และที่อยู่ของ น.ส.สิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมผู้ถูกบังคับสูญหาย และ ชายนักกิจกรรมทางการเมืองอีกคนหนึ่ง เมื่อวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อว่าเป็นเอกสารที่จัดทำโดยหน่วยงานด้านความมั่นคงของรัฐบาล และเผยแพร่ไปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ต่างๆ เพื่อติดตามสอดแนม หรือข่มขู่คุกคามบุคคลทั้งสอง 

ทั้งนี้ ทนายความจึงส่งหนังสือถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ขอให้ตรวจสอบและสืบสวนตามหาแหล่งที่มาของเอกสารดังกล่าว รวมทั้งการนำไปใช้ต่อ น.ส.สิตานัน และการจัดส่งต่อหน่วยงานอื่นๆ และขอให้ยุติการดำเนินการดังกล่าว พร้อมทั้งและยุติการดำเนินคดีต่อ น.ส.สิตานัน จากการแสดงออกทางความคิดเห็นและร่วมกิจกรรมสาธารณะด้วย
 
สำหรับ น.ส.สิตานัน เป็นพี่สาวของ นายวันเฉลิม ที่ถูกบังคับสูญหายที่ประเทศกัมพูชาเมื่อเดือนมิ.ย. ปี 2563 หลังเกิดเหตุ น.ส.สิตานัน ได้เดินหน้าเรียกร้องตามหาความจริงและความยุติธรรมให้กับน้องชายเกือบ 2 ปีเต็ม โดยดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในกรอบของกฎหมาย เช่น ยื่นจดหมายร้องเรียนหน่วยงานราชการ จัดกิจกรรม หรือเข้าร่วมกิจกรรมการรวมกลุ่มสาธารณะ โดยสงบปราศจากอาวุธ
 
นอกจากนี้ รวมทั้งรณรงค์ปกป้องสิทธิมนุษยชนในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะป้องกันไม่ให้มีการบังคับบุคคลสูญหาย แต่กลับไม่คืบหน้าในการดำเนินการสืบสวนสอบสวนของเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานที่มีหน้าที่รับผิดชอบแต่อย่างใด อีกทั้ง เจ้าหน้าที่รัฐบางกลุ่มยังได้เพ่งเล็ง และใช้กระบวนการยุติธรรมดำเนินคดีกับ น.ส.สิตานัน ตลอดมา
 
อย่างไรก็ตาม มูลนิธิผสานวัฒนธรรมเห็นว่า เอกสาร "บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ (ระดับแดง)" ไม่เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ละเมิดสิทธิเสรีภาพและข้อมูลส่วนบุคคล และกระทบต่อความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิต และร่างกายของ น.ส.สิตานัน ดังนั้น ทนายความมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ในฐานะทนายความผู้รับมอบอำนาจของ น.ส.สิตานัน จึงได้ส่งหนังสือลงวันที่ 22 เม.ย. 65 ขอให้ สตช. ดำเนินการดังต่อไปนี้
 
1. ให้ตรวจสอบและสืบสวนหาแหล่งที่มาของเอกสารนี้ว่า จัดทำโดยหน่วยงานใด และมีวัตถุประสงค์อย่างไร โดยเฉพาะการระบุว่าเป็น "บุคคลเฝ้าระวังพิเศษ (ระดับแดง)" มีความหมายว่าอย่างไร และผู้จัดทำเอกสารมีแนวทางดำเนินการอย่างไรต่อ น.ส.สิตานัน
 
2. ได้มีการส่งให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจในท้องที่ที่ระบุว่าเป็นที่อยู่อาศัยของ น.ส.สิตานันและท้องที่อื่นๆ หรือไม่
 
3 .หาก ตร. หรือเจ้าหน้าที่ในสังกัดเกี่ยวข้องกับการจัดทำและเผยแพร่เอกสารดังกล่าว รวมทั้งการสอดแนมการเป็นอยู่ของ น.ส.สิตานัน ก็ขอให้สั่งให้ยุติการกระทำดังกล่าวโดยทันที
 
4. ขอให้ยุติการใช้กระบวนการยุติธรรมข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้งดำเนินคดี น.ส.สิตานัน ซึ่งเป็นนักปกป้องสิทธิมนุษยชน ที่สมควรได้รับการปกป้องคุ้มครองจากหน่วยงานของรัฐ แต่ขณะนี้กลับตกเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญา 2 คดี อันเนื่องมาจากการร่วมกิจกรรมด้านประชาธิปไตย และการเรียกร้องความเป็นธรรมให้รัฐรับผิดชอบสืบสวนสอบสวนกรณีการหายไปของนายวันเฉลิม น้องชาย
 
ทั้งนี้ จดหมายฉบับดังกล่าวได้ส่งสำเนาถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน และหัวหน้าสำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชน องค์การสหประชาชาติ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่