ซื้อทองไหว้ ‘วันแม่’ เงียบ พ่อค้าชี้พิษศก.กดกำลังซื้อ หยุดยาว 3 วัน หันพาเที่ยว-กินข้าวนอกบ้าน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4730060
ซื้อทองไหว้ ‘วันแม่’ เงียบ พ่อค้าชี้พิษเศรษฐกิจกดกำลังซื้อ หยุดยาว 3 วัน หันพาเที่ยว-กินข้าวนอกบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 สิงหาคม สมาคมค้าทองคำ ได้แจ้งเปลี่ยนราคาทองคำ ครั้งเดียว โดยเปิดตลาดปรับขึ้นอีก 50 บาทจากวันก่อนหน้า และยืนราคาซื้อขายทั้งวัน โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ (บาท) 40,450 บาท ราคาขายออก (บาท) 40,550 บาท ทองรูปพรรณ ราคารับซื้อ (บาท) 39,719.20 บาท ราคาขายออก (บาท) 41,050 บาท อ้างราคาทองคำโลก 2,431.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และค่าเงินบาทแข็งค่า 35.26 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ผู้ค้าทองคำรายหนึ่งบนถนนเยาวราช ระบุถึงบรรยากาศและยอดซื้อทองคำในช่วงใกล้วันแม่ ตรงกับ 12 สิงหาคม 2567 ว่า บรรยากาศการเข้ามาซื้อทองคำเพื่อมอบให้แม่ ยังไม่เห็นถึงบรรยากาศที่คึกคักกว่าที่ควรเป็น อาจเพราะวันแม่ปี 2567 นี้ เป็นช่วงหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน คือ 10-12 สิงหาคม ทำให้ครอบครัวเลือกการเดินทางไปพักผ่อนและพาคุณแม่ไปไหว้พระทำบุญและรับประทานอาหารร่วมกัน ในจังหวัดใกล้เคียง อาจมีการพักค้างคืน 1 วัน ทำให้การใช้จ่ายซื้อทองคำเพื่อมอบให้แม่ไม่ได้คึกคัก
“
ตอนนี้ความกังวลต่อความปลอดภัยการใส่เครื่องประดับทองของผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ของแรงงานรายวันไม่สม่ำเสมอและการว่างงาน ดูจะสูงขึ้น จึงมองว่าการซื้อทองให้ใส่อาจไม่ปลอดภัย จึงหันใช้จ่ายกับการพาไปท่องเที่ยวและรับประทานอาหารมากกว่า ส่วนที่เข้ามาซื้อทองคำ ส่วนใหญ่ซื้อในขนาดที่เล็กลง เพราะราคาทองคำในขณะนี้ราคาสูงทรงตัว ความเชื่อต้องซื้อให้เต็ม 1 บาท ซึ่งก็ใช้เงินซื้อเกิน 4 หมื่นบาท จึงเกิดความลังเลในการซื้อลดลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับวันแม่ในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้” ผู้ค้าทอง กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการค้าทองคำ กล่าวเสริมว่า ปกติช่วงเทศกาลสำคัญ ตั้งแต่ปีใหม่ ตรุษจีน และวันแม่ จะเป็นช่วงซื้อทองคำเพื่อมอบเป็นของขวัญของไหว้ผู้ใหญ่ แต่ในช่วง 3 ปีหลังโควิดคลี่คลาย พบว่า กำลังซื้อแบบเดิมๆยังไม่ฟื้นตัว จากที่เคยเป็นช่วงขายได้สูงกว่าช่วงไม่มีเทศกาล 10-20 % แต่ในปัจจุบันเหลือสูงได้แค่ 3-5 % จากปกติเป็นช่วงมีเงินสะพัดเป็น 100 ล้านบาท ลดเหลือไม่กี่สิบล้าน สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจและความไม่มั่นใจต่อรายได้ของคนไทยลดลงมาก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าทองคำ ยังมองทิศทางราคาทองคำยังคงทรงตัวสูงและขยับสูงขึ้น ราคาในประเทศไม่น่าจะหลุด 3.8 หมื่นบาท/1 บาททองคำ ส่วนจะขยับถึง 4.5 หมื่นหรือแตะ 5 หมื่นบาท อย่างที่ก่อนหน้านี้มีการคาดหวังไว้ น่าจะใช้เวลาเกิน 1 ปี ยกเว้นบางช่วงมีเหตุการณ์ไม่สงบของภาวะสงครามและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้นอีก.
ดอกมะลิวันแม่ที่โคราช ราคาพุ่ง กก.ละ 2,600 บาท อากาศร้อน ออกดอกน้อย ทำขาดตลาด
https://www.matichon.co.th/region/news_4730441
ดอกมะลิวันแม่ที่โคราช ราคาพุ่ง กก.ละ 2,600 บาท เหตุอากาศร้อน มะลิออกดอกน้อย ทำขาดตลาด พ่อค้าแม่ค้าต้องใช้ดอกพุดมาเสริม ลดต้นทุน
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิในช่วงวันแม่แห่งชาติ ที่ตลาดภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างเร่งร้อยพวงมาลัยเพื่อให้ทันจำหน่ายในช่วงวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2567 ซึ่งปีนี้ราคาดอกมะลิที่จำหน่ายกันในท้องตลาดมีราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,400-2,600 บาท ทำให้แม่ค้าหลายรายจำเป็นต้องนำดอกพุด ราคากิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่ามาก มาร้อยเป็นพวงมาลัยแทนพวงมาลัยดอกมะลิ แต่เนื่องจากดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่ จึงทำให้ยังคงจำเป็นต้องใช้ดอกมะลิในการร้อยพวงมาลัยจำหน่ายให้กับลูกค้า
โดยนาง
ไพวัน บุญธรรม เจ้าของร้านเป้าดอกไม้ บอกว่า ปีนี้ราคาดอกมะลิพุ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาของมะลิบ้าน ซึ่งมีราคากิโลกรัมละ 2,400-2,600 บาท ทำให้ร้านจำหน่ายพวงมาลัยหลายร้าน จำเป็นต้องใช้ดอกพุดมาใช้ร้อยมาลัยแทนดอกมะลิ แต่ทางร้านของตน ยังคงใช้ดอกมะลิล้วนในการร้อยพวงมาลัย เนื่องจากมีความถนัดในการใช้ดอกมะลิมากกว่าดอกพุด และยังคงมีลูกค้าประจำที่มาซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ จึงทำให้ตนยังคงใช้ดอกมะลิในการร้อยพวงมาลัยอยู่ แต่จากราคาดอกมะลิที่เพิ่มสูงขึ้น ก็ทำให้ตนต้องปรับขนาดของพวงมาลัย เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นตามจำนวนเงินที่มีอยู่ในกระเป๋า โดยเริ่มต้นที่พวงละ 30 บาท จนไปถึงพวงละ 300 บาท แต่ในช่วงวันแม่ปีนี้ ลูกค้ามีจำนวนลดลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ หลายโรงเรียนยังไม่ได้มีการจัดกิจกรรมวันแม่ จึงทำให้ยอดขายลดลง.
'เท้ง ณัฐพงษ์' ช่วย 'ชัยรัตน์' หาเสียง ปลุกชาวราชบุรี 1 กันยากาเบอร์หนึ่งถล่มทลาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9356227
“เท้ง ณัฐพงษ์” ช่วยหาเสียง “ชัยรัตน์” ปลุกชาวราชบุรี 1 กันยากาเบอร์หนึ่งถล่มทลาย เปลี่ยนราชบุรีให้ไม่เหมือนเดิม ชูนโยบายน้ำประปาใสไหล 24 ชม.-อบจ.โปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้
10 ส.ค. 67 –
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย สส.พรรคประชาชน เดินทางไปช่วยหาเสียง ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ในนามพรรคประชาชน
โดยช่วงบ่ายเดินตลาดเก่าโคยกี๊ ทักทายพ่อค้าแม่ค้า แนะนำตัวในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนและเชิญชวนชาวราชบุรีเลือก
ชัยรัตน์ เบอร์ 1 เป็นนายก อบจ.ราชบุรี ในการเลือกตั้งวันที่ 1 กันยายน 2567 เพื่อเปลี่ยนแปลงราชบุรีให้ดีกว่าเดิม โดยตลอดทางมีประชาชนเข้ามาทักทายให้กำลังใจและขอถ่ายภาพ
จากนั้นช่วงเย็น
ณัฐพงษ์ขึ้นปราศรัยบริเวณโอ่งมังกรราชบุรี กล่าวว่า ขอออกตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคมือใหม่ แต่ไม่ได้เป็นมือใหม่ในทางอุดมการณ์ที่ยืนอยู่ข้างพี่น้องประชาชนแน่นอน พรรคประชาชนไม่ได้เพิ่งถือกำเนิด แต่มีที่มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ที่ผ่านมาการเลือกตั้งปี 2566 คะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของอดีตพรรคก้าวไกลก็เป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นวันที่ 1 กันยายน เป็นหมุดหมายสำคัญ ขอให้ออกไปเลือก
ชัยรัตน์ แสดงพลังให้การเมืองเก่าเห็นว่าระบบอุปถัมภ์ใช้ไม่ได้ต่อไปแล้วในประเทศนี้
ทำไมกลุ่มการเมืองเดิม เลือกตั้งกี่ครั้งพี่น้องก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เพราะคนที่เข้าสู่อำนาจไม่ได้รับเงินมาจากพี่น้องประชาชน ไม่ได้มีคนบริจาคให้ 10 บาท 20 บาท 100 บาท แต่เขารับจากกลุ่มทุนผู้มีอำนาจ เจ้านายของเขาไม่ใช่พวกเรา แต่คุณชัยรัตน์เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อาสามาทำการเมืองเพราะต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้ดีขึ้น
ตนไม่เคยพูดว่าการทำงานการเมืองเป็นการเสียสละ แต่เป็นการอาสา เพราะเมื่อไรที่คุณชนะการเลือกตั้ง เข้าไปอยู่ในอำนาจ ได้รับเงินเดือนภาษีจากพี่น้องประชาชน ประชาชนคือเจ้านายของพวกเรา วันหนึ่งถ้าคุณชัยรัตน์เป็นนายก อบจ. หรือตนเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปี 2570 เราสัญญาว่าจะไม่ลืมตัว จะเข้าถึงง่ายแบบที่เป็นอยู่
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น มีบริบทต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศ และการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ก็ไม่ได้เลือกพร้อมกับจังหวัดอื่น สิ่งที่ทำให้เราชนะการเลือกตั้งได้ คือช่วยกันออกไปแสดงพลัง ไปใช้สิทธิใช้เสียงให้เยอะๆ กาเบอร์หนึ่งอย่างถล่มทลาย พ่อแม่พี่น้องหลายคนบอกว่าอยากเห็นนายกฯ ชื่อเท้ง แต่ตนบอกเลยว่าถ้าไม่ได้นายก อบจ.ราชบุรี ชื่อ
ชัยรัตน์ จะไม่เห็นนายกฯ ชื่อเ
ท้งแน่
ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า พรรคประชาชนได้แสดงให้ทุกท่านเห็นแล้วว่าไม่ว่าเขาจะทุบทำลายเราอีกกี่ครั้งด้วยกลไกกติกานิติสงคราม แต่เขาหยุดเราไม่ได้ ตอนนี้ยอดบริจาคให้พรรคประชาชนมากกว่า 19 ล้านบาท เชื่อว่าคืนนี้ทะลุ 20 ล้านบาทแน่นอน และเรายังอยากเห็นยอดสมัครสมาชิกพรรคประชาชนทะลุ 100,000 คนในเร็วๆ นี้
ณัฐพงษ์ยังเล่าถึงเส้นทางการเมืองของตัวเองว่า ตนเข้าสู่การเมืองทั้งที่ครอบครัวไม่เคยมีประวัติทำงานการเมืองมาก่อน เพราะในการเลือกตั้งปี 2562 เป็นการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว ตอนนั้นตนรู้จักคุณ
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, อาจารย์
ปิยบุตร แสงกนกกุล, คุณ
ช่อ พรรณิการ์ วานิช ได้รับการสื่อสารจากพวกเขาว่า ต้องการส่งผู้สมัครครบ 350 เขตทั่วประเทศ เพราะถ้าไม่ส่งเขตใดเขตหนึ่ง คะแนนบัญชีรายชื่อจะหายไป
และตนก็ทราบว่าในกรุงเทพฯ ยังได้ผู้สมัครไม่ครบทุกเขต ด้วยระบบเลือกตั้งสมัยนั้น ด้วยความที่พรรคอนาคตใหม่ยังไม่มีใครรู้จัก ตนลง สส.เขต โดยไม่ได้หวังชนะกลุ่มการเมืองเดิมที่เขามีต้นทุนอยู่แล้ว แต่ตั้งใจลงเพื่อเก็บคะแนนบัญชีรายชื่อให้กับพรรคอนาคตใหม่ เมื่ออาสามาทำก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเดินหาเสียงจนชนะการเลือกตั้ง นั่นคือโชคชะตาที่ทำให้ตนมาอยู่ตรงนี้
“
ทุกท่านอาจเห็นว่าคุณชัยรัตน์ยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมากนัก แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณชัยรัตน์จะกลายมาเป็นคนแบบผมได้ในอนาคต สมัยอนาคตใหม่เราก็ถูกค่อนขอดดูแคลน จะทำได้จริงหรือเปล่า สส.หน้าใหม่ ไม่เคยทำงานในสภาฯ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วเพียงการเลือกตั้ง 2 ครั้ง เรากลายเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งได้”
“
วันนี้เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว 20 วันต่อจากนี้เข้าคูหากาเบอร์ 1 เกี่ยวแขนกันออกไป แสดงพลังให้พวกเขาเห็นว่าราชบุรีต้องไม่เหมือนเดิม”
ณัฐพงษ์ทิ้งท้าย
ด้าน
ชัยรัตน์ กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยเจ็บปวดแบบพี่น้องประชาชนทุกคน แต่ไม่รู้สึกเคยชินกับความเจ็บปวดนั้น ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาน้ำดื่มน้ำประปา ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรีทุกวันนี้ บางวันใสบางวันขุ่น บางวันไหลแรงบางวันไหลอ่อน มาตรฐานน้ำประปาอยู่ที่ไหน
วันนี้พี่น้องชาวราชบุรียังซื้อน้ำดื่มกันแทบทุกหลังคาเรือน หรือมีค่าใช้จ่ายในการติดเครื่องกรองน้ำราคาหลักพันหลักหมื่น สิ่งเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต องค์กรของรัฐควรเข้ามาดูแลให้ดีและมีคุณภาพ ตนจึงนำเสนอนโยบายน้ำประปาใสไหล 24 ชั่วโมง เราเคยทำสำเร็จแล้วที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทำให้น้ำประปาดื่มได้
นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ เช่น จัดหาแหล่งน้ำขนาดเล็กให้พี่น้องเกษตรกรรายย่อย, อุดหนุนงบประมาณอาหารกลางวัน, เพิ่มครูต่างชาติในโรงเรียน สพฐ. , เพิ่มบริการรถเมล์สายเดิมที่มีอยู่และปรับปรุงให้มีคุณภาพดีขึ้น, ทำ อบจ.โปร่งใส ไลฟ์สดประชุมสภาฯ ประชาชนตรวจสอบได้ ดังนั้นขอโอกาสให้ตนเปลี่ยนราชบุรีให้ดีกว่าเดิม 1 กันยากาเบอร์ 1
JJNY : ซื้อทองไหว้‘วันแม่’เงียบ│มะลิโคราชพุ่ง กก.ละ 2,600'│เท้ง ณัฐพงษ์'ช่วย'ชัยรัตน์'หาเสียง│รัสเซียอพยพโดนยูเครนรุกราน
https://www.matichon.co.th/economy/news_4730060
ซื้อทองไหว้ ‘วันแม่’ เงียบ พ่อค้าชี้พิษเศรษฐกิจกดกำลังซื้อ หยุดยาว 3 วัน หันพาเที่ยว-กินข้าวนอกบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 10 สิงหาคม สมาคมค้าทองคำ ได้แจ้งเปลี่ยนราคาทองคำ ครั้งเดียว โดยเปิดตลาดปรับขึ้นอีก 50 บาทจากวันก่อนหน้า และยืนราคาซื้อขายทั้งวัน โดยทองแท่ง ราคารับซื้อ (บาท) 40,450 บาท ราคาขายออก (บาท) 40,550 บาท ทองรูปพรรณ ราคารับซื้อ (บาท) 39,719.20 บาท ราคาขายออก (บาท) 41,050 บาท อ้างราคาทองคำโลก 2,431.50 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ และค่าเงินบาทแข็งค่า 35.26 บาทต่อเหรียญสหรัฐ
ผู้ค้าทองคำรายหนึ่งบนถนนเยาวราช ระบุถึงบรรยากาศและยอดซื้อทองคำในช่วงใกล้วันแม่ ตรงกับ 12 สิงหาคม 2567 ว่า บรรยากาศการเข้ามาซื้อทองคำเพื่อมอบให้แม่ ยังไม่เห็นถึงบรรยากาศที่คึกคักกว่าที่ควรเป็น อาจเพราะวันแม่ปี 2567 นี้ เป็นช่วงหยุดยาวต่อเนื่อง 3 วัน คือ 10-12 สิงหาคม ทำให้ครอบครัวเลือกการเดินทางไปพักผ่อนและพาคุณแม่ไปไหว้พระทำบุญและรับประทานอาหารร่วมกัน ในจังหวัดใกล้เคียง อาจมีการพักค้างคืน 1 วัน ทำให้การใช้จ่ายซื้อทองคำเพื่อมอบให้แม่ไม่ได้คึกคัก
“ตอนนี้ความกังวลต่อความปลอดภัยการใส่เครื่องประดับทองของผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น จากภาวะเศรษฐกิจไม่ดี รายได้ของแรงงานรายวันไม่สม่ำเสมอและการว่างงาน ดูจะสูงขึ้น จึงมองว่าการซื้อทองให้ใส่อาจไม่ปลอดภัย จึงหันใช้จ่ายกับการพาไปท่องเที่ยวและรับประทานอาหารมากกว่า ส่วนที่เข้ามาซื้อทองคำ ส่วนใหญ่ซื้อในขนาดที่เล็กลง เพราะราคาทองคำในขณะนี้ราคาสูงทรงตัว ความเชื่อต้องซื้อให้เต็ม 1 บาท ซึ่งก็ใช้เงินซื้อเกิน 4 หมื่นบาท จึงเกิดความลังเลในการซื้อลดลงกว่าครึ่ง เมื่อเทียบกับวันแม่ในช่วง 5 ปีก่อนหน้านี้” ผู้ค้าทอง กล่าว
แหล่งข่าวจากวงการค้าทองคำ กล่าวเสริมว่า ปกติช่วงเทศกาลสำคัญ ตั้งแต่ปีใหม่ ตรุษจีน และวันแม่ จะเป็นช่วงซื้อทองคำเพื่อมอบเป็นของขวัญของไหว้ผู้ใหญ่ แต่ในช่วง 3 ปีหลังโควิดคลี่คลาย พบว่า กำลังซื้อแบบเดิมๆยังไม่ฟื้นตัว จากที่เคยเป็นช่วงขายได้สูงกว่าช่วงไม่มีเทศกาล 10-20 % แต่ในปัจจุบันเหลือสูงได้แค่ 3-5 % จากปกติเป็นช่วงมีเงินสะพัดเป็น 100 ล้านบาท ลดเหลือไม่กี่สิบล้าน สะท้อนถึงภาวะเศรษฐกิจและความไม่มั่นใจต่อรายได้ของคนไทยลดลงมาก
อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้ค้าทองคำ ยังมองทิศทางราคาทองคำยังคงทรงตัวสูงและขยับสูงขึ้น ราคาในประเทศไม่น่าจะหลุด 3.8 หมื่นบาท/1 บาททองคำ ส่วนจะขยับถึง 4.5 หมื่นหรือแตะ 5 หมื่นบาท อย่างที่ก่อนหน้านี้มีการคาดหวังไว้ น่าจะใช้เวลาเกิน 1 ปี ยกเว้นบางช่วงมีเหตุการณ์ไม่สงบของภาวะสงครามและความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้นอีก.
ดอกมะลิวันแม่ที่โคราช ราคาพุ่ง กก.ละ 2,600 บาท อากาศร้อน ออกดอกน้อย ทำขาดตลาด
https://www.matichon.co.th/region/news_4730441
ดอกมะลิวันแม่ที่โคราช ราคาพุ่ง กก.ละ 2,600 บาท เหตุอากาศร้อน มะลิออกดอกน้อย ทำขาดตลาด พ่อค้าแม่ค้าต้องใช้ดอกพุดมาเสริม ลดต้นทุน
เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจบรรยากาศการจำหน่ายพวงมาลัยดอกมะลิในช่วงวันแม่แห่งชาติ ที่ตลาดภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา พบว่า บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างเร่งร้อยพวงมาลัยเพื่อให้ทันจำหน่ายในช่วงวันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2567 ซึ่งปีนี้ราคาดอกมะลิที่จำหน่ายกันในท้องตลาดมีราคาเพิ่มขึ้นสูงมาก โดยจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 2,400-2,600 บาท ทำให้แม่ค้าหลายรายจำเป็นต้องนำดอกพุด ราคากิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่ามาก มาร้อยเป็นพวงมาลัยแทนพวงมาลัยดอกมะลิ แต่เนื่องจากดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่ จึงทำให้ยังคงจำเป็นต้องใช้ดอกมะลิในการร้อยพวงมาลัยจำหน่ายให้กับลูกค้า
โดยนางไพวัน บุญธรรม เจ้าของร้านเป้าดอกไม้ บอกว่า ปีนี้ราคาดอกมะลิพุ่งเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะราคาของมะลิบ้าน ซึ่งมีราคากิโลกรัมละ 2,400-2,600 บาท ทำให้ร้านจำหน่ายพวงมาลัยหลายร้าน จำเป็นต้องใช้ดอกพุดมาใช้ร้อยมาลัยแทนดอกมะลิ แต่ทางร้านของตน ยังคงใช้ดอกมะลิล้วนในการร้อยพวงมาลัย เนื่องจากมีความถนัดในการใช้ดอกมะลิมากกว่าดอกพุด และยังคงมีลูกค้าประจำที่มาซื้อพวงมาลัยดอกมะลิ จึงทำให้ตนยังคงใช้ดอกมะลิในการร้อยพวงมาลัยอยู่ แต่จากราคาดอกมะลิที่เพิ่มสูงขึ้น ก็ทำให้ตนต้องปรับขนาดของพวงมาลัย เพื่อให้ลูกค้าได้มีสิทธิเลือกซื้อได้ง่ายขึ้นตามจำนวนเงินที่มีอยู่ในกระเป๋า โดยเริ่มต้นที่พวงละ 30 บาท จนไปถึงพวงละ 300 บาท แต่ในช่วงวันแม่ปีนี้ ลูกค้ามีจำนวนลดลงกว่าทุกปีที่ผ่านมา เนื่องจากตรงกับวันเสาร์อาทิตย์ หลายโรงเรียนยังไม่ได้มีการจัดกิจกรรมวันแม่ จึงทำให้ยอดขายลดลง.
'เท้ง ณัฐพงษ์' ช่วย 'ชัยรัตน์' หาเสียง ปลุกชาวราชบุรี 1 กันยากาเบอร์หนึ่งถล่มทลาย
https://www.khaosod.co.th/politics/news_9356227
“เท้ง ณัฐพงษ์” ช่วยหาเสียง “ชัยรัตน์” ปลุกชาวราชบุรี 1 กันยากาเบอร์หนึ่งถล่มทลาย เปลี่ยนราชบุรีให้ไม่เหมือนเดิม ชูนโยบายน้ำประปาใสไหล 24 ชม.-อบจ.โปร่งใส ประชาชนตรวจสอบได้
10 ส.ค. 67 – ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย สส.พรรคประชาชน เดินทางไปช่วยหาเสียง ชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ผู้สมัครนายก อบจ.ราชบุรี ในนามพรรคประชาชน
โดยช่วงบ่ายเดินตลาดเก่าโคยกี๊ ทักทายพ่อค้าแม่ค้า แนะนำตัวในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนและเชิญชวนชาวราชบุรีเลือกชัยรัตน์ เบอร์ 1 เป็นนายก อบจ.ราชบุรี ในการเลือกตั้งวันที่ 1 กันยายน 2567 เพื่อเปลี่ยนแปลงราชบุรีให้ดีกว่าเดิม โดยตลอดทางมีประชาชนเข้ามาทักทายให้กำลังใจและขอถ่ายภาพ
จากนั้นช่วงเย็นณัฐพงษ์ขึ้นปราศรัยบริเวณโอ่งมังกรราชบุรี กล่าวว่า ขอออกตัวว่าเป็นหัวหน้าพรรคมือใหม่ แต่ไม่ได้เป็นมือใหม่ในทางอุดมการณ์ที่ยืนอยู่ข้างพี่น้องประชาชนแน่นอน พรรคประชาชนไม่ได้เพิ่งถือกำเนิด แต่มีที่มาตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล ที่ผ่านมาการเลือกตั้งปี 2566 คะแนนเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อของอดีตพรรคก้าวไกลก็เป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้นวันที่ 1 กันยายน เป็นหมุดหมายสำคัญ ขอให้ออกไปเลือกชัยรัตน์ แสดงพลังให้การเมืองเก่าเห็นว่าระบบอุปถัมภ์ใช้ไม่ได้ต่อไปแล้วในประเทศนี้
ทำไมกลุ่มการเมืองเดิม เลือกตั้งกี่ครั้งพี่น้องก็ไม่รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลง เพราะคนที่เข้าสู่อำนาจไม่ได้รับเงินมาจากพี่น้องประชาชน ไม่ได้มีคนบริจาคให้ 10 บาท 20 บาท 100 บาท แต่เขารับจากกลุ่มทุนผู้มีอำนาจ เจ้านายของเขาไม่ใช่พวกเรา แต่คุณชัยรัตน์เป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ อาสามาทำการเมืองเพราะต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ประเทศนี้ดีขึ้น
ตนไม่เคยพูดว่าการทำงานการเมืองเป็นการเสียสละ แต่เป็นการอาสา เพราะเมื่อไรที่คุณชนะการเลือกตั้ง เข้าไปอยู่ในอำนาจ ได้รับเงินเดือนภาษีจากพี่น้องประชาชน ประชาชนคือเจ้านายของพวกเรา วันหนึ่งถ้าคุณชัยรัตน์เป็นนายก อบจ. หรือตนเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งปี 2570 เราสัญญาว่าจะไม่ลืมตัว จะเข้าถึงง่ายแบบที่เป็นอยู่
สำหรับการเลือกตั้งท้องถิ่น มีบริบทต่างจากการเลือกตั้งระดับประเทศ และการเลือกตั้งนายก อบจ.ราชบุรี ก็ไม่ได้เลือกพร้อมกับจังหวัดอื่น สิ่งที่ทำให้เราชนะการเลือกตั้งได้ คือช่วยกันออกไปแสดงพลัง ไปใช้สิทธิใช้เสียงให้เยอะๆ กาเบอร์หนึ่งอย่างถล่มทลาย พ่อแม่พี่น้องหลายคนบอกว่าอยากเห็นนายกฯ ชื่อเท้ง แต่ตนบอกเลยว่าถ้าไม่ได้นายก อบจ.ราชบุรี ชื่อชัยรัตน์ จะไม่เห็นนายกฯ ชื่อเท้งแน่
ณัฐพงษ์กล่าวต่อว่า พรรคประชาชนได้แสดงให้ทุกท่านเห็นแล้วว่าไม่ว่าเขาจะทุบทำลายเราอีกกี่ครั้งด้วยกลไกกติกานิติสงคราม แต่เขาหยุดเราไม่ได้ ตอนนี้ยอดบริจาคให้พรรคประชาชนมากกว่า 19 ล้านบาท เชื่อว่าคืนนี้ทะลุ 20 ล้านบาทแน่นอน และเรายังอยากเห็นยอดสมัครสมาชิกพรรคประชาชนทะลุ 100,000 คนในเร็วๆ นี้
ณัฐพงษ์ยังเล่าถึงเส้นทางการเมืองของตัวเองว่า ตนเข้าสู่การเมืองทั้งที่ครอบครัวไม่เคยมีประวัติทำงานการเมืองมาก่อน เพราะในการเลือกตั้งปี 2562 เป็นการเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว ตอนนั้นตนรู้จักคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล, คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช ได้รับการสื่อสารจากพวกเขาว่า ต้องการส่งผู้สมัครครบ 350 เขตทั่วประเทศ เพราะถ้าไม่ส่งเขตใดเขตหนึ่ง คะแนนบัญชีรายชื่อจะหายไป
และตนก็ทราบว่าในกรุงเทพฯ ยังได้ผู้สมัครไม่ครบทุกเขต ด้วยระบบเลือกตั้งสมัยนั้น ด้วยความที่พรรคอนาคตใหม่ยังไม่มีใครรู้จัก ตนลง สส.เขต โดยไม่ได้หวังชนะกลุ่มการเมืองเดิมที่เขามีต้นทุนอยู่แล้ว แต่ตั้งใจลงเพื่อเก็บคะแนนบัญชีรายชื่อให้กับพรรคอนาคตใหม่ เมื่ออาสามาทำก็ตั้งใจอย่างเต็มที่ในการเดินหาเสียงจนชนะการเลือกตั้ง นั่นคือโชคชะตาที่ทำให้ตนมาอยู่ตรงนี้
“ทุกท่านอาจเห็นว่าคุณชัยรัตน์ยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมืองมากนัก แต่ผมคิดว่าคนอย่างคุณชัยรัตน์จะกลายมาเป็นคนแบบผมได้ในอนาคต สมัยอนาคตใหม่เราก็ถูกค่อนขอดดูแคลน จะทำได้จริงหรือเปล่า สส.หน้าใหม่ ไม่เคยทำงานในสภาฯ แต่วันนี้พิสูจน์แล้วเพียงการเลือกตั้ง 2 ครั้ง เรากลายเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่งได้”
“วันนี้เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึงแล้ว 20 วันต่อจากนี้เข้าคูหากาเบอร์ 1 เกี่ยวแขนกันออกไป แสดงพลังให้พวกเขาเห็นว่าราชบุรีต้องไม่เหมือนเดิม” ณัฐพงษ์ทิ้งท้าย
ด้าน ชัยรัตน์ กล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่เคยเจ็บปวดแบบพี่น้องประชาชนทุกคน แต่ไม่รู้สึกเคยชินกับความเจ็บปวดนั้น ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาน้ำดื่มน้ำประปา ในเขตเทศบาลเมืองราชบุรีทุกวันนี้ บางวันใสบางวันขุ่น บางวันไหลแรงบางวันไหลอ่อน มาตรฐานน้ำประปาอยู่ที่ไหน
วันนี้พี่น้องชาวราชบุรียังซื้อน้ำดื่มกันแทบทุกหลังคาเรือน หรือมีค่าใช้จ่ายในการติดเครื่องกรองน้ำราคาหลักพันหลักหมื่น สิ่งเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต องค์กรของรัฐควรเข้ามาดูแลให้ดีและมีคุณภาพ ตนจึงนำเสนอนโยบายน้ำประปาใสไหล 24 ชั่วโมง เราเคยทำสำเร็จแล้วที่เทศบาลตำบลอาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด ทำให้น้ำประปาดื่มได้
นอกจากนี้ยังมีนโยบายอื่นๆ เช่น จัดหาแหล่งน้ำขนาดเล็กให้พี่น้องเกษตรกรรายย่อย, อุดหนุนงบประมาณอาหารกลางวัน, เพิ่มครูต่างชาติในโรงเรียน สพฐ. , เพิ่มบริการรถเมล์สายเดิมที่มีอยู่และปรับปรุงให้มีคุณภาพดีขึ้น, ทำ อบจ.โปร่งใส ไลฟ์สดประชุมสภาฯ ประชาชนตรวจสอบได้ ดังนั้นขอโอกาสให้ตนเปลี่ยนราชบุรีให้ดีกว่าเดิม 1 กันยากาเบอร์ 1