ปชช.เครียดของแพง กดดัชนีความเชื่อมั่นดิ่งเหว ลดต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/286120
ปัญหาของแพง กดความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมีนาคม ลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือน
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมีนาคม พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 64
เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นของนักธุกิจ ก็ลดลงต่อเนื่อง และอยู่ระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือน ซึ่งทั้งประชาชนและนักธุรกิจ กังวลต่อการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น และสงครามรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จนกระทบต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งล่าสุดผู้ประกอบการในภาคตะวันออก โอดหนักเรื่องรับมือต้นทุนไม่ไหว และปลดพนักงานบ้างแล้ว
และยังกังวลว่าหลังสงกรานต์ จำนวนติดเชื้อโอมิครอน อาจถึง 1 แสนราย แต่เชื่อว่า รัฐจะไม่ล็อกดาวน์ในภาครวม เพราะล็อกดาวน์เพียง 1 เดือน จะสร้างความเสียหายถึง 8 แสนล้านบาท
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/mLzk8RoBuc4
กระเป๋าฉีก! หมูหน้าฟาร์มขึ้นอีก 3 บาท ข้าวราดแกงขึ้นรวดเดียว 10 บาท/จาน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/286119
แพงรับสงกรานต์ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม อีกกิโลกรัมละ 3 บาท มีผลพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) คาดทำราคาขายปลีกทะลุ 200 บาทอีกครั้ง
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) สมาคมฯ จะประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม อีกกิโลกรัมละ 3 บาท เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารสัตว์พุ่งสูงขึ้นเฉลี่ย 40 -50% ใกล้แตะระดับต้นทุนของเกษตรกรแล้ว ทำให้แบกรับภาระต่อไม่ไหว จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขึ้น เพื่อความอยู่รอด ซึ่งแน่นอน จะส่งผลต่อราคาขายเนื้อหมูหน้าเขียง ที่จะต้องขยับราคาขึ้นตาม ซึ่งราคาอาจกลับมาทะลุกิโลกรัมละ 200 บาทอีกครั้ง
ส่วนนี้ป้ายแสดงราคาข้าวราดแกง ที่วันนี้ข้าวราดแกง 2 อย่าง ราคาขยับขึ้นพรวดดียว 10 บาท เป็น 60 บาทต่อจาน ถ้าราดแกงอย่างเดียว 45 ถึง 50 บาท แต่ถ้าราด 3 อย่าง 70 บาทต่อจาน สร้างความเดือดร้อน ทำคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงมนุษย์ออฟฟิศกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน ถ้ารวมค่าน้ำชา-กาแฟเข้าไปด้วย มื้อหนึ่งๆ ก็ทะลุร้อยบาทไปแล้ว
ขณะที่ นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ส่งสายตรวจกองชั่งตวงวัด เข้าตรวจสอบหัวจ่ายในสถานีน้ำมัน 700 แห่ง ในถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ป้องกันการคดโกงประชาชน เตรียมพร้อมรับมือประชาชนเดินทางช่วงสงกรานต์ โดยปั้มที่ผ่านการตรวจสอบ ให้สังเกตุฉลาก “น้ำมันเต็มลิตร” ที่ตู้จ่าย ก็จะมั่นใจได้ว่าได้น้ำมันเต็มลิตร ซึ่งจากการตรวจสอบที่ผ่านมา พบตู้จ่ายชำรุดมากถึง 70 ตู้ ซึ่งได้สั่งให้แก้ไขให้ถูกต้อง หากฝ่าฝืนนำมาใช้งาน จะมีโทษหนัก คุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท
ล่าสุด สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ประกาศไม่ขึ้นราคาน้ำมัน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 18 เมษายน แต่หากราคาน้ำมันตลาดโลกลด ก็จะปรับราคาลดลงอีก พร้อมเตรียมจุดให้บริการ EV Station PluZ 105 แห่ง ครอบคลุมถนนสายหลัก เพื่อหนุนการเดินช่วงสงกรานต์
ชมผ่านยูทูบ :
https://youtu.be/5yaBiPrN1j0
สื่อนอกเผย ผู้ลี้ภัยเมียนมาในไทย ถูกเรียกเก็บเงินแลกไม่ส่งตัวกลับ
https://www.one31.net/news/detail/54361
สำนักข่าวเอพี เผย ผู้ลี้ภัยเมียนมา เสี่ยงถูกส่งตัวกลับ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องจ่ายเงินทุกเดือน เพื่อแลกกับการไม่ถูกส่งกลับไปเสี่ยงตายในบ้านเกิด…
เอพีรายงานโดยอ้างอิงทั้งการลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยเมียนมาที่ข้ามมายังฝั่งไทย องค์กรให้ความช่วยเหลือและเจ้าหน้าที่ไทยเอง รายงานชิ้นนี้ระบุว่าชาวเมียนมาต้องทิ้งบ้าน หอบข้าวของ อุ้มลูกหลานข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทยเพื่อหนีภัยการสู้รบในประเทศตัวเอง เมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทยก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ในค่ายพักพิงผู้หนีภัยที่ตั้งมาแล้วหลายสิบปี เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยเมียนมากว่า 90,000 คน ที่หนีภัยมาหลายปีก่อนหน้านี้ คนที่ลี้ภัยมาระลอกล่าสุดต้องไปอยู่ในคอกวัวแออัด หรือตั้งเต็นท์ง่ายๆ อยู่ ซึ่งไม่คุมแดดคุมฝน ทำให้สภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างเลวร้าย
องค์กรภาคประชาสังคมบอกว่าทางการไทยไม่อนุญาตให้เอ็นจีโอนานาชาติหรือ UNHCR ส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ผู้อำนวยการขององค์กร ‘
เดอะ บอร์ดเดอร์ คอนซอร์เทียม’ The Border Consortium บอกว่าทางการไทยให้เหตุผลว่ามีทรัพยากรเพียงพอในการดูแล
ขณะเดียวกัน เอพีรายงานว่าเมื่อการปะทะในฝั่งเมียนมาหยุดลงชั่วคราว ทางการไทยก็จะส่งผู้ลี้ภัยกลับ แม้กฎหมายระหว่างประเทศด้านผู้ลี้ภัยจะห้ามส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศหากนั่นทำให้ชีวิตของพวกเขาเสี่ยงอันตราย
เอพียังอ้างอิงผู้ลี้ภัยเมียนมาบางคนที่บอกว่า ถูกเรียกเก็บเงินเดือนละประมาณ 350 บาท เพื่อแลกกับบัตรใบหนึ่งที่ขายโดยพ่อค้าคนกลาง บัตรนี้ไม่ใช่เอกสารราชการ แต่สามารถช่วยให้ผู้ลี้ภัยเมียนมาไม่ต้องถูกข่มขู่คุกคาม หรือถูกทางการไทยจับกุม ส่งกลับไปเมียนมา บัตรดังกล่าวจะมีรูปหรือสัญลักษณ์ที่บอกว่าผู้ลี้ภัยได้จ่ายเงินแล้วในเดือนนั้น
ทั้งนี้ เอพีระบุว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกว่ารัฐบาลไทย
“ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด” ทั้งต่อรายงานเรื่องการข่มขู่คุกคามผู้ลี้ภัยหรือการเรียกเก็บเงิน โดยที่ผ่านมาทางการไทยยืนยันว่า ผู้ลี้ภัยเมียนมาตัดสินใจกลับบ้านด้วยความสมัครใจ ไทยปฏิบัติตามกฎหมายสากลว่าด้วยการไม่ส่งตัวกลับประเทศหากทำให้ชีวิตของผู้ลี้ภัยต้องเผชิญอันตราย
ขณะที่ทีมข่าวช่องวันได้สอบถามกระทรวงการต่างประเทศหลังรายงานชิ้นนี้ของสำนักข่าวเอพีถูกเผยแพร่ออกมา ก็ได้รับคำตอบว่า “
กำลังพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการใดๆ ต่อไปหรือไม่” .
เพื่อไทย ลุยบางแค ชู 'กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสน' ต้นแบบประชาธิปไตยกินได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3279316
เดินหน้ากรุงเทพฯ มั่งคั่ง ‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บางแค ชูนโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ ต้นแบบ ‘ประชาธิปไตยกินได้’ คืนอำนาจให้ประชาชนแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ‘เอกชัย’ ลั่นลุยทุกปัญหา เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน พรรคเพื่อไทย นำโดย นาย
วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นาง
พวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก. นายแพทย์
พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. นาย
ดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. นางสาว
ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนาย
เอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. เขตต่างๆ
ร่วมกันลงพื้นที่เขตบางแคและร่วมล้อมวงคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนถึงแนวนโยบายในการ ‘
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ของพรรคเพื่อไทย
โดยประชาชนสนใจร่วมพูดคุยสะท้อนปัญหาในชุมชน ทั้งในเรื่องของปัญหาการประกอบอาชีพ เศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตและการจราจร นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนประชาชนกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนสุขสำราญ ซึ่งทำ ‘
ขนมงาพอง’ ที่เดียวในกรุงเทพฯและส่งไปขายทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางแค เพื่อพูดคุยกันถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ
นาง
พวงเพ็ชร กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคเพื่อไทย ได้รับการคัดสรรมาตามระบบเพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งทุกคนทุ่มเทดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 จึงเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะยอบรับและสนับสนุน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนโยบายในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวทาง ‘
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายจนสำเร็จมาโดยตลอด
นายแพทย์
พรหมินทร์ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวแทนในการนำเสนอนโยบายและดูแลเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปีของประชาชน ในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะต้องเลือกตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ซึ่งจะมีนโยบายที่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยในอดีตเคยเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายที่ประสบความสำเร็จ คือ กองทุนหมู่บ้านซึ่งต่อมายกระดับเป็นกองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง (เอสเอ็มแอล) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยกินได้ จึงได้นำสิ่งดีๆ เหล่านี้มายกระดับและนำเสนอเป็นนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี ที่มีหลักคิดและหลักการเดียวกัน คือ จัดสรรงบประมาณให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปีละ 200,000 บาทต่อปี เพื่อกระจายอำนาจให้พี่น้องประชาชนแต่ละชุมชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายที่มุ่งในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ ทั้งระบบเป็นรูปธรรม
นาย
ดนุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยหมดหวัง แม้จะโดนรัฐประหารมา 2 ครั้งก็ยังมุ่งมั่นทำงานให้พี่น้องประชาชน และในครั้งนี้เรามุ่งมั่นที่จะคืนความมั่งคั่งให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิฐกับวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจ จึงนำมาซึ่งนโยบายที่จะฟื้นเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน ทั้ง 5 นโยบายหลัก ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟเพาเวอร์ ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ภายใต้หลักคิด ‘
ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’
ด้าน นาย
เอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางแค เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องประชาชนยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐ ทำให้ละเลยการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ก. ทุกคน มุ่งมั่นที่จะทำลายอุปสรรคปัญหาเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
JJNY : 6in1 เชื่อมั่นดิ่งเหว│หมูขึ้นอีก3บ.│เผยผู้ลี้ภัยในไทยถูกเก็บเงิน│พท.ลุยบางแค│ก.ก.ปักธงอีสาน│รัสเซียรับเสียทหารมาก
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/286120
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือนมีนาคม พบว่า ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน นับตั้งแต่เดือนตุลาคม ปี 64
เช่นเดียวกับความเชื่อมั่นของนักธุกิจ ก็ลดลงต่อเนื่อง และอยู่ระดับต่ำสุดรอบ 4 เดือน ซึ่งทั้งประชาชนและนักธุรกิจ กังวลต่อการแพร่ระบาดโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ปัญหาค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น และสงครามรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น จนกระทบต่อต้นทุนการผลิต ซึ่งล่าสุดผู้ประกอบการในภาคตะวันออก โอดหนักเรื่องรับมือต้นทุนไม่ไหว และปลดพนักงานบ้างแล้ว
และยังกังวลว่าหลังสงกรานต์ จำนวนติดเชื้อโอมิครอน อาจถึง 1 แสนราย แต่เชื่อว่า รัฐจะไม่ล็อกดาวน์ในภาครวม เพราะล็อกดาวน์เพียง 1 เดือน จะสร้างความเสียหายถึง 8 แสนล้านบาท
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/mLzk8RoBuc4
กระเป๋าฉีก! หมูหน้าฟาร์มขึ้นอีก 3 บาท ข้าวราดแกงขึ้นรวดเดียว 10 บาท/จาน
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/286119
แพงรับสงกรานต์ สมาคมผู้เลี้ยงสุกรฯ ประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม อีกกิโลกรัมละ 3 บาท มีผลพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) คาดทำราคาขายปลีกทะลุ 200 บาทอีกครั้ง
นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (9 เม.ย.) สมาคมฯ จะประกาศปรับขึ้นราคาหมูเป็นหน้าฟาร์ม อีกกิโลกรัมละ 3 บาท เนื่องจากต้นทุนราคาอาหารสัตว์พุ่งสูงขึ้นเฉลี่ย 40 -50% ใกล้แตะระดับต้นทุนของเกษตรกรแล้ว ทำให้แบกรับภาระต่อไม่ไหว จึงจำเป็นต้องปรับขึ้นราคาขึ้น เพื่อความอยู่รอด ซึ่งแน่นอน จะส่งผลต่อราคาขายเนื้อหมูหน้าเขียง ที่จะต้องขยับราคาขึ้นตาม ซึ่งราคาอาจกลับมาทะลุกิโลกรัมละ 200 บาทอีกครั้ง
ส่วนนี้ป้ายแสดงราคาข้าวราดแกง ที่วันนี้ข้าวราดแกง 2 อย่าง ราคาขยับขึ้นพรวดดียว 10 บาท เป็น 60 บาทต่อจาน ถ้าราดแกงอย่างเดียว 45 ถึง 50 บาท แต่ถ้าราด 3 อย่าง 70 บาทต่อจาน สร้างความเดือดร้อน ทำคนหาเช้ากินค่ำ รวมถึงมนุษย์ออฟฟิศกระเป๋าฉีกไปตามๆ กัน ถ้ารวมค่าน้ำชา-กาแฟเข้าไปด้วย มื้อหนึ่งๆ ก็ทะลุร้อยบาทไปแล้ว
ขณะที่ นายวัฒนศักดิ์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ส่งสายตรวจกองชั่งตวงวัด เข้าตรวจสอบหัวจ่ายในสถานีน้ำมัน 700 แห่ง ในถนนสายหลักและสายรองทั่วประเทศ ป้องกันการคดโกงประชาชน เตรียมพร้อมรับมือประชาชนเดินทางช่วงสงกรานต์ โดยปั้มที่ผ่านการตรวจสอบ ให้สังเกตุฉลาก “น้ำมันเต็มลิตร” ที่ตู้จ่าย ก็จะมั่นใจได้ว่าได้น้ำมันเต็มลิตร ซึ่งจากการตรวจสอบที่ผ่านมา พบตู้จ่ายชำรุดมากถึง 70 ตู้ ซึ่งได้สั่งให้แก้ไขให้ถูกต้อง หากฝ่าฝืนนำมาใช้งาน จะมีโทษหนัก คุก 6 เดือน ปรับ 20,000 บาท
ล่าสุด สถานีบริการน้ำมัน พีทีที สเตชั่น ประกาศไม่ขึ้นราคาน้ำมัน 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 9 ถึง 18 เมษายน แต่หากราคาน้ำมันตลาดโลกลด ก็จะปรับราคาลดลงอีก พร้อมเตรียมจุดให้บริการ EV Station PluZ 105 แห่ง ครอบคลุมถนนสายหลัก เพื่อหนุนการเดินช่วงสงกรานต์
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/5yaBiPrN1j0
สื่อนอกเผย ผู้ลี้ภัยเมียนมาในไทย ถูกเรียกเก็บเงินแลกไม่ส่งตัวกลับ
https://www.one31.net/news/detail/54361
สำนักข่าวเอพี เผย ผู้ลี้ภัยเมียนมา เสี่ยงถูกส่งตัวกลับ หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องจ่ายเงินทุกเดือน เพื่อแลกกับการไม่ถูกส่งกลับไปเสี่ยงตายในบ้านเกิด…
เอพีรายงานโดยอ้างอิงทั้งการลงพื้นที่สัมภาษณ์ผู้ลี้ภัยเมียนมาที่ข้ามมายังฝั่งไทย องค์กรให้ความช่วยเหลือและเจ้าหน้าที่ไทยเอง รายงานชิ้นนี้ระบุว่าชาวเมียนมาต้องทิ้งบ้าน หอบข้าวของ อุ้มลูกหลานข้ามแม่น้ำเมยมายังฝั่งไทยเพื่อหนีภัยการสู้รบในประเทศตัวเอง เมื่อข้ามมาถึงฝั่งไทยก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปอยู่ในค่ายพักพิงผู้หนีภัยที่ตั้งมาแล้วหลายสิบปี เพื่อรองรับผู้ลี้ภัยเมียนมากว่า 90,000 คน ที่หนีภัยมาหลายปีก่อนหน้านี้ คนที่ลี้ภัยมาระลอกล่าสุดต้องไปอยู่ในคอกวัวแออัด หรือตั้งเต็นท์ง่ายๆ อยู่ ซึ่งไม่คุมแดดคุมฝน ทำให้สภาพความเป็นอยู่ค่อนข้างเลวร้าย
องค์กรภาคประชาสังคมบอกว่าทางการไทยไม่อนุญาตให้เอ็นจีโอนานาชาติหรือ UNHCR ส่งความช่วยเหลือเข้าไปยังผู้ลี้ภัยเหล่านี้ ผู้อำนวยการขององค์กร ‘เดอะ บอร์ดเดอร์ คอนซอร์เทียม’ The Border Consortium บอกว่าทางการไทยให้เหตุผลว่ามีทรัพยากรเพียงพอในการดูแล
ขณะเดียวกัน เอพีรายงานว่าเมื่อการปะทะในฝั่งเมียนมาหยุดลงชั่วคราว ทางการไทยก็จะส่งผู้ลี้ภัยกลับ แม้กฎหมายระหว่างประเทศด้านผู้ลี้ภัยจะห้ามส่งผู้ลี้ภัยกลับประเทศหากนั่นทำให้ชีวิตของพวกเขาเสี่ยงอันตราย
เอพียังอ้างอิงผู้ลี้ภัยเมียนมาบางคนที่บอกว่า ถูกเรียกเก็บเงินเดือนละประมาณ 350 บาท เพื่อแลกกับบัตรใบหนึ่งที่ขายโดยพ่อค้าคนกลาง บัตรนี้ไม่ใช่เอกสารราชการ แต่สามารถช่วยให้ผู้ลี้ภัยเมียนมาไม่ต้องถูกข่มขู่คุกคาม หรือถูกทางการไทยจับกุม ส่งกลับไปเมียนมา บัตรดังกล่าวจะมีรูปหรือสัญลักษณ์ที่บอกว่าผู้ลี้ภัยได้จ่ายเงินแล้วในเดือนนั้น
ทั้งนี้ เอพีระบุว่า โฆษกกระทรวงการต่างประเทศบอกว่ารัฐบาลไทย “ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด” ทั้งต่อรายงานเรื่องการข่มขู่คุกคามผู้ลี้ภัยหรือการเรียกเก็บเงิน โดยที่ผ่านมาทางการไทยยืนยันว่า ผู้ลี้ภัยเมียนมาตัดสินใจกลับบ้านด้วยความสมัครใจ ไทยปฏิบัติตามกฎหมายสากลว่าด้วยการไม่ส่งตัวกลับประเทศหากทำให้ชีวิตของผู้ลี้ภัยต้องเผชิญอันตราย
ขณะที่ทีมข่าวช่องวันได้สอบถามกระทรวงการต่างประเทศหลังรายงานชิ้นนี้ของสำนักข่าวเอพีถูกเผยแพร่ออกมา ก็ได้รับคำตอบว่า “กำลังพิจารณาว่าจะมีการดำเนินการใดๆ ต่อไปหรือไม่” .
เพื่อไทย ลุยบางแค ชู 'กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสน' ต้นแบบประชาธิปไตยกินได้
https://www.matichon.co.th/politics/news_3279316
เดินหน้ากรุงเทพฯ มั่งคั่ง ‘เพื่อไทย’ ลงพื้นที่บางแค ชูนโยบาย ‘กองทุนพัฒนาชุมชน 2 แสนบาท’ ต้นแบบ ‘ประชาธิปไตยกินได้’ คืนอำนาจให้ประชาชนแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง ‘เอกชัย’ ลั่นลุยทุกปัญหา เพื่อชีวิตที่ดีกว่าของคนกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 8 เมษายน พรรคเพื่อไทย นำโดย นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม.และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ส.ก. นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. นายดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง ส.ก. นางสาวขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตบางแค เบอร์ 2 พร้อมผู้สมัคร ส.ก. เขตต่างๆ
ร่วมกันลงพื้นที่เขตบางแคและร่วมล้อมวงคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับพี่น้องประชาชนถึงแนวนโยบายในการ ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ของพรรคเพื่อไทย
โดยประชาชนสนใจร่วมพูดคุยสะท้อนปัญหาในชุมชน ทั้งในเรื่องของปัญหาการประกอบอาชีพ เศรษฐกิจปากท้อง คุณภาพชีวิตและการจราจร นอกจากนี้ยังได้พบปะพูดคุยกับตัวแทนประชาชนกลุ่มรัฐวิสาหกิจชุมชนสุขสำราญ ซึ่งทำ ‘ขนมงาพอง’ ที่เดียวในกรุงเทพฯและส่งไปขายทั่วประเทศ พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบประตูระบายน้ำคลองบางแค เพื่อพูดคุยกันถึงนโยบายการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ
นางพวงเพ็ชร กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก. ของพรรคเพื่อไทย ได้รับการคัดสรรมาตามระบบเพื่อให้ได้คนที่มีความรู้ความสามารถ ซึ่งทุกคนทุ่มเทดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 จึงเชื่อว่าพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพฯ จะยอบรับและสนับสนุน อีกทั้งพรรคเพื่อไทยมีความมุ่งมั่นที่จะนำเสนอนโยบายในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ตามแนวทาง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ และพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวที่มีความชัดเจนในการผลักดันนโยบายจนสำเร็จมาโดยตลอด
นายแพทย์พรหมินทร์ กล่าวว่า ผู้สมัคร ส.ก.ของพรรคเพื่อไทย จะเป็นตัวแทนในการนำเสนอนโยบายและดูแลเงินงบประมาณ 1 แสนล้านบาทต่อปีของประชาชน ในการดูแลชีวิตและความเป็นอยู่ของคนกรุงเทพฯ ที่ต้องทนทุกข์มาตั้งแต่หลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งเป็นก้าวสำคัญที่จะต้องเลือกตัวแทนของคนกรุงเทพฯ ทั้งผู้ว่าฯ กทม. และ ส.ก. ซึ่งจะมีนโยบายที่มีคำตอบในการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ซึ่งพรรคเพื่อไทยในอดีตเคยเป็นรัฐบาลและนำเสนอนโยบายที่ประสบความสำเร็จ คือ กองทุนหมู่บ้านซึ่งต่อมายกระดับเป็นกองทุนพัฒนาหมู่บ้านและชุมชนเมือง (เอสเอ็มแอล) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประชาธิปไตยกินได้ จึงได้นำสิ่งดีๆ เหล่านี้มายกระดับและนำเสนอเป็นนโยบายกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี ที่มีหลักคิดและหลักการเดียวกัน คือ จัดสรรงบประมาณให้ชุมชนต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ ปีละ 200,000 บาทต่อปี เพื่อกระจายอำนาจให้พี่น้องประชาชนแต่ละชุมชนได้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง นอกจากนี้พรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายที่มุ่งในการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ ทั้งระบบเป็นรูปธรรม
นายดนุพร กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยไม่เคยหมดหวัง แม้จะโดนรัฐประหารมา 2 ครั้งก็ยังมุ่งมั่นทำงานให้พี่น้องประชาชน และในครั้งนี้เรามุ่งมั่นที่จะคืนความมั่งคั่งให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิฐกับวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจ จึงนำมาซึ่งนโยบายที่จะฟื้นเศรษฐกิจปากท้องพี่น้องประชาชน ทั้ง 5 นโยบายหลัก ประกอบด้วย กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟเพาเวอร์ ที่จะมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องคนกรุงเทพฯ ภายใต้หลักคิด ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’
ด้าน นายเอกชัย ผ่องจิตร์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางแค เบอร์ 2 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จากการลงพื้นที่พบว่าพี่น้องประชาชนยังต้องเผชิญปัญหาหลายอย่างจากการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพของภาครัฐ ทำให้ละเลยการแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยและผู้สมัคร ส.ก. ทุกคน มุ่งมั่นที่จะทำลายอุปสรรคปัญหาเหล่านี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น