องค์กรอิสลามมาเลเซียยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อไทย เรียกร้องคุ้มครองผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์
https://prachatai.com/journal/2025/03/112263
สภาที่ปรึกษาองค์กรอิสลามมาเลเซีย (MAPIM) ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไทย วอนปกป้องผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ - ชี้การส่งกลับจีนอาจเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ข้อ
1 มี.ค. 2568 สภาที่ปรึกษาองค์กรอิสลามแห่งมาเลเซีย (MAPIM) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
จดหมายลงนามโดยนาย
โมฮัมหมัด อาซมี อับดุล ฮามิด ประธาน MAPIM แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จะถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งกลับตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 และอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
MAPIM ระบุว่าผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการกักขังโดยพลการ การทรมาน การใช้แรงงานบังคับ และการกดขี่อัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม ตามรายงานจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์
องค์กรดังกล่าวได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ประการ ได้แก่:
1. หลีกเลี่ยงการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนโดยบังคับ
2. อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศเข้าถึงผู้ลี้ภัย
3. อำนวยความสะดวกในการตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามที่ยินดีให้การคุ้มครอง
4. ร่วมเจรจากับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และอาเซียนเพื่อหาทางออกระดับภูมิภาค
จดหมายยังกล่าวชื่นชมประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค และเรียกร้องให้ไทยรักษาชื่อเสียงในการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักการทางมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
MAPIM แสดงความพร้อมที่จะเปิดการเจรจาทางการทูตเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ และหวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย
วิโรจน์ งงพท. สมัยเป็นฝ่ายค้าน บี้สปิริตบิ๊กตู่ รับซักฟอก พอเป็นรบ. เจรจาวัน ยังคุยยากเลย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5071716
“วิโรจน์” ยัน จำเป็นต้องใส่ชื่อ ”ทักษิณ“ ลงในญัตติ เหตุเป็นสารตั้งต้นเข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง ตกใจ ตอนร่วมกันเป็นฝ่ายค้านวิจารณ์สาดเสียเทเสีย พอเป็นรบ.เจรจายากแม้แต่คุยเรื่องวัน ชี้ ข้อสอบไม่รั่วหลังเปลี่ยนแผนซักฟอกนายกฯคนเดียว บอก หากจับโจรต้องจับหัวหน้า
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 นาย
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่เปิดเผยว่า ทางฝั่งรัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการบรรจุญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ระบุชื่อ นาย
ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในญัตติด้วย ว่า มีคนของพรรคเพื่อไทย ประสานมาที่ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุว่า ไม่ควรใส่ชื่อนาย
ทักษิณลงในญัตติควรเอาออก แต่เรายืนยันกลับไปว่าใส่ได้ หากอ้างว่า ห้ามใส่ชื่อคนนอก ถ้าไม่จำเป็นเราก็ยืนยันว่า จำเป็นเราไม่ได้มาอภิปรายวิถีชีวิตของนาย
ทักษิณ ถ้ามีส่วนที่โยงใยเข้ามา และสนับสนุนความผิด ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ภายใต้การบริหารงานของ น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็สามารถที่จะพูดได้
เมื่อกรณีที่ญัตติที่หลุดออกมาแต่แรกเป็นรายชื่อของรัฐมนตรี 10 คนแต่ได้อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนั้น เป็นการแก้เกมที่ข้อสอบรั่วหรือไม่ นาย
วิโรจน์ กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเป็นที่ตั้ง เราดูที่เนื้อหาสาระ ใครมีประเด็นของรัฐมนตรีคนไหนที่ไม่มีความชอบมาพากลอะไรก็เอาเนื้อหามากองรวมกันให้คณะทำงานกลั่นกรอง เมื่อดูแล้วเห็นว่า เราสามารถอภิปรายรัฐมนตรีได้ 10 กระทรวง แต่คิดได้ว่าหากจับโจรต้องจับหัวหน้า เมื่อดูข้อมูลทั้งหมดสามารถโยงใยไปถึงหัวหน้ารัฐบาลได้ และยิ่งขุดยิ่งโยงใยไปถึงพ่อนายกฯที่เป็นสารตั้งต้น เข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง เราจึงเดินแผนใหม่ปรับเนื้อหาบางส่วนเพื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว เพื่อให้ประชาชนติดตามได้ง่ายและเข้าใจถึงความประพฤติที่ไม่ชอบ รวมทั้งความล้มเหลวในการเป็นรัฐมนตรีของน.ส.
แพทองธาร ยืนยันว่าข้อสอบไม่ได้รั่ว ถ้าแบบนี้เลือกว่ารั่วมันก็รั่วของมันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะคนที่ให้ข้อมูลเราก็ไปให้ข้อมูลคนอื่นด้วย
”
เราหวังได้รับความร่วมไม้ร่วมมือจากทางฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเราก็ตกใจว่า สมัยที่ทำงานเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน ก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบสาดเสียเทเสีย เรียกร้องถึงสปิริตต่างๆว่า จะต้องเข้าใจความสำคัญกลไกของการอภิปรายไว้วางใจ แต่พอมาตอนนี้ได้เป็นรัฐบาลเราก็งง เจรจาอะไรก็ยาก จะคุยเรื่องวันอภิปรายก็ยาก“ นายวิโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวสอบและส่งต่อญัตติไปที่นาย
วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรอบรรจุญัตติเข้าวาระที่ประชุมแล้ว
ราคาน้ำมันดิบ ร่วงในรอบเดือนกังวล ภาษีทรัมป์ การส่งออกของอิรัก
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1169003
ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ และลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ตลาดวิตก ภาษีทรัมป์ และอิรักกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง
รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลก วันศุกร์ ( 28 ก.พ.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบในเดือนพฤษภาคมลดลง 86 เซ็นต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 73.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐ (น้ำมันดิบWTI) ปิดที่ 69.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 59 เซ็นต์ หรือ 0.84%
ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากตลาดเตรียมพร้อมรับมือมาตรการภาษีใหม่ของวอชิงตันและการตัดสินใจของอิรักในการกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการกลับมาผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนเมษายน และการเจรจาที่ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อยุติสงครามในยูเครนยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
กระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงว่า รัฐบาลแบกแดดเตรียมประกาศกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานกึ่งปกครองตนเองผ่าน ท่อส่งน้ำมันอิรัก-ตุรกี อีกครั้ง
อิรักจะส่งออกน้ำมัน 185,000 บาร์เรลต่อวันผ่านบริษัทน้ำมันของรัฐ SOMO และปริมาณดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงฯ กล่าว
แม้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทน้ำมันระหว่างประเทศ 8 แห่งที่ดำเนินการในภูมิภาคเคอร์ดิสถานกล่าวว่าจะไม่กลับมาส่งออกอีกครั้งในวันศุกร์นี้ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าและการรับประกันการชำระเงินสำหรับการส่งออกในอดีตและอนาคต
แฮร์รี ทชิลลิงกิเรียน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมัน Onyx Capital Group กล่าวว่า "
การกลับมาส่งออกอีกครั้งทำให้เกิดคำถามว่าอิรักจะปฏิบัติตามพันธกรณีของโอเปกพลัสอย่างไร เนื่องจากอิรักผลิตน้ำมันเกินโควตาเป็นประจำอยู่แล้ว"
เขาเสริมว่า
"หากโอเปกพลัสขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนออกไป การเพิ่มขึ้นของน้ำมันอิรักจะเกินกว่าข้อจำกัดนั้น"
แหล่งข่าวโอเปกพลัสระบุว่า โอเปกพลัสกำลังถกเถียงกันว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายนตามแผนหรือจะตรึงการผลิตไว้ เนื่องจากสมาชิกกำลังพยายามประเมินภาพรวมของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของโบรกเกอร์ Price Futures Group กล่าวว่าการล่าช้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากช่วงราคาปัจจุบันที่ซื้อขายอยู่
“ปัจจุบัน ราคาน้ำมันกำลังผันผวนภายในช่วงราคาซื้อขาย แต่การล่าช้าจะทำให้ราคาพุ่งขึ้น”
ฟลินน์เขียนไว้ในบันทึกการวิจัย “
โดยทั่วไปแล้ว ฤดูกาลของน้ำมัน น้ำมันเบนซิน และดีเซลจะมีแนวโน้มขาขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์อยู่แล้ว”
นักเศรษฐศาสตร์จากหน่วยวิจัย BMI ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch กล่าวว่าผู้เข้าร่วมตลาดกำลังดิ้นรนเพื่อประเมินผลกระทบของการประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งหมดที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ทำในเดือนนี้
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดี
โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าภาษีนำเข้าสินค้าของเม็กซิโกและแคนาดาที่เขาเสนอ 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม พร้อมกับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%
ผู้ค้ากำลังลดความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการที่ทรัมป์เพิ่มสงครามภาษี โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลก
โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo Bank กล่าวว่า สงครามภาษีศุลกากรอาจทำให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัว กระตุ้นเงินเฟ้อ และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง
ผลสำรวจของรอยเตอร์สระบุว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะอยู่ที่ 74.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 70.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาของน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทรัมป์เพิกถอนใบอนุญาตที่มอบให้กับเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ในการดำเนินการธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา
JJNY : องค์กรอิสลามมาเลเซียเรียกร้องคุ้มครองชาวอุยกูร์│วิโรจน์ งงพท. สมัยเป็นฝ่ายค้าน│ราคาน้ำมันดิบร่วง│สภาพอากาศวันนี้
https://prachatai.com/journal/2025/03/112263
1 มี.ค. 2568 สภาที่ปรึกษาองค์กรอิสลามแห่งมาเลเซีย (MAPIM) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
จดหมายลงนามโดยนายโมฮัมหมัด อาซมี อับดุล ฮามิด ประธาน MAPIM แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จะถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งกลับตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 และอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
MAPIM ระบุว่าผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการกักขังโดยพลการ การทรมาน การใช้แรงงานบังคับ และการกดขี่อัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม ตามรายงานจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์
องค์กรดังกล่าวได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ประการ ได้แก่:
1. หลีกเลี่ยงการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนโดยบังคับ
2. อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศเข้าถึงผู้ลี้ภัย
3. อำนวยความสะดวกในการตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามที่ยินดีให้การคุ้มครอง
4. ร่วมเจรจากับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และอาเซียนเพื่อหาทางออกระดับภูมิภาค
จดหมายยังกล่าวชื่นชมประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค และเรียกร้องให้ไทยรักษาชื่อเสียงในการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักการทางมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
MAPIM แสดงความพร้อมที่จะเปิดการเจรจาทางการทูตเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ และหวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย
วิโรจน์ งงพท. สมัยเป็นฝ่ายค้าน บี้สปิริตบิ๊กตู่ รับซักฟอก พอเป็นรบ. เจรจาวัน ยังคุยยากเลย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5071716
“วิโรจน์” ยัน จำเป็นต้องใส่ชื่อ ”ทักษิณ“ ลงในญัตติ เหตุเป็นสารตั้งต้นเข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง ตกใจ ตอนร่วมกันเป็นฝ่ายค้านวิจารณ์สาดเสียเทเสีย พอเป็นรบ.เจรจายากแม้แต่คุยเรื่องวัน ชี้ ข้อสอบไม่รั่วหลังเปลี่ยนแผนซักฟอกนายกฯคนเดียว บอก หากจับโจรต้องจับหัวหน้า
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่เปิดเผยว่า ทางฝั่งรัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการบรรจุญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ระบุชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในญัตติด้วย ว่า มีคนของพรรคเพื่อไทย ประสานมาที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุว่า ไม่ควรใส่ชื่อนายทักษิณลงในญัตติควรเอาออก แต่เรายืนยันกลับไปว่าใส่ได้ หากอ้างว่า ห้ามใส่ชื่อคนนอก ถ้าไม่จำเป็นเราก็ยืนยันว่า จำเป็นเราไม่ได้มาอภิปรายวิถีชีวิตของนายทักษิณ ถ้ามีส่วนที่โยงใยเข้ามา และสนับสนุนความผิด ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ภายใต้การบริหารงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็สามารถที่จะพูดได้
เมื่อกรณีที่ญัตติที่หลุดออกมาแต่แรกเป็นรายชื่อของรัฐมนตรี 10 คนแต่ได้อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนั้น เป็นการแก้เกมที่ข้อสอบรั่วหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเป็นที่ตั้ง เราดูที่เนื้อหาสาระ ใครมีประเด็นของรัฐมนตรีคนไหนที่ไม่มีความชอบมาพากลอะไรก็เอาเนื้อหามากองรวมกันให้คณะทำงานกลั่นกรอง เมื่อดูแล้วเห็นว่า เราสามารถอภิปรายรัฐมนตรีได้ 10 กระทรวง แต่คิดได้ว่าหากจับโจรต้องจับหัวหน้า เมื่อดูข้อมูลทั้งหมดสามารถโยงใยไปถึงหัวหน้ารัฐบาลได้ และยิ่งขุดยิ่งโยงใยไปถึงพ่อนายกฯที่เป็นสารตั้งต้น เข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง เราจึงเดินแผนใหม่ปรับเนื้อหาบางส่วนเพื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว เพื่อให้ประชาชนติดตามได้ง่ายและเข้าใจถึงความประพฤติที่ไม่ชอบ รวมทั้งความล้มเหลวในการเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าข้อสอบไม่ได้รั่ว ถ้าแบบนี้เลือกว่ารั่วมันก็รั่วของมันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะคนที่ให้ข้อมูลเราก็ไปให้ข้อมูลคนอื่นด้วย
”เราหวังได้รับความร่วมไม้ร่วมมือจากทางฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเราก็ตกใจว่า สมัยที่ทำงานเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน ก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบสาดเสียเทเสีย เรียกร้องถึงสปิริตต่างๆว่า จะต้องเข้าใจความสำคัญกลไกของการอภิปรายไว้วางใจ แต่พอมาตอนนี้ได้เป็นรัฐบาลเราก็งง เจรจาอะไรก็ยาก จะคุยเรื่องวันอภิปรายก็ยาก“ นายวิโรจน์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวสอบและส่งต่อญัตติไปที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรอบรรจุญัตติเข้าวาระที่ประชุมแล้ว
ราคาน้ำมันดิบ ร่วงในรอบเดือนกังวล ภาษีทรัมป์ การส่งออกของอิรัก
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1169003
ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ และลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ตลาดวิตก ภาษีทรัมป์ และอิรักกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง
รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลก วันศุกร์ ( 28 ก.พ.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบในเดือนพฤษภาคมลดลง 86 เซ็นต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 73.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐ (น้ำมันดิบWTI) ปิดที่ 69.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 59 เซ็นต์ หรือ 0.84%
ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากตลาดเตรียมพร้อมรับมือมาตรการภาษีใหม่ของวอชิงตันและการตัดสินใจของอิรักในการกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการกลับมาผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนเมษายน และการเจรจาที่ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อยุติสงครามในยูเครนยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
กระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงว่า รัฐบาลแบกแดดเตรียมประกาศกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานกึ่งปกครองตนเองผ่าน ท่อส่งน้ำมันอิรัก-ตุรกี อีกครั้ง
อิรักจะส่งออกน้ำมัน 185,000 บาร์เรลต่อวันผ่านบริษัทน้ำมันของรัฐ SOMO และปริมาณดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงฯ กล่าว
แม้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทน้ำมันระหว่างประเทศ 8 แห่งที่ดำเนินการในภูมิภาคเคอร์ดิสถานกล่าวว่าจะไม่กลับมาส่งออกอีกครั้งในวันศุกร์นี้ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าและการรับประกันการชำระเงินสำหรับการส่งออกในอดีตและอนาคต
แฮร์รี ทชิลลิงกิเรียน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมัน Onyx Capital Group กล่าวว่า "การกลับมาส่งออกอีกครั้งทำให้เกิดคำถามว่าอิรักจะปฏิบัติตามพันธกรณีของโอเปกพลัสอย่างไร เนื่องจากอิรักผลิตน้ำมันเกินโควตาเป็นประจำอยู่แล้ว"
เขาเสริมว่า "หากโอเปกพลัสขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนออกไป การเพิ่มขึ้นของน้ำมันอิรักจะเกินกว่าข้อจำกัดนั้น"
แหล่งข่าวโอเปกพลัสระบุว่า โอเปกพลัสกำลังถกเถียงกันว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายนตามแผนหรือจะตรึงการผลิตไว้ เนื่องจากสมาชิกกำลังพยายามประเมินภาพรวมของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของโบรกเกอร์ Price Futures Group กล่าวว่าการล่าช้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากช่วงราคาปัจจุบันที่ซื้อขายอยู่
“ปัจจุบัน ราคาน้ำมันกำลังผันผวนภายในช่วงราคาซื้อขาย แต่การล่าช้าจะทำให้ราคาพุ่งขึ้น” ฟลินน์เขียนไว้ในบันทึกการวิจัย “โดยทั่วไปแล้ว ฤดูกาลของน้ำมัน น้ำมันเบนซิน และดีเซลจะมีแนวโน้มขาขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์อยู่แล้ว”
นักเศรษฐศาสตร์จากหน่วยวิจัย BMI ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch กล่าวว่าผู้เข้าร่วมตลาดกำลังดิ้นรนเพื่อประเมินผลกระทบของการประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งหมดที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ทำในเดือนนี้
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าภาษีนำเข้าสินค้าของเม็กซิโกและแคนาดาที่เขาเสนอ 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม พร้อมกับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%
ผู้ค้ากำลังลดความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการที่ทรัมป์เพิ่มสงครามภาษี โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลก โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo Bank กล่าวว่า สงครามภาษีศุลกากรอาจทำให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัว กระตุ้นเงินเฟ้อ และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง
ผลสำรวจของรอยเตอร์สระบุว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะอยู่ที่ 74.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 70.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ราคาของน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทรัมป์เพิกถอนใบอนุญาตที่มอบให้กับเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ในการดำเนินการธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา