JJNY : องค์กรอิสลามมาเลเซียเรียกร้องคุ้มครองชาวอุยกูร์│วิโรจน์ งงพท. สมัยเป็นฝ่ายค้าน│ราคาน้ำมันดิบร่วง│สภาพอากาศวันนี้

องค์กรอิสลามมาเลเซียยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อไทย เรียกร้องคุ้มครองผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์
https://prachatai.com/journal/2025/03/112263
  

  
สภาที่ปรึกษาองค์กรอิสลามมาเลเซีย (MAPIM) ยื่นหนังสือถึงรัฐบาลไทย วอนปกป้องผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ - ชี้การส่งกลับจีนอาจเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง พร้อมเสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ข้อ
 
1 มี.ค. 2568 สภาที่ปรึกษาองค์กรอิสลามแห่งมาเลเซีย (MAPIM) ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีไทยเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 2568 เรียกร้องให้รัฐบาลไทยพิจารณาปกป้องสิทธิมนุษยชนของผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย
 
จดหมายลงนามโดยนายโมฮัมหมัด อาซมี อับดุล ฮามิด ประธาน MAPIM แสดงความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จะถูกส่งตัวกลับประเทศจีน ซึ่งอาจเป็นการละเมิดหลักการไม่ส่งกลับตามอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 และอาจนำไปสู่การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง
MAPIM ระบุว่าผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับจีนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการกักขังโดยพลการ การทรมาน การใช้แรงงานบังคับ และการกดขี่อัตลักษณ์ทางศาสนาและวัฒนธรรม ตามรายงานจากหน่วยงานสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์
 
องค์กรดังกล่าวได้เสนอแนวทางแก้ไขปัญหา 4 ประการ ได้แก่:
1. หลีกเลี่ยงการส่งตัวชาวอุยกูร์กลับจีนโดยบังคับ
2. อนุญาตให้สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) และองค์กรมนุษยธรรมระหว่างประเทศเข้าถึงผู้ลี้ภัย
3. อำนวยความสะดวกในการตั้งถิ่นฐานในประเทศที่สามที่ยินดีให้การคุ้มครอง
4. ร่วมเจรจากับองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) และอาเซียนเพื่อหาทางออกระดับภูมิภาค
 
จดหมายยังกล่าวชื่นชมประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมในภูมิภาค และเรียกร้องให้ไทยรักษาชื่อเสียงในการเคารพสิทธิมนุษยชนและหลักการทางมนุษยธรรมระหว่างประเทศ
 
MAPIM แสดงความพร้อมที่จะเปิดการเจรจาทางการทูตเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นนี้ และหวังว่าจะได้รับการตอบสนองที่สะท้อนถึงคุณค่าด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย


 
วิโรจน์ งงพท. สมัยเป็นฝ่ายค้าน บี้สปิริตบิ๊กตู่ รับซักฟอก พอเป็นรบ. เจรจาวัน ยังคุยยากเลย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5071716

“วิโรจน์” ยัน จำเป็นต้องใส่ชื่อ ”ทักษิณ“ ลงในญัตติ เหตุเป็นสารตั้งต้นเข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง ตกใจ ตอนร่วมกันเป็นฝ่ายค้านวิจารณ์สาดเสียเทเสีย พอเป็นรบ.เจรจายากแม้แต่คุยเรื่องวัน ชี้ ข้อสอบไม่รั่วหลังเปลี่ยนแผนซักฟอกนายกฯคนเดียว บอก หากจับโจรต้องจับหัวหน้า
 
เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2568 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่เปิดเผยว่า ทางฝั่งรัฐบาลจะไม่ยอมให้มีการบรรจุญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ที่ระบุชื่อ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อยู่ในญัตติด้วย ว่า มีคนของพรรคเพื่อไทย ประสานมาที่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร โดยให้เหตุว่า ไม่ควรใส่ชื่อนายทักษิณลงในญัตติควรเอาออก แต่เรายืนยันกลับไปว่าใส่ได้ หากอ้างว่า ห้ามใส่ชื่อคนนอก ถ้าไม่จำเป็นเราก็ยืนยันว่า จำเป็นเราไม่ได้มาอภิปรายวิถีชีวิตของนายทักษิณ ถ้ามีส่วนที่โยงใยเข้ามา และสนับสนุนความผิด ความล้มเหลวที่เกิดขึ้น ภายใต้การบริหารงานของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ก็สามารถที่จะพูดได้
 
เมื่อกรณีที่ญัตติที่หลุดออกมาแต่แรกเป็นรายชื่อของรัฐมนตรี 10 คนแต่ได้อภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนั้น เป็นการแก้เกมที่ข้อสอบรั่วหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า เราไม่ได้คิดเรื่องการเมืองเป็นที่ตั้ง เราดูที่เนื้อหาสาระ ใครมีประเด็นของรัฐมนตรีคนไหนที่ไม่มีความชอบมาพากลอะไรก็เอาเนื้อหามากองรวมกันให้คณะทำงานกลั่นกรอง เมื่อดูแล้วเห็นว่า เราสามารถอภิปรายรัฐมนตรีได้ 10 กระทรวง แต่คิดได้ว่าหากจับโจรต้องจับหัวหน้า เมื่อดูข้อมูลทั้งหมดสามารถโยงใยไปถึงหัวหน้ารัฐบาลได้ และยิ่งขุดยิ่งโยงใยไปถึงพ่อนายกฯที่เป็นสารตั้งต้น เข้ามาเกี่ยวพันแทรกแซง เราจึงเดินแผนใหม่ปรับเนื้อหาบางส่วนเพื่ออภิปรายนายกรัฐมนตรีเพียงผู้เดียว เพื่อให้ประชาชนติดตามได้ง่ายและเข้าใจถึงความประพฤติที่ไม่ชอบ รวมทั้งความล้มเหลวในการเป็นรัฐมนตรีของน.ส.แพทองธาร ยืนยันว่าข้อสอบไม่ได้รั่ว ถ้าแบบนี้เลือกว่ารั่วมันก็รั่วของมันอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เพราะคนที่ให้ข้อมูลเราก็ไปให้ข้อมูลคนอื่นด้วย
 
เราหวังได้รับความร่วมไม้ร่วมมือจากทางฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเราก็ตกใจว่า สมัยที่ทำงานเป็นพรรคฝ่ายค้านร่วมกัน ก็วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แบบสาดเสียเทเสีย เรียกร้องถึงสปิริตต่างๆว่า จะต้องเข้าใจความสำคัญกลไกของการอภิปรายไว้วางใจ แต่พอมาตอนนี้ได้เป็นรัฐบาลเราก็งง เจรจาอะไรก็ยาก จะคุยเรื่องวันอภิปรายก็ยาก“ นายวิโรจน์กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ทางฝ่ายกฎหมายของสภาผู้แทนราษฎรได้ตรวสอบและส่งต่อญัตติไปที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรอบรรจุญัตติเข้าวาระที่ประชุมแล้ว


 
ราคาน้ำมันดิบ ร่วงในรอบเดือนกังวล ภาษีทรัมป์ การส่งออกของอิรัก
https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1169003

ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ และลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. ตลาดวิตก ภาษีทรัมป์ และอิรักกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง 

รอยเตอร์สรายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลก วันศุกร์ ( 28 ก.พ.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบในเดือนพฤษภาคมลดลง 86 เซ็นต์ หรือ 1.16% ปิดที่ 73.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียตของสหรัฐ (น้ำมันดิบWTI) ปิดที่ 69.76 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 59 เซ็นต์ หรือ 0.84%
 
ราคาน้ำมันดิบ ลดลงประมาณ 1% ในวันศุกร์ ซึ่งถือเป็นการลดลงรายเดือนครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน เนื่องจากตลาดเตรียมพร้อมรับมือมาตรการภาษีใหม่ของวอชิงตันและการตัดสินใจของอิรักในการกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานอีกครั้ง
 
ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแผนการกลับมาผลิตน้ำมันของกลุ่มโอเปกในเดือนเมษายน และการเจรจาที่ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อยุติสงครามในยูเครนยังส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
 
กระทรวงน้ำมันของอิรักแถลงว่า รัฐบาลแบกแดดเตรียมประกาศกลับมาส่งออกน้ำมันจากภูมิภาคเคอร์ดิสถานกึ่งปกครองตนเองผ่าน ท่อส่งน้ำมันอิรัก-ตุรกี อีกครั้ง
 
อิรักจะส่งออกน้ำมัน 185,000 บาร์เรลต่อวันผ่านบริษัทน้ำมันของรัฐ SOMO และปริมาณดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ กระทรวงฯ กล่าว
แม้จะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ แต่บริษัทน้ำมันระหว่างประเทศ 8 แห่งที่ดำเนินการในภูมิภาคเคอร์ดิสถานกล่าวว่าจะไม่กลับมาส่งออกอีกครั้งในวันศุกร์นี้ เนื่องจากไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับข้อตกลงทางการค้าและการรับประกันการชำระเงินสำหรับการส่งออกในอดีตและอนาคต
  
แฮร์รี ทชิลลิงกิเรียน หัวหน้าฝ่ายวิจัยของกลุ่มบริษัทผู้ค้าน้ำมัน Onyx Capital Group กล่าวว่า "การกลับมาส่งออกอีกครั้งทำให้เกิดคำถามว่าอิรักจะปฏิบัติตามพันธกรณีของโอเปกพลัสอย่างไร เนื่องจากอิรักผลิตน้ำมันเกินโควตาเป็นประจำอยู่แล้ว"
 
เขาเสริมว่า "หากโอเปกพลัสขยายระยะเวลาลดการผลิตน้ำมันโดยสมัครใจ 120,000 บาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่จะสิ้นสุดลงในเดือนเมษายนออกไป การเพิ่มขึ้นของน้ำมันอิรักจะเกินกว่าข้อจำกัดนั้น"
 
แหล่งข่าวโอเปกพลัสระบุว่า โอเปกพลัสกำลังถกเถียงกันว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมันในเดือนเมษายนตามแผนหรือจะตรึงการผลิตไว้ เนื่องจากสมาชิกกำลังพยายามประเมินภาพรวมของอุปทานน้ำมันทั่วโลก
 
ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของโบรกเกอร์ Price Futures Group กล่าวว่าการล่าช้าเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอาจทำให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นจากช่วงราคาปัจจุบันที่ซื้อขายอยู่
 
“ปัจจุบัน ราคาน้ำมันกำลังผันผวนภายในช่วงราคาซื้อขาย แต่การล่าช้าจะทำให้ราคาพุ่งขึ้น” ฟลินน์เขียนไว้ในบันทึกการวิจัย “โดยทั่วไปแล้ว ฤดูกาลของน้ำมัน น้ำมันเบนซิน และดีเซลจะมีแนวโน้มขาขึ้นในช่วงเทศกาลอีสเตอร์อยู่แล้ว
 
นักเศรษฐศาสตร์จากหน่วยวิจัย BMI ของบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch กล่าวว่าผู้เข้าร่วมตลาดกำลังดิ้นรนเพื่อประเมินผลกระทบของการประกาศนโยบายที่เกี่ยวข้องกับพลังงานทั้งหมดที่ฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐฯ ได้ทำในเดือนนี้
 
เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่าภาษีนำเข้าสินค้าของเม็กซิโกและแคนาดาที่เขาเสนอ 25% จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มีนาคม พร้อมกับภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีก 10%
 
ผู้ค้ากำลังลดความเสี่ยงท่ามกลางความผันผวนที่เพิ่มขึ้นซึ่งเกิดจากการที่ทรัมป์เพิ่มสงครามภาษี โดยเฉพาะกับจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับอุปสงค์ทั่วโลก โอเล แฮนเซน หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์สินค้าโภคภัณฑ์ของธนาคาร Saxo Bank กล่าวว่า สงครามภาษีศุลกากรอาจทำให้การเติบโตทั่วโลกชะลอตัว กระตุ้นเงินเฟ้อ และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันดิบลดลง
 
ผลสำรวจของรอยเตอร์สระบุว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะอยู่ที่ 74.63 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ ในขณะที่ราคาน้ำมันดิบของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 70.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
 
อย่างไรก็ตาม ราคาของน้ำมันยังคงพุ่งสูงขึ้นมากกว่า 2% ในวันพฤหัสบดี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทรัมป์เพิกถอนใบอนุญาตที่มอบให้กับเชฟรอน ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐฯ ในการดำเนินการธุรกิจน้ำมันในเวเนซุเอลา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่