JJNY : จับตารอยร้าว พท.-ภท.│เท้งหวัง ‘ดีเอสไอ’ รับคดีฮั้วส.ว.│“โรม”จี้อสส.ออกหมายจับ“หม่องชิตตู่”│หุ้นไทยร่วงต่อเช้านี้

เปิดข้อสอบ 27 ก.พ.ศึกซักฟอก จับตารอยร้าว เพื่อไทย-ภูมิใจไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_5064959

 
เปิดข้อสอบ 27 ก.พ.ศึกซักฟอก จับตารอยร้าว เพื่อไทย-ภูมิใจไทย
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรานชื่อหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 27 ก.พ.
นี้ ว่า ตัวญัตติไม่มีปัญหาอะไร คาดว่าน่าจะพร้อมยื่นในวันดังกล่าว ซึ่งขอให้รอดูทั้งตัวญัตติ รายชื่อรัฐมนตรี ในวันพฤหัสบดีนี้ ตนบอกได้แค่ว่าถ้าเปิดรายชื่อออกมา ก็จะเห็นถึงความเข้มข้นร้อนแรงในการอภิปรายมากกว่าทุกครั้งแน่นอน
 
ส่วนที่คนในพรรคร่วมรัฐบาล ส่งข้อมูลมาให้นั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ก็มีมาเรื่อยๆ ทั้งส่วนที่เป็นระบบราชการประจำ รวมถึงฝั่งการเมือง ซึ่งเป็นข้อมูลหลายเรื่อง ที่แสดงออกถึงความขาดคุณสมบัติของรัฐมนตรี การทุจริตคอรัปชั่น รวมถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน คอลเซ็นเตอร์ และปัญหาอื่นที่เห็นตามหน้าข่าว
 
เมื่อถามว่าส่วนราชการได้มีการส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับที่ดินความขัดแย้งของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่นั้น นายณัฐพงษ์ หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า “ถ้าบอกประเด็นนี้ก็น่าจะรู้ได้ทันทีว่า มีประเด็นไหนบ้าง
 
นายณัฐพงษ์ ยังกล่าวย้ำว่า ตอนนี้วางตัวผู้อภิปรายไว้หลายคน ซึ่งในส่วนของพรรคประชาชน มีคนที่เข้าเนื้อเข้าหนังหลัก 10 คนขึ้นไปแน่นอน แต่ยังไม่อยากบอกรายละเอียดขนาดนั้น เราต้องปกป้องคนอภิปรายด้วย
 
เมื่อถามว่า ถ้าเปิดรายชื่อรัฐมนตรีออกมาแล้ว จะทำให้เกิดการล็อบบี้ซื้อเสียงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนเลือกอภิปราย ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐมนตรีจริงๆ ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ละครั้ง ย่อมต้องส่งแรงกระเพื่อมในพรรคร่วมรัฐบาลเอง ซึ่งพรรคประชาชนก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่สิ่งที่ประชาชนอยากเห็น คือ การตอบชี้แจงอย่างตรงไปตรงมาของรัฐมนตรีในสภาฯ มากกว่า ส่วนเกมการเมืองในฝั่งพรรคร่วมจะเป็นอย่างไร พวกเราไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
 
ส่วนที่ฝั่งรัฐบาล หลายคนออกมาพูดว่าเร็วเกินไปที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ถ้าคิดว่าเร็วไปตนก็คิดว่า รัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรีอาจจะยังไม่พร้อมทำหน้าที่ เพราะผ่านเวลามาหลายเดือนแล้ว พรรคเพื่อไทยก็ขึ้นมาบริหารครึ่งเทอมแล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้นปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวนายกรัฐมนตรีจะสามารถมาตอบชี้แจงในสภาฯ ได้ด้วยตัวเอง ตนไม่อยากให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้รัฐมนตรีคนอื่นมาตอบแทน
 
เมื่อถามว่ามองการทำงานของนายกรัฐมนตรีอย่างไร นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า หลายอย่างเราไม่เห็นความชัดเจนจากตัวนายกฯ มีการโยนกันไปโยนกันมาระหว่างพรรคร่วมด้วยกันเอง ซึ่งประชาชนไม่อยากเห็น เราอยากเห็นนายกฯ ที่กล้าออกมาใช้อำนาจที่ตัวเองมี เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน
 
เมื่อถามถึงรอยร้าวรัฐบาลและท่าทีการตอบคำถามของนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตัวนายกฯ มีอำนาจในการยุบสภาฯ ดังนั้นการควบคุมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันเอง นายกฯ ย่อมมีอำนาจเต็ม ในการควบคุมเสียงของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่สถานะตอนนี้ นายกฯ ก็ไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจตัวจริง เลยไม่สามารถควบคุมเสียงในรัฐบาลได้ รอยร้าวที่เกิดขึ้นเกิดจากการต่อรองผลประโยชน์ การปัดความรับผิดชอบในพรรคร่วม
 
เมื่อถามย้ำว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีตัวจริงใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เราก็เห็นกันอยู่แล้วว่าใครเป็นผู้มีอำนาจตัวจริงในการบริหารประเทศในปัจจุบัน ซึ่งเวทีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นเวทีที่ทำให้นายกฯ ได้พิสูจน์ตัวเอง ถ้ามาตอบชี้แจงด้วยตัวเอง ก็จะมีภาวะความเป็นผู้นำมากขึ้นในสายตาประชาชน

เมื่อถามว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะนำไปสู่การปรับคณะรัฐมนตรีได้มากน้อยแค่ไหน นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เป็นไปได้สูงที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจแต่ละครั้ง จะเกิดการต่อรองในพรรคร่วม อาจไม่ต้องถึงขั้นโหวตไม่ไว้วางใจ แต่จำนวนเสียงที่แตกต่างกันของแต่ละรัฐมนตรี ก็มีความหมาย พรรคประชาชนเน้นที่ประเด็นเนื้อหาส่วนเกมการเมืองก็เป็นเรื่องของพรรคร่วม
 
เมื่อถามถึงการที่ นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี มีนัดเคลียร์ใจกัน เพื่อสยบรอยร้าวในพรรคร่วม นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ควรมีวาระที่จะมานั่งเคลียร์ใจกัน ถ้าถูกพรรคร่วมรัฐบาลตั้งใจที่จะผลักดัน นโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภาให้สำเร็จ แต่กลายเป็นว่าสภาพการเมืองตอนนี้เป็นเพราะการจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้มาตั้งแต่แรก ทำให้กลายเป็นการต่อรองผลประโยชน์เป็นเกมทางการเมือง จึงทำให้ไม่สามารถผลักดันนโยบายได้
 
“ผมว่าไปดูที่ผลโหวต ตัวเลขอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี ดีกว่าจะเป็นคำตอบว่าเคลียร์กันได้หรือเคลียร์กันไม่ได้ มากกว่าการจัดดินเนอร์พรรคร่วมวันนี้” นายณัฐพงษ์กล่าว
 
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยระหว่างฝ่ายค้านและวิปรัฐบาลว่าจะใช้เวลาอภิปรายกี่วัน เราขอไป 5 วันอย่างน้อยควรจะได้ 4 วัน แต่เห็นรัฐบาลจะให้เราแค่ 2 วัน ก็ไม่อยากให้เกิดขึ้น โดยเราก็ได้เตรียมการไว้อยู่แล้ว
 


เท้ง หวัง ‘ดีเอสไอ’ รับคดีฮั้ว ส.ว. ย้ำหลักฐานชัด ยินดีร่วมตรวจสอบ หากอยู่ในอำนาจหน้าที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_5064976
 
ณัฐพงษ์ รับอยากให้ ‘ดีเอสไอ’ รับคดีฮั้ว ส.ว. บอกหลักฐานชี้ชัด เลือก ส.ว.ค้านสายตาประชาชน ระบุไม่ทราบในประเด็นข้อกฎหมาย แต่ยินดีร่วมตรวจสอบหากอยู่ในอำนาจหน้าที่ฝ่ายค้าน
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีดีเอสไอเตรียมพิจารณารับคดีฮั้ว ส.ว. ในช่วงบ่ายวันนี้ว่า อยากให้หน่วยงานทำหน้าที่ของเขาก่อน ไม่อยากคาดการณ์ว่ารับหรือไม่รับ ในเมื่อหลักฐานออกมาชี้ชัดขนาดนี้ ก็อยากให้ดีเอสไอหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ส่วนตัวคิดว่า ควรต้องรับ
 
เมื่อถามว่ากังวลหรือไม่ หากมีการนัดเคลียร์กันใต้น้ำก่อนที่จะเกิดการตรวจสอบ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่อยากให้เกิดภาพเหล่านั้น ขอให้รอความชัดเจนจากหน่วยงานเทียบเกี่ยวข้องดีกว่า อย่างแรกตนอยากให้มองที่ภาพใหญ่ ไม่อยากให้มองถึงเสียงของวุฒิสมาชิกในตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือกระบวนการคัดเลือกส.ว. ค้านสายตาของเราในหลายเรื่อง สิ่งหนึ่งที่อยากจะแก้ต้องแก้ให้ได้ คือ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ เรื่องของที่มา ส.ว.
 
เมื่อถามว่า ส.ว. พยายามยืนยันว่าอำนาจเป็นของ กกต. ไม่ใช่ดีเอสไอนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ในเรื่องข้อกฎหมายตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากมีประเด็นอะไรที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ ที่ ส.ส. และฝ่ายค้านสามารถทำหน้าที่ได้ พวกเราก็พร้อมที่จะช่วยตรวจสอบ



โรม จี้อัยการ เร่งขอออกหมายจับ คดีหม่องชิตตู่ เอี่ยวขบวนการค้ามนุษย์-แก๊งคอลเซ็นเตอร์
https://www.matichon.co.th/local/crime/news_5064933

โรม จี้ อัยการ ติดตามการขอออกหมายจับ หม่อง ชิต ตู่ กับพวก สงสัยทำไมการประชุมร่วมระหว่างดีเอสไอกับอัยการทำไมถึงล่ม ด้านศักดา เผยกำลังรวบรวมพยานหลักฐาน
 
เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ สำนักงานอัยการสูงสุด ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ อาคาร เอ ถนนแจ้งวัฒนะ นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือกับนายศักดา คล้ายร่มไทร อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีค้ามนุษย์ 1 เพื่อขอติดตามความคืบหน้า กรณีที่พนักงานสอบสวนดีเอสไอ กองคดีค้ามนุษย์ และพนักงานอัยการสำนักงานคดีค้ามนุษย์ ร่วมกันพิจารณาพยานหลักฐานในการขอออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ , พ.ท. โมเต โธน และ พ.ต. ทิน วิน ในความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์คอลเซ็นเตอร์ชาวอินเดีย
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้ตนต้องการมาพูดคุยกับทางพนักงานอัยการเพื่อขอความชัดเจน ในขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ กับพวก ตนมีข้อมูลที่จะบ่งชี้พฤติกรรมของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่หาก อัยการบอกว่า ไม่สามารถทำได้ก็ต้องอธิบายว่ามันเกิดอะไรขึ้น หากขาดพยานหลักฐานตนจะช่วยหาพยานหลักฐานให้เพิ่ม แต่หากตนต้องเป็นผู้ไปแสวงหาพยานหลักฐานเองทั้งหมดไม่รู้ว่าจะมีตำรวจ อัยการ และดีเอสไอ ไปทำไม
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีทั้งแก๊งค้ามนุษย์หรือเหยื่อ เป็นประจักษ์พยานสำคัญว่า พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ มีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้ามนุษย์อย่างไร ดังนั้นตนคิดว่าการจะดำเนินคดีกับพ.อ.หม่อง ชิต ตู่ มีความจำเป็น เมื่อจับกุมได้แล้วต้องต่อสู้คดีกันต่อไปในชั้นศาล จึงไปพิสูจน์ความบริสุทธิ์กันตรงนั้น
 
นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนคิดว่าในการจะออกหมายจับหรือการดำเนินคดีกับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่นั้น เราต้องมีพยานหลักฐานในการเอาผิด สิ่งที่เกิดขึ้นกับขบวนการค้ามนุษย์และแก๊ง คอลเซ็นเตอร์ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ มีส่วนร่วมอย่างแน่นอนในเรื่องนี้ การช่วยเหลือคนจากแก๊งสแกมเมอร์ มีการช่วยเหลือมาหลายครั้ง นายซิง ซิง ดาราชาวจีนไม่ใช่คนแรก
 
คำถามคือว่าที่ผ่านมามีการดำเนินการอย่างไรไปสู่การทำลายขบวนการเหล่านี้ เพราะเพิ่งมีการกดดันด้วยการตัดอินเตอร์เน็ต น้ำมันและไฟฟ้า ทราบว่าขบวนการดังกล่าวตั้งอยู่ ณ จุดใด ต้องยอมรับความเป็นจริงว่า พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ มีรายได้จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์การปล่อยให้ขบวนการ คอลเซ็นเตอร์ มาเช่าพื้นที่ทำให้เขามีรายได้ เขาเลยเพิกเฉยแล้วปล่อยให้การก่ออาชญากรรมเช่นนี้เกิดขึ้น ตนไม่อยากให้โฟกัสแค่การออกหมายจับ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ 
ท่านั้น เรื่องของทรัพย์สินเมื่อไหร่ก็ตามที่มีการออกหมายจับจะต้องมีการอายัดทรัพย์สินในประเทศไทยทั้งบ้านทรัพย์สินที่อยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
ของ พ.อ.หม่อง ชิต ตู่ อาจจะนำไปสู่การแยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินต่อไป 
 
นายรังสิมันต์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยถามไปยัง ดีเอสไอ แล้วโดยทางพนักงานสอบสวนยืนยันในพยานหลักฐานของเขา สิ่งที่ตนอยากจะทราบคือมันติดปัญหาอะไร ทำไมการประชุมร่วมกันระหว่าง ดีเอสไอ กับอัยการสูงสุด จึงล่ม เราต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ที่เมียวดี มีทั้งทุนไทยเทา จีนเทาและการที่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งได้เยอะขนาดนี้มันเชื่อมไปกับตำรวจ เชื่อมไปกับคนมีสี จำนวนมาก ตนจึงอยากได้ความชัดเจนจากอัยการ
 
ขณะที่นายศักดากล่าวว่า ในขณะนี้การพิจารณาพยานหลักฐานของ ดีเอสไอ และพนักงานอัยการ กำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ซึ่งในการออกหมายจับต้องมีพยานหลักฐานให้รัดกุมเพียงพอ ยืนยันว่าทางอัยการยังคงดำเนินการอยู่ แต่รายละเอียดยังไม่สามารถเปิดเผยได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่