JJNY : รัฐสภายุโรปงัด FTAขู่ │“ณัฐพงษ์”จี้ถาม“วันนอร์”ขอความชัดเจน│ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคก.พ.ลดลง│ทรัมป์ขู่แคนาดา-ยุโรป

รัฐสภายุโรป จ่อโหวต ญัตติไทยส่งกลับอุยกูร์ งัด FTA ขู่ กดดันปฏิรูปกม.-ปล่อยนักโทษการเมือง
https://www.matichon.co.th/foreign/news_5089885
รัฐสภายุโรป จ่อโหวต ญัตติไทยส่งกลับอุยกูร์ ขู่ใช้ FTA กดดันไทยปฏิรูปกม. ปล่อยนักโทษการเมือง
เมื่อวันที่ 13 มีนาคม รัฐสภายุโรป มีกำหนดการรับรองญัตติร่วมในเรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย กรณีกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ (มาตรา 112) และการเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ โดยในร่างมติมีเนื้อหาดังนี้
รัฐสภายุโรป
– โดยอ้างอิงข้อบังคับที่ 150(5) และ 136(4) ของระเบียบการประชุม
ก. จากเหตุการณ์ที่เจ้าหน้าที่รัฐไทยละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศด้วยการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์จำนวน 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ทำให้พวกเขาเผชิญความเสี่ยงต่อการกักขังโดยพลการ การทรมาน และการถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ขณะที่มีประเทศที่ปลอดภัยอื่นๆ เสนอที่จะรับชาวอุยกูร์เข้าประเทศ
ข. ก่อนถูกส่งตัวกลับ ผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ถูกกักขังในศูนย์กักกันของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองเป็นเวลายาวนานกว่าทศวรรษ โดยมีรายงานว่ามีชาวอุยกูร์อย่างน้อย 5 ราย รวมถึงเยาวชน เสียชีวิตจากสภาพความเป็นอยู่ที่ไม่คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
ค. กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภายใต้มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา เป็นหนึ่งในกฎหมายที่เข้มงวดที่สุดในโลก และไม่ได้สอดคล้องกับกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ซึ่งไทยเป็นประเทศภาคี
ง. ตั้งแต่ปี 2563 มีนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และสื่อมวลชนจำนวน 1,960 ราย ซึ่งเป็นเยาวชนกว่า 280 คน ถูกตั้งข้อหาหรือพิพากษาลงโทษจากการแสดงความคิดเห็นด้วยกฎหมายที่กำจัดเสรีภาพในการแสดงออกนั้น รวมถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฎหมายยุยงปลุกปั่น กฎหมายการชุมนุมสาธารณะ และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โดยมีนักเคลื่อนไหวที่เป็นที่รู้จักนายอานนท์ นำภา นายมงคล ถิระโคตร และ อัญชัญ ปรีเลิศ ถูกตัดสินจำคุกอย่างไม่เป็นธรรมสำหรับการวิจารณ์สถาบันกษัตริย์ โดยบางคนเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุดถึง 50 ปี
จ. ศาลรัฐธรรมนูญไทยมีคำสั่งยุบพรรคการเมืองที่ได้รับเสียงการเลือกตั้งมากที่สุด โดยสมาชิกผู้แทนราษฎรจากพรรคดังกล่าวจำนวน 44 ราย ถูกดำเนินคดีจากการเสนอแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ในขณะเดียวกันสมาชิกผู้แทนราษฎรหลายราย รวมถึง นายปิยรัฐ จงเทพ นางสาวรักชนก ศรีนอก และ นางสาวชลธิชา แจ้งเร็ว กำลังถูกดำเนินคดีทางกิจกรรมและถ้อยแถลงทางการเมืองของพวกเขา
รัฐสภายุโรปจึงมีมติดังนี้
1. ประณามการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับไปที่จีน และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐไทยยุติการบังคับส่งตัวผู้ลี้ภัย ผู้ขอลี้ภัย รวมถึงผู้ที่เห็นต่างทางการเมืองกลับไปยังประเทศต้นทางที่พวกเขาเสี่ยงที่จะเผชิญกับอันตราย
2. เรียกร้องให้รัฐบาลไทยอนุญาตให้สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) เข้าถึงตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ทั้งหมดอย่างไม่มีข้อจำกัด และเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานะของพวกเขาอย่างโปร่งใส
3. เรียกร้องให้จีนเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานของชาวอุยกูร์ที่ถูกส่งตัวกลับประเทศ เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของพวกเขา อนุญาตให้สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) สามารถเข้าถึงตัวพวกเขาได้ และปล่อยตัวชาวอุยกูร์ที่ถูกกักขัง
4. เรียกร้องให้ไทยให้สัตยาบันอนุสัญญาว่าด้วยสถานภาพผู้ลี้ภัยปี 1951 และพิธีสารปี 1967 ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงปฏิรูปให้กระบวนการลี้ภัยในไทยมีความโปร่งใส ยุติธรรมและมีมนุษยธรรม
5. ขอเน้นย้ำว่าไทยเป็นประเทศหุ้นส่วนที่สำคัญของสหภาพยุโรป ขอให้ไทยดำเนินการส่งเสริมให้สถาบันต่างๆ ของประเทศ สอดคล้องกับหลักประชาธิปไตยและมีมาตรฐานตามหลักสิทธิมนุษยชนสากล ขอเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 และกฎหมายอื่นๆ ที่จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ ไปจนถึงการมีส่วนร่วมทางการเมือง
6. เรียกร้องให้มีการนิรโทษกรรมแก่สมาชิกผู้แทนราษฎร และนักเคลื่อนไหวที่ถูกดำเนินคดีหรือถูกจำคุกจากกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ รวมถึงกฎหมายที่กำจัดเสรีภาพอื่นๆ
7. เรียกร้องให้คณะกรรมาธิการยุโรปใช้การเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) เป็นเครื่องมือเพื่อกดดันให้ไทยปฏิรูปกฎหมายที่กำจัดเสรีภาพ ซึ่งรวมถึงกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ปล่อยตัวนักโทษทางการเมือง ยุติการส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์ และให้สัตยาบันอนุสัญญาหลักองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ทั้งหมด และขอเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรประงับการดำเนินการภายใต้สนธิสัญญาการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกับจีน
8. มอบหมายให้ประธานรัฐสภาสหภาพยุโรป ส่งข้อมตินี้ไปยังคณะมนตรีแห่งสหภาพยุโรป คณะกรรมมาธิการยุโรป รวมถึงรัฐบาลไทยและจีนด้วย
https://www.europarl.europa.eu/doceo/document/RC-10-2025-0174_EN.html


สภาเดือด! “ณัฐพงษ์” จี้ถาม “วันนอร์” ขอความชัดเจนหากตัดชื่อ”ทักษิณ” ออกพาดพิงคนภายนอกได้ “ปธ.สภาฯ” บอกไม่ได้
https://siamrath.co.th/n/607411
วันที่ 13 มี.ค.2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาฯที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ทั้งนี้ภายหลังเปิดให้สส.หารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนจบ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ได้ลุกขึ้นปรึกษาหารือถึง การบรรจุญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อ ให้ได้ภายในสมัยประชุมนี้ ขอหารือก่อนมากกว่าตอบโต้หน้าสื่อ ภายในสัปดาห์นี้เดินหน้ากระบวนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ทำให้นายวันนอร์ แทรกว่า ตนได้รับเอกสารว่าณัฐพงษ์จะไปหารือกับตนช่วงบ่าย ตนก็ยินดี และมีความประสงค์อยากให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน แต่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ และกฎหมาย ซึ่งมีความเห็นแตกต่างกัน ถ้าเราไปคุยกันน่าจะไม่เสียเวลาของที่ประชุมสภาฯ เพราะกระทู้สดรออยู่ รัฐมนตรีก็พร้อมแล้ว ถ้าหารือในที่ประชุมคงไม่ได้ข้อยุติ เพราะต่างคนต่างมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกัน ข้อบังคับก็เห็นไม่ตรงกัน และคนพยายามอย่างที่สุดที่จะให้เรื่องนี้ ให้มีการอภิปราย ตามที่ต้องการ ถ้าคุยไม่ลงตัวใช้วิธีไหนก็ได้
นายณัฐพงษ์ ก็บอกว่าจะใช้เวลาไม่นาน  ไม่ได้ต้องการถกเถียงประเด็นเรื่องข้อกฎหมาย แต่เป็นการใช้อำนาจของพวกเราทุกคน ตนในฐานะผู้นำฝ่ายค้านต้องมีความรับผิดชอบต่อประชาชน ยืนยันว่าได้ประสานหลังบ้านจะหารือกับประธานสภาฯตอนบ่ายโมง แต่เราต้องมีความโปร่งใส และไม่ต้องการมีครหาของประชาชนที่ติดตามการเมือง ว่าพวกตนมีกรอบ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ และเงื่อนไขอะไรบ้าง ไปเคลียร์กับประธานหลังบ้านเรื่องอะไร แต่ขอหารือในที่ประชุมสภาฯ ตนได้รับหนังสือที่ประธานสภาฯตอบกลับมาถึงตนเมื่อวันที่ 12 มี.ค. เป็นหนังสือด่วนที่สุด เนื่องจากเป็นหนังสือที่โต้แย้งกลับมาเรื่องความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการตีความบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ แต่เนื่องจากหนังสือฉบับนี้ลงนามโดยเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ตนจึงอยากขอความชัดเจนอย่างแรกว่า หนังสือฉบับนี้ทุกถ้อยคำเป็นการใช้อำนาจของประธานสภาฯและประธานก็พร้อมที่จะรับผิดรับผิดชอบต่อทุกข้อสงสัยและทุกการตอบในหนังสือฉบับนี้ใช่หรือไม่
นายวันนอร์ ชี้แจงว่า ตนมีหน้าที่และต้องรับผิดชอบ ยินดีรับผิดชอบทุกอย่างถ้าเป็นการถามที่เกิดขึ้นจากเลขาธิการฯ เพราะตนได้ดำเนินการตามหน้าที่และเลขาธิการฯ ก็ตอบตามที่หนังสือของนายณัฐพงษ์โต้แย้งมา
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนอยากได้ความชัดเจนในเรื่องที่หนังสือฉบับนี้ตอบมาว่า คำว่าข้อบกพร่อง ประธานได้วินิจฉัยแล้วว่า ท่านมีอำนาจในการที่จะชี้ข้อบกพร่องในเชิงเนื้อหา แต่ขณะเดียวกันคำตอบของท่านในหน้าถัดไป ท่านบอกว่าท่านยินดีจะให้แก้คำในญัตติ เนื่องจากการแก้คำนั้นไม่ได้กระทบสาระสำคัญในญัตติ ซึ่งถ้าตนอยากจะเดินหน้าต่อสมมุติว่าพวกตนยอมปรับคำตามที่ประธานได้นำเสนอ เนื้อหาในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ สมมุติถึงวันในการอภิปรายจริง ตนมีสิทธิ์เต็มที่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญในการอภิปรายเนื้อหาตามกรอบในญัตติโดยที่พวกตนจะไม่ถูกเบรกหรือระงับโดยประธานใช่หรือไม่
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ยืนยันว่าถ้าท่านได้อภิปรายตามญัตติ ภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญและข้อบังคับท่านก็สามารถอภิปรายได้เต็มที่ไม่มีใครขัดขวางทานได้ยกเว้นว่าท่านอภิปรายผิดข้อบังคับก็อาจจะมีผู้โต้แย้ง ผู้เป็นประธานในที่ประชุมก็ต้องพิจารณา และให้ความเป็นธรรมตรงไปตรงมาตามข้อบังคับ เราอยากจะให้การประชุมของสภาฯดำเนินไปได้ด้วยดี เพราะไม่ใช่แต่พวกเราเท่านั้น พี่น้องประชาชนทั่วประเทศเขาก็อยากฟัง แต่ไม่ใช่อยากฟังการประท้วงโต้ตอบไปมาจนกระทั่งสารัตถะของการประชุมที่ท่านต้องการและประชาชนอยากฟังนั้นมันขลุกขลัก
นี่คือสิ่งที่ผมปรารถนาสุดยอดคือการประชุมโดยที่มีเหตุมีผลตามที่ต้องการ และไม่มีผู้ใดที่จะคอยประท้วง ทำให้การประชุมดำเนินไปไม่ได้ดี เพราะในที่สุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในเรื่องสารัตถะ เรื่องการดำเนินการประชุมจะเป็นไปด้วยดี” ประธานสภาฯ กล่าว
จากนั้นนายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่าประการหนึ่งที่อยากจะได้ความชัดเจนเช่นเดียวกัน ประธานยืนยันว่าถ้าตนไม่ทำผิดตามข้อบังคับก็ไม่น่ามีประเด็นอะไรซึ่งตามข้อบังคับระบุไว้ชัดเจนว่าพวกเราสามารถอภิปรายกล่าวถึงชื่อบุคคลภายนอกได้ หากไม่ได้ทำความเสียหายหรือถ้าสร้างความเสียหายผู้อภิปรายเป็นผู้รับผิดชอบเอง ซึ่งจากการให้ข่าวที่ผ่านมาของประธานฯระบุไว้อย่างชัดเจนว่าที่ประธานฯไม่สามารถให้พวกตนระบุชื่อนายทักษิณ ลงไปในญัตติได้ เพราะท่านประธานฯเสี่ยงที่จะเป็นคนที่ถูกฟ้องร้องเอง ดังนั้นถ้าวันนี้พวกตน ปรับคำไหนยุติหมายความว่าพวกตนยังสามารถเดินหน้าการอภิปรายต่อ และพูดชื่อบุคคลใดก็ได้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยที่พวกตนเป็นผู้รับผิดชอบเอง อย่างนี้ประธานฯยืนยันตามหลักฐานตามหลักการหรือไม่
ประธานสภาฯจึงชี้แจงว่า ตามที่ผู้นำฝ่ายค้านฯบอกว่าจะเอ่ยชื่อบุคคลใดก็ได้ โดยโดยที่ท่านจะรับผิดชอบเอง ตนคิดว่าเป็นประเด็นของที่ประชุมนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้พูดจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียวเท่านั้น คนที่เป็นประธานในที่ประชุมถ้าไม่เป็นไปตามข้อบังคับ ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยก็จะถูกตำหนิ และเดินหน้าต่อไปไม่ได้ แต่ตนก็ยินดีถ้าหากท่านไม่เอ่ยชื่อบุคคลภายนอก ซึ่งบุคคลภายนอก ตนพูดตรงๆว่าไม่ได้หมายความถึงนายทักษิณ จะเป็นผู้อื่นหรือใครก็ถือว่าเป็นบุคคลภายนอก ซึ่งไม่สามารถที่จะดำเนินการอภิปรายได้โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่