JJNY : 5in1 นศ.-นักวิจัยประณามไทย│ปกรณ์วุฒิลั่นแรงไม่ตลก│แจ้งเอาผิดทุจริตยา│ชี้กรมป่าไม้ไร้ประสิทธิภาพ│ส.ว.เดือดราคาข้าว

กลุ่มนักศึกษา-นักวิจัยนานาชาติ ร่อนแถลงการณ์ ประณามรัฐบาลไทย ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
https://www.matichon.co.th/politics/news_5074614
 
 
กลุ่มนักศึกษา-นักวิจัยนานาชาติ ร่อนแถลงการณ์ ประณามรัฐบาลไทย ส่งชาวอุยกูร์กลับจีน
 
การส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนของรัฐบาลไทยเป็นการพรากสิทธิการลี้ภัยอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมิได้แยแสบรรทัดฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ การกระทำเช่นนี้เป็นการล่วงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
 
เมื่อวันที่ 3 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักกิจกรรมทางการเมือง ได้เผยแพร่แถลงการณ์ของ The Southeast 
Asia Research Group (SEARG) หรือกลุ่มนักศึกษานานาชาติ ที่ได้ประณามรัฐบาลไทยและเรียกร้องความยุติธรรมกรณีส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับสู่ภยันตราย
 
ความว่า 

“แถลงการณ์ยืนหยัดเรียกร้องความยุติธรรมกลุ่มวิจัยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Southeast Asia Research Group) ประณามการตัดสินใจส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับสู่ภยันตรายโดยรัฐบาลไทย พร้อมทั้งประณามการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อชาวอุยกูร์และประชาคมชนกลุ่มน้อยมุสลิมกลุ่มอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในประเทศจีน
 
ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2025 ทางการไทยได้เนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กว่า 40 ชีวิต ซึ่งได้หลบหนีภยันตรายจากเตอร์กิสถานตะวันออกซึ่งถูกยึดครองโดยประเทศจีน หลังจากที่ผู้ลี้ภัยกลุ่มดังกล่าวได้ถูกกักขังไว้กว่าทศวรรษโดยปราศจากสิทธิการมีตัวแทนทางกฎหมายและสิทธิการติดต่อกับครอบครัว เป็นผลให้ในขณะนี้ พวกเขาต้องเผชิญกับภยันตรายทั้งจากการทรมาน การคุมขัง และการบังคับสูญหายภายใต้นโยบายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของรัฐบาลจีน
 
ในประเทศจีน ชาวอุยกูร์ตกเป็นเป้าของการกวาดล้างชาติพันธุ์ การจับตาสอดแนม การถูกบังคับใช้แรงงาน การพรากครอบครัว และการกักกันหมู่มาก จึงเป็นที่ทราบได้อย่างกว้างขวางว่าการเนรเทศผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับสู่เตอร์กิสถานตะวันออกซึ่งถูกยึดครองอยู่นั้นจะนำไปสู่การทรมาน การคุมขัง และการสูญหาย
 
การกระทำของรัฐบาลไทยถือเป็นการละเมิดอย่างเป็นประจักษ์ต่อหลักการไม่ส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับสู่ภยันตรายภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งมีข้อกำหนดห้ามมิให้ส่งตัวผู้ลี้ภัยหรือผู้แสวงหาการลี้ภัยกลับสู่ประเทศซึ่งผู้ลี้ภัยหรือผู้แสวงหาการลี้ภัยนั้นอาจต้องเผชิญกับการปราบปราม การดำเนินคดี การทรมาน หรือการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมรูปแบบอื่นๆ การส่งตัวผู้ลี้ภัยกลับสู่ภยันตรายเป็นเรื่องต้องห้ามอย่างชัดแจ้งตามอนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติ ซึ่งประเทศไทยได้ลงนามร่วมเป็นภาคีสมาชิก นอกจากนี้ ทางการไทยยังได้ปฏิเสธอย่างต่อเนื่องมิให้ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติได้มีโอกาสเข้าถึงตัวผู้ลี้ภัยกลุ่มดังกล่าว จนเป็นอุปสรรคต่อสิทธิการแสวงหาการลี้ภัย และยังเป็นการละเมิดข้อห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศว่าด้วยการกักขังโดยลุแก่อำนาจอีกด้วย
 
การส่งตัวผู้ลี้ภัยชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนของรัฐบาลไทยเป็นการพรากสิทธิการลี้ภัยอันเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เป็นการแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลไทยมิได้แยแสบรรทัดฐานสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และยังเป็นการแสดงให้เห็นถึงความไร้ประสิทธิภาพของกระบวนการยุติธรรมภายในประเทศ การกระทำเช่นนี้เป็นการล่วงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
 
เรายืนหยัดเคียงข้างชาวอุยกูร์และประชาคมชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมกลุ่มอื่นๆ ในประเทศจีน และเรียกร้องให้ยุติการกดขี่ปราบปรามพวกเขาเหล่านั้นโดยทันที
 
2 มีนาคม 2025″
 

 
ปกรณ์วุฒิ ลั่นแรงไม่ตลก ปธ.วิปฯพูดเย้ย ยุบพรรคฝ่ายค้าน ย้อนลืมแล้วหรือ พท.ก็เคยโดนย่ำยีแบบนี้ 
https://www.matichon.co.th/politics/news_5074892

ปกรณ์วุฒิ ลั่นไม่ตลกด้วย ปธ.วิปฯพูดเย้ย ยุบพรรคฝ่ายค้าน ย้อนลืมแล้วหรือ พท.ก็เคยโดนย่ำยีแบบนี้
 
กรณีที่ นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านที่ประกาศหวังผล ถึงการยุบสภา ตอนหนึ่งว่า “ฝ่ายค้านอยากให้ยุบสภา ฝันกลางวันหรือเปล่า ระวังนะ คอยดูแล้วกันว่าจะยุบสภาหรือยุบพรรคฝ่ายค้าน” 
 
ล่าสุด ( 3 มี.ค.) นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) แสดงความเห็นตอบโต้ผ่านแอปพลิเคชั่น X ถึงกรณีดังกล่าวว่า

ตอนแรก ผมคิดว่า อาจจะแค่พลั้งปาก แต่พอเห็น นายวิสุทธิ์ รีโพสต์ข่าวนี้ เลยคิดว่า คงคิดแบบนี้จริงๆ
 
จริงๆแล้ว การวิวาทะ โต้กันทางการเมือง เป็นเรื่องปกติ และผมไม่เคยถือสาหาความใดๆเลย แต่เรื่องนี้ ผมคิดว่าคงต้องทบทวน ว่าจริงๆ จุดยืนของพรรคเพื่อไทย ต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อระบบพรรคการเมือง ที่ยึดโยงกับประชาชนนั้น แท้จริงเป็นอย่างไร
 
จากวันนี้ เรายังต้องพูดคุยเจรจาในสภากันอีกหลายเรื่อง อย่างน้อยๆ ขอความกรุณาเหลืออะไรไว้ให้ผมยกมือไหว้ได้อย่างไม่ฝืนใจบ้างเถอะครับ
 
และอย่าลืม ว่าพรรคท่านก็โดนกระทำย่ำยี จากเรื่องนี้มาหลายครั้ง ท่านอาจจะคิดว่า วันนี้ เมื่อไปหลอมรวมกับ “พวกเขา” แล้ว คงจะไม่ถูกกระบวนการแบบนี้อีกแล้ว และพูดถึงมันราวกับเป็นเรื่องตลกได้ แต่ผมไม่ตลกด้วยครับ

https://x.com/Earth_MFP/status/1896483014890401928
 


ผอ.รพ.ทหารผ่านศึก แจ้งความเอาผิด ขบวนการทุจริตยา เบื้องต้น ขรก.เอี่ยวประมาณ 20 ราย
https://www.khaosod.co.th/breaking-news/news_9657775

ผอ.โรงพยาบาลทหารผ่านศึก แจ้งความเอาผิด ขบวนการทุจริตยา เบื้องต้นพบมีข้าราชการเอี่ยวประมาณ 20 ราย ความเสียหายมหาศาล เส้นเงินถึงใครโดนหมด
 
กรณีร้องเรียนทุจริตการนำยาออกมาขายของโรงพยาบาลทหารผ่านศึก ล่าสุดมีรายงานผลสอบปมทุจริตดังกล่าวออกมาแล้วว่าคดีมีมูล โดยมีผู้รับสารภาพว่าทำกันเป็นขบวนการ มีทั้งหมด 6 ทีม จัดมาจากลพบุรี ร่วมกับพยาบาลเกษียณ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาล รวมถึงแพทย์และพยาบาลอีกด้วยตามที่เป็นข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 3 มี.ค.2568 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พล.อ.เดชนิธิศ เหลืองงามขำ ผู้อำนวยการองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก แพทย์หญิงจิตติมา ปรีชา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลทหารผ่านศึก และ นายธนเดช เพ็งสุข สส.พรรคประชาชน นำหลักฐานเข้าพบ นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผบช.ก. เพื่อแจ้งความเอาผิดต่อผู้ร่วมขบวนการทุจริตยาของโรงพยาบาลทหารผ่านศึกทั้งหมด
 
พล.อ.เดชนิธิศ เปิดเผยว่า หลังทราบว่ามีการทุจริตยาในรพ.ทหารผ่านศึกเกิดขึ้น ตนไม่ได้นิ่งนอนใจ และรีบดำเนินการในสองส่วน ส่วนแรกคือ ป.ป.ท. เข้ามาร่วมตรวจสอบพยานหลักฐาน ส่วนที่ 2 คือตั้งคณะกรรมการสอบสวนภายในองค์การทหารผ่านศึก ซึ่งพยานหลักฐานที่พบนั้นไปในทิศทางเดียวกันว่ามีการกระทำความผิดจริง แต่คงต้องขอเวลาในการตรวจสอบเชิงลึกอีกระยะหนึ่ง หลังจากนี้จะแถลงความคืบหน้าโดยละเอียดอีกครั้ง
 
พล.อ.เดชนิธิศ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบระยะเวลาการทุจริตนั้นน่าจะมีเวลายาวนานมาเกือบ 10 ปี มีผู้ร่วมขบวนการตั้งแต่ผู้ป่วย ไปจนถึงข้าราชการทหารระดับสูง มีผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประมาณหลักร้อย ความเสียหายก็น่าเป็นจำนวนมาก แต่ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อนจะให้ข้อมูลอีกครั้ง
 
ตนขอยืนยันว่าจะทำอย่างตรงไปตรงมา เพราะก่อนหน้ามีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเรื่องนี้ไปแล้วหนึ่งครั้ง จนพบว่ามีมูลความผิด จึงให้บุคคลบางส่วนย้ายตำแหน่งหน้าที่ออกไปจากส่วนที่เกี่ยวข้อง จากข้อมูลพบว่ามีบางส่วนที่เชื่อมโยงกันกับการทุจริตอยู่ในขณะนี้ด้วย
 
พล.อ.เดชนิธิศ กล่าวอีกว่า หลังตนเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 ในช่วงสองถึงสามเดือนแรก ก็ความผิดปกติแล้ว โดยมีรถตู้นำผู้ป่วยมาจากจ.ลพบุรี เข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลโดยขอรับยากลับไปครั้งละ 10-20 คน และยังเป็นผู้ป่วยรายชื่อเดิมๆ หลายครั้ง ซึ่งเป็นแบบนี้มาตลอดแทบทุกเดือนอีกด้วย
 
ด้าน นายภูมิวิศาล กล่าวว่า ขณะนี้การตรวจสอบทำไปได้ระดับหนึ่งแล้ว หากใครที่รู้ตัวว่ากระทำความผิด เมื่อพบว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร ก็ขอให้เตรียมรับผลของการกระทำไว้ได้เลย
 
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ พูดมาโดยตลอด ว่าทุกคดีที่ลงไปตรวจสอบจะมีสึนามิตามมาอย่างแน่นอน ผมขอย้ำว่าเส้นทางการเงินไปถึงใคร คุณเตรียมรับได้เลย เรื่องนี้ไม่ได้มีผู้ร่วมในขบวนการแค่ 2 -3 คนเท่านั้น ใครที่รู้ว่ากระทำความผิดในวันนี้ให้รีบเดินเข้ามาหาเราจะดีกว่า” นายภูมิวิศาล กล่าว
 
นายภูมิวิศาล กล่าวด้วยว่า จากการตรวจสอบพบแผนประทุษกรรมมีความชัดเจนแล้ว ในส่วนของข้าราชการไม่ว่าจะเกษียณไปแล้ว หรือยังอยู่ในตำแหน่ง หากพบเส้นเงินที่ไปเกี่ยวข้องก็จะถูกเรียกตัวมาสอบ ส่วนข้อกังวลว่าเรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับหน่วยงานทหารจะทำให้การตรวจสอบยากขึ้นหรือไม่นั้น
 
ตนยืนยันว่าไม่มีคำว่าเอกเทศ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน รับผิดเหมือนกันไม่มีการยกเว้นอะไรทั้งสิ้น และไม่ต้องมาถามว่า ป.ป.ท. จะกล้าหรือไม่กล้าในการทำคดี ซึ่งขณะนี้คาดว่ามีผู้ที่จะรับโทษในระดับข้าราชการระดับสูงทั้งที่เกษียณไปแล้ว และดำรงตำแหน่งอยู่มีประมาณ 20 คน ส่วนมูลค่าความเสียหายมีจำนวนมากมหาศาล
 
ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้เราได้ประสานงานกับทุกหน่วยไปแล้ว จึงได้มาดำเนินการกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ขณะนี้มีข้อมูลการกระทำความผิด และแผนประทุษกรรมต่างๆ มาแล้ว หลังจากทำงานมาได้ระยะหนึ่ง จนได้ข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดจริง ซึ่งจะดำเนินการกับผู้ต้องหาในกลุ่มแรกก่อน
 
จากนั้นจะขยายผลอย่างต่อเนื่อง โดยไปสอบพยานต่างๆไว้ล่วงหน้าเรียบร้อยแล้ว ส่วนรูปคดีขอยังไม่เปิดเผย ยืนยันว่าเดินไปได้ไกลแล้ว และจะพยายามเอาข้อเท็จจริงทั้งหมดมาให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย ส่วนความผิดในส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐจะเข้าข่าย ม.157 แต่หากเป็นคนปกติทั่วไป ก็ต้องพิจารณาเป็นรายๆไป
 

 
สส. พรรคประชาชน ชี้ กรมป่าไม้ไร้ประสิทธิภาพ ทุนจีนรุกป่าปลูกทุเรียน
https://prachatai.com/journal/2025/03/112274

เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส. พรรคประชาชน ตั้งคำถามทุนจีนรุกป่าปลูกทุเรียน เป็นเพราะชาวบ้านเห็นแก่เงินหรือกรมป่าไม้ไร้ประสิทธิภาพ ชี้ มีนายทุนไทยรวบรวมที่ดินผืนใหญ่ตั้งแต่ก่อนปี พ.ศ. 2564 และขายให้นายทุนจีน เรียกร้องจัดการปัญหาทุจริตในกรมป่าไม้ ปรับแก้ มติ ครม. 26 พ.ย.2561 ให้เท่าทันสังคมปัจจุบันมากขึ้น เร่งทำเอกสารรับรองสิทธิเพื่อควบคุมและบริหารจัดการที่ดินในเขตป่า ให้การเปลี่ยนมือและการใช้ที่ดินอยู่ภายใต้การกำกับของรัฐ เข้มงวดกับบริษัทเอกชนต่างชาติไม่ให้ถือครองที่ดินในเขตป่า

3 มี.ค. 2568 เลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล สส. พรรคประชาชน สัดส่วนเครือข่ายชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง ตั้งคำถามทุนจีนรุกป่าปลูกทุเรียน เป็นเพราะชาวบ้านเห็นแก่เงินหรือกรมป่าไม้ไร้ประสิทธิภาพ จากกรณีปรากฏเป็นข่าวในหลายสื่อว่าทุนจีนกว้านซื้อที่ดิน คทช. หรือบุกรุกพื้นที่ป่าเพื่อปลูกทุเรียน ในฐานะที่ตนเองเป็นคนหนึ่งที่ขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนเขตป่าในสภารู้สึกสะเทือนใจไม่น้อยที่มีเสียงสะท้อนว่าประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ป่าที่ได้รับจากนโยบายแก้ไขปัญหาของรัฐไปขายแลกเงิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่