สวนดุสิตโพลจี้รัฐบาลแก้ราคาน้ำมัน สินค้าแพง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_309041/
สวนดุสิตโพล มองนักการเมืองไทยไม่ค่อยดูแลประชาชน การเมืองไทยค่อนข้างวุ่นวาย จี้รัฐบาลแก้ราคาน้ำมัน สินค้าแพง
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,127 คน เรื่อง
การเมืองไทย…วุ่นวายจริงหรือ? ระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคม 2565พบว่า ประชาชน ร้อยละ 68.90 มองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ณ วันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง รองลงมาร้อยละ 62.56 ระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลอาจมีการยุบสภา ร้อยละ 60.32 ระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลอาจมีการยุบสภา
โดยร้อยละ 61.67 มองว่าการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองในช่วงนี้ไม่เหมาะสม รองลงมา ร้อยละ 27.06 ระบุ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 11.27 ระบุ เหมาะสม
ทั้งนี้ ร้อยละ 91.44 อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะน้ำมันแพง สินค้าแพง รองลงมา ร้อยละ 71.81 ระบุ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย หนี้สิน ร้อยละ 69.94 ระบุ คุณภาพชีวิตประชาชน
ร้อยละ ร้อยละ 52.19 ระบุว่า นักการเมืองไทย (ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน) ไม่ค่อยดูแลทุกข์สุขของประชาชน รองลงมา ร้อยละ 24.62 ระบุว่า ดูแลพอสมควร ร้อยละ 21.31 ระบุว่า ไม่ดูแลเลย
ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 45.12 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของรัฐบาล รองลงมาร้อยละ 32.77 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ19.61 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น
ร้อยละ 50.94 มองว่า รัฐบาลไม่ค่อยมีเสถียรภาพ รองลงมา ร้อยละ 31.31 ระบุว่า ไม่มีเสถียรภาพ ร้อยละ 15.70 ระบุว่า ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
ท้ายที่สุด ร้อยละ 49.69 ระบุว่า ในภาพรวมมองการเมืองไทย ณ วันนี้ ค่อนข้างวุ่นวาย รองลงมาร้อยละ 43.80 ระบุ วุ่นวายมาก ร้อยละ 5.44 ระบุ ไม่ค่อยวุ่นวาย
นิด้าโพล ปชช.ไม่สนับสนุนซื้อเสียงเลือกตั้ง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_309036/
นิด้าโพล ปชช.ไม่สนับสนุนซื้อเสียงเลือกตั้ง เชื่อยังมีการซื้อเสียงอยู่ มองแก้ปัญหาไม่ได้
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน ทั่วประเทศ จำนวน1,329 หน่วยตัวอย่างเรื่อง
“ซื้อเสียงถูกกฎหมาย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2565 เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนว่า
“ประเทศไทยมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 76.75 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 16.33 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 3.46 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย
สำหรับความเชื่อว่า
“ปัญหาการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” จะสามารถแก้ไขได้ ตัวอย่างที่ระบุว่าเชื่อมาก ค่อนข้างเชื่อ และเฉย ๆ ไม่ตอบ/ไม่สนใจว่า“ประเทศไทยมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ (จำนวน 1,239 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.92 ระบุว่า ไม่เชื่อเลยรองลงมา ร้อยละ 17.76 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 11.46 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.62 ระบุว่า เชื่อมาก
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้ “การซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 71.93 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 12.27 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.50 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้
“การจัดเลี้ยงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.44 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.52 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 13.02 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้
“การจัดมโหรสพ กิจกรรมบันเทิงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 61.17 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 13.54 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 12.27 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการไม่อนุญาตให้เปิดเผยผลโพลการเลือกตั้ง ในระหว่างเจ็ดวันก่อนการเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการออกเสียงลงคะแนน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 42.06 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 28.97 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 15.80 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
สมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับถูกกระทบต้นทุนแพง ‘เบียร์-เหล้าขาว’ ขึ้นราคาแล้ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3242470
สมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับถูกกระทบต้นทุนแพง ‘เบียร์-เหล้าขาว’ ขึ้นราคาแล้ว ชี้ผับ/บาร์ได้รับผลกระทบมานาน รอรัฐบาลพิจารณาข้อเสนอร่วม 16 องค์กร แก้กฎหมาย ห้ามขายเหล้า-เบียร์ บ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
นาย
ธนากร คุปตจิตต์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นสูงนั้น มีผลกระกบต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน ซึ่งก็มีข่าวไปแล้วว่าจะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่ม โดยส่วนที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นแล้ว คือ กลุ่มเบียร์ กลุ่มเหล้าขาว ซึ่งเหตุที่ปรับขึ้นแค่เพียงกลุ่มนี้ เนื่องจากว่าเบียร์เป็นสินค้าที่อายุสั้น จะมีการชี้แจงต้นทุนกับกรมสรรพสามิต เพื่อจ่ายภาษีตามกฎหมาย ในทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน จึงทำให้สำแดงต้นทุนราคาที่เพิ่มขึ้นได้ในทันที
ขณะที่กลุ่มสุรานำเข้านั้น ถ้าถามว่าได้รับผลจากเรื่องต้นทุนแพงหรือไม่ ก็แน่นอนต้องโดน แต่ที่ยังไม่ปรับราคาขึ้นเนื่องจากธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเครื่องดื่มก็ได้รับผลกระทบมานาน ตั้งแต่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ยังคงเหลืออยู่ในสต๊อก ซึ่งได้แจ้งต้นทุนและเสียภาษีให้กับกรมสรรพสามิตไปแล้ว ดังนั้น จึงปรับราคาขึ้นไม่ได้ เพราะจะโดนโทษปรับได้ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่คนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย เชื่อว่าผู้ประกอบการคงไม่อยากปรับขึ้นราคาให้ขายยากไปกว่าเดิมแน่ โดยคาดว่าถ้าจะมีการปรับขึ้นราคา น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวและบริการ กลับมาคึกคัก จากการเปิดประเทศในปลายปีนี้ ทำให้มีการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล็อตใหม่
“ส่วนร้านค้าปลีกนั้น กรมสรรพสามิตยืนยันแล้วว่าจะมีการลงพื้นที่สุ่มตรวจราคาขาย ถ้าหากพบว่า มีการขายเกินราคาก็จะต้องมีการลงโทษและโดนค่าปรับด้วย ดังนั้น จะช่วยให้ร้านค้าไม่กล้าขายเกินราคา เพราะไม่รู้ว่าจะโดนตรวจสอบเมื่อไหร่ อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ นั้นไม่ใช่สินค้าควบคุม แบบไข่ไก่ เนื้อหมู จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์” นาย
ธนากรกล่าว
นาย
ธนากรกล่าวถึงกรณีที่การประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ยังไม่ได้พิจารณาอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงได้นั้นว่า ในส่วนเรื่องของสถาบันเทิง ผับ และบาร์นั้น ปัจจุบันได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และที่ถูกสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราว แม้รัฐบาลได้เยียวยาในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก รวมถึงมีผลกระทบโดยรวม การที่ไม่ให้เปิดสถานบันเทิง และการอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้นั้น ไม่ใช่กระทบแค่กับผับ บาร์ แต่จะกระทบไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจอาหาร พ่อครัว นักดนตรี นักแสดง และธุรกิจบริการต่างๆ ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน กระทบไปถึงบริการรถโดยสารสาธารณะต่างๆ ด้วย เช่น แท็กซี่ เป็นต้น
ถ้านับจากวันนี้ไปอีก 103 วัน ที่รัฐบาลประกาศว่าโรคโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ก็คงเป็นโอกาสของการเปิดประเทศอย่างชัดเจน ธุรกิจ โดยเฉพาะสถานบันเทิง ก็จะได้โอกาสกลับมาเปิดเป็นปกติ หลังจากที่พิจารณาเลื่อนมาหลายครั้ง อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อม 16 องค์กรภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ สมาคมค้าปลีก สมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร สมาคมร้านอาหาร เพิ่งได้ขอสรุปสำหรับข้อเสนอต่อรัฐบาล ให้ทบทวนกฎหมาย ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ผ่านคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของรัฐ
ซึ่งล่าสุด รัฐบาล โดยนาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่า จะรับทราบเรื่องไว้ แต่ทั้งนี้มีความเห็นว่ายังไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบยกมาพิจารณาในขณะนี้ทันที ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ไม่ได้มีการปฏิเสธ แต่ก็ต้องติดตามต่อไป
“การแก้ไขข้อกฎหมายนี้ จะช่วยในเรื่องกระตุ้นการหมุนของเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายในภาคบริการต่างๆ ในช่วงเวลาที่ห้ามขาย 14.00-17.00 น. ทั้งนี้ ภาคเอกชนที่ร่วมยื่นข้อเสนอนี้ไม่ได้ขอให้ยกเลิกการขายในเวลาเช้าเลย แต่ให้ยกเลิกในเวลาบ่าย เพื่อช่วยการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ร้านอาหาร และโรงแรม ให้สอดคล้องกับบรรยากาศเทศกาลสงกานต์ที่จะถึงนี้ แม้ว่าในช่วงสงกรานต์จะไม่มีการจัดงานเต็มรูปแบบ ในการให้เล่นน้ำ แต่ถ้าคนได้เดินทาง กลับบ้านหรือท่องเที่ยว ก็จะช่วยได้เยอะมาก” นาย
ธนากรกล่าว
JJNY : ดุสิตโพลจี้แก้น้ำมัน สินค้าแพง│นิด้าโพลปชช.ไม่สนุนซื้อเสียง│‘เบียร์-เหล้าขาว’ขึ้นราคาแล้ว│ใครคืออาชญากรสงคราม?
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_309041/
สวนดุสิตโพล มองนักการเมืองไทยไม่ค่อยดูแลประชาชน การเมืองไทยค่อนข้างวุ่นวาย จี้รัฐบาลแก้ราคาน้ำมัน สินค้าแพง
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,127 คน เรื่อง การเมืองไทย…วุ่นวายจริงหรือ? ระหว่างวันที่ 14-17 มีนาคม 2565พบว่า ประชาชน ร้อยละ 68.90 มองว่าการเคลื่อนไหวของพรรคการเมือง ณ วันนี้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อรองอำนาจและผลประโยชน์ทางการเมือง รองลงมาร้อยละ 62.56 ระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลอาจมีการยุบสภา ร้อยละ 60.32 ระบุ เสถียรภาพของรัฐบาลอาจมีการยุบสภา
โดยร้อยละ 61.67 มองว่าการนัดรับประทานอาหารร่วมกันของพรรคการเมืองในช่วงนี้ไม่เหมาะสม รองลงมา ร้อยละ 27.06 ระบุ ไม่แน่ใจ ร้อยละ 11.27 ระบุ เหมาะสม
ทั้งนี้ ร้อยละ 91.44 อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาบ้านเมืองโดยเฉพาะน้ำมันแพง สินค้าแพง รองลงมา ร้อยละ 71.81 ระบุ รายได้ไม่พอกับรายจ่าย หนี้สิน ร้อยละ 69.94 ระบุ คุณภาพชีวิตประชาชน
ร้อยละ ร้อยละ 52.19 ระบุว่า นักการเมืองไทย (ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน) ไม่ค่อยดูแลทุกข์สุขของประชาชน รองลงมา ร้อยละ 24.62 ระบุว่า ดูแลพอสมควร ร้อยละ 21.31 ระบุว่า ไม่ดูแลเลย
ทั้งนี้ประชาชนร้อยละ 45.12 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อมั่นต่อการบริหารงานของรัฐบาล รองลงมาร้อยละ 32.77 ระบุว่า ไม่เชื่อมั่น ร้อยละ19.61 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อมั่น
ร้อยละ 50.94 มองว่า รัฐบาลไม่ค่อยมีเสถียรภาพ รองลงมา ร้อยละ 31.31 ระบุว่า ไม่มีเสถียรภาพ ร้อยละ 15.70 ระบุว่า ค่อนข้างมีเสถียรภาพ
ท้ายที่สุด ร้อยละ 49.69 ระบุว่า ในภาพรวมมองการเมืองไทย ณ วันนี้ ค่อนข้างวุ่นวาย รองลงมาร้อยละ 43.80 ระบุ วุ่นวายมาก ร้อยละ 5.44 ระบุ ไม่ค่อยวุ่นวาย
นิด้าโพล ปชช.ไม่สนับสนุนซื้อเสียงเลือกตั้ง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_309036/
นิด้าโพล ปชช.ไม่สนับสนุนซื้อเสียงเลือกตั้ง เชื่อยังมีการซื้อเสียงอยู่ มองแก้ปัญหาไม่ได้
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน ทั่วประเทศ จำนวน1,329 หน่วยตัวอย่างเรื่อง “ซื้อเสียงถูกกฎหมาย” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 มีนาคม 2565 เมื่อถามถึงความเชื่อของประชาชนว่า “ประเทศไทยมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 76.75 ระบุว่า เชื่อมาก รองลงมา ร้อยละ 16.33 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 3.46 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย
สำหรับความเชื่อว่า “ปัญหาการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” จะสามารถแก้ไขได้ ตัวอย่างที่ระบุว่าเชื่อมาก ค่อนข้างเชื่อ และเฉย ๆ ไม่ตอบ/ไม่สนใจว่า“ประเทศไทยมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” ไม่ว่าจะเป็นในระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศ (จำนวน 1,239 หน่วยตัวอย่าง) พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 63.92 ระบุว่า ไม่เชื่อเลยรองลงมา ร้อยละ 17.76 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ ร้อยละ 11.46 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ ร้อยละ 6.62 ระบุว่า เชื่อมาก
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้ “การซื้อเสียงในการเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 71.93 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 12.27 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 8.50 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย
ด้านความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้ “การจัดเลี้ยงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 59.44 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 14.52 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 13.02 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อข้อเสนอที่จะให้ “การจัดมโหรสพ กิจกรรมบันเทิงของผู้สมัครรับเลือกตั้ง” เป็นการกระทำที่ถูกกฎหมาย พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 61.17 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 13.54 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 12.27 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นของประชาชนต่อการไม่อนุญาตให้เปิดเผยผลโพลการเลือกตั้ง ในระหว่างเจ็ดวันก่อนการเลือกตั้งจนถึงเวลาปิดการออกเสียงลงคะแนน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 42.06 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 28.97 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 15.80 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย
สมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับถูกกระทบต้นทุนแพง ‘เบียร์-เหล้าขาว’ ขึ้นราคาแล้ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_3242470
สมาคมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รับถูกกระทบต้นทุนแพง ‘เบียร์-เหล้าขาว’ ขึ้นราคาแล้ว ชี้ผับ/บาร์ได้รับผลกระทบมานาน รอรัฐบาลพิจารณาข้อเสนอร่วม 16 องค์กร แก้กฎหมาย ห้ามขายเหล้า-เบียร์ บ่าย 2 ถึง 5 โมงเย็น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวม
นายธนากร คุปตจิตต์ อดีตนายกสมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องของต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นสูงนั้น มีผลกระกบต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เช่นกัน ซึ่งก็มีข่าวไปแล้วว่าจะมีการปรับราคาสินค้าเพิ่ม โดยส่วนที่ปรับราคาเพิ่มขึ้นแล้ว คือ กลุ่มเบียร์ กลุ่มเหล้าขาว ซึ่งเหตุที่ปรับขึ้นแค่เพียงกลุ่มนี้ เนื่องจากว่าเบียร์เป็นสินค้าที่อายุสั้น จะมีการชี้แจงต้นทุนกับกรมสรรพสามิต เพื่อจ่ายภาษีตามกฎหมาย ในทุกวันที่ 15 ของทุกเดือน จึงทำให้สำแดงต้นทุนราคาที่เพิ่มขึ้นได้ในทันที
ขณะที่กลุ่มสุรานำเข้านั้น ถ้าถามว่าได้รับผลจากเรื่องต้นทุนแพงหรือไม่ ก็แน่นอนต้องโดน แต่ที่ยังไม่ปรับราคาขึ้นเนื่องจากธุรกิจเกี่ยวข้องกับการจำหน่ายเครื่องดื่มก็ได้รับผลกระทบมานาน ตั้งแต่การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ทำให้สินค้านำเข้าส่วนใหญ่ยังคงเหลืออยู่ในสต๊อก ซึ่งได้แจ้งต้นทุนและเสียภาษีให้กับกรมสรรพสามิตไปแล้ว ดังนั้น จึงปรับราคาขึ้นไม่ได้ เพราะจะโดนโทษปรับได้ รวมถึงสภาพเศรษฐกิจปัจจุบันที่คนไม่ค่อยจับจ่ายใช้สอย เชื่อว่าผู้ประกอบการคงไม่อยากปรับขึ้นราคาให้ขายยากไปกว่าเดิมแน่ โดยคาดว่าถ้าจะมีการปรับขึ้นราคา น่าจะเป็นช่วงไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ เนื่องจากเศรษฐกิจและภาคการท่องเที่ยวและบริการ กลับมาคึกคัก จากการเปิดประเทศในปลายปีนี้ ทำให้มีการนำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล็อตใหม่
“ส่วนร้านค้าปลีกนั้น กรมสรรพสามิตยืนยันแล้วว่าจะมีการลงพื้นที่สุ่มตรวจราคาขาย ถ้าหากพบว่า มีการขายเกินราคาก็จะต้องมีการลงโทษและโดนค่าปรับด้วย ดังนั้น จะช่วยให้ร้านค้าไม่กล้าขายเกินราคา เพราะไม่รู้ว่าจะโดนตรวจสอบเมื่อไหร่ อย่างไรก็ดี สินค้ากลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ สุรา เบียร์ นั้นไม่ใช่สินค้าควบคุม แบบไข่ไก่ เนื้อหมู จึงไม่ได้อยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์” นายธนากรกล่าว
นายธนากรกล่าวถึงกรณีที่การประชุมของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ยังไม่ได้พิจารณาอนุญาตให้เปิดสถานบันเทิงได้นั้นว่า ในส่วนเรื่องของสถาบันเทิง ผับ และบาร์นั้น ปัจจุบันได้รับผลกระทบมาอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว และที่ถูกสั่งให้ปิดกิจการชั่วคราว แม้รัฐบาลได้เยียวยาในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรนัก รวมถึงมีผลกระทบโดยรวม การที่ไม่ให้เปิดสถานบันเทิง และการอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้นั้น ไม่ใช่กระทบแค่กับผับ บาร์ แต่จะกระทบไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง อาทิ ธุรกิจอาหาร พ่อครัว นักดนตรี นักแสดง และธุรกิจบริการต่างๆ ธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกัน กระทบไปถึงบริการรถโดยสารสาธารณะต่างๆ ด้วย เช่น แท็กซี่ เป็นต้น
ถ้านับจากวันนี้ไปอีก 103 วัน ที่รัฐบาลประกาศว่าโรคโควิดจะกลายเป็นโรคประจำถิ่น ก็คงเป็นโอกาสของการเปิดประเทศอย่างชัดเจน ธุรกิจ โดยเฉพาะสถานบันเทิง ก็จะได้โอกาสกลับมาเปิดเป็นปกติ หลังจากที่พิจารณาเลื่อนมาหลายครั้ง อย่างไรก็ดี เมื่อไม่นานมานี้ สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พร้อม 16 องค์กรภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ สมาคมค้าปลีก สมาคมผู้ประกอบการถนนข้าวสาร สมาคมร้านอาหาร เพิ่งได้ขอสรุปสำหรับข้อเสนอต่อรัฐบาล ให้ทบทวนกฎหมาย ห้ามขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ช่วงเวลา 14.00-17.00 น. ผ่านคณะกรรมการพัฒนากฎหมายของรัฐ
ซึ่งล่าสุด รัฐบาล โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ก็ได้ให้สัมภาษณ์แล้วว่า จะรับทราบเรื่องไว้ แต่ทั้งนี้มีความเห็นว่ายังไม่ใช่เรื่องที่จะหยิบยกมาพิจารณาในขณะนี้ทันที ถือเป็นสัญญาณที่ดี ที่ไม่ได้มีการปฏิเสธ แต่ก็ต้องติดตามต่อไป
“การแก้ไขข้อกฎหมายนี้ จะช่วยในเรื่องกระตุ้นการหมุนของเศรษฐกิจ และการใช้จ่ายในภาคบริการต่างๆ ในช่วงเวลาที่ห้ามขาย 14.00-17.00 น. ทั้งนี้ ภาคเอกชนที่ร่วมยื่นข้อเสนอนี้ไม่ได้ขอให้ยกเลิกการขายในเวลาเช้าเลย แต่ให้ยกเลิกในเวลาบ่าย เพื่อช่วยการหมุนเวียนของเศรษฐกิจ รวมไปถึงธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ร้านอาหาร และโรงแรม ให้สอดคล้องกับบรรยากาศเทศกาลสงกานต์ที่จะถึงนี้ แม้ว่าในช่วงสงกรานต์จะไม่มีการจัดงานเต็มรูปแบบ ในการให้เล่นน้ำ แต่ถ้าคนได้เดินทาง กลับบ้านหรือท่องเที่ยว ก็จะช่วยได้เยอะมาก” นายธนากรกล่าว