นิด้าโพลคนมอง พท.มีโอกาสเป็นรบ. ไม่เชื่อรวมพปชร.
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_463285/
นิด้าโพล คนมองเพื่อไทยโอกาสเป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก ขณะพปชร.-รสทช.ไม่ได้แน่นอน ไม่เชื่อเพื่อไทยรวมพปชร.
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่างเรื่อง “
6 พรรคกับโอกาสได้เป็นรัฐบาล” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2565 เมื่อให้ประชาชนวิเคราะห์ถึงโอกาสที่พรรคการเมือง ทั้ง 6 พรรค ซึ่งกำลังมีกระแสข่าวการไหลเข้า-ออก ของนักการเมืองจะได้เป็นรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า
1. พรรคเพื่อไทย (นพ.
ชลน่าน ศรีแก้ว/น.ส.
แพทองธาร ชินวัตร) ตัวอย่าง ร้อยละ 40.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 16.88 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย
2. พรรคก้าวไกล (นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์) ตัวอย่าง ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ 30.23 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน
3. พรรคพลังประชารัฐ (พลเอก
ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ตัวอย่าง ร้อยละ 33.51 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 20.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
4. พรรครวมไทยสร้างชาติ (นาย
พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค/พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ตัวอย่าง ร้อยละ 43.12 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน รองลงมา ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 15.73 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
5. พรรคภูมิใจไทย (นาย
อนุทิน ชาญวีรกูล) ตัวอย่าง ร้อยละ 39.16 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 21.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
6. พรรคประชาธิปัตย์ (นาย
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ตัวอย่าง ร้อยละ 40.69 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ38.93 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 13.20 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อกระแสข่าวข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.65 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย เพราะ เป็นเพียงแค่กระแสข่าวลือ โอกาสเป็นไปได้ยากเนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน รองลงมา ร้อยละ 29.24 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ เพราะ ทั้งสองพรรคต่างต้องการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของตนเองจึงไม่น่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้ ร้อยละ 16.64 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ เพราะ การเมืองเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์จึงมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองพรรคจะตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ส.เครื่องปั้นดินเผาลำปาง หนุนขึ้นค่าแรง 600 แต่ต้องช่วยผู้ประกอบการควบคู่กันไป
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7408402
ส.เครื่องปั้นดินเผาลำปาง หนุนขึ้นค่าแรง 600 แต่ควรช่วยผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย ชี้ถ้าจู่ ๆ ขึ้นมาดื้อ ๆ โรงงานคงช็อกไล่ปิดไปตาม ๆ กัน
10 ธ.ค. 2565 – นาย
ปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งภายในงาน ลำปางเซรามิกแฟร์ ครั้งที่ 35 ที่ลานอเนกประสงค์หน้าห้างไทวัสดุ สาขาลำปาง เรื่องค่าแรงที่พรรคการเมืองประกาศเป็นนโยบายหาเสียง
นาย
ปรีชา กล่าวว่า เรื่องค่าแรงที่พรรคการเมืองประกาศนโยบายหาเสียง ตนคิดว่าตอนนี้ก็เพิ่งปรับค่าแรงขึ้นมาเมื่อเดือน ต.ค. จากวันละ 315 บาท เป็น 332 บาท จริง ๆ แล้ว โรงงานเซรามิกเป็นโรงงานที่ใช้แรงงานเข้มข้น ใช้แรงงานมากน้อยแล้วแต่ประเภทโรงงาน ถ้าเป็นโรงงานหัตถศิลป์จะใช้แรงงานเยอะค่าแรงเป็นต้นทุนที่ 1 โรงงานที่เป็นหัตถอุตสาหกรรม แรงงานจะเป็นอันดับ 1 ของต้นทุน แต่ถ้าโรงงานที่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยค่าแรงงานจะเป็นอันดับ 2 ของต้นทุน
ฉะนั้นถ้าจะขึ้นค่าแรง จู่ ๆ ขึ้นเลยรับรองว่าโรงงานอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าค่อย ๆ ขยับและช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีตลาดที่ดี มีค่าพลังงานทางเลือกที่ถูกกว่าปัจจุบัน มีเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาผู้ประกอบการ ท่านจะปรับค่าแรงไปตามความเหมาะสม ต้องให้พัฒนาผู้ประกอบการไปด้วย พัฒนาเศรษฐกิจไปด้วย
แต่ถ้าจู่ ๆ ไม่ทำอะไรเลยแล้วมาขึ้นค่าแรงวันละ 600 บาททีเดียวใครก็ช็อก ถ้าค่อย ๆ ขยับขึ้น เช่นถ้าเป็นรัฐบาลอยู่ 4 ปี ก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นปีละ 30 บาท อันนี้พออยู่ได้ ต้องพัฒนาโรงงาน พัฒนาฝีมือแรงงานจากฝีมือชั้นต้นให้เป็นแรงงานฝีมือทักษะชั้นสูง อันนี้เห็นด้วย แต่ก่อนที่จะปรับขึ้นค่าแรง ก็ขอให้ปรับขบวนการผลิต ปรับค่าพลังงาน ปรับค่าไฟฟ้าให้มันเสถียร เพราะทุกวันนี้ผู้ผลิตเจอหลายเด้ง ทั้งค่าแรงงาน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า
การบอกว่าจะขึ้นค่าแรง 600 บาท ตนคิดว่าเป็นกลยุทธ์การหาเสียง เพราะขึ้นพรวดเลยคงเป็นไปไม่ได้ โรงงานเซรามิคจะอยู่ไม่ได้หรอก ล้มกันหมดไม่ว่าโรงใหญ่หรือโรงเล็ก ฉะนั้นกราบวิ่งวอนรัฐบาลหรือพรรคการเมือง เวลาจะใช้นโยบายอะไรต้องบูรณาการควบคุมกันไป
ปีหน้าไม่ควรจะขยับอะไร เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลทำ GDP ให้ดีก่อน ถ้าโต 5% คิดว่าเศรษฐกิจดีทุกอย่างไปด้วยกัน จะขึ้นค่าแรงก็ไม่ว่า แต่ปีแรกและปีที่สอง ขอให้ชดเชยให้ผู้ประกอบการ ถ้าไม่พัฒนาอะไรเลยแล้วมาขึ้นค่าแรงคงไม่ไหว โรงงานคงปิดตัวไม่เหลือ
นักกฎหมายปูด 40 ส.ส.จ่อลาออกสัปดาห์หน้าแซะแผนนายกฯวิ่งผลัด
https://siamrath.co.th/n/406445
นาย
ไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ระบุว่า
#นับถอยหลังสถานการณ์เลือกตั้ง แผน"วิ่งผลัดนายกคนละ2ปี เหลว"
ก็บอกไว้ก่อนแล้วไงว่าทางเลือกมีไม่มากนัก ว่า" จะยุบสภาหรือครบวาระ เพราะถ้ามี ส.ส.ลาออก 200 คนก็ต้องยุบสภาสถานเดียว" วันนี้มีการยืนยันข่าวแล้วว่าสัปดาห์หน้าจะมี ส.ส. ลาออก 40 คนไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
ดูการโคจรถอยหลังของดาวมฤตยูเมื่อเช้านี้แล้ว คาดว่า ยังไม่หมดเท่านี้!!!!
เมื่อ ส.ส.ลาออกและเวลาก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งตามวาระยังมีอีกพอสมควร จึงต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าเลือกตั้งใหม่ก็ไม่คุ้มค่าเพราะ ส.ส.ใหม่จะอยู่ได้แค่เดือนกว่า ก็หมดวาระสภาแล้ว เป็นการล้างผลาญงบประมาณ จึงเป็นแรงกดดันให้ต้องยุบสภา
ข้อเสนอให้บางพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก่อน 2 ปี จากนั้นให้หัวหน้าพรรคที่สนับสนุนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับความเชื่อถือ และกลายเป็นเรื่องขำขันของนักการเมืองในขณะนี้
เพราะข้อเสนอนี้ถือเอาการคุมเสียง สว.250 คนเป็นฐานกำลัง!!!! ขณะนี้สว. แบ่งออกเป็นกี่กลุ่มกี่พวก และสายไหนมีกี่คนรู้กันหรือยัง???
ตามรัฐธรรมนูญนั้น สว.จะเลือกนายกได้อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นการเลือกนายกในสภาต้องอาศัยเสียง ส.ส อย่างเดียว !!! นักการเมืองเขารู้ทันเกมกลนี้ว่าเป็นข้อเสนอที่เหลวไหล เพราะเมื่อครบ 2 ปีแล้ว สว. ไม่มีสิทธิ์เลือกนายกอีก จึงเกิดเงื่อนไขว่า "พรรคใดได้ส.ส.มากกว่า พรรคนั้นก็เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่มีส.ส.น้อย อย่างมากก็เอาตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี" ไป!!!!
แล้วพรรคที่พลเอกประยุทธ์จะสังกัดนั้นจะได้สส.มากกว่าพรรคการเมืองอื่นหรือ?
ขนาดพรรคจิ๋วทุกพรรคสิบกว่าคนที่เคยใช้บริการกันมาก็ไม่เชื่อถือ ไม่เข้ามาร่วมด้วย แต่กำลังจะตั้งเป็น"กลุ่มอัมโน่" แต่"พิษ100หาร"จะได้กลับสภากี่คนก็ไม่รู้
เพราะเหตุนี้พรรคการเมืองต่างๆ จึงไม่ยอมรับเงื่อนไข"ผลัดกันเป็นนายกคนละ 2 ปี" ที่ลุงตู่เป็นนายกก่อน!!!! และในทางการเมืองนั้นถ้าพรรคไหนทำแบบนี้ก็คงไม่มีหน้าไปพบประชาชนที่ไปสัญญากับเขาไว้ และเมื่อพรรคการเมืองต่างๆไม่รับข้อเสนอ"นายกวิ่งผลัดคนละ2 ปี"
หนทางกลับคืนสู่ทำเนียบของพลเอกประยุทธ์ก็ยิ่งตีบตันลงไปอีก!!!!
#สร้างปัญหาต่อก่อปัญหาใหม่
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid02xqabbvLNYPV15GtZHeMPYPb1YQEdbJScu7UpzEsFg6nrLJXGuRGSh7aJn8XrJgRKl
JJNY : นิด้าโพลคนมอง พท.มีโอกาสเป็นรบ.| ส.เครื่องปั้นดินเผาลำปาง หนุนขึ้นค่าแรง| ปูด 40ส.ส.จ่อลาออก| สนทนา”ช่อ พรรณการ์”
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_463285/
นิด้าโพล คนมองเพื่อไทยโอกาสเป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก ขณะพปชร.-รสทช.ไม่ได้แน่นอน ไม่เชื่อเพื่อไทยรวมพปชร.
“นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)เปิดเผยผลสำรวจของประชาชนจำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่างเรื่อง “6 พรรคกับโอกาสได้เป็นรัฐบาล” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 7-9 ธันวาคม 2565 เมื่อให้ประชาชนวิเคราะห์ถึงโอกาสที่พรรคการเมือง ทั้ง 6 พรรค ซึ่งกำลังมีกระแสข่าวการไหลเข้า-ออก ของนักการเมืองจะได้เป็นรัฐบาล ภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า
1. พรรคเพื่อไทย (นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว/น.ส.แพทองธาร ชินวัตร) ตัวอย่าง ร้อยละ 40.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก รองลงมา ร้อยละ 32.44 ระบุว่า ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 16.88 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย
2. พรรคก้าวไกล (นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์) ตัวอย่าง ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ 30.23 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก ร้อยละ 23.66 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน
3. พรรคพลังประชารัฐ (พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ) ตัวอย่าง ร้อยละ 33.51 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน รองลงมา ร้อยละ 32.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 20.38 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
4. พรรครวมไทยสร้างชาติ (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค/พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ตัวอย่าง ร้อยละ 43.12 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน รองลงมา ร้อยละ 31.45 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย ร้อยละ 15.73 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
5. พรรคภูมิใจไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) ตัวอย่าง ร้อยละ 39.16 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ 30.84 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 21.60 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
6. พรรคประชาธิปัตย์ (นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์) ตัวอย่าง ร้อยละ 40.69 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างน้อย รองลงมา ร้อยละ38.93 ระบุว่า ไม่ได้เป็นรัฐบาลแน่นอน ร้อยละ 13.20 ระบุว่า โอกาสได้เป็นรัฐบาลค่อนข้างมาก
ท้ายที่สุดเมื่อถามความคิดเห็นของประชาชนต่อกระแสข่าวข้อตกลงการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันระหว่างพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยภายหลังการเลือกตั้งสมัยหน้า พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 45.65 ระบุว่า ไม่เชื่อเลย เพราะ เป็นเพียงแค่กระแสข่าวลือ โอกาสเป็นไปได้ยากเนื่องจากอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกัน รองลงมา ร้อยละ 29.24 ระบุว่า ไม่ค่อยเชื่อ เพราะ ทั้งสองพรรคต่างต้องการจัดตั้งรัฐบาลภายใต้การนำของตนเองจึงไม่น่าจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้ ร้อยละ 16.64 ระบุว่า ค่อนข้างเชื่อ เพราะ การเมืองเป็นเรื่องของการหาผลประโยชน์จึงมีความเป็นไปได้ที่ทั้งสองพรรคจะตกลงจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน
ส.เครื่องปั้นดินเผาลำปาง หนุนขึ้นค่าแรง 600 แต่ต้องช่วยผู้ประกอบการควบคู่กันไป
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_7408402
ส.เครื่องปั้นดินเผาลำปาง หนุนขึ้นค่าแรง 600 แต่ควรช่วยผู้ประกอบการควบคู่ไปด้วย ชี้ถ้าจู่ ๆ ขึ้นมาดื้อ ๆ โรงงานคงช็อกไล่ปิดไปตาม ๆ กัน
10 ธ.ค. 2565 – นายปรีชา ศรีมาลา นายกสมาคมเครื่องปั้นดินเผาจังหวัดลำปาง ให้สัมภาษณ์ช่วงหนึ่งภายในงาน ลำปางเซรามิกแฟร์ ครั้งที่ 35 ที่ลานอเนกประสงค์หน้าห้างไทวัสดุ สาขาลำปาง เรื่องค่าแรงที่พรรคการเมืองประกาศเป็นนโยบายหาเสียง
นายปรีชา กล่าวว่า เรื่องค่าแรงที่พรรคการเมืองประกาศนโยบายหาเสียง ตนคิดว่าตอนนี้ก็เพิ่งปรับค่าแรงขึ้นมาเมื่อเดือน ต.ค. จากวันละ 315 บาท เป็น 332 บาท จริง ๆ แล้ว โรงงานเซรามิกเป็นโรงงานที่ใช้แรงงานเข้มข้น ใช้แรงงานมากน้อยแล้วแต่ประเภทโรงงาน ถ้าเป็นโรงงานหัตถศิลป์จะใช้แรงงานเยอะค่าแรงเป็นต้นทุนที่ 1 โรงงานที่เป็นหัตถอุตสาหกรรม แรงงานจะเป็นอันดับ 1 ของต้นทุน แต่ถ้าโรงงานที่มีเครื่องจักรเข้ามาช่วยค่าแรงงานจะเป็นอันดับ 2 ของต้นทุน
ฉะนั้นถ้าจะขึ้นค่าแรง จู่ ๆ ขึ้นเลยรับรองว่าโรงงานอยู่ไม่ได้ แต่ถ้าค่อย ๆ ขยับและช่วยเหลือผู้ประกอบการให้มีตลาดที่ดี มีค่าพลังงานทางเลือกที่ถูกกว่าปัจจุบัน มีเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาผู้ประกอบการ ท่านจะปรับค่าแรงไปตามความเหมาะสม ต้องให้พัฒนาผู้ประกอบการไปด้วย พัฒนาเศรษฐกิจไปด้วย
แต่ถ้าจู่ ๆ ไม่ทำอะไรเลยแล้วมาขึ้นค่าแรงวันละ 600 บาททีเดียวใครก็ช็อก ถ้าค่อย ๆ ขยับขึ้น เช่นถ้าเป็นรัฐบาลอยู่ 4 ปี ก็ค่อย ๆ ขยับขึ้นปีละ 30 บาท อันนี้พออยู่ได้ ต้องพัฒนาโรงงาน พัฒนาฝีมือแรงงานจากฝีมือชั้นต้นให้เป็นแรงงานฝีมือทักษะชั้นสูง อันนี้เห็นด้วย แต่ก่อนที่จะปรับขึ้นค่าแรง ก็ขอให้ปรับขบวนการผลิต ปรับค่าพลังงาน ปรับค่าไฟฟ้าให้มันเสถียร เพราะทุกวันนี้ผู้ผลิตเจอหลายเด้ง ทั้งค่าแรงงาน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้า
การบอกว่าจะขึ้นค่าแรง 600 บาท ตนคิดว่าเป็นกลยุทธ์การหาเสียง เพราะขึ้นพรวดเลยคงเป็นไปไม่ได้ โรงงานเซรามิคจะอยู่ไม่ได้หรอก ล้มกันหมดไม่ว่าโรงใหญ่หรือโรงเล็ก ฉะนั้นกราบวิ่งวอนรัฐบาลหรือพรรคการเมือง เวลาจะใช้นโยบายอะไรต้องบูรณาการควบคุมกันไป
ปีหน้าไม่ควรจะขยับอะไร เพราะเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว ถ้าเข้ามาเป็นรัฐบาลทำ GDP ให้ดีก่อน ถ้าโต 5% คิดว่าเศรษฐกิจดีทุกอย่างไปด้วยกัน จะขึ้นค่าแรงก็ไม่ว่า แต่ปีแรกและปีที่สอง ขอให้ชดเชยให้ผู้ประกอบการ ถ้าไม่พัฒนาอะไรเลยแล้วมาขึ้นค่าแรงคงไม่ไหว โรงงานคงปิดตัวไม่เหลือ
นักกฎหมายปูด 40 ส.ส.จ่อลาออกสัปดาห์หน้าแซะแผนนายกฯวิ่งผลัด
https://siamrath.co.th/n/406445
นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ระบุว่า
#นับถอยหลังสถานการณ์เลือกตั้ง แผน"วิ่งผลัดนายกคนละ2ปี เหลว"
ก็บอกไว้ก่อนแล้วไงว่าทางเลือกมีไม่มากนัก ว่า" จะยุบสภาหรือครบวาระ เพราะถ้ามี ส.ส.ลาออก 200 คนก็ต้องยุบสภาสถานเดียว" วันนี้มีการยืนยันข่าวแล้วว่าสัปดาห์หน้าจะมี ส.ส. ลาออก 40 คนไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
ดูการโคจรถอยหลังของดาวมฤตยูเมื่อเช้านี้แล้ว คาดว่า ยังไม่หมดเท่านี้!!!!
เมื่อ ส.ส.ลาออกและเวลาก่อนถึงกำหนดการเลือกตั้งตามวาระยังมีอีกพอสมควร จึงต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ แต่ถ้าเลือกตั้งใหม่ก็ไม่คุ้มค่าเพราะ ส.ส.ใหม่จะอยู่ได้แค่เดือนกว่า ก็หมดวาระสภาแล้ว เป็นการล้างผลาญงบประมาณ จึงเป็นแรงกดดันให้ต้องยุบสภา
ข้อเสนอให้บางพรรคสนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกก่อน 2 ปี จากนั้นให้หัวหน้าพรรคที่สนับสนุนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้รับความเชื่อถือ และกลายเป็นเรื่องขำขันของนักการเมืองในขณะนี้
เพราะข้อเสนอนี้ถือเอาการคุมเสียง สว.250 คนเป็นฐานกำลัง!!!! ขณะนี้สว. แบ่งออกเป็นกี่กลุ่มกี่พวก และสายไหนมีกี่คนรู้กันหรือยัง???
ตามรัฐธรรมนูญนั้น สว.จะเลือกนายกได้อีกเพียงปีเดียวเท่านั้น หลังจากนั้นการเลือกนายกในสภาต้องอาศัยเสียง ส.ส อย่างเดียว !!! นักการเมืองเขารู้ทันเกมกลนี้ว่าเป็นข้อเสนอที่เหลวไหล เพราะเมื่อครบ 2 ปีแล้ว สว. ไม่มีสิทธิ์เลือกนายกอีก จึงเกิดเงื่อนไขว่า "พรรคใดได้ส.ส.มากกว่า พรรคนั้นก็เป็นนายกรัฐมนตรี พรรคที่มีส.ส.น้อย อย่างมากก็เอาตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี" ไป!!!!
แล้วพรรคที่พลเอกประยุทธ์จะสังกัดนั้นจะได้สส.มากกว่าพรรคการเมืองอื่นหรือ?
ขนาดพรรคจิ๋วทุกพรรคสิบกว่าคนที่เคยใช้บริการกันมาก็ไม่เชื่อถือ ไม่เข้ามาร่วมด้วย แต่กำลังจะตั้งเป็น"กลุ่มอัมโน่" แต่"พิษ100หาร"จะได้กลับสภากี่คนก็ไม่รู้
เพราะเหตุนี้พรรคการเมืองต่างๆ จึงไม่ยอมรับเงื่อนไข"ผลัดกันเป็นนายกคนละ 2 ปี" ที่ลุงตู่เป็นนายกก่อน!!!! และในทางการเมืองนั้นถ้าพรรคไหนทำแบบนี้ก็คงไม่มีหน้าไปพบประชาชนที่ไปสัญญากับเขาไว้ และเมื่อพรรคการเมืองต่างๆไม่รับข้อเสนอ"นายกวิ่งผลัดคนละ2 ปี"
หนทางกลับคืนสู่ทำเนียบของพลเอกประยุทธ์ก็ยิ่งตีบตันลงไปอีก!!!!
#สร้างปัญหาต่อก่อปัญหาใหม่
https://www.facebook.com/Paisal.Fanpage/posts/pfbid02xqabbvLNYPV15GtZHeMPYPb1YQEdbJScu7UpzEsFg6nrLJXGuRGSh7aJn8XrJgRKl