มาตรการรัฐไม่โดนใจ! 'หาบเร่-แผงลอย-แท็กซี่'
https://www.nationtv.tv/news/378867937
 
 
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นประชาชนหลังรัฐบาลได้ออกมาตรการช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าครองชีพในช่วงวิกฤติราคาพลังงานพุ่งสูง ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่ามาตรการช่วยเหลือยังไม่เพียงพอกับความเดือดร้อนของประชาชน อยากให้รัฐบาลช่วยเหลือให้ครอบคลุมมากกว่านี้
 
หลังจากคณะรัฐมนตรี เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือประชาชนจากสถานการณ์ขัดแย้งยูเครน-รัสเซียที่ทำให้ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น เป็นมาตรการระยะสั้น 3 เดือน ที่จะประคับประคองประชาชน โดยเริ่มตั้งแต่เดือนพ.ค-ก.ค. เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยจะต้องรักษาเสถียรภาพทางการเงินไว้
 
ซึ่งส่วนหนึ่งของมาตรการที่ออกมาเป็นมาตรการลดค่าครองชีพด้านพลังงานเพื่อบรรเทาผลกระทบของประชาชน ได้แก่ ช่วยเหลือผู้ที่ใช้ก๊าซหุงต้มที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 3.6 ล้านคน โดยเพิ่มวงเงินส่วนลดซื้อก๊าชหุงต้มอีก 55 บาท รวมเป็น 100 บาท ต่อ 3 เดือน
 
ช่วยเหลือผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 5,500 คน สำหรับเป็นส่วนลดในการซื้อก๊าซหุงต้มเดือนละ 100 บาทเป็นระยะเวลา 3 เดือน
 
ช่วยเหลือผู้ใช้รถแท็กซี่ที่อยู่ในโครงการลมหายใจเดียวกันจำนวน 1.7 หมื่นคน ให้ซื้อก๊าซในราคา 13.62 บาทต่อกิโลกรัม ในวงเงินไม่เกิน 10,000 บาทต่อเดือน เป็นเวลา 3 เดือน
 
ทีมข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นแม่ค้าหาบเร่แผงลอยบอกว่า มาตรการที่ออกมาช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ไม่มาก เนื่องจากปัจจุบันราคาข้าวของทุกอย่างแพงขึ้น การช่วยเหลือเพียงราคาพลังงานไม่เพียงพอ อยากให้ตรึงราคาสินค้าทุกอย่างไม่ให้ขึ้นอีก หรือให้วงเงินเราชนะเพื่อให้ประชาชนมีกำลังซื้อ ส่วนความช่วยเหลือที่ออกมาขณะนี้เน้นไปที่กลุ่มผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในขณะที่ทุกคนก็ได้รับความเดือดร้อนเช่นเดียวกัน ขณะที่คนขับแท็กซี่บอกว่ามาตรการที่ออกมายังไม่เพียงพอกับความต้องการ อยากให้ลดราคาก๊าซ NGV และ LPG ลงมากกว่านี้
 
ด้านนักวิชาการ ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต ระบุว่าระยะเวลามาตรการ 3 เดือนอาจสั้นเกินไป อย่างน้อยควรจะ 6 เดือน เพราะคาดการณ์ได้ว่า สงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จะยืดเยื้อ ซึ่งมาตรการเฉพาะหน้าระยะสั้นสามารถรับมือปัญหาได้เพียงชั่วคราว ฐานข้อมูลบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แม้จะทำให้การใช้งบประมาณตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น แต่ก็เชื่อว่า ยังมีคนยากจนจำนวนหนึ่งที่ยังตกหล่นจากระบบอยู่ ซึ่งต้องปรับปรุงระบบฐานข้อมูลให้ดีขึ้นเพื่อให้ช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง
  

---

  
ชาวนาสุดทน! เตรียมบุกทำเนียบ ร้องนายกฯแก้ปุ๋ย-น้ำมันราคาแพง
https://ch3plus.com/news/economy/ruangden/284252

ชาวนาเตรียมยกพลบุกทำเนียบรัฐบาล ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาปุ๋ย-น้ำมันแพง ที่วันนี้ดันต้นทุนแซงหน้าราคาข้าวเปลือกแล้ว
 
โดยเรื่องนี้ได้รับการเปิดเผยจากนางสาวกรวลัย บุญวงศ์ สมาชิกสภาเกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่า ขณะนี้ชาวนาทั่วประเทศกำลังเดือดร้อนหนัก จากต้นทุนการทำนาที่พุ่งสูง หนักสุด คือ ราคาปุ๋ย ยกตัวอย่างปุ๋ยยูเรีย สูตร 40-0-0 จากกระสอบละ 600-700 บาท วันนี้พุ่งไปถึง 1,200 – 1,300 บาท และยังมีแนวโน้มขึ้นอีก รองลงมา คือ ราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนหลักในการทำนา ใช้ตั้งแต่ไถหว่านยันเก็บเกี่ยว ค่ายา ค่าแรง ก็ขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการทำนาพุ่งสูง ซึ่งแต่ละพื้นที่จะไม่เท่ากัน
 
ยกตัวอย่างในพื้นที่อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วันนี้ต้นุทนทำนาขึ้นไปถึง 5,200 บาทต่อไร่แล้ว สวนทางกับราคาข้าว ที่วันนี้ชาวนาขายได้ตันละ 7,000 กว่าบาท ถ้าโดนฝนราคาจะตกมาอยู่ที่ 5,000 – 6,000 บาทเท่านั้น นั้นเท่ากับว่า ต้นทุนการทำนาวิ่งแซงราคาข้าวไปแล้ว หันไปดูดอกเบี้ยเงินกู้ กรณีจ่ายคืนตรงเวลา เสีย 7% แต่ถ้าผิดนัด ดอกเบี้ยจะขึ้นไป 9% ทันที
 
ซึ่งวันนี้ชาวนากำลังเดือดร้อนหนัก เป็นหนี้สินล้นพ้นตัว ไม่มีเงินแม้แต่จะจ่ายค่าไฟ บางรายต้องหยุดทำนา ปล่อยที่นาทิ้งร้าง บางรายหันไปปลูกพืชกระท่อมแทน หลังมีนายทุนเข้าไปสนับสนุน แต่วันนี้ก็ดูเหมือนจะถูกทอดทิ้งอีก
 
โดยคุณกรวลัย บอกว่า ชาวนาทั้งภาคกลาง อีสาน เหนือ เตรียมส่งตัวเเทนบุกทำเนียบรัฐบาลในเร็วๆ นี้ เพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐฐมนตรี ให้ลงมาแก้ไขปัญหาชาวนาอย่างจริงจัง เพราะทุกวันนี้ ชาวนาถูกเอารัดเอาเปรียบ ไม่มีอำนาจต่อรองปัจจัยการผลิต แถมถูกโรงสีกดราคารับซื้อข้าว แค่ฝนตั้งเค้าราคาก็ตกแล้ว โดยเรื่องเร่งด่วน คือ ให้สนับสนุนการซื้อปัจจัยการผลิตในราคาถูก เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต
 
ชมผ่านยูทูบ : https://youtu.be/qsO00ZDqqgc
 

---

 
หนี้สินทำยายเครียด ทำร้ายหลานสาว วัยแค่ 9 ขวบ จนบอบช้ำ สุดสลด
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_6962975

หนี้สิน ทำยายเครียด ตีหลานสาว วัยแค่ 9 ขวบ เป็นออทิสติก แม่เผยเลี้ยงไม่ไหว ฐานะยากจน เจ้าหน้าที่เร่งพาตัวออกมา พบรอยช้ำ ส่งรักษาทั้งยายหลานเรียบร้อย
 
วันที่ 25 มี.ค.2565 เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.อำนาจเจริญลงพื้นที่ช่วยเด็กหญิง วัย 9 ขวบ ที่เป็นเด็กพิเศษ แม่นำไปฝากให้ยายเลี้ยงที่จ.สตูล และด้วยความเครียยดจากหนี้สิน ทำให้ไปทุบตีหลาน
 
จากการตรวจสอบพบเด็กหญิงมีร่องรอยถูกตีตามตัว จึงเร่งส่งรักษา ด้านยายที่ก่อเหตุก็มีอาการอารมณ์ฉุนเฉียว ต้องพาตัวไปรักษาเช่นกัน โดยจะมีการพิจารณามอบเงินให้ช่วยเหลือแก่ครอบครัวนี้ด้วย
 
ทางแม่ของเด็กหญิงที่ถูกทำร้ายเผยว่า ลูกคนนี้เกิดจากสามีเก่า เป็นเด็กพิเศษ ฝากยายเลี้ยงที่จ.สตูล โดยลูกจะต้องกินยาต่อเนื่อง แต่ด้วยฐานะยากจน ทำให้ลูกหยุดกินยา มีพฤติกรรมอยู่ไม่นิ่ง โดยยายก็เครียดจากภาวะหนี้สิน ทำให้ตีหลายหลายครั้ง ตนก็ดูแลไม่ไหว เพราะมีลูกเล็กที่เกิดกับสามีใหม่อีก 2 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะช่วยเหลือตามขั้นตอนต่อไป