ส.ส.ประชาชน รุดพื้นที่ ถนนพระราม 2 กังวล มีจุดเสี่ยงอื่นอีกหรือไม่ แนะกวดขัน ความปลอดภัย
https://www.matichon.co.th/politics/news_4926912
ณัฐพงษ์ รุดติดตาม พื้นที่ประสบเหตุเครนถล่ม ถ.พระราม 2 กังวลยังมีเครนจุดอื่นที่เสี่ยงอีกหรือไม่ ฝากถึง รมว.คมนาคม เข้าใจ อยากเร่งโครงการให้เสร็จ เร็วที่สุดแต่ควรกวดขัน ความปลอดภัยด้วย
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน จากกรณีเกิดเหตุเครนถล่มเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาบนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก ตำบลคอกกระบือ ใกล้ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร นาย
ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาชน(ปชน.) ได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์ ประสานความช่วยเหลือจากกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีการจัดการหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยนาย
ณัฐพงษ์ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตที่เป็นคนหน้างานทั้ง 4 คน และขอให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 10 คนเข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เมื่อตนทราบข่าวก็มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชนอย่างมาก
สำหรับเหตุการณ์นี้ต้องมองเป็นสองระยะ กล่าวคือ ในระยะเร่งด่วน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ได้มีการดำเนินการด้วยความเร่งด่วน และมีปิดการจราจร เนื่องจากความน่ากังวล คือ ยังมีเครนในจุดที่ถล่มยังค้างอยู่เลยมีความกังวลว่าจะพลิกคว่ำไปทางขวาซึ่งเป็นทางคู่ขนานพระราม 2 ที่ประชาชนสัญจรไปมา ดังนั้น เมื่อปิดถนนแล้ว ต้องเร่งช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง
ในโอกาสนี้ ต้องขออภัยและขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพระราม 2 ขาออกจากกรุงเทพ มุ่งตรงเข้าจังหวัดสมุทรสาคร การปิดถนนแม้จะเป็นเหตุให้เกิดรถติดสะสม แต่ก็เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อไม่ให้มีโอกาสเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำเติม และควรเร่งจัดการนำเครนที่ถล่มที่คาอยู่ออกโดยไว ซึ่งเข้าใจว่าหน้างานกำลังรอรถเคลน 400 ตันมายกออกไป
นอกจากนี้ ควรมีการเข้าไปเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บโดยด่วน ซึ่งทางผู้รับเหมาก่อสร้างควรต้องมาดูตรงนี้ด้วย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
นาย
ณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับระยะข้างหน้า เข้าใจว่าเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเคยประกาศไว้ว่าอยากให้โครงการเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 หรือล่าสุดทางกรมทางหลวงก็ได้ออกมาประกาศใหม่ว่าจะเสร็จสิ้นเป็นเดือนพฤศจิกายน 2568
แม้ว่าจากที่ตนสอบถามข้อมูลมาโอกาสจะเสร็จสิ้นตามที่ประกาศอาจเป็นไปได้ยากมาก ตนเข้าใจดีว่าทุกคนอยากเร่งให้โครงการเสร็จโดยเร็วเพราะกระทบกับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่การเร่งดำเนินการก็ควรมาพร้อมกับสมดุลความปลอดภัยของคนหน้างานและพี่น้องประชาชนด้วย ควรเร่งสำรวจความปลอดภัยทั้งหมด มีเครนในจุดอื่นที่เสี่ยงอีกหรือไม่ รวมถึงต้องตรวจดูความเสี่ยงอื่นๆ ด้วยหรือไม่
เหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายรอบบนถนนพระราม 2 ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ตนในฐานะ ส.ส. เคยนำเรื่องนี้ปรึกษาหารือในสภาไปหลายรอบ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้ามากวดขันให้มีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ ไม่ใช่เกิดแล้วจบกันไป ต้องมีบทเรียนว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของชีวิตพี่น้องประชาชน
“ศุภโชติ” ชี้ลดค่าไฟให้เป็นธรรม-ยืดหนี้ กลายเป็นต้นทุนแฝง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_808655/
“ศุภโชติ” ชี้ ลดค่าไฟให้ราคาเป็นธรรม เป็นหน้าที่ รมว.พลังงาน เตือนใช้วิธียืดหนี้ กลายเป็นต้นทุนแฝงในบิลค่าไฟประชาชนรอบถัดไป
นาย
ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี รมว.พลังงาน ประกาศว่ากระทรวงพลังงานจะประกาศลดค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 ลง 3 สตางค์/หน่วย จากโดยเฉลี่ยงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 2567) อยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ค่าไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 4.15 บาท/หน่วย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนนั้น ส่วนตัวเห็นด้วยกับ รมว.พลังงานที่ประกาศลดค่าไฟเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน แต่ไม่สามารถเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐมนตรีบอกว่า ลดให้เป็นของขวัญกับประชาชน เพราะการทำให้ราคาพลังงานเป็นธรรม เข้าถึงได้ เป็นหน้าที่ของรมว.พลังงาน อยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะมาอ้างบุญคุณกัน
อีกทั้งการลดค่าไฟในรอบนี้ เป็นการลดด้วยวิธีเดิมๆ อย่างการยืดหนี้จำนวนเกือบแสนล้านบาท โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) และ ปตท. แบกรับต้นทุนค่าไฟที่สูงในช่วงนี้ผ่านมาต่อไปก่อน ซึ่งหมายความว่าของขวัญ 3 สตางค์ ที่รัฐมนตรีบอกว่า หายไปในรอบนี้ แท้จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่จะไปแฝงอยู่ในค่าไฟรอบถัดๆ ไปนั่นเอง
ทั้งนี้ ตนและพรรคประชาชนได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาค่าไฟแพงที่โครงสร้างเพื่อความยั่งยืนไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ต้องพูดอีกครั้งจนกว่า รมว.พลังงาน จะนำไปปรับใช้เพื่อประชาชนได้ใช้พลังงานราคาถูก สะอาด และเป็นธรรม
โดยข้อเสนอ คือ (1) ริเริ่มการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยได้เดินเครื่อง เพื่อลดค่าความพร้อมจ่ายมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และ (2)สนับสนุนให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน แล้วขายไฟที่ผลิตเกินใช้ให้แก่รัฐในราคาตลาด จะเป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้แก่ประชาชน โดยควรพิจารณาเพิ่มโควตาการรับซื้อโซลาร์เซลล์จากบ้านประชาชน แทนที่จะขยายการรับซื้อจากนายทุน
มวลชนครึ่งหมื่นบุกศาลากลางเชียงใหม่ขอพบนายกฯ
https://www.innnews.co.th/news/local/news_808820/
มวลชนครึ่งหมื่นตั้งขบวนบุกศาลากลางขอพบนายกฯ ร้องให้รัฐบาลทบทวนออก พรฎ.ป่าอนุรักษ์ฯ และเร่งแก้ไขใน 3 เดือน รองนายกฯ”ประเสริฐ”รุดเจรจา
ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่กลุ่มมวลชนสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่ากว่า 5,000 คน ที่มาปักหลักรอตั้งแต่วันนี้ได้ขอพบและยื่นหนังสือต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก่อนที่การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่จะเริ่มขึ้นที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่คณะรัฐมนตรีได้มีการเห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยชี้ว่า กฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม
ที่อาศัยในพื้นที่สูงมานานกว่า 300 ปี ประชาชนที่อยู่กับป่าต่างกังวลในรายละเอียดของข้อกฎหมายดังกล่าวที่จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเกิดข้อขัดแย้งรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐกับประชาชนทั้งนี้นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพร้อมผู้เกี่ยวข้องได้มาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมรับข้อเสนอเพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับตัวแทนของกลุ่มมวลชนในครั้งนี้ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะปักหลักรอคำตอบความชัดเจนโดยสันติวิธี
สำหรับข้อเสนอของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าที่ยื่นต่อรัฐบาลมี 3 ประการดังนี้
1. ขอให้ยุติการนำพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมายในส่วนที่มีการประกาศใช้ไปแล้ว 6 แห่งนั้น ให้มีกระบวนการติดตามผลการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับภาครัฐ
2. ให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเร่งปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและใช้กลไกรัฐสภาที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนมีหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว
และ 3. ให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับได้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน
JJNY : ส.ส.ปชน.รุดพื้นที่พระราม 2│“ศุภโชติ”ชี้ลดค่าไฟให้เป็นธรรม│มวลชนครึ่งหมื่นบุกศาลากลาง│สงขลากระอัก! น้ำท่วมฟาร์มหมู
https://www.matichon.co.th/politics/news_4926912
ณัฐพงษ์ รุดติดตาม พื้นที่ประสบเหตุเครนถล่ม ถ.พระราม 2 กังวลยังมีเครนจุดอื่นที่เสี่ยงอีกหรือไม่ ฝากถึง รมว.คมนาคม เข้าใจ อยากเร่งโครงการให้เสร็จ เร็วที่สุดแต่ควรกวดขัน ความปลอดภัยด้วย
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน จากกรณีเกิดเหตุเครนถล่มเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมาบนถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก ตำบลคอกกระบือ ใกล้ตลาดมหาชัยเมืองใหม่ จ.สมุทรสาคร นายณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ส.ส.สมุทรสาคร พรรคประชาชน(ปชน.) ได้ร่วมลงพื้นที่ติดตามเหตุการณ์ ประสานความช่วยเหลือจากกรณีที่เกิดขึ้น พร้อมให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงกรณีการจัดการหลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
โดยนายณัฐพงษ์ระบุว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตที่เป็นคนหน้างานทั้ง 4 คน และขอให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 10 คนเข้ารับการรักษาอย่างปลอดภัย เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น เมื่อตนทราบข่าวก็มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชนอย่างมาก
สำหรับเหตุการณ์นี้ต้องมองเป็นสองระยะ กล่าวคือ ในระยะเร่งด่วน ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่ได้มีการดำเนินการด้วยความเร่งด่วน และมีปิดการจราจร เนื่องจากความน่ากังวล คือ ยังมีเครนในจุดที่ถล่มยังค้างอยู่เลยมีความกังวลว่าจะพลิกคว่ำไปทางขวาซึ่งเป็นทางคู่ขนานพระราม 2 ที่ประชาชนสัญจรไปมา ดังนั้น เมื่อปิดถนนแล้ว ต้องเร่งช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง
ในโอกาสนี้ ต้องขออภัยและขอความร่วมมือประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทางถนนพระราม 2 ขาออกจากกรุงเทพ มุ่งตรงเข้าจังหวัดสมุทรสาคร การปิดถนนแม้จะเป็นเหตุให้เกิดรถติดสะสม แต่ก็เป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อไม่ให้มีโอกาสเกิดเหตุโศกนาฏกรรมซ้ำเติม และควรเร่งจัดการนำเครนที่ถล่มที่คาอยู่ออกโดยไว ซึ่งเข้าใจว่าหน้างานกำลังรอรถเคลน 400 ตันมายกออกไป
นอกจากนี้ ควรมีการเข้าไปเร่งรัดมาตรการเยียวยาผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บโดยด่วน ซึ่งทางผู้รับเหมาก่อสร้างควรต้องมาดูตรงนี้ด้วย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป
นายณัฐพงษ์กล่าวต่อไปว่า สำหรับระยะข้างหน้า เข้าใจว่าเรื่องนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเคยประกาศไว้ว่าอยากให้โครงการเสร็จภายในเดือนมิถุนายน 2568 หรือล่าสุดทางกรมทางหลวงก็ได้ออกมาประกาศใหม่ว่าจะเสร็จสิ้นเป็นเดือนพฤศจิกายน 2568
แม้ว่าจากที่ตนสอบถามข้อมูลมาโอกาสจะเสร็จสิ้นตามที่ประกาศอาจเป็นไปได้ยากมาก ตนเข้าใจดีว่าทุกคนอยากเร่งให้โครงการเสร็จโดยเร็วเพราะกระทบกับเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่การเร่งดำเนินการก็ควรมาพร้อมกับสมดุลความปลอดภัยของคนหน้างานและพี่น้องประชาชนด้วย ควรเร่งสำรวจความปลอดภัยทั้งหมด มีเครนในจุดอื่นที่เสี่ยงอีกหรือไม่ รวมถึงต้องตรวจดูความเสี่ยงอื่นๆ ด้วยหรือไม่
เหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยเช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายรอบบนถนนพระราม 2 ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นอีก ตนในฐานะ ส.ส. เคยนำเรื่องนี้ปรึกษาหารือในสภาไปหลายรอบ จึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเข้ามากวดขันให้มีมาตรการที่เข้มงวดกว่านี้ ไม่ใช่เกิดแล้วจบกันไป ต้องมีบทเรียนว่าจะทำอย่างไรไม่ให้เกิดขึ้น ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของชีวิตพี่น้องประชาชน
“ศุภโชติ” ชี้ลดค่าไฟให้เป็นธรรม-ยืดหนี้ กลายเป็นต้นทุนแฝง
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_808655/
“ศุภโชติ” ชี้ ลดค่าไฟให้ราคาเป็นธรรม เป็นหน้าที่ รมว.พลังงาน เตือนใช้วิธียืดหนี้ กลายเป็นต้นทุนแฝงในบิลค่าไฟประชาชนรอบถัดไป
นายศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงกรณี รมว.พลังงาน ประกาศว่ากระทรวงพลังงานจะประกาศลดค่าไฟฟ้างวดเดือน ม.ค.-เม.ย. 2568 ลง 3 สตางค์/หน่วย จากโดยเฉลี่ยงวดปัจจุบัน (ก.ย.-ธ.ค. 2567) อยู่ที่ 4.18 บาท/หน่วย ค่าไฟฟ้าจะลดลงเหลือ 4.15 บาท/หน่วย เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนนั้น ส่วนตัวเห็นด้วยกับ รมว.พลังงานที่ประกาศลดค่าไฟเพื่อแบ่งเบาภาระประชาชน แต่ไม่สามารถเห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐมนตรีบอกว่า ลดให้เป็นของขวัญกับประชาชน เพราะการทำให้ราคาพลังงานเป็นธรรม เข้าถึงได้ เป็นหน้าที่ของรมว.พลังงาน อยู่แล้ว ไม่ใช่สิ่งที่จะมาอ้างบุญคุณกัน
อีกทั้งการลดค่าไฟในรอบนี้ เป็นการลดด้วยวิธีเดิมๆ อย่างการยืดหนี้จำนวนเกือบแสนล้านบาท โดยให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
(กฟผ.) และ ปตท. แบกรับต้นทุนค่าไฟที่สูงในช่วงนี้ผ่านมาต่อไปก่อน ซึ่งหมายความว่าของขวัญ 3 สตางค์ ที่รัฐมนตรีบอกว่า หายไปในรอบนี้ แท้จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่จะไปแฝงอยู่ในค่าไฟรอบถัดๆ ไปนั่นเอง
ทั้งนี้ ตนและพรรคประชาชนได้เสนอแนวทางการแก้ปัญหาค่าไฟแพงที่โครงสร้างเพื่อความยั่งยืนไปหลายต่อหลายครั้ง แต่ต้องพูดอีกครั้งจนกว่า รมว.พลังงาน จะนำไปปรับใช้เพื่อประชาชนได้ใช้พลังงานราคาถูก สะอาด และเป็นธรรม
โดยข้อเสนอ คือ (1) ริเริ่มการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างรัฐกับเอกชนเจ้าของโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่ค่อยได้เดินเครื่อง เพื่อลดค่าความพร้อมจ่ายมาอยู่ในระดับที่เหมาะสม และ (2)สนับสนุนให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน แล้วขายไฟที่ผลิตเกินใช้ให้แก่รัฐในราคาตลาด จะเป็นการลดรายจ่าย เพิ่มรายได้แก่ประชาชน โดยควรพิจารณาเพิ่มโควตาการรับซื้อโซลาร์เซลล์จากบ้านประชาชน แทนที่จะขยายการรับซื้อจากนายทุน
มวลชนครึ่งหมื่นบุกศาลากลางเชียงใหม่ขอพบนายกฯ
https://www.innnews.co.th/news/local/news_808820/
มวลชนครึ่งหมื่นตั้งขบวนบุกศาลากลางขอพบนายกฯ ร้องให้รัฐบาลทบทวนออก พรฎ.ป่าอนุรักษ์ฯ และเร่งแก้ไขใน 3 เดือน รองนายกฯ”ประเสริฐ”รุดเจรจา
ที่บริเวณศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่กลุ่มมวลชนสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่ากว่า 5,000 คน ที่มาปักหลักรอตั้งแต่วันนี้ได้ขอพบและยื่นหนังสือต่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก่อนที่การประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่จะเริ่มขึ้นที่หอประชุมทีปังกรรัศมีโชติ มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อคัดค้านพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และการดูแลทรัพยากรธรรมชาติในอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ที่คณะรัฐมนตรีได้มีการเห็นชอบไปเมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โดยชี้ว่า กฎหมายดังกล่าวส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตของชุมชนดั้งเดิม
ที่อาศัยในพื้นที่สูงมานานกว่า 300 ปี ประชาชนที่อยู่กับป่าต่างกังวลในรายละเอียดของข้อกฎหมายดังกล่าวที่จะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนและเกิดข้อขัดแย้งรุนแรงขึ้นระหว่างรัฐกับประชาชนทั้งนี้นายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมพร้อมผู้เกี่ยวข้องได้มาพบกับกลุ่มผู้ชุมนุมพร้อมรับข้อเสนอเพื่อนำไปพิจารณาร่วมกับตัวแทนของกลุ่มมวลชนในครั้งนี้ โดยทางกลุ่มผู้ชุมนุมยืนยันว่า จะปักหลักรอคำตอบความชัดเจนโดยสันติวิธี
สำหรับข้อเสนอของสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าที่ยื่นต่อรัฐบาลมี 3 ประการดังนี้
1. ขอให้ยุติการนำพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในอุทยานแห่งชาติ ตามมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชกฤษฎีกาโครงการอนุรักษ์และดูแลทรัพยากรธรรมชาติภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าและเขตห้ามล่าสัตว์ป่า ตามมาตรา 121 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ไปประกาศใช้กับพื้นที่ป่าอนุรักษ์อื่นๆ จนกว่าจะมีการปรับแก้กฎหมายในส่วนที่มีการประกาศใช้ไปแล้ว 6 แห่งนั้น ให้มีกระบวนการติดตามผลการดำเนินงานอย่างมีส่วนร่วม เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างชุมชนกับภาครัฐ
2. ให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีเร่งปรับปรุงแก้ไขพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 โดยกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนและใช้กลไกรัฐสภาที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นผู้แทนประชาชนมีหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติตามระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว
และ 3. ให้รัฐบาลจัดตั้งกลไกในรูปแบบที่เป็นคณะกรรมการหรือคณะทำงานจัดเวทีเปิดรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สามารถนำไปปรับปรุงแก้ไขให้ พ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับได้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน